GGS:บทที่ 1000 มากกว่าความอร่อย

ด้วยการที่นักข่าวที่แฝงตัวอยู่นั้นไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นในพื้นที่พิเศษของภัตตาคารปลาหญ้าสวรรค์แห่งนี้กันแน่ พวกเขาจึงยังไม่กล้าที่จะเขียนข่าวว่าร้ายแต่อย่างใด
พวกเลือกเปลี่ยนหัวข้อข่าวเป็นเชิงตั้งคำถามแทนถึงแม้จะไม่น่าสนใจเท่าข่าวเชิงใส่ร้ายแต่ก็เชิญชวนให้ผู้คนมากดดูข่าวได้อยู่ดี

แน่นอนว่าเมื่อชาวเน็ตได้เห็นข่าวนั้นต่างก็ประหลาดใจกันไปหมด
“ตอนแรกที่ได้ยินว่าซูจิ้งเก็บค่าอาหารเริ่มต้นที่หนึ่งแสนหยวนนั้น ฉันก็ว่าเขานั้นถือดีแล้วนะ ไม่คิดว่าจะมีอาหารที่มีราคาเกินแสนหยวนขึ้นไปอีก”
“นั่นสิ แถมยังบังคับขายที่ราคาห้าแสนและหนึ่งล้านหยวนอีกด้วย”
“ประเด็นคือคนพวกนั้นบอกว่าจะหาเงินเพื่อจะได้กลับไปกินอีกนี่แหล่ะ”
“จริงเหรอ ทำไมฉันคิดว่าคนพวกนี้มาโฆษณาร้านให้ซูจิ้งล่ะ”
“รอดูกันไปก่อนก็แล้วกัน อีกไม่กี่วันเราก็คงได้รู้คำตอบกันแล้วล่ะ ยังไงซะต่อให้พวกนั้นรวยขนาดไหนก็ไม่มีทางที่จะมาโฆษณาให้ซูจิ้งได้ทุกวันอยู่แล้ว คนรวยๆแบบนี้จะมีเวลาว่างที่ไหนมากมายนัก”

ภัตตาคารชื่อดังทั้งหลายเมื่อได้ยินข่าวนี้ต่างก็ส่ายหน้ากันไปมา พวกเขานั้น ในตอนแรกที่ได้ยินว่าซูจิ้งคิดค่าอาหารเริ่มต้นที่หนึ่งแสนหยวนนั้นต่างก็คิดว่าซูจิ้งค้ากำไรเกินควรไปแล้ว
นึกไม่ถึงว่าภายในร้านยังมีอาหารอย่างอื่นที่แพงกว่า และคิดค่าอาหารถึงห้าแสนและหนึ่งล้านหยวนเสียอีก นี่ซูจิ้งคิดว่าพวกเขานั่นโง่ขนาดนั้นเลยรึไงกัน
“การที่เขาใช้วิธีโฆษณาแบบนี้มันไม่มีประโยชน์หรอกน่า ไม่ใครหลงเชื่ออย่างแน่นอน” หวังหยิงหมิงพูดออกมาพลางส่ายศรีษะทันทีเมื่อได้ยินข่าวนี้
“แล้วถ้าไม่ใช่การโฆษณาล่ะ” หวังสวี่หลันที่ได้ยินก็ได้พูดออกมาบ้าง
“นี่เธอคิดจริงๆเหรอว่าจะมีคนมากมายยอมจ่ายเงินกว่าครึ่งล้านเพียงเพื่ออาหารหนึ่งมื้อน่ะ แถมแต่ละชุดนั่นฉันก็ได้ยินมาว่าขนาดเพียงพอแค่กินคนเดียวเองนะ” หวังหยิงหมิงพูดต่อ
“…….” ถึงแม้หวังสวี่หลันอยากจะเถียงแทนซูจิ้งสักเท่าไหร่แต่เธอก็ไม่รู้จะพูดออกมาว่ายังไงดีเหมือนกัน

