ตอนที่ 1366 ทางแยก โดย Ink Stone_Fantasy
ศึกนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วก็จบลงอย่างรวดเร็ว
ในตอนที่มันเอาหางตะขอที่วิวัฒนาการออกมาแทงเข้าไปในร่างกายของดวงตารังย่อยอีกตัวหนึ่ง การแพ้ชนะก็ได้ถูกกำหนดออกมาเรียบร้อยแล้ว พิษที่ทำลายระบบประสาทที่กระจายตัวออกไปอย่างรวดเร็วได้ทำลายการรับรู้ที่มีอยู่น้อยนิดของอีกฝ่าย ส่วน ‘มีด’ กับ ‘ขา’ ที่สูญเสียการควบคุมก็พากันหนีออกมา
เมื่อเห็นร่างกายที่พังทลายลงของดวงตารังย่อย มันก็เก็บหางตะขอเข้าไปอย่างถึงพอใจ
ในอดีตมันก็เป็นเหมือนกับแมลงที่น่าสงสารพวกนี้ ต้องไปรวมตัวอย่างไร้จุดหมายซ้ำไปซ้ำมา แล้วก็รอคอยให้นางพญาที่รังหลักกำหนดชะตาชีวิตของพวกมัน ตอนนี้ดวงตาพวกนั้นยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรนัก แต่มันกลับกลายเป็นนักล่าแห่งเนสต์อายแล้ว
เมื่อเทียบกับร่างกายในตอนแรกของมัน การเปลี่ยนแปลงของมันเรียกได้ว่าเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
มันใช้ฟีโรโมนจากพวกปลาทะเลลึกบางส่วนมาแยกดวงตาออกจากเครื่องใน แล้วเอาดวงตาไปไว้ที่ผิวด้านนอก ขณะเดียวกันตรงกระดูกซี่โครงก็สร้างเกราะที่เต็มไปด้วยพลังเวทมนตร์ขึ้นมา นี่ทำให้ความสามารถในการป้องกันของร่างกายมันเพิ่มขึ้นอย่างมาก ต่อให้เจอกับแมลงสองขาที่น่ารังเกียจพวกนั้น อีกฝ่ายก็ไม่มีทางเข้ามาในร่างกายมันได้ง่ายๆ อีก
นอกจากนี้ การทำศึกระยะไกลก็มีความปลอดภัยมากกว่าการต่อสู้ระยะใกล้อย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้มันสามารถสร้างสารระเบิดที่รุนแรงขึ้่นมาในร่างกายเพื่อใช้โจมตีผลึกหินกับหอกกระดูก ถึงแม้นี่จะเป็นแนวคิดที่ยืมมาจากแมลงชั้นต่ำอีกชนิดหนึ่ง แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าใช้ได้ผลอย่างมาก อย่างน้อยเวลาโจมตีมันก็ไม่ต้องพึ่งพาพลังเวทมนตร์ แล้วก็ไม่ถูกหินศักดิ์สิทธิ์รบกวนด้วย และเพื่อที่จะรับเอาอวัยวะเหล่านี้เข้าไปในร่างกาย ขนาดของร่างกายมันจึงขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมากกว่า 3 เท่า ซึ่ง ‘มีด’ ปกตินั้นไม่มีทางทำอะไรมันได้เลย
สุดท้ายก็เป็นหางตะขอที่มีพิษ มันสามารถสังหารเป้าหมายขนาดใหญ่ได้ในการโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียว แล้วก็ยังรักษาสภาพร่างกายของเหยื่อเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อสะดวกต่อการเก็บฟีโรโมน เรียกได้ว่าเป็นอาวุธที่ใช้งานครั้งนึงทำประโยชน์ได้หลายอย่าง
