ตอนที่ 1367 ฐานของการพัฒนา โดย Ink Stone_Fantasy
การประชุม ‘โปรเจคหนี่วา’ ดำเนินมาเป็นเวลาหลายวัน ระดับความเป็นมืออาชีพของผู้เข้าร่วมประชุมทำให้โรแลนด์รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกตกใจมากกว่านั้นก็คือความกระตือรือร้นของทุกคน
ตลอดทั้งการประชุมมีการโต้เถียงและอภิปรายอยู่ตลอดเวลา เวลาในการประชุมมักจะเริ่มตั้งแต่เก้าโมงเช้าไปจนถึงหนึ่งทุ่ม เวลาที่เจอปัญหาที่ยากจะตัดสินใจได้ก็มักจะลากยาวไปจนถึงเที่ยงคืนอยู่บ่อยๆ ถึงแม้ผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่จะสวมชุดสูท แต่ในเรื่องเทคโนโลยีแล้วเรียกได้ว่าไม่มีใครยอมใครเลย ระดับความร้อนแรงของการประชุมนั้นเหมือนกับว่าพวกเขากำลังจะออกไปรบด้วยตัวเอง ไม่ใช่แค่ผู้เชี่ยวชาญที่อายุ 30 – 40 เท่านั้น แม้แต่ผู้อาวุโสที่ผมหงอกทั้งหัวแล้วก็ยังโต้เถียงอย่างร้อนแรงเช่นเดียวกัน
คนปกติเมื่ออายุเท่านี้ ทั้งการพูดจาการครุ่นคิดที่เชื่องช้าล้วนแต่เป็นเรื่องปกติ แต่พวกเขานอกจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้วก็แทบจะมองไม่เห็นถึงความแก่เลย เสียงไม่เพียงแต่จะดังชัดเจน แต่ในดวงตายังดูชีวิตชีวาอย่างมาก เวลาที่ถกเถียงปัญหาก็มักจะเอาชนะคนหนุุ่มๆ ได้เสมอ นี่ทำให้โรแลนด์เชื่อว่าสมองคนเรา ยิ่งใช้บ่อยๆ ก็จะยิ่งพัฒนา
ในโลกแห่งความฝัน เขายังสามารถใช้พลังแห่งธรรมชาติในการรักษาระดับสมาธิเอาไว้ได้ แต่หลังจากตื่นขึ้นมาเขาจะรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างชัดเจน ดังนั้นเพื่อที่จะรับมือกับเนื้อหาในการประชุมแล้ว เขาจึงต้องเพิ่มจำนวนครั้งในการนอนหลับในโลกแห่งความเป็นจริงเพื่อชดเชยเรี่ยวแรงที่เสียไป
ที่จริงแล้วบรรยากาศในการประชุมไม่ได้เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก อย่างน้อยในตอนแรกทุกคนก็ไม่ได้แสดงความสนใจออกมามากแบบนี้ การถกเถียงส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ ‘การสมมติ’ ของโรแลนด์มากกว่า
อย่างเช่น ‘คู่ต่อสู้’ ชนิดใหม่ที่เกิดขึ้นจากการเสื่อมสภาพของฟอลเลนอีวิลหลังจากที่อารยธรรมมนุษย์ถูกทำลาย และการเปลี่ยนสภาพของพลังแห่งธรรมชาติ อย่างเช่นไฟสีดำ หรือการสกัดเอาธาตุต่างๆ ออกมาซึ่งดูไม่สอดคล้องกับระดับของเทคโนโลยีในภาพรวม…ถึงแม้ผู้เข้าร่วมการประชุมจะเห็นแก่หน้าผู้นำของทางสมาคมกับทางรัฐบาล พวกเขาจึงไม่ได้แสดงความสงสัยออกมาอย่างเปิดเผยว่าแนวคิดเหล่านั้นมันเป็นไปได้หรือไม่ แต่พวกเขากลับแสดงอาการต่อต้านกับการทำแบบขอไปทีออกมาให้เห็นอยู่บ่อยๆ อย่างเช่นถ้าไม่นั่งอยู่เงียบๆ ก็มักจะถามเรื่องรายละเอียดซ้ำไปซ้ำมาโดยอ้างว่าเพื่อ ‘สะดวกต่อการทำงาน’ ซึ่งน้ำเสียงที่พวกเขาใช้ในระหว่างนี้ย่อมไม่ดีแน่นอน
ถ้าไม่เป็นเพราะโรแลนด์คอยส่งสายตาบอกพวกหลิงอยู่หลายครั้ง เกรงว่าเหล่าแม่มดทาคิลาคงจะลงมือกับผู้เข้าร่วมประชุมไปแล้ว
จนกระทั่งในตอนที่กำลังจะจบการประชุมของวันแรก ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ได้ระเบิดออกมา
หัวหน้าวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเครื่องจักรคนหนึ่งได้พูดออกมาตรงๆ ว่าต่อให้ถกปัญหากันเยอะกว่านี้ แต่ถ้าจำไม่ได้มันก็ไม่มีประโยชน์ เรื่องที่คุยกันในหนึ่งวันนี้ก็มากพอที่จะให้ทางสมาคมครุ่นคิดไปได้หลายสัปดาห์แล้ว การประชุมครั้งหน้าควรจะเลิกเร็วกว่านี้หน่อยจะดีกว่า ซึ่งโรแลนด์จำได้แม่นเลยว่าจู่ๆ บุ๊คที่นั่งเงียบมาตลอดพลันตบโต๊ะขึ้นมาอย่างโมโห