หวังหยานได้เห็นข่าวนี้แล้วแต่เธอก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา เธอนั้นไม่อยากจะรีบด่วนสรุปไปนัก เธอวางแผนว่าจะรอดูอีกสักหน่อยและเชื่อว่าอีกไม่นานผลสรุปก็จะออกมาแล้ว

แฟนคลับของซูจิ้งในตอนนี้ต่างก็มีความรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย พวกเขาได้เห็นภาพอาหารในทุกชุดจากทางอินเตอร์เน็ตแล้วทั้งชุดราคา หนึ่งแสน ห้าแสน และหนึ่งล้านหยวน
นี่เขาคิดว่าทำแบบนี้จะมีคนหลงเข้าไปกินได้จริงๆงั้นเหรอ พลางคิดกันว่าพี่จิ้งของพวกเขานั้น ในครั้งนี้ทำเกินไปจริงๆ

หากเขาทำเรื่องแบบนี้ได้หน้าตาเฉยแล้วแฟนคลับแบบพวกเขาจะหาวิธีอะไรไปสนับสนุนได้กัน แต่ถึงจะบอกว่ายากที่จะสนับสนุนแต่พวกเขายังเชื่อว่าสิ่งที่ซูจิ้งทำอยู่นั้นเหมาะสมแล้วอยู่ดี พวกเขาเองก็หวังแค่เพียงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นและผ่านพ้นไปด้วยดี
อย่างไรก็ตามสิ่งที่แฟนคลับของซูจิ้งคิดไว้นั้นหาได้เป็นความจริงไม่ มีใครบางคนรายงานเรื่องของซูจิ้งรายงานเรื่องดังกล่าวไปยังสมาคมคุ้มครองผู้บริโภคและองค์กรอื่นๆ และกล่าวหาว่าซูจิ้งนั้นเปิดภัตตาคารที่ค้ากำไรเกินควร มีแม้กระทั่งการร้องเรียนเรื่องเสียงรบกวนจากการทำอาหารและกลิ่นอีกด้วย

ตัวซูจิ้งเองนั้น ทันทีที่ทราบเรื่องเขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้นแม้แต่น้อย ราวกับว่าเขานั้นคุ้นเคยกับเรื่องเช่นนี้มานับพันครั้งเห็นจะได้
มันก็เปรียบได้ดั่งคนที่บ่นเรื่องฝนและควันพิษให้ตึกฟังเท่านั้นเอง

เพียงชั่วพริบตาเดียว หนึ่งวันได้ล่วงเลยผ่านไป
หลังจากที่ถังเสี่ยวหยูได้ตื่นขึ้นมา เธอนั้นรู้สึกกระปรี้กระเปร่าอย่างบอกไม่ถูก นี่ทำให้เธอทำนู่นทำนี่อย่างไม่หยุดตั้งแต่เช้าราวกับเป็นเด็กน้อยเที่ยวเล่นก็ไม่ปาน
“อ้ะ หายากนะเนี่ยที่เสี่ยวหยูจะตื่นมาแล้วไม่ง่วงซึมน่ะ ” แม่ของถังเสี่ยวหยูได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม โดยปกติแล้วเวลาถังเสี่ยวหยูตื่นขึ้นมานั้นเธอจะซึมๆเบลอๆยังไม่อยากจะตื่น
พลางคิดไปว่าน่าจะเป็นเพราะเพิ่งจะสอบเสร็จมาทำให้หายเครียดเป็นปิดทิ้ง

“หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าทำไมถึงรู้สึกสดชื่นได้มากมายขนาดนี้” ถังเสี่ยวหยูพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
ในตอนนั้นเอง ถังยี่ก็ได้ลงมาจากชั้นบน เมื่อทั้งสองได้เห็นต่างก็รู้สึกประหลาดใจ
พวกเขานั้นรู้ดีว่าถังยี่ไม่ต้องไปโรงเรียนได้ ส่วนที่บริษัทวันนี้ก็ไม่น่าจะมีอะไรสำคัญที่จะต้องทำก็ไม่น่าจะต้องรีบตื่นเช้าสักหน่อย
ปกติถังยี่จะตื่นประมาณบ่ายโมงเย็น แต่นี่พึ่งจะหกโมงเช้าเองนะ เขาจะตื่นมาทำไมกัน

