ตอนที่ 892 ของขวัญอันไร้รสนิยม

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีก้าวเดินมาข้างหน้า และยิ้มพลางกล่าวว่า “ขอให้ท่านผู้เฒ่ามีความสุขไหลหลั่งดุจดั่งทะเลตะวันออก อายุยืนยาวดุจดั่งขุนเขา”

“เยี่ยม!” ท่านผู้เฒ่าเย่ยิ้มพลางกล่าว

คนอื่น ๆ ก็กล่าวคล้อยตามกันว่า “พูดได้ดี!”

“……”

กู้ไป๋อียืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยสีหน้าเย็นชา ส่วนมู่เฉียนซีนั้นกล่าวต่อว่า “ข้าเดินทางไกลมาจากต่างแดน ไม่ได้นำของล้ำค่ามามากนัก ดังนั้นของขวัญที่นำมาดูไร้รสนิยมไปสักหน่อย ได้โปรดท่านผู้เฒ่าอย่าได้โกรธเคืองเลยนะเจ้าคะ”

ทุกคนได้ยินเช่นนี้ต่างก็ตกตะลึงขึ้น สองคนนี้ช่างไม่รู้จักขนบธรรมเนียมเอาซะเลย จะมอบของขวัญที่ไร้รสนิยมอย่างนั้นเหรอ

แม้กระทั่งกู้ไป๋อีก็รู้สึกงุนงงเล็กน้อย ตกลงแล้วสาวน้อยผู้นี้เตรียมสิ่งใดมาเป็นของขวัญมอบให้ท่านผู้เฒ่าเย่กันแน่

มู่เฉียนซีโบกมือขึ้น หีบใบใหญ่ถูกนางเอาออกมาจากแหวนมิติทีละใบ ๆ

เปรี๊ยะ!

มู่เฉียนซีปรบมือเบา ๆ หีบใบใหญ่ทั้งหมดก็ได้เปิดออก

เมื่อได้เห็นของที่อยู่ในหีบ ดวงตาของทุกคนก็เบิกกว้างจนแทบจะถลนออกมา

ของขวัญชิ้นนี้ช่างเป็นของขวัญที่ไร้รสนิยมจริง ๆ!

ทว่า หากพวกเขาสามารถได้รับของมากมายเช่นนี้ ต่อให้เป็นของที่ไร้รสนิยมพวกเขาก็อยากจะได้มัน!

หยกวิญญาณระดับสูง นึกไม่ถึงว่านางจะเอาหยกวิญญาณระดับสูงมากมายถึงเพียงนี้ออกมา!

หีบแต่ละใบนั้นมากจนนับไม่ถ้วน!

พวกเขาเบิกตากว้างจ้องมองด้วยความตกตะลึง แม้แต่ท่านผู้เฒ่าเย่เองก็ลุกยืนขึ้นด้วยความตกใจ

“นี่……นี่มันมากเกินไปแล้ว ข้ารับไว้ไม่ได้หรอก”

นางทำให้นายน้อยของพวกเขาสามารถฝึกบำเพ็ญได้ สิ่งนั้นนับว่าเขาได้รับของขวัญที่ดีที่สุดแล้ว

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “ไม่มีอันใดที่จะรับไว้ไม่ได้ สิ่งที่ข้าไม่ได้ขาดแคลนเลยนั่นก็คือหยกวิญญาณ”

มุมปากของกู้ไป๋อีกระตุกขึ้น สาวน้อยผู้นี้ช่างมั่งคั่งเสียจริง!

มุมปากของทุกคนกระตุกขึ้นอย่างบ้าคลั่ง พวกเขามีความรู้สึกอยากจะเข้าไปปล้นสาวน้อยผู้นี้จริง ๆ ฟั่นเฟือนเกินไปแล้ว และมั่งคั่งมากเกินไปแล้วด้วย!

