ตอนที่ 505 ระมัดระวัง โดย Ink Stone_Fantasy
แท่งทองคำมีขนาดยาวกว่านิ้วชี้เล็กน้อย บนนั้นมีหลุมเว้าลงไปซึ่งแกะสลักเต็มไปด้วยลวดลายพิสดาร ดูแล้วเหมือนเป็นผลงานศิลปะชิ้นหนึ่งมากกว่า
“หัวหน้า นี่มันคืออะไร?” คิตะมิยะ ฮิโคโตชิมองดูสิ่งของที่อยู่ในมือ แล้วแล้วถามอย่างสงสัย การสืบหาสมบัติประจำตระกูลจนพบนั้นพอจะช่วยให้เขาคลายความทุกข์ใจจากการสูญเสียบุตรชายได้
“กุญแจ!”
คิตะมิยะ ฮิเดโอะถือของในมือแล้วเอ่ยต่อว่า “นี่เป็นกุญแจตู้เซฟเก็บสมบัติตระกูลเราในธนาคราแห่งชาติสวิส เพียงแค่ถือกุญแจดอกนี้ไปที่สวิสเซอร์แลนด์ ก็สามารถเปิดเอาตู้เซฟเอาสมบัติออกมาได้!”
การที่ธนาคารแห่งชาติสวิสสามารถดำรงกิจการมาได้ยาวนานขนาดนี้ เป็นเพราะการเก็บรักษาความลับและความเชื่อมั่นของลูกค้า ไม่ว่าฝากเงินทองทรัพย์สินเอาไว้นานเท่าไหร่ เพียงแค่นำหลักฐานออกแสดง ก็สามารถนำของที่ฝากอยู่กลับไปได้เลย
“การเก็บรักษาความลับของธนาคาร” ทำให้เงินที่ฝากอยู่ในธนาคารแห่งชาติสวิสสามารถเชื่อถือได้พอๆ กับเก็บไว้ในตู้นิรภัย
แน่นอนว่า เมื่อเกิดเหตุสุดวิสัย เช่น ผู้ฝากเงินเกิดเสียชีวิตไป ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่ได้แต่งตั้งทายาท และไม่ได้บอกรหัสลับแก่คนในครอบครัวด้วย ทรัพย์สินเงินทองนั้นก็จะถูกเก็บรักษาไว้ที่ธนาคารตลอดไป ไม่มีวันเอาออกมาได้อีก
เมื่อครั้งสองครามโลกครั้งที่สองการรุกรานชาวยิวจากทหารนาซี ทำให้เศรษฐีชาวยิวจำนวนมากนำเอาทรัพย์สินเงินทองเข้าไปฝากไว้ที่ธนาคารแห่งชาติสวิสด้วยตัวเองหรืออาจจะให้ผู้อื่นช่วยนำฝาก
ต่อมาชาวยิวถูกทหารนาซีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในค่ายกักกันหลายแห่งในเยอรมัน บัญชีเงินฝากและรหัสลับของพวกเขาจึงได้หายสาบสูญตามเจ้าของไปด้วย ตัวเลขบัญชีธนาคารจำนวนมากกลายเป็น “บัญชีตาย”ที่ไม่มีเจ้าของ
สภาพของตระกูลคิตะมิยะก็เป็นเช่นเดียวกัน หลังจากคิตะมิยะ มาซาทาเกะตายไปแล้ว รหัสลับของบัญชีก็หายสาบสูญไป ดังนั้นเมื่อตระกูลคิตะมิยะในหลายปีมานี้ได้ทำการติดต่อกับธนาคารแห่งชาติสวิส แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถถอนเอาทรัพย์สินออกมา
คิตะมิยะ ฮิโคโตชิรับเอากุญแจมาจากคิตะมิยะ ฮิเดโอะพิจารณาดูอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “เทคนิคขั้นสูงสุดของธนาคารแห่งชาติสวิสเมื่อห้าสิบปีก่อนนั้น จนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีใครไขความลับได้”
แม้ว่าเทียบกับเอกสารพวกนั้นแล้วกุญแจดอกนี้มีมูลค่าไม่มากเท่า แต่ตอนนั้นที่คิตะมิยะ มาซาทาเกะนำทรัพย์สมบัติของตระกูลเข้าฝากที่ธนาคารนั้น เป็นสมบัติมีค่าที่ตระกูลเก็บสะสมปล้นสะดมมาจากประเทศต่างๆ เป็นของมีค่าชนิดที่ประเมินค่าไม่ได้ทั้งนั้น
ฮิโคโตชิส่งกุญแจคืน ฮิเดโอะส่ายหัวตอบว่า “ฮิโคโตชิ กุญแจอันนี้ให้นายเป็นคนเก็บรักษา รอกลับไปถึงตระกูลแล้วนายค่อยเอาให้ฉัน”
“หืม? นี่….เรื่องสำคัญมากนะ เอาไว้ในกล่องนิรภัยแบบเดิมเถอะ?”