“อย่าบอกนะว่าพี่เล่นเกมข้ามคืนอีกแล้วน่ะ” ถังเสี่ยวหยู่ถามออกมา
“เปล่านะ นี่เธอเห็นท่าทางสดชื่นอย่างนี้แล้วยังคิดว่าฉันเล่มเกมข้ามคืนได้ยังไงกัน” ถังยี่พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม เขาเองก็รู้สึกได้ว่าร่างกายนั้นผ่อนคลายแบบสุดๆจนรู้สึกกระปรี้กระเปร่าอย่างมาก แม้แต่อารมณ์ของเขาที่ปกติจะขุ่นมัวก็กลายเป็นแจ่มใสอย่างบอกไม่ถูก
“เกิดอะไรขึ้นกับลูกๆกันเนี่ย แม่ไม่เข้าใจเลยจริงๆ” แม่ของสองพี่น้องตระกูลถังได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
ถังเสี่ยวหยูและถังยี่เองต่างก็มองหน้ากันก่อนที่จะรู้สึกตื่นเต้นจนหัวใจเต้นแรงขึ้นมาในทันที ถังเสี่ยวหยูได้พูดออกมาว่า “ฉันจำได้แล้ว เห็นเค้าว่ากันว่าอาหารของพี่จิ้งนั้นไม่เพียงแต่จะอร่อยแล้ว อาหารของเขานั้นยังมีสรรพคุณทางยาช่วยให้ผ่อนคลายอีกด้วยนะ ตอนที่กินจะรู้สึกสบาย แต่หลังจากกินจะรู้สึกกระปรี้กระเปร่า”

“หืม นี่ลูกไม่พูดเกินไปหน่อยรึไงจ๊ะ จะไปมีเรื่องแบบนั้นได้ยังไงกัน” แม่ของถังเสี่ยวหยูพูดออกมาเพราะไม่เชื่อเธอแม้แต่น้อย
เธอนั้นรู้เพียงว่าถังฮ่าวพาลูกๆของเธอไปกินอาหารในพื้นที่พิเศษของภัตตาคารของซูจิ้งเมื่อวานนี้และหมดเงินไปเพียงมื้อเดียวถึงหกแสนหยวน และนั่นเองทำให้เธอบ่นถังฮ่าวไปหนึ่งอุบ

“หนูไม่ได้โกหก ลูกของหวังจ้าวก่อนหน้านี้ก็ป่วยเป็นโรคไม่อยากอาหาร แต่ว่าเพียงกินอาหารของพี่จิ้งทีเดียวก็หายเลย
แถมตอนนี้เขานั้นยังเป็นหมอเทวดาอีกด้วย ตอนนี้ฝีมือทำอาหารของเขาต้องแฝงไปด้วยสรรพคุณทางยามากขึ้นแน่ๆ” ถังเสี่ยวหยูพูดออกมา
“เดี๋ยวนะ ขอโทรหาลุงก่อน” ถังยี่ไม่อยากจะเถียงกับแม่เลยเลือกที่จะโทรหาถังฮ่าวแทนเพื่อเป็นการพิสูจน์
และก็เป็นไปตามคาด ถังฮ่าวเองก็มีสภาพสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าไม่ต่างกัน ไม่สิ ต้องบอกว่ามีมมากกว่าความสดชื่น
ด้วยการที่เขานั้นอายุมากแล้วทำให้เขานั้นปวดหลังเล็กน้อย แต่เมื่อเช้านี้ตอนที่เขาตื่นขึ้นมานั้นอาการปวดหลังก็หายเป็นปลิดทิ้ง เขายืนยันโดยการกระโดดโลดเต้นบนที่นอนด้วยซ้ำ