ท่านผู้เฒ่าเย่ทำได้เพียงแค่รับไว้ ตอนนี้ผู้นำตระกูลเหลยจ้องมองของล้ำค่าในหีบเหล่านั้นด้วยแววตาเป็นประกาย แต่เหลยเทียนกลับจ้องมองร่างในชุดม่วงด้วยแววตาเป็นประกาย

คะนึงถึงมานาน ในที่สุดก็ได้เจอคนงามเสียที

แขกเหรื่อได้มากันพร้อมแล้ว ผู้นำตระกูลเหลยกล่าวขึ้นว่า “ทุกคนมากันพร้อมแล้ว เหตุใดเย่เฉินถึงยังไม่มาล่ะ ก่อนหน้านี้ไม่นานเขาสามารถฝึกบำเพ็ญได้แล้วไม่ใช่หรอกเหรอ หรือว่าร่างกายเกิดความผิดปกติขึ้นอีก”

ท่านผู้เฒ่าเย่กล่าว “เฉินเอ๋อร์มีเรื่องต้องจัดการเล็กน้อย ก็เลยมาช้าหน่อย”

“มาช้า นี่ตกลงจะให้ผู้อาวุโสอย่างพวกเรารอเขาเพียงผู้เดียวอย่างนั้นเหรอ?” ผู้นำตระกูลเหลยกล่าวด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง

เขาไม่พอใจ ส่วนคนอื่นนั้นไม่พอใจมากกว่าเขาเสียอีก

ทันใดนั้นเอง ร่างในชุดขาวร่างหนึ่งก็วิ่งพรวดเข้ามาอย่างเหน็ดเหนื่อย เขายิ้มพลางกล่าวว่า “ผู้น้อยมาสายแล้ว ได้โปรดผู้อาวุโสทุกท่านอภัยให้ผู้น้อยด้วย”

“ที่ข้ามาสายก็เป็นเพราะว่าอยากจะทำให้ท่านปู่ประหลาดใจนะขอรับ!”

ผู้นำตระกูลเหลยกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ประหลาดใจ! ดูท่าเจ้าคงอยากจะมอบของล้ำค่าที่เยี่ยมยอดให้กับท่านปู่ของเจ้าสินะ แต่หากว่าของล้ำค่านั่นเทียบกับของที่ข้ามอบให้ไม่ได้ เช่นนั้นก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องประหลาดใจ!”

ทรัพย์สินของตระกูลเย่นั้นเขารู้ดี เจ้าเด็กผู้นี้จะสามารถมอบสิ่งใดให้ได้

เย่เฉินเอาขวดยาออกมาขวดหนึ่ง ในขวดมียาแผนปัจจุบัน (ยาน้ำ) บรรจุอยู่ ผู้นำตระกูลเหลยกล่าวด้วยความดูถูกเหยียดหยามว่า “นี่น่ะเหรอที่เจ้าบอกว่าเรื่องประหลาดใจ เด็กที่ไม่เคยฝึกบำเพ็ญมาก่อนอย่างเจ้า กลับละเมอเพ้อฝันคิดอยากจะเป็นนักปรุงยา ศึกษาสิ่งเหล่านั้นเพียงแค่ผิวเผิน แต่กลับไม่มีความสำเร็จอันใดสักอย่าง พอสามารถฝึกบำเพ็ญได้ ก็ปรุงยาระดับต่ำเหล่านี้มามอบให้เป็นของขวัญ ช่างทำให้ท่านปู่ของเจ้าผิดหวังยิ่งนัก!”

