ตอนที่ 1369 ยึดครองท้องฟ้า

Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ

ตอนที่ 1369 ยึดครองท้องฟ้า โดย Ink Stone_Fantasy

นอกจากนี้ทีมโปรเจคยังมีการพูดถึงเครื่องบินรบรุ่นใหม่ด้วย ในสถานการณ์ที่ไม่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ขีดจำกัดของเครื่องบินปีกชั้นเดียวย่อมต้องสูงกว่าเครื่องบินปีกสองชั้น แต่สุดท้ายสิ่งที่เขียนลงไปในแผนการก็ยังคงเป็นการปรับปรุงเครื่องบินที่มีอยู่เดิม

คนที่ทำการตัดสินใจออกมาคือผู้อำนวยการอู๋ที่เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องเทคโนโลยี

โรแลนด์เองก็ได้เรียนรู้แนวคิดใหม่จากการประชุมนี้ นั่นคือ ‘ประสิทธิภาพของเวลา’

ผลิตภัณฑ์ทางวิศวกรรมใดๆ ก็ตามบนสายการผลิตที่มีความต่อเนื่องจะมีประสิทธิภาพการผลิตที่เพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปนานขึ้น ต่อให้ตัวผลิตภัณฑ์นั้นจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่ปรากฏการณ์นี้ก็ยังคงเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ สาเหตุนั้นเป็นเพราะความเชี่ยวชาญในการแปรรูปที่เพิ่มขึ้น คนงานจะค่อยๆ เคยชินกับวิธีการดำเนินงานของสายการผลิต รวมไปถึงปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนกับเครื่องจักรและคนกับคนด้วย นี่ไม่ได้เกี่ยวกับความรู้ความสามารถ หากแต่เป็นสัญชาตญาณการอู้งานตามธรรมชาติของมนุษย์ ทุกคนจะพยายามหาทางลัดที่จะทำงานให้เสร็จได้โดยง่ายที่สุด แล้วก็จะทำการปรับเปลี่ยนลำดับการทำงานที่มันไม่สมเหตุสมผลไปโดยอัตโนมัติ

ด้วยเหตุนี้ความเร็วและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ทางอุตสาหกรรมในการผลิตช่วงหลังจึงมักจะสูงกว่าช่วงแรก ยิ่งไปกว่านั้นต้นทุนก็จะลดลงอย่างมากด้วย

ถ้าอยากจะให้อัศวินอากาศเป็นรูปเป็นร่างโดยเร็ว อย่างนั้นก็ต้องรักษาสายการผลิตที่ก่อตั้งขึ้นมาอย่างยากลำบากนี้เอาไว้ นี่จะเป็นประโยชน์ต่อคนงานในการทำความเคยชินกับการทำงานของเครื่องจักรและการดำเนินงานผลิต แล้วก็ไม่ทำให้การติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ กลายเป็นตัวถ่วงการทำสงคราม

ทิศทางการปรับปรุงเฮฟเว่นเฟลมหลักๆ แล้วจะเน้นไปที่การปรับเปลี่ยนรูปร่าง ปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ให้ดีขึ้นและระบบอาวุธใหม่

ในจุดแรกนั้นไม่จำเป็นต้องพูดเยอะ เฮฟเว่นเฟลมนั้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่โรแลนด์ค่อยๆ สร้างขึ้นมาโดยอิงจากแปลนเครื่องบินรุ่นเก่าในโลกแห่งความฝัน ถึงแม้สำหรับเครื่องบินสองปีกที่มีความเร็วสูงสุดไม่เกิน 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้ว เรื่องอากาศพลศาสตร์จะไม่ใช่ปัญหาสำคัญอะไร แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเรื่องอากาศพลศาสตร์จะไม่มีประโยชน์ เมื่อมีอุโมงค์อากาศและเทคโนโลยีจำลองการบินคอยสนับสนุน งานปรับเปลี่ยนรูปแบบปีกเครื่องบินจึงกลายเป็นงานที่มีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดและทำสำเร็จได้ง่ายที่สุด

เครื่องยนต์นั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นส่วนที่มีความสำคัญมากที่สุด ว่ากันว่าถ้ามีแรงขับเคลื่อนมากพอ แม้แต่ก้อนหินก็ยังบินขึ้นไปบนฟ้าได้ ทันทีที่เครื่องยนต์มีกำลังเพิ่มมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ก็จะตามมาโดยอัตโนมัติ แต่ต่อให้เป็นเครื่องยนต์ลูกสูบที่เป็นพื้นฐานที่สุด เมื่อต้องมาคำนึงถึงปัจจัยเรื่องเทคโนโลยีหลังวันสิ้นโลกที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน อีกทั้งยังต้องคำนึงถึงเรื่องความทนทานและคุณสมบัติในการใช้งาน การออกแบบเครื่องยนต์ขึ้นมาใหม่จึงไม่ใช่เรื่องง่าย โรแลนด์ได้ยินว่าทางทีมที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ได้ลองสร้างเครื่องยนต์ขึ้นมาใหม่ 7 – 8 แบบ ส่วนสุดท้ายจะเลือกเครื่องยนต์แบบไหนมาใช้นั้นก็ต้องรอไปอีกสักพักหนึ่งกว่าจะตัดสินใจได้

ส่วนระบบอาวุธใหม่นั้นไม่มีอะไรที่ต้องคิดมาก

สรุปแล้วก็คือมันไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีอะไรมากนัก ทางกองทัพมีโปรเจคอาวุธที่พัฒนาขึ้นมาอย่างสมบูรณ์และถูกโละทิ้งไปแล้วหลายอัน อย่างเช่นปืนใหญ่อัตโนมัติ 20 มม. หรือตัวยึดระเบิดบนเครื่องบินแบบถอดเก็บได้ ส่วนจะติดตั้งอะไร ติดตั้งอย่างไร นั่นก็คืออยู่กับว่าการปรับปรุงในสองข้อแรกนั้นเป็นอย่างไร ระบบอาวุธนี้คือว่าเป็นส่วนที่สามารถเพิ่มเติมเข้าไปได้ทุกเมื่อ

จากดัชนีทางด้านเทคโนโลยีที่ทีมโปรเจคให้มา เครื่องบินสองปีกรุ่นสองนั้นจะมีความเร็วในการบินสูงสุดอยู่