ขณะเดียวกัน ณ บ้านพักหรูหลังหนึ่ง อันจือฮัวได้ตื่นขึ้นมา เขานั้นรู้สึกมีชีวิตชีวาและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานอย่างบอกไม่ถูกจนเขาเองก็รู้สึกได้
ด้วยการที่เขานั้นต้องดูแลกิจการแทนพ่อที่ป่วยเป็นโรคALSทำให้เขานั้นต้องทำงานอย่างหนัก ต่อให้เขาจะเก่งและจัดการดีแค่ไหนก็ตามแต่นั่นก็ต้องแรกมาด้วยการฝืนทำงาน อ่อนเพลีย และอดหลับอดนอน จนทำให้เขานั้นเป็นโลกนอนไม่เพียงพอมานานแล้ว และเขาเองก็รู้เรื่องนี้ดี
ตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของเขาก็ได้ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นน้องสาวของเขาจึงได้รีบรับในทันที ในทันทีที่เขาทักทาย น้องสาวของเธอก็พูดออกมาด้วยเสียงอันสดใสว่า “พี่ หนูปลุกพี่รึเปล่าเนี่ย”
“ไม่นะ ฉันตื่นขึ้นมาได้สักพักแล้วน่ะ เมื่อคืนนอนหลับได้เต็มอิ่มดีจริงๆ” อันจือฮัวพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

“งั้นพี่กับฉันก็น่าจะเหมือนกันสินะ ฉันคิดว่าน่าจะเป็นเพราะอาหารของซูจิ้งที่เราได้กินมาเมื่อวานนี้ เคยได้ยินมาว่าอาหารที่เขาทำนั้นช่วยให้ผ่อนคลาย แถมตอนนี้เขายังกลายเป็นหมอเทวดาไปแล้ว เรื่องแค่นี้เขาทำได้ง่ายๆอย่างแน่นอน”
“น่าจะเป็นแบบนั้นนะ” อันจือฮัวได้ตอบกลับไปด้วยสายตาที่เปล่งประกาย พวกเขานั้นเคยเห็นความอัศจรรย์ในฐานะหมอเทวดาของซูจิ้งมาแล้ว กับเรื่องแค่นี้ทำให้เขานั้นเชื่อได้อย่างไม่ยากเย็นอะไรเลย
อันจือฮัวได้นิ่งคิดไปพักหนึ่งก่อนจะพูดออกมาว่า “ไว้หาโอกาสพาพ่อกับแม่ไปกินกัน”
“ก็ดีนะ พ่อของเราอยู่แต่ที่บ้านมานานเกินไปแล้ว จะได้เป็นโอกาสพาเขาออกไปข้างนอกซะบ้าง”

ณ บ้านของผู้อาวุโสหวู่
ผู้อาวุโสหวู่ได้ตื่นขึ้นมาแต่เช้า เช้าชนิดที่ว่าแม้แต่เขาก็ยังต้องประหลาดใจ และยิ่งประหลาดใจขึ้นไปอีกเมื่ออาการปวดหลังและเส้นยึดของเขาที่ทำให้เขานั้นต้องคอยนวดประคบร้อนและทายาคลายกล้ามเนื้อในทุกๆเช้านั้นกลับหายไปเป็นปลิดทิ้ง
อาการปวดหลังและเส้นยึดของเขานั้นเรื้อรังมานานและนับวันกลับแย่ลงจนเขาเองก็คิดมาตลอดเวลา เขาเองก็เคยคิดอยู่ว่าจะหาเวลาไปให้ซูจิ้งรักษา นึกไม่ถึงว่าเพียงแค่เขานั้นไปกินข้าวเพียงมื้อเดียวกลับหายได้อย่างไม่อยากจะเชื่อ