ฮิโคโตชิงุนงง กุญแจดอกนี้ไม่ธรรมดา ถ้าหากเขาพกติดตัวไว้แล้วทำหาย เขาจะกลายเป็นคนบาปของตระกูลทันที
“ไม่เพียงแต่กุญแจ เอกสารก็ด้วย ฉันจะพกมันติดตัวไว้ตลอดเวลา”
ฮิเดโอะโบกมือ นำเอกสารใส่กลับเข้าไปในซองเหมือนเดิม แล้วใส่ไว้ในเสื้อตรงหน้าอก เสื้อผ้าของเขากันได้ทั้งน้ำและไฟ จึงสามารถปกป้องเอกสารไม่ได้เสียหายได้
“หัวหน้า แบบนี้ไม่ค่อยดีกระมัง?”
ถ้าไม่ใช่ฮิเดโอะที่เอากุญแจให้เขาเป็นคนเก็บรักษาแล้ว ฮิโคโตชิเองก็อดเคลือบแคลงสงสัยไม่ได้ว่าฮิเดโอะตั้งใจจะฮุบขุมทรัพย์ทั้งหมดเอาไว้คนเดียว มีสิ่งของซ่อนเอาไว้อยู่กับตัวจะไปปลอดภัยเท่าเก็บไว้ในกล่องนิรภัยได้อย่างไร?
ท่านฟูจิโอะที่ตอนแรกหลับตาอยู่ได้ยินคนทั้งสองถกเถียงกัน จู่ๆ ก็ลืมตาขึ้น พูดว่า “ทำตามที่ฮิเดโอะบอกเถอะ เขาทำแบบนี้มีเหตุผล เก็บในกล่องนิรภัยมันเสี่ยงเกินไป….”
“ท่านฟูจิโอะเข้าใจผมเป็นอย่างดี” ถ้าไม่ใช่เพราะท่านฟูจิโอะอายุมากแล้วและสูญเสียความเป็นชายไป ฮิเดโอะคงอยากจะสานสัมพันธ์ให้ลึกซึ้งกว่านี้ ตาแก่คนนี้รู้ใจเขาดียิ่งกว่าพยาธิตัวตืดในท้องของเขาอีก
กล่องนิรภัยแม้จะปลอดภัย แต่เป็นเป้าหมายที่ชัดเจนเกินไป ตอนนั้น ฮิเดโอะวางอุบายล่อลวงโก่วซินเจียได้จึงกลัวว่าคนอื่นจะมาใช้วิธีกับเขาเช่นกัน
อีกทั้งตั้งแต่เข้ามาให้หุบเขาปีศาจแล้ว ไม่มีทางติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอกหรือคนในตระกูลได้เลย จึงทำให้ฮิเดโอะออกจะกังวล คำโบราณว่าไว้ว่าพอได้ฆ่าคนก็จะกลัวว่าจะมีคนมาฆ่าตน การแก้แค้นในตอนนั้นไม่แน่ว่าอาจจะมาถึงตัวเองในสักวัน
เหตุการณ์เมื่อครู่มีพี่น้องคนในตระกูลบาดเจ็บล้มตายมากมาย คนที่เหลืออีกยี่สิบกว่าคนถ้าเกิดโดนโจมตีอีกครั้งพวกเขาก็โยนกล่องนิรภัยออกไป ทำให้พอมีเวลาหนีเอาตัวรอดกันได้บ้าง
“หัวหน้าช่างหลักแหลม ผมฮิโคโตชิคิดไม่รอบคอบเอง!” ได้ยินที่ท่านฟูจิโอะอธิบายแล้ว ฮิโคโตชิจึงเผยสีหน้าละอายออกมา ทุกทีเขามักรู้สึกว่าตัวเองนั้นฉลาดหลักแหลมเจ้าแผนการ แต่ตอนนี้ถึงรู้ว่า ตัวเองถ้าเทียบกับอีกสองคนที่เหมือนหมาป่าเฒ่านั้นก็ยังเทียบกันไม่ติด
“ไม่ต้องพูดมากแล้ว ขนเอาทองคำออกไปก่อน รอถึงพรุ่งนี้เช้า พวกเราค่อยออกเดินทาง!”