มันกับดวงตาแห่งรังย่อยพวกนั้นไม่อาจถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทเดียวกันอีกแล้ว
เพื่อที่จะแยกแยะตัวมันในตอนนี้จากตัวมันในอดีต มันจึงได้เลียนแบบวิธีของแมลงพวกนั้นด้วยการตั้งชื่อให้ตัวเองว่า ‘สวอลโลว์’
กลืนกินทุกสิ่ง แล้ววิวัฒนาการตัวเอง
และดวงตาแห่งรังย่อยที่กระจายตัวเก็บฟีโรโมนอยู่ทั่วทุกที่ในทะเลนั้นคือเหยื่อที่คู่ควรแก่การล่ามากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
ต่อไปก็เป็นช่วงเวลาที่จะได้มีความสุขกับการกินเหยื่อ
‘สวอลโลว์’ เปิดเปลือกออก หนวดจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา ก่อนจะค่อยๆ ลากอีกฝ่ายเข้ามาในร่างของมัน
ทันใดนั้นเอง มันพลันสัมผัสได้ถึงคลื่นกระเพื่อมที่แปลกประหลาด
การกระเพื่อมที่แผ่กระจายออกมาจากคลื่นมีความรุนแรงอย่างมาก เหมือนกับว่าท้องฟ้ากับพื้นดินส่งเสียงคำรามออกมาพร้อมกัน!
มันมองขึ้นไปบนท้องฟ้า นอกจากเมฆครึ้มๆ กับพระจันทร์สีแดงแล้ว ด้านบนก็เหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย แต่ในสายตาของมัน ท้องฟ้าที่ดูอึมครึมนั้นกลับเหมือนมีคลื่นกระเพื่อมกระจายออกไปไม่หยุด
ความไม่สบายใจอย่างรุนแรงห่อหุ้มตัวมันเอาไว้
ไม่ว่าจะเป็นการระเบิดอย่างรุนแรงของภูเขาไฟใต้ทะเล หรือว่าการสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของพื้นดินก็ล้วนแต่ก่อให้เกิดคลื่นกระเพื่อมรูปแบบต่างๆ แต่มันไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้มาก่อน มันทั้งบริสุทธิ์และมีความเป็นจังหวะ ด้วยเหตุนี้มันจึงดูน่ากลัว
ไม่นานการกระเพื่อมก็หายไปจากท้องฟ้า แต่ยังไม่ทันที่ ‘สวอลโลว์’ จะได้สติคืนมา กลิ่นที่คุ้นเคยกลิ่นหนึ่งก็ได้ทะลักเข้ามาในร่างกายผ่านจากหนวดของมัน
นี่คือคำสั่งวิวัฒนาการที่นางพญาที่รังหลักส่งออกมา!
เป็นเพราะคำสั่งจำนวนมากถูกร่างกายของดวงตาแห่งรังย่อยรับเอาไว้ แล้วก็การเชื่อมต่อที่เกิดขึ้นมาใหม่จากการกลืนกิน มันคิดไม่ถึงเลยว่ามันจะได้ยินเสียงเรียกของเผ่าพันธุ์ใหม่อีกครั้งด้วยวิธีนี้หลังจากที่มันสูญเสียการเชื่อมต่อกับรังหลักไปเป็นเวลานานแล้ว
ไม่ใช่เท่านี้ ร่างกายของมันยังแยกข้อมูลที่อยู่ในฟีโรโมนเหล่านี้ได้ทันที แถมยังคิดอยากจะปฏิบัติตามคำสั่งเหล่านี้ด้วย!
ไม่!
มันไม่ใช่เนสต์อายธรรมดาๆ อีกต่อไป!
มันคือร่างที่เป็นอิสระเพียงหนึ่งเดียว!