ท่านผู้เฒ่าเย่กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ผู้นำตระกูลเหลย นี่เป็นเรื่องภายในตระกูลเย่ของพวกข้า ไม่ว่าเฉินเอ๋อร์จะมอบสิ่งใด ข้าล้วนแต่สุขใจเป็นอย่างยิ่ง”

เย่เฉินกล่าว “ยานี่คือยาทะลวงพลังวิญญาณขั้นมหาจักรพรรดิ สามารถช่วยให้จักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับสูงสุดทะลวงพลังวิญญาณขั้นมหาจักรพรรดิได้”

“อะไรนะ?” สีหน้าของทุกคนเผยความตกตะลึงพรึงเพริดออกมา รวมทั้งท่านผู้เฒ่าเย่ด้วย

ถึงแม้ว่าเขาจะเกิดในตระกูลเย่ที่เป็นหนึ่งในสามตระกูลยาโบราณ แต่เขาก็ไม่เคยได้ยินเรื่องยาแผนปัจจุบันเช่นนี้มาก่อน

“นี่มัน……เป็นไปไม่ได้”

“นี่คงจะหลอกลวงผู้คนกระมัง ไม่มีของขวัญมามอบให้ก็ไม่ต้องมอบก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเอาของเช่นนี้มาหลอกลวงคนอื่นเลย!”

“……”

สิ่งนี้ทำให้คนจำนวนไม่น้อยกล่าววาจาหยาบคายใส่เขา

“ไม่มีทางเป็นเช่นนั้นแน่ ข้าเชื่อท่านพี่เย่!”

ในตอนนี้เอง เหยียนฉั่วฉีไม่คำนึงถึงการห้ามปรามใดใดของท่านพ่อตนเอง ออกตัวมากล่าวแทนเย่เฉิน

เย่เฉินมองเหยียนฉั่วฉีด้วยความซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง ต่อให้ทุกคนใต้หล้านี้ไม่เชื่อเขา ขอเพียงแค่นางเชื่อเขา เขาก็ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดแล้ว!

ท่านผู้เฒ่าเย่กล่าว “ข้าเชื่อเฉินเอ๋อร์ ในเมื่อพวกเจ้าไม่เชื่อในประสิทธิภาพของยานี้ ข้าก็จะดื่มยานี้ต่อหน้าทุกคน”

มู่เฉียนซีขมวดคิ้วขึ้น ยาที่เย่เฉินปรุงออกมานี้นางยังไม่ได้ตรวจสอบเลย ไม่กล้ารับประกันว่ามันจะได้ผล

ส่วนเย่เฉินเองก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน ถึงแม้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาปรุงยาได้สำเร็จ แต่นี่เป็นยาระดับสูงสุด เขาก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่ามันจะได้ผลจริง

ในงานเลี้ยงมีผู้คนมากมายล้วนแต่ใช้วาจาทำร้ายผู้อื่น ท่านผู้เฒ่าเย่กล่าวอย่างไม่ให้ผู้อื่นสอดปากสอดคำได้ “เฉินเอ๋อร์ เอามาให้ปู่เถอะ ปู่เชื่อเจ้า!”

ท่านผู้เฒ่าเย่แย่งยาขวดนั้นมาและดื่มลงไป เย่เฉินมองหน้ามู่เฉียนซีด้วยความกระวนกระวายใจเป็นอย่างยิ่ง

มู่เฉียนซีพยักหน้าเบา ๆ ให้เขาวางใจ!

หลังจากที่ท่านผู้เฒ่าเย่ดื่มยาขวดนั้นลงไปได้ไม่นาน พลังชีวิตทั่วทั้งจวนตระกูลเย่ก็พลุ่งพล่านขึ้น และหลั่งไหลพรั่งพรูเข้าสู่ร่างกายของท่านผู้เฒ่าเย่

ใบหน้าของท่านผู้เฒ่าเย่แดงก่ำ เขารู้สึกว่าตนเองไม่ได้ผ่านกำบังนี้มาเป็นเวลาสิบปีแล้ว ในที่สุดด้วยประสิทธิภาพของยานี้ทำให้เขาทะลวงผ่านจนได้

พลังชีวิตที่หลั่งไหลพรั่งพรูเข้าสู่ร่างกายนั้นทำให้ท่านผู้เฒ่าเย่ทะลวงพลังวิญญาณจนกลายเป็นมหาจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับหนึ่งได้สำเร็จ