การอยู่ในถ้ำอันมืดมิดอับชื้นเป็นเวลานานทำให้ฮิเดโอะรู้สึกอึดอัดอย่างไรบอกไม่ถูก หลังจากเก็บเอกสารดีแล้วจึงออกคำสั่งว่า “มานี่สองคน แบกท่านฟูจิโอะออกไป ส่วนคนอื่นเตรียมเชือกรอกลากจูง เอาทองคำพวกนี้ขนออกไปหน้าปากถ้ำ
ฮิเดโอะออกคำสั่งแล้วพวกคนที่เหลือลงมือทำงานทันที รถลากสี่ล้อเจ็ดแปดคันถูกลากเข้ามาในถ้ำ รถถังที่จอดอยู่ปากถ้ำ ถูกสตาร์ทเครื่องเสียงดังกระหึ่มก้องไปทั้งหุบเขาปีศาจ
ตอนท้ายของรถถังได้ติดตั้งโซ่ลากจูงแข็งแรง รถเข็นสี่ล้อแต่ละคันบรรทุกทองคำเต็มคันรถ แล้วเชื่อมต่อกับโซ่ลากจูง ชักรอกขนทองคำออกไปถ้ำ โดยมีคนควบคุมเดินขนาบข้างที่เดินเก็บทองคำที่หล่นอยู่ตามข้างทางโยนเข้าไปในรถ
ทองคำที่ถูกซ่อนอยู่ในถ้ำนี้เป็นทองคำแท่งน้ำหนักแท่งละสองกิโลกรัม มีหนึ่งหมื่นกว่าก้อนทั้งหมดหนักยี่สิบตัน บวกกับเครื่องประดับทองและอัญมณีกองเป็นภูเขา ทั้งหมดใช้เวลาขนกันทั้งคืนถึงจะหมด
เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อพี่น้องตระกูลคิตะมิยะที่เสียสละชีวิตในการค้นหาสมบัติของตระกูล จึงได้นำเอาศพชิ้นส่วนมนุษย์มารวมกันที่มุมหนึ่งของถ้ำ เมื่อขนเอาสมบัติออกจากถ้ำหมดแล้ว ผู้ที่รอดชีวิตบางคนจึงปีนขึ้นไปที่เพดานเพื่อติดตั้งระเบิดแรงสูง
ถึงทุกคนทำงานออกแรงกันมาทั้งคืนจนอ่อนล้าไปหมด แต่ก่อนที่จะออกจากสถานที่ขุมนรกแห่งนี้ ก็ต้องให้ทุกคนช่วยกันขนทองพวกนี้ขึ้นรถออฟโรด
“ไปเถอะ หัวหน้า ฮาเซดะเขาพลีชีพเพื่อวงศ์ตระกูล ถือเป็นเกียรติของพวกเขามาก!”
ฮิโคโตชิเห็นฮิเดโอะยืนไว้อาลัยอยู่หน้าปากถ้ำเสียนาน เข้าใจความรู้สึกสูญเสียใหญ่หลวงของหัวหน้าเป็นอย่างดี ไม่ว่าวันหน้าอีกหลายสิบปีจะเกิดอะไรขึ้น แต่การกระทำของคิตะมิยะ ฮิเดโอะในวันนี้เป็นการทำคุณไถ่โทษของเขาแล้ว
“ฮิโคโตชิ ฉันเหนื่อยแล้ว พอกลับไปญี่ปุ่น ฉันจะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้า ต่อไปตระกูลคิตะมิยะต้องพึ่งนายแล้ว ขอฝากด้วย!”