หลังคายร่างของดวงตาแห่งรังย่อยออกมา ‘สวอลโลว์’ ก็กลิ้งไปกลิ้งมาเพื่อต่อต้านการตอบสนองตามสัญชาตญาณที่ยังหลงเหลืออยู่ ส่วน ‘มีด’ กับ ‘ขา’ ที่คอยเฝ้าอยู่ข้างๆ นั้นตกใจจนไม่กล้าขยับ มี ‘มีด’ กับ ‘ขา’ หลายตัวที่ถูกหางตะขอของมันฟาดจนกลายเป็นเศษเนื้อ น้ำทะเลที่อยู่รอบๆ ฟุ้งกระจายขึ้นมา ‘สวอลโลว์’ พยายามจนแทบจะหมดแรงกว่าจะควบคุมความคุ้มคลั่งภายในใจที่มีต่อความเย้ายวนของการวิวัฒนาการเอาไว้ได้
หลังตั้งสติได้มันก็ลังเลอยู่ครู่ใหญ่ สุดท้ายมันก็สั่งให้ ‘ขา’ ไปลากเอาร่างเนสต์อายที่จมอยู่กลับมา เพราะถ้ามันรู้ทิศทางการวิวัฒนาการของเผ่าพันธุ์ เวลาที่ล่าเนสต์อายตัวอื่นๆ หลังจากนี้ก็จะสะดวกมากยิ่งขึ้น
มันเอาหนวดแทงเข้าไปในร่างของอีกฝ่ายใหม่อีกครั้งอย่างระมัดระวังเพื่อรับรู้ถึงความปรารถนาของรังหลัก แล้วก็จดจำคำสั่งแต่ละคำสั่งที่อยู่ในฟีโรโมน
แต่ผลที่ออกมากลับทำให้มันรู้สึกตกใจอย่างมาก!
คำสั่งนี่มัน…เยอะเกินไปหน่อยหรือเปล่า!
เพราะที่ผ่านมาการวิวัฒนาการนั้นเป็นเรื่องที่ต้องทำอย่างระมัดระวังอย่างมาก การประกอบร่างขึ้นมาใหม่นั้นไม่มีทางที่สมบูรณ์แบบได้ด้วยคำสั่งเพียงคำสั่งเดียว ก็เหมือนกับความยืดหยุ่นที่อยู่ตรงข้ามกับความตายตัว การระเบิดอย่างรุนแรงก็หมายถึงความต่อเนื่องที่ต่ำ ถ้าอยากจะทำให้มีความสมบูรณ์แบบ มันก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงเรื่องความสมดุลในภาพรวมได้ และก็เป็นเพราะจุดนี้ ในการออกคำสั่งวิวัฒนาการทุกครั้ง รังหลักจึงจำเป็นต้องทำการวิเคราะห์และคัดกรองซ้ำแล้วซ้ำอีกก่อนจะทำการตัดสินใจออกมา ส่วนใหญ่แต่ละครั้งไม่มีทางออกคำสั่งมาเกินสองคำสั่ง ยิ่งไปกว่านั้นเนสต์อายยังจะได้วิวัฒนาการก่อนพวกบริวารด้วย
แต่ครั้งนี้มันกลับได้รับคำสั่งจำนวนมากที่ให้เนสต์อายและบริวารวิวัฒนาการพร้อมกัน
อย่างเช่นคำสั่ง ‘อดทนต่อความเจ็บปวด’ ‘เลือดแข็งตัวอย่างรวดเร็ว’ ‘การขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว’ ‘เกราะแหลมคม’…แถมฟีโรโมนบางอันก็เป็นฟีโรโมนที่ถูกส่งมาโดยไม่ผ่านการกรอง นี่มันไม่เหมือนกับที่นางพญาที่รังหลักเคยทำก่อนหน้านี้เลย! ไม่ใช่เท่านี้ ในคำสั่งบางคำสั่งยังมีฟีโรโมนกลายพันธุ์ของอสูรดั้งเดิมด้วย เรียกได้ว่าเป็นวิธีการที่ไม่คำนึงถึงผลที่ตามมาเลย!
จริงอยู่ที่การวิวัฒนาการเหล่านี้จะทำให้ความแข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์เพิ่มขึ้นอย่างมากในระยะเวลาอันสั้น แต่มันยังเป็นการทำลายอนาคตของเผ่าพันธุ์ด้วย มันพอจะจำได้ลางๆ ว่าความจริงแล้ว เป้าหมายสุดท้ายของการวิวัฒนาการของพวกมันนั้นไม่ใช่การอยู่รอด หากแต่เป็นการบินขึ้นไปยังท้องฟ้าที่อยู่สูงขึ้นไป
แต่ทันทีที่การวิวัฒนาการเสร็จเรียบร้อย มันจะทำให้เกิดจุดอ่อนที่เกิดขึ้นจากฟีโรโมนของพวกชั้นต่ำ ซึ่งความเสี่ยงตรงนี้ถือว่าค่อนข้างสูงไปเสียหน่อย
มันไม่เข้าใจว่าทำไมนางพญาที่ัรังหลักถึงทำการตัดสินใจแบบนี้ออกมา
ที่โชคดีก็คือชะตาชีวิตของมันได้แยกออกมาจากเผ่าพันธุ์อย่างสมบูรณ์แล้ว ไม่ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะหมายถึงอะไรก็ล้วนแต่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับมัน
หลังแยกชิ้นส่วนเนสต์อายเสร็จเรียบร้อย สวอลโลว์ก็มุ่งหน้าตรงไปยังทะเลลึก ก่อนจะหายลับไปในคลื่นใต้ทะเล
…..
คงจะไม่ทันแล้วมั้ง…
ผู้เฝ้ามองยืนอยู่ริมทะเลที่เงียบสยอง สายตาทอดมองออกไปทางเหนือ
เกลียวคลื่นที่ซัดสาดขึ้นมาบนชายหาดของเกาะจนเกิดเป็นเสียงซ่าๆ ที่ฟังดูเป็นจังหวะและอ่อนโยน แต่เธอรู้นี้ว่านี่คงเป็นความเงียบสงบของท้องทะเลแห่งนี้
ขอบฟ้าที่อยู่ห่างไกลออกไปถูกย้อมไปด้วยสีแดงคล้ำ บ่อยครั้งจะสามารถมองเห็นแสงรัศมีที่เกิดขึ้นจากพลังเวทมนตร์สว่างวาบขึ้นมาเหมือนกับเมฆพายุลูกใหญ่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ ในช่วงเวลาอีกไม่นาน เมฆสีแดงที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดนี้ก็จะลอยไปถึงทองฟ้าเหนือดินแดนรุ่งอรุณ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของสงครามแห่งชะตาชีวิต
ส่วนอีกด้านหนึ่งที่ไกลออกไป บนผิวทะเลมี ‘คลื่น’ สีดำยกตัวขึ้นมา มันขยายตัวออกไปหลายร้อยกิโลเมตร กลายเป็นเหมือนหินโสโครกที่เคลื่อนที่ได้
ภายใต้การชี้นำของเจตจำนงของพระเจ้า ในที่สุดพวกมันก็มารวมตัวกัน
ภาพแบบนี้เธอเห็นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
แต่ครั้งนี้เกรงว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว
แน่นอน นั่นไม่ได้หมายว่ามันจะจบสิ้น สำหรับโลกทั้งโลกแล้ว มันก็แค่การเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด แต่การเริ่มต้นแบบนั้นมันก็เป็นแค่วัฏจักรหลายสิบล้านปีอีกรอบหนึ่งเท่านั้น และคนที่จะมาเป็นผู้เฝ้ามองอยู่ที่นี่ก็จะไม่ใช่เธออีก
ไม่รู้ว่าสาวน้อยคนนั้นหาทางกลับเจอหรือเปล่า เธอหันมองไปทางใต้ ถ้าหลังจากนี้มีโอกาสได้เจอกันอีกก็คงจะดี
เร็วอีกหน่อยสิ เธอบ่นพึมพำอยู่ในใจ
………………………………………………………………………..