ทว่า ยานี้ไม่เพียงแต่จะทำให้เขามีพลังขั้นมหาจักรพรรดิเท่านั้น แต่ยังทำให้พลังจิตของขั้นมหาจักรพรรดิเขา……

ใบหน้าของท่านผู้เฒ่าเย่เผยความเจ็บปวดออกมา มู่เฉียนซีตกใจสะดุ้งขึ้น “ยาไม่สมบูรณ์พอ พลังจิตเลื่อนขั้นเร็วเกินไปแล้ว เกรงว่าท่านผู้เฒ่าเย่ไม่อาจรับไหว!”

“ท่านปู่……”

ผู้นำตระกูลเหลยกล่าวด้วยความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นว่า “ใช้วิธีที่ไม่ถูกต้อง ทะลวงพลังวิญญาณแล้วเป็นเช่นไรล่ะ ดูสิ เกิดเรื่องขึ้นแล้วไหมล่ะ ดูท่างานมงคลในวันนี้จะกลายเป็นงานศพเอาซะแล้วกระมัง”

ส่วนผู้อื่นก็มีทั้งผู้ที่แอบสะใจ และผู้ที่ผิดหวัง!

มู่เฉียนซีกล่าว “ก็แค่พลังจิตขาดการควบคุมก็เท่านั้น ควบคุมไว้ได้ก็ไม่เป็นอะไรแล้ว”

นี่เป็นถึงพลังจิตขั้นมหาจักรพรรดิเชียวนะ ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะสามารถควบคุมกันได้ง่าย ๆ

ท่านเจ้าเมืองคิ้วขมวดขึ้นด้วยความกังวลใจ ณ ที่นี้มีเพียงเขาผู้เดียวเท่านั้นที่มีพลังวิญญาณขั้นมหาจักรพรรดิ

ทว่า พลังจิตอันรุนแรงเช่นนั้น เขาไม่มั่นใจว่าจะควบคุมมันได้หรือไม่ หากควบคุมไม่ได้ เช่นนั้น……ต้องน่าสังเวชทั้งสองคนเป็นแน่!

เขาไม่อยากเสี่ยงอันตรายเพื่อคนนอกเพียงคนเดียวผู้นี้!

พลังจิตของมู่เฉียนซีกำลังจะแผ่ซ่านออกมา ในเมื่อไม่มีผู้ใดช่วย เช่นนั้นนางลงมือเองก็ได้

แต่จู่ ๆ นางก็ถูกห้ามไว้ น้ำเสียงอันเย็นยะเยือกเสียงหนึ่งดังขึ้นว่า “ช่างเป็นสาวน้อยที่วู่วามเสียจริง!”

เขารับรู้ได้ว่าพลังจิตของสาวน้อยผู้นี้แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป แต่นางกล้าลงมือควบคุมพลังจิตที่ห่างชั้นกับนางมากเกินไปเช่นนี้ ช่างวู่วามยิ่งนัก

พลังจิตอันแข็งแกร่งพลังหนึ่งได้แผ่ซ่านออกมาทั่วทั้งห้องโถง ขั้นมหาจักรพรรดิ อย่างน้อยก็ต้องเป็นขั้นมหาจักรพรรดิแน่นอน!

พวกเขาต่างก็มองไปที่ชายหนุ่มผู้ที่เย็นชาผู้นั้น ดูท่าทางอายุเพียงแค่ยี่สิบกว่าปีเท่านั้น แต่กลับมีพลังถึงขั้นนี้

ท่านเจ้าเมืองเหยียนตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น พลังจิตนี้แข็งแกร่งกว่าเขา อีกทั้งยังแข็งแกร่งกว่ามากด้วย

มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นเล็กน้อย พลังวิญญาณของเสี่ยวไป๋ผู้นี้ถูกทำลายลง แต่พลังจิตกลับยังคงอยู่ มีเขาลงมือเช่นนี้ ไม่มีทางพลาดแน่นอน