การสูญเสียคนฝีมือดีในตระกูลมากมายขนาดนี้ ฮิเดโอะรู้ดีว่าถึงเขาไม่กระทำฮาราคีรีฆ่าตัวตาย แต่ตำแหน่งหัวหน้านั้นคงเป็นต่อไปไม่ได้แล้ว เมื่อครู่เขาไม่ได้พูดเพราะความเสียใจต่อการตายของคนในตระกูล แต่เพราะกำลังรำลึกนึกย้อนไปในอดีตหลายสิบปีของตัวเอง
“ไปได้!” ฮิเดโอะโบกมือให้สัญญาณ แล้วรถออฟโรดยี่สิบกว่าคันก็ออกเดินทางพร้อมกัน จากตอนแรกที่มีผู้ร่วมทางร้อยกว่าคน ตอนนี้เหลือเพียงยี่สิบกว่าคนเท่านั้น ทำให้ในรถแต่ละคันมีคนขับแค่คนเดียว
แม้จะมีรถถังนำหน้าคอยเปิดทางให้รถออฟโรดอีกยี่สิบกว่าคันตามหลังมาติดๆ เมื่อขบวนห่างออกมาจากตัวถ้ำสี่ห้าร้อยเมตร จึงเกิดเสียงระเบิดดังกึกก้องมาจากตัวถ้ำ
ฮิเดโอะตัดสินใจใช้ดินระเบิดและระเบิดแรงสูงที่นำมาทั้งหมดฝังไว้ในถ้ำ เสียงดังกึกก้องตามมาด้วยกลุ่มควันหนาแน่นพวยพุ่งออกมาเป็นรูปร่างเหมือนดอกเห็ดปกคลุมไปทั้งบริเวณปากถ้ำ
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงเต็มกว่าที่กลุ่มควันจะจางหายไป พอหันหลังกลับไปมอง ถ้ำใหญ่ที่เคยสูงถึงสามสิบเมตรกลับพังลงมาราบเป็นหน้ากลอง ถ้าหากวันหนึ่งมีคนค้นพบโครงกระดูกร้อยกว่าศพที่นั่นคงเป็นปริศนาชวนสงสัยแน่นอน?
“ปากทางเข้าหุบเขาไม่ได้กว้างมาก รถคงผ่านได้แค่ทีละสองคัน ถ้าเกิดข้างหน้าถูกโจมตี เกรงว่าพวกเขาสามารถถอยหลังกลับไปได้ทัน?”
แม้จะไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่น แต่เยี่ยเทียนก็ยังไม่ถูกจับได้ เพราะว่าคนที่เป็นใหญ่หรือคนที่รู้จักคนมากนั้นตายไปหมดแล้ว พวกที่เหลืออยู่จึงไม่ค่อยสนิทกัน เยี่ยเทียนก็ถูกสั่งให้ไปประจำที่รถออฟโรดคันหนึ่งที่บรรทุกเครื่องประดับไว้เต็มทั้งคัน
แต่ตอนนี้เยี่ยเทียนกำลังปวดหัว ความน่ากลัวที่สุดของหุบเขาปีศาจคือเจ้างูยักษ์ตัวนั้น ตอนนี้งูกยักษ์ถูกกำจัดไปแล้ว ถ้าขบวนรถถูกโจมตีที่ทางเข้าหุบเขาอีกครั้ง พวกเขาจะต้องไปหาทางเข้าออกหุบเขาทางอื่นอีก
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เยี่ยเทียนจึงเดินออกไปข้างทางเพื่อดูจานเข็มทิศ แล้วจึงค่อยๆ รั้งท้ายขบวนไปโดยไม่รู้ตัว โดยไม่มีใครสังเกต
“หยุด!” เมื่อมาถึงปากทางเข้าหุบเขา รถถังหน้าขบวนหยุดจอดลง ฮิเดโอะปีนออกมาจากในตัวรถ
“ฮิโคโตชิ ติดต่อกับคนข้างนอกได้หรือยัง?” ฮิเดโอะจับจ้องไปที่ทางเข้าหุบเขารูปตัวเอส ในใจรู้สึกถึงลางสังหรณ์ของอันตราย
“การเชื่อมต่อสื่อสารของพวกเรา มาถึงตรงนี้แล้วก็ยังไม่มีสัญญาณ!”
ฮิโคโตชิส่ายหน้า เขาเองก็รู้สึกถึงความผิดปกติ เมื่อครู่การระเบิดในหุบเขาดังสนั่นหวั่นไหว ตามหลักแล้วคนที่อยู่ด้านนอกก็ควรจะเข้ามาสืบดูสถานการณ์
ฮิเดโอะมองกลับไปที่รถออฟโรดหลายคันด้านหลัง สั่งว่า “นาโอกิ นายออกไปดูหน่อยสิ!”
“ครับ หัวหน้า!” แม้จะไม่เต็มใจ แต่คิตะมิยะ นาโอกิได้ตอบรับคำสั่ง แล้วนำคนอีกสี่ห้าคนเดินไปตามปากทางเข้าหุบเขา
“ปลิ้นปล้อนที่สุดเจ้าพวกนี้” เมื่อเยี่ยเทียนดูรูปการณ์แล้วคงจะอยู่ในรถต่อไม่ได้แล้ว เขาจึงค่อยๆ เปิดประตูรถให้เบาที่สุด แล้วเดินผ่านไปทางรถคันหน้า
……………………………….