เฉินกั๋วเหลียงเป็นคนใจอ่อน ยิ่งไปกว่านั้น คนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น มีสัดส่วนมากกว่าครึ่งของจำนวนทั้งหมดของตระกูลเฉิน ภายใต้สถานการณ์เมื่อสักครู่ เขาไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรจากคนในตระกูล บางคนให้ความสำคัญกับศักดิ์ศรีมากกว่าชีวิต แต่บางคนสามารถสละทุกอย่างเพื่อรักษาชีวิตของตนเองเอาไว้
ภายในสถานการณ์เมื่อสักครู่ การเลือกของคนเหล่านี้ก็ไม่มีอะไรผิด ถึงแม้ว่าเฉินกั๋วเหลียงจะเป็นผู้นำตระกูลเฉิน แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์ขอให้ทุกคนสละชีวิต เพื่อศักดิ์ศรีของตระกูลเฉินเหมือนกับเขา
แต่ว่าสิ่งเดียวที่ไม่สามารถให้อภัยคนเหล่านี้ก็คือ ตอนที่เฉินโม่ยังมาไม่ถึง พวกเขาใส่ร้ายเฉินโม่และดูถูกเฉินจิงเย่
เพราะการปรากฏตัวของหนานกงหยู่ พวกเขาลบล้างทุกสิ่งที่เฉินโม่ทำเพื่อตระกูลเฉิน บอกว่ามังกรของตระกูลเฉินเป็นหายนะของตระกูลเฉิน พวกเขายังดูถูกเฉินจิงเย่ จนทำให้เฉินจิงเย่เกือบจะฆ่าตัวตาย เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้จริง ๆ
เฉินกั๋วเหลียงเหลือบมองคนเหล่านี้ แล้วมองเฉินโม่และพูดว่า “เสี่ยวโม่ หลานคิดว่าควรจะจัดการคนเหล่านี้อย่างไร?”
เฉินจิงเย่รู้สึกตกใจ “คุณพ่อ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีความผิด แต่พวกเขาถูกสถานการณ์บังคับ คุณพ่อลงโทษพวกเขาเองก็เพียงพอแล้ว คุณพ่อจะไปฟังความคิดเห็นของเด็กได้อย่างไร?”
เฉินจิงเย่รู้สึกกังวล เพราะด้วยนิสัยของเฉินโม่แล้ว ถ้าเฉินโม่พูดบทลงโทษที่รุนแรงออกมา เมื่อถึงเวลานั้น เนื่องจากพูดออกมาแล้ว ไม่สามารถกลับคำได้ แล้วเฉินกั๋วเหลียงลงโทษตามที่เฉินโม่พูดออกมา ถ้าเป็นเช่นนั้น สมาชิกของตระกูลเฉินจะต้องเจ็บหนักแน่นอน
เฉินกั๋วเหลียงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จิงเย่ การที่ลูกพูดแบบนี้มันผิด เสี่ยวโม่สู้ตายจนสามารถเอาชนะหนานกงหยู่ได้ ถ้าไม่มีเสี่ยวโม่ ตอนนี้พวกเราคงตกอยู่ใต้อาณัติของหนานกงหยู่แล้ว”
“และพวกเขาในฐานะที่เป็นสมาชิกของตระกูลเฉิน แต่ในช่วงเวลาวิกฤต พวกเขากลับยอมจำนนต่อหนานกงหยู่ ตอนนี้เสี่ยวโม่ชนะหนานกงหยู่แล้ว ดังนั้นควรให้เสี่ยวโม่เป็นคนลงโทษพวกเขา”
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินกั๋วเหลียงแล้ว เฉินจิงเย่ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจ และไม่พูดอะไรอีก แต่มองเฉินโม่ด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง หวังว่าเฉินโม่จะคำนึงถึงส่วนรวม
สีหน้าของเฉินฉงซานและคนอื่น ๆ อึดอัด ตอนแรกพวกเขาคิดจะใช้ประโยชน์จากความใจอ่อนของเฉินกั๋วเหลียง หวังว่าจะได้รับการอภัยจากเฉินกั๋วเหลียง เพราะพวกเขารู้ว่าขอเพียงแค่เฉินกั๋วเหลียงยกโทษให้พวกเขา เฉินโม่กับพ่อของเขาก็จะไม่พูดอะไรอีก
แต่ตอนนี้เฉินกั๋วเหลียงให้เฉินโม่เป็นคนลงโทษพวกเขา ซึ่งมันเกินความคาดหมายของพวกเขาจริง ๆ จากเรื่องนี้สามารถเห็นได้ว่า สถานะของเฉินโม่ที่อยู่ในใจของเฉินกั๋วเหลียงนั้นสูงเพียงใด
เฉินฉงซานมองเฉินโม่ และรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย เขาในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสของเฉินโม่ ถ้าให้เขาขอร้องเฉินโม่ มันเป็นเรื่องยาก
เฉินโม่ไม่แม้แต่จะมองเฉินฉงซานและคนอื่น ๆ เขามองเฉินกั๋วเหลียงและกล่าวว่า “คุณปู่ เป็นผู้นำตระกูลเฉิน หลานจะปฏิบัติตามคำสั่งของคุณปู่!”
คำพูดประโยคเดียวของเฉินโม่ ทำให้เฉินกั๋วเหลียงรู้สึกซาบซึ้งใจมาก มองเฉินโม่แล้วพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า “ดี ดี ดีมาก เสี่ยวโม่เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว!”
ความจริงแล้ว ตอนที่เฉินกั๋วเหลียงกล่าวคำเหล่านี้ออกมา เขาแอบกังวลว่าเฉินโม่จะลงโทษเฉินฉงซานและคนอื่น ๆ รุนแรงเกินไปหรือไม่ เขาในฐานะผู้นำตระกูลเฉิน เขาย่อมไม่อยากเห็นสมาชิกของตระกูลเฉินเจ็บหนักอย่างแน่นอน
แต่ไม่ว่าเฉินโม่จะมีคำขอแบบไหน ในเมื่อเขาพูดออกไปแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ
โชคดีที่เฉินโม่เป็นคนถ่อมตนและรู้ความ มอบอำนาจการลงโทษคืนให้เฉินกั๋วเหลียง แล้วเฉินกั๋วเหลียงจะไม่รู้สึกตื้นตันใจได้อย่างไร
เฉินตงซุ่นมองเฉินโม่ด้วยความโล่งใจ ตบไหล่เฉินจิงเย่เบา ๆ ถอนหายใจและกล่าวว่า “จิงเย่ คุณมีลูกชายที่ดีจริง ๆ!”
เฉินจิงเย่ค่อนข้างพอใจกับการกระทำของเฉินโม่ แต่เขาไม่สามารถชมลูกชายของตนเองได้ เฉินจิงเย่กล่าวกับเฉินกั๋วเหลียงว่า “คุณพ่อ พวกเรากลับตระกูลเฉินก่อน แล้วค่อยคุยกันดีไหม เพราะที่นี่ไม่ใช่สถานที่สำหรับพูดคุยกัน!”
“ถูกต้อง น้องจิงเย่พูดถูก ที่นี่เป็นสถานที่อัปมงคล!” เฉินฉงซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เฉินกั๋วเหลียงไม่สนใจเขา มองเฉินกั๋วจงและเฉินกั๋วต้งสองคน แล้วพวกเขาสองคนก็พยักหน้า
เฉินกั๋วเหลียงกล่าวว่า “ไป กลับตระกูลเฉิน!”