ผู้อาวุโสหวู่ที่กำลังรู้สึกเต็มไปด้วยพลังงานและรู้สึกคันไม้คันมือเนื่องจากหลังของเขาหายปวดก็ได้หยิบลูกบาสที่วางอยู่ข้างสนามบาสมาปั่นเล่นบนมือก่อนที่จะเริ่มเลี้ยงบาสอย่างชำนาญ และปิดท้ายด้วยการชู๊ตบาสสามแต้มไปอย่างง่ายดาย ในตอนนี้เขารู้สึกได้เลยว่าแม้แต่กล้ามเนื้อของเขาก็ยังรู้สึกได้ว่าฟิตปึ๋งปั๋งยิ่งกว่าตอนเป็นหนุ่มซะอีก
“พ่อ นึกไงมาเล่นบาสแต่เช้าได้กัน ผมเล่นด้วยสิ” เด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุน่าจะสักสิบสองไม่ก็สิบสามปีได้พูดขณะที่วิ่งออกมาจากบ้าน

“โอ้ ฮุยน้อย ลูกไปล้างหน้าแปลงฟันก่อนดีกว่านะ เดี๋ยววันนี้พ่อจะพาลูกไปกินของดีๆ” ผู้อาวุโสหวู่นั้นรู้มาตั้งแต่ต้นแล้วว่าร่างกายของเขาที่เป็นแบบนี้นั้นต้องมาจากการกินอาหารของซูจิ้งอย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้เขาเองก็เคยได้ยินข่าวลือเรื่องที่ว่าซูจิ้งใช้อาหารรักษาคนที่เป็นโรคเบื่ออาหารมาก่อน แต่เขาเองก็คิดเพียงว่ามันก็ต้องรักษาได้อยู่แล้วเพราะอาหารของซูจิ้งโคตรจะอร่อย
แต่เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าอาหารของซูจิ้งจะมีผลทางยาสุดแสนมหัศจรรย์มากมายขนาดนี้ ดูเหมือนว่าเหตุผลที่ซูจิ้งเก็บค่าอาหารแพงนี่จะไม่เพียงเป็นเพราะมันอร่อยสินะ

“ห้ะ คุณบ้ารึเปล่านี่ ลูกเราต้องไปเรียนนะ” หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งที่เดินออกมาจากในบ้านได้พูดออกมาเชิงเอ็ดๆด้วยท่าทางอารมณ์ดีเล็กน้อย
“ฮ่าฮ่าฮ่า โทษที ฉันลืมไปน่ะ พอดีตื่นเต้นไปหน่อย เมื่อวานพอดีฉันได้ไปกินข้าวที่พื้นที่พิเศษของภัตตาคารปลาหญ้าสวรรค์มา
มันทั้งอร่อยแบบสุดๆแถมยังทำให้ฉันผ่อนคลายและมีพลังงานเต็มเปี่ยม แล้วเดี๋ยวฉันจะพาเธอกับฮุยน้อยไปหลังเขาเรียนเสร็จแล้วก็ได้” ผู้อาวุโสพูดออกมาด้วยรอยยิ้มกว้าง

“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีอารมณ์เล่นบาสเก็ตบอลแต่เช้า นี่ซูจิ้งเขาเก่งมากขนาดนั้นเลยเหรอ” หญิงวัยกลางคนได้พูดออกมาด้วยความประหลาดใจ
“พ่อ พ่อจะผมไปกินของอร่อยๆจริงๆเหรอหลังเลิกเรียนอ่ะ” เด็กชายตัวน้อยพูดออกมาอย่างตื่นเต้น
“แน่นอนสิ แล้วถ้าลูกได้กินดูแล้วรับรองเลยว่าจะติดใจ” ผู้อาวุโสหวู่พูดออกมาด้วยร้อยยิ้มออกมา แน่นอนว่าสำหรับเงินแค่นี้ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น และการได้ลิ้มรสชาติที่สุดแสนอร่อยนั้น สำหรับเขาแล้วเป็นเพียงผลผลอยได้
เพื่อสุขภาพที่ดีของครอบครัวเขานั้น ต่อให้ต้องเสียสิบล้านเขาก็ยินดี