จากนั้นภายในห้องประชุมก็กลายเป็นเวทีของเธอ
ไม่ใช่แค่เนื้อหาที่พูดคุยกันในที่ประชุมเท่านั้น แต่กระทั่งใครพูดอะไรออกไปกี่ครั้ง ตั้งแต้ต้นจนจบถามคำถามออกมากี่ครั้ง แล้วก็ใครทำประโยชน์ต่อโปรเจคนี้มากน้อยแค่ไน ทุกอย่างถูกลิสต์ออกมาทั้งหมด ความสามารถในการจดจำอันน่าเหลือเชื่อแบบนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่ในที่ประชุมตกตะลึงไปทันที หัวหน้าวิศวกรที่แสดงการคัดค้านออกมาก็เป็นใบ้ไปเหมือนกัน พริบตานั้นเอง ทุกคนเหมือนกลายเป็นนักเรียน ส่วนบุ๊คกลายเป็นคุณครูเพียงหนึ่งเดียว
น่าจะเป็นเพราะเธอช่วยตอกย้ำว่าสมมติฐานที่ว่าพลังแห่งธรรมชาติอาจจะไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเพิ่มความแข็งแกร่งให้แขนขาและกล้ามเนื้อ หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะเหล่าวิศวกรที่ฉลาดหลักแหลมมักจะมีความรู้สึกใกล้ชิดกับคนที่ฉลาดเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว บวกกับท่าทีและหน้าตาที่โดดเด่นของบุ๊ค จึงทำให้สถานการณ์หลังจากนั้นเปลี่ยนไปจากเดิมทันที
ในการประชุมวันถัดมา การถกเถียงยังคงเกิดขึ้นตลอดเวลา แต่ประเด็นที่ถกเถียงกันนั้นเปลี่ยนไปอยู่ที่ตัวโปรเจคหนี่วาแล้ว
ไม่ใช่เท่านี้ ในตอนนี้ไม่มีปัญหาทั้งเรื่องคนและเรื่องเงิน ประเด็นที่ถกเถียงกันทุกๆ ประเด็นในที่ประชุมจะถูกส่งไปให้แผนกวิจัยและพัฒนาทำการทดสอบจริงทันที เพื่อดูว่ามันปฏิบัติได้จริงหรือไม่
สำหรับโรแลนด์แล้ว นี่เป็นช่วงเวลาที่เขาได้ประโยชน์จากโลกแห่งความฝันมากที่สุด
จากคำแนะนำของผู้อำนวยการอู๋ที่เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องเทคโนโลยีของโปรเจค เขาได้แนะนำว่าตอนนี้โรแลนด์ควรจะเน้นไปที่การปรับปรุงเครื่องมือ
อีกฝ่ายบอกว่า “เห็นๆ อยู่ว่ามีวิธีการแปรรูปที่มีความแม่นยำสูงแล้ว แถมยังมีวัตถุดิบโลหะคุณภาพดี ทว่ากลับยังคงใช้เครื่องจักรที่ล้าหลังแบบนี้อยู่ เรียกได้ว่าน่าเสียดายมาก ต่อให้ไม่มีเทคโนโลยีการควบคุมแบบอิเล็กทรอนิกส์ เขาก็สามารถใช้วิธีเชิงกลมาทำให้เกิดการควบคุมแบบกึ่งอัตโนมัติได้ ถ้าโรแลนด์พูดเรื่องนี้เร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่ต้องทนใช้เครื่องจักรกระป๋องเหล่านี้มาจนถึงตอนนี้
โรแลนด์เมื่อได้ฟังแบบนี้ก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ เครื่องจักรกระป๋องที่อีกฝ่ายว่านั้นเป็นสิ่งที่เขาใช้ความรู้ทั้งหมดที่เรียนมาทั้งชีวิตออกแบบออกมา ทว่าโรแลนด์ก็เห็นด้วยกับคำวิจารณ์ของผู้อำนวยการอู๋เหมือนกัน
ก่อนที่เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์จะเป็นที่แพร่หลาย อุปกรณ์เครื่องจักรที่ขับเคลื่อนด้วยวิธีเชิงกลเพียงอย่างเดียวเคยถูกยกย่องว่าเป็นผลงานศิลปะ อย่างเช่นคอมพิวเตอร์เชิงกล และเครื่องหาผลต่างที่พัฒนาขึ้นมาจากคอมพิวเตอร์เชิงกล แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้สำเร็จ ไม่ว่าใครเมื่อได้มาเป็นฟันเฟืองและสกรูที่หมุนทับกันไปทับกันมาก็ย่อมต้องสัมผัสได้ถึงความงดงามที่บริสุทธ์ แต่การพัฒนาของเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์นั้นเป็นเหมือนกับน้ำที่หลากลงมา แต่พริบตาก็พัดพาเอาเครื่องจักรที่ใหญ่โตและซับซ้อนเหล่านั้นลงไปในแม่น้ำประวัติศาสตร์ ต่อให้เขาพลิกตำราเรียนทั้งหมด ก็ไม่แน่ว่าจะเจอเนื้อหาที่เกี่ยวกับการออกแบบอุปกรณ์เหล่านั้น
ตอนนี้เมื่อมีทีมผู้เชี่ยวชาญที่ช่วยเขาปรับปรุงแก้ไขเครื่องมือในการผลิต แถมยังคืนชีพให้กับเครื่องจักรที่หายไปจากประวัติศาสตร์เหล่านี้ขึ้นมาใหม่ เขาย่อมต้องรู้สึกอยากได้แน่นอน
ทันทีที่ระดับของเครื่องมือถูกยกระดับขึ้น สิ่งที่ตามมานั้นไม่ได้มีเพียงแค่ประสิทธิภาพในการผลิตที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่มันยังช่วยลดความต้องการในการใช้แรงงานลงไปด้วย นี่เท่ากับว่าเมืองเนเวอร์วินเทอร์จะสามารถทำงานได้มากขึ้นด้วยจำนวนแรงงานที่เท่าเดิม สำหรับอาณาจักรที่มีจำนวนประชากรจำกัดแล้วถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก
นอกจากเครื่องจักรสำหรับการผลิตแล้ว ทางศูนย์ออกแบบก็ได้ผลิตเครื่องมือสำหรับการบริหารออกมาไม่น้อยเหมือนกัน อย่างเช่นคอมพิวเตอร์เชิงกลแบบง่ายๆ เครื่องพิมพ์ดีดกับเครื่องพิมพ์แบบอัตโนมัติ…พวกมันส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ แค่มีพวกมันไม่กี่เครื่องก็สามารถเพิ่มความเร็วในการทำงานให้กับสำนักบริหารได้อย่างมากแล้ว
ซึ่งเนื้อหาส่วนนี้ก็ได้กลายเป็นฐานรากของโปรเจคหนี่วา
เนื้อหาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานนี้ได้ขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
หลายๆ คนภายในที่ประชุมต่างเห็นพ้องต้องกันว่าการทำให้ตัวเองแข็งแกร่งนั้นคือภารกิจสำคัญอันดับแรกของการปกป้องมนุษย์ชาติไม่ให้สูญพันธุ์ และจำเป็นต้องมีพลังที่จะใช้ต่อต้านเหล่าฟอลเลนอีวิลที่กลายสภาพ มนุษย์ถึงจะมีต้นทุนที่จะใช้พัฒนาต่อไปได้ ด้วยเหตุนี้ประเด็นการพูดคุยหลักๆ ในช่วงที่สองจึงเน้นไปที่อาวุธ
เมื่อคิดถึงเงื่อนไขที่โรแลนด์ให้มา เหล่าผู้เข้าร่วมประชุมจึงได้แบ่งแผนการออกไปสามช่วง ได้แก่แผนการไตรมาส แผนการหนึ่งปีและแผนการห้าปี
ประวัติศาสตร์การทำสงครามในโลกแห่งความฝันได้ให้คำตอบที่ดีที่สุดของคำถามบางคำถามออกมาแล้ว แต่เนื่องจากจำนวน ‘ผู้รอดชีวิต’ ที่สมมติเอาไว้นั้นมีจำนวนไม่พอที่จะสนับสนุนระบบอุตสาหกรรมที่สมบูรณ์แบบทั้งระบบได้ การจะลอกเลียนแบบประวัติศาสตร์ออกมาทั้งหมดนั้นไม่มีทางจะเป็นจริงได้ ด้วยเหตุนี้เหล่าผู้เชี่ยวชาญจึงเน้นให้ความสำคัญกับโปรเจค 3 – 4 โปรเจคที่มีประโยชน์ต่อการโจมตีศัตรูมากที่สุด เพื่อทำให้ความสามารถในการทำสงครามของมนุษย์เปลี่ยนแปลงไปให้มากที่สุดในเวลา 3 เดือนถึง 1 ปี
เรื่องแรกที่ถูกพูดถึงก็คือสิ่งที่ทำการพัฒนาได้ง่ายที่สุด นั่นก็คือระเบิดแรงสูงและดินปืน
ซึ่งนี่เป็นจุดอ่อนที่สำคัญที่สุดของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ในตอนนี้
ถ้าหากดินปืนไนเตรตยังพอจะหาวิธีผลิตจากหนังสือเคมีได้ อย่างนั้นข้อมูลของ TNT และ RDX ที่จะหาได้นั้นก็ยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงส่วนประกอบและสัดส่วนของดินปืนผสมสมัยใหม่เลย ในตอนนี้เมื่อตัวแทนของทางรัฐบาลเปิดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมา ในที่สุดจุดอ่อนตรงนี้ก็ถูกอุดเสียที
………………………………………………………………