ตอนที่ 891 เป็นพ่อบ้านของนาง

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

เย่เฉินกล่าว “หลังจากนี้ครึ่งปี ข้าจะต้องนำสิ่งที่นายท่านอยากได้มาได้แน่!”

มู่เฉียนซีตะลึงงัน “ทำไมถึงเป็นครึ่งปี?”

เย่เฉินกล่าวตอบ “มิใช่ว่าข้าไม่เชื่อนายท่าน แต่เพราะตระกูลเย่ของข้าถูกทำลายล้าง หลังจากที่ข้าได้หนีออกมาแล้ว ท่านปู่ได้ใช้ค่ายกลกักขังพวกนักฆ่าเหล่านั้นเอาไว้ ค่ายกลนั้นยังเหลือเวลาอีกครึ่งปีถึงจะหายไป และก่อนหน้าระยะเวลาครึ่งปีนั้น ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีจากด้านนอกหรือด้านในก็ตาม มันล้วนแต่ไร้ผล!”

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าเข้าใจแล้ว อย่างไรเสียก็เพียงแค่ครึ่งปีเท่านั้น ถึงต่อให้ข้ามีความรวดเร็วเป็นอย่างมากแต่ก็มิอาจที่จะหาสมุนไพรวิญญาณอื่น ๆ ได้ครบภายในเวลาครึ่งปี เจ้าไปจัดการธุระก่อนเถอะ!”

“ขอรับ!” เย่เฉินพยักหน้า

“นายท่าน!” เย่เฉินกลับมาพบมู่เฉียนซีอีกครั้ง

“มีอะไรหรือ?” มู่เฉียนซีถามขึ้น

“ฉีเอ๋อร์ถูกพาตัวไปแล้ว เจ้าเมืองเหยียนกล่าวว่าถ้าหากอยากให้เขายอมรับข้าในขั้นต้น อย่างน้อยก็พิสูจน์ด้วยการแสดงพลังของข้าให้เขาเห็น”

“จะพิสูจน์ได้อย่างไร?”

“ทำให้ตระกูลเหลยหายไปจากเมืองเหยียน” เย่เฉินกล่าวเสียงขรึม

มู่เฉียนซีกล่าว “ดูท่าแล้วเจ้าเมืองเหยียนเองก็มีความแค้นกับตระกูลเหลยเช่นกัน เพียงแต่ว่าไม่อาจที่จะต่อกรได้ง่ายดายก็เท่านั้น ประจวบเหมาะกับตระกูลของเจ้าเป็นสำนักนิกายครึ่งระดับ ให้ตระกูลเย่ลงมือก็เหมาะสมพอดี”

“อื้ม!”

“เจ้าตัดสินใจเช่นไร?”

“ตระกูลเหลยกดขี่ตระกูลเย่ของข้ามาโดยตลอด อีกทั้งยังส่งคนมาลอบฆ่าข้ากับฉีเอ๋อร์ ถึงแม้ว่าเจ้าเมืองมิได้กล่าวเงื่อนไขนี้ออกมา ข้าก็จะต้องลงมืออยู่ดี” เขานั้นมิได้ซ่อนกลิ่นอายของการฆ่าฟันในสายตาของเขาเลยแม้แต่น้อย!

มู่เฉียนซียิ้มแล้วถามขึ้น “เช่นนั้นแล้วเจ้ามั่นใจหรือไม่?”

“มิได้มั่นใจมากนัก จึงมาขอคำชี้แนะจากนายท่าน”

เย่เฉินเป็นผู้ที่ค่อนข้างจริงใจ!

มู่เฉียนซียิ้มแล้วกล่าว “ลงมือทำไปเถอะ! สำนักนิกายครึ่งระดับแห่งหนึ่งไม่สามารถก่อให้เกิดคลื่นลมขึ้นมาได้หรอก”

“ขอรับ!” เย่เฉินกล่าว

เย่เฉินสามารถฝึกบำเพ็ญได้แล้ว ท่านผู้เฒ่าเย่เองก็ยินดีเป็นที่สุด และงานเลี้ยงฉลองอายุครบเจ็ดสิบปีของเขาก็กำลังจะมาถึงแล้ว

เขาเตรียมที่จะจัดงานเลี้ยงขึ้นมางานหนึ่ง และจะถือโอกาสประกาศการสละตำแหน่งให้แก่เย่เฉินด้วย

มู่เฉียนซีนั้นไปฝึกบำเพ็ญอย่างสบายใจ เรื่องทั้งหมดนั้นเย่เฉินได้เป็นผู้จัดการทั้งสิ้น

ทว่า…..

บึ้ม!

เสียงระเบิดเสียงหนึ่งดังมาจากทางห้องปรุงยาของตระกูลเย่

เหล่าทหารยามของตระกูลเย่นั้นก็หลงคิดว่ามีศัตรูที่แข็งแกร่งบุกเข้ามา แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นเย่เฉินกำลังปรุงยา

กลิ่นไหม้นั้นโชยมาทางมู่เฉียนซี คิ้วของมู่เฉียนซีขมวดเข้าหากัน

“ยาขั้นปฐพี เจ้าหมอนี่ใจร้อนไปนักกระมัง!”

กู้ไป๋อีที่อยู่ข้างกายนางตะลึงงัน เขาได้แค่เพียงกลิ่นไหม้เท่านั้นแต่เด็กสาวผู้นี้กลับสามารถแยกออกได้ถึงระดับของเม็ดยา

มู่เฉียนซีไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มที่จะไปหาเย่เฉิน แต่เย่เฉินก็กลับมาอยู่ตรงหน้านาง

เย่เฉินกล่าว “นายท่าน ถึงแม้ว่าคำขอของข้าจะเสียมารยาทไปอยู่บ้าง แต่ก็ขอให้ท่านสกัดยาบรรลุมหาจักรพรรดิให้ข้าสักเม็ดหนึ่ง”

ยาบรรลุมหาจักรพรรดิ เมื่อมานึกคิดเกี่ยวกับชื่อของมันแล้ว มันเป็นยาที่สามารถทำให้คนผู้หนึ่งบรรลุระดับมหาจักรพรรดิได้

เขากล่าวต่อ “ตอนนั้นเพื่อที่จะปกป้องข้า จึงทำให้พลังความสามารถของเขาลดกลับลงไปเป็นมหาจักรพรรดิยอดยุทธ์ขั้นที่เก้าเต็มขั้น และยากที่จะบรรลุไปอีกขั้นได้ตลอดชีวิต ตอนนี้เขาอายุได้เจ็ดสิบปีแล้ว ถ้าหากว่ายังไม่ข้ามผ่านระดับมหาจักรพรรดิ เกรงว่าคงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ดังนั้นข้าจึงต้องการยาบรรลุมหาจักรพรรดิเม็ดหนึ่ง”

“ด้วยความสามารถระดับราชาแห่งภูตขั้นที่หนึ่งเช่นเจ้า กลับกล้าที่จะสกัดยาบรรลุมหาจักรพรรดิ เจ้าเองก็มีความกล้าหาญ แต่ทว่านี่เป็นของที่เจ้าจะมอบให้แก่ปู่เจ้าเป็นของขวัญ เช่นนั้นก็ต้องให้เจ้าลงมือด้วยตัวเองถึงจะถูก” มู่เฉียนซียิ้มแล้วกล่าว

“พลังสมาธิของข้านั้นเพียงพอ แต่พลังวิญญาณกลับไม่มากพอ จึงไม่สามารถสกัดออกมาได้เลย” เย่เฉินกล่าวด้วยเสียงที่ต่ำลงมาพอประมาณ

มู่เฉียนซีถามขึ้น “เช่นนั้น เจ้าอยากที่จะเรียนสกัดยากับข้าหรือไม่? ไม่จำเป็นต้องสนใจพลังวิญญาณของเจ้า ขอแค่เพียงเจ้าเรียนจนสามารถทำได้ภายในระยะเวลาอันสั้น เช่นนั้นก็มีของขวัญที่จะนำไปมอบแล้วมิใช่หรือ?”

“นายท่านจะสอนข้า?”

“ถ้าหากว่าเจ้าไม่ทำให้ข้าเสียเวลามากเกินไป”

ในฐานะที่เป็นผู้ฝึกวรยุทธ์ล้วน ๆ จึงไม่สามารถที่จะเข้าใจความคลั่งไคล้ของนักปรุงยาได้

เมื่อกู้ไป๋อีพบว่าคุณหนูใหญ่ของตนได้อยู่ในห้องปรุงยากับนายน้อยเย่เป็นเวลาสามวันสามคืนโดยไม่กินไม่ดื่ม ใบหน้าที่เหมือนดั่งน้ำแข็งแกะสลักนั้นก็ยิ่งเย็นยะเยือกมากขึ้นกว่าเดิม

มู่เฉียนซีเองก็จำต้องยอมรับว่าสามตระกูลยาโบราณนี้มีเชื้อสายเผ่าพันธุ์ที่ดี พรสวรรค์ของเย่เฉินนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าจวินโม่ซีมากมายนัก ภายในระยะเวลาสามวันเขาก็สามารถเรียนรู้เรื่องการปรุงยาได้สำเร็จ

แน่นอนว่าเย่เฉินยิ่งเพิ่มความนับถือในตัวของมู่เฉียนซีมากขึ้นไปอีก เขากล่าวด้วยความตื่นเต้น “ยาที่ให้ผลได้เช่นนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นท่านหม้อวิญญาณนิรันดร์ก็เกรงว่าคงจะคาดไม่ถึง”

มู่เฉียนซียิ้มและกล่าวว่า “เขาเป็นของเก่า ดังนั้นเขาย่อมไม่รู้เลยว่ามันก้าวหน้าไปพร้อม ๆ กับกาลเวลา นี่คือสูตรยาจักรพรรดิจิตวิญญาณ เจ้าสามารถปรุงยาได้ทันที!”

“ขอรับ!”

เย่เฉินกำสูตรยาเอาไว้แน่น เขาจะต้องมอบความประหลาดใจให้แก่ท่านปู่

มู่เฉียนซีเดินออกมาจากห้องปรุงยา ก็ได้เห็นกู้ไป๋อีเดินเข้ามา

เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “คุณหนูใหญ่ ข้าได้สั่งให้เตรียมอาหารและน้ำร้อนไว้ให้เรียบร้อยแล้ว”

มู่เฉียนซียิ้มแล้วกล่าว “โอ้! เสี่ยวไป๋ นับวันยิ่งได้เรื่องเข้าไปทุกทีแล้ว”

“นี่ไม่ใช่ประเด็น ที่เป็นประเด็นคือคุณหนูใหญ่ไม่ได้พักผ่อนมาสามวันแล้ว” กู้ไป๋อีกล่าว

“เอาล่ะ! ข้ารู้แล้ว ข้ารู้สึกว่าเจ้าไม่สามารถที่จะฝึกยุทธ์ได้ไปตลอด และเป็นพ่อบ้านให้ข้าเช่นนี้ก็ดีนัก” มู่เฉียนซีกล่าวพร้อมมองเขาอย่างพิจารณา

แน่นอนว่าเมื่อมีผู้เตรียมทุกสิ่งอย่างเอาไว้ให้ มู่เฉียนจึงได้ไปพักผ่อน

เป็นพ่อบ้านให้นาง!

สีหน้าของกู้ไป๋อีเปลี่ยนเป็นเย็นชา เขาสูงส่งถึงเพียงใด ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไร้ซึ่งวรยุทธ์ แต่ก็คงไม่ถึงกับตกต่ำถึงขั้นนั้น

งานเลี้ยงฉลองอายุครบเจ็ดสิบปีของผู้เฒ่าเย่ใกล้จะมาถึงแล้ว เย่เฉินเองก็สามารถที่จะฝึกบำเพ็ญได้แล้ว ผู้เฒ่าตระกูลเย่ยินดียิ่งนัก งานเลี้ยงฉลองในครั้งนี้จึงได้จัดอย่างใหญ่โตเป็นพิเศษ กลุ่มกองกำลังต่าง ๆ ในเมืองเหยียนล้วนแต่ได้ถูกเชิญมา รวมถึงทั้งจวนเจ้าเมืองด้วย

ในคืนเลี้ยงฉลองนั้น ไฟในจวนตระกูลเย่ส่องสว่าง ถึงแม้ว่าแขกคนสำคัญจะมาแค่เพียงครึ่งหนึ่ง แต่ก็ยังคึกครื้นอยู่ดี

การรายงานเรื่องรายชื่อผู้ที่เข้างานมาถูกรายงานมาเป็นระยะ จากนั้นก็ได้มีคนส่งข่าวมาว่า “ผู้นำตระกูลเหลยและนายน้อยตระกูลเหลยมา!”

ผู้นําตระกูลเหลยพาบุตรชายของเขาเดินเข้ามาอย่างสง่างาม เขายิ้มตาหยีแล้วกล่าวขึ้น “ผู้เฒ่าตระกูลเย่ ขอแสดงความยินดีด้วย นี่เป็นของขวัญที่ข้ามอบให้ท่าน”

เหลยเทียนได้ส่งมอบของขวัญใหญ่ เมื่อเปิดกล่องออกมาก็เผยให้เห็นหยกวิญญาณที่มีเส้นพาดสีแดงพร้อมลวดลาย

ทุกคนในที่นั้นต่างซุบซิบกัน “หยกวิญญาณสามแดง นั่นเป็นของล้ำค่าที่เอาไว้ยืดอายุนี่!”

“ของล้ำค่าเช่นนี้ ราคาของมันมิได้ต่ำไปกว่ายาเม็ดระดับเก้าเม็ดหนึ่งเลย ผู้นำตระกูลเหลยช่างกระเป๋าหนักยิ่งนัก!”

“……..”

ผู้เฒ่าเย่ยิ้มแล้วกล่าว “เช่นนั้นก็ขอขอบคุณผู้นำตระกูลเหลยเป็นอย่างมาก”

ถึงแม้ว่าจะเป็นสมบัติที่ดี แต่มันกลับมีความหมายที่ซ่อนเร้นเอาไว้เชิงประชดประชันว่า อายุมากปูนนี้แล้วก็คงจะอยู่ได้อีกไม่นานเท่าไรนัก

เขาจะไม่ยอมให้เขาสมหวังอย่างแน่นอน มาวันนี้นายน้อยสามารถที่จะฝึกบำเพ็ญได้แล้ว เขาทนอยู่ต่ออีกสักไม่กี่ปีรอจนให้นายน้อยเติบโตขึ้นมา

ในตอนนี้เอง ก็ได้มีเสียงส่งข่าวลอยมาอีกเสียงหนึ่ง “ท่านเจ้าเมืองมา!”

เจ้าเมืองเหยียนพาเหยียนเซี่ยฉีมาด้วย เหยียนเซี่ยฉีที่อยู่ข้างกายเขานั้นก็มองซ้ายมองขวาแต่ก็ไม่พบเย่เฉิน จึงเกิดความผิดหวังอยู่บ้าง

เจ้าเมืองเหยียนยิ้มแล้วกล่าว “ขอแสดงความยินดีกับการที่อายุเจ็ดสิบปีแล้วของท่านด้วย”

ผู้เฒ่าตระกูลเย่ยิ้มแล้วกล่าว “ท่านเจ้าเมืองสามารถมาได้ นั่นทำให้ตระกูลเย่ของข้าเจิดจ้าเสียจริงเชียว!”

แน่นอนว่าของที่ท่านเจ้าเมืองมอบให้นั้นไม่ธรรมดา ทุกคนในที่นั้นต่างถกเถียงกันด้วยความอิจฉา ที่โถงเลี้ยงฉลองนั้นปรากฏเงาร่างสองเงาขึ้นมา

ไม่มีการเข้ามาแจ้งข่าว นั่นก็หมายความว่าพวกเขาเป็นคนของตระกูลเย่

เพียงแต่ว่าสองคนนั้นมีหน้าตาที่โดดเด่นมากเกินไปนัก พวกเขาเองนั้นก็ไม่เคยพบเจอมาก่อน

สตรีผู้นั้นก็งดงามราวกับนางฟ้าบนกลีบเมฆ ส่วนบุรุษผู้นั้นก็ราวกับเทพกลางดวงจันทร์ ช่างงดงามกันเสียจนไม่เหมือนมนุษย์จริง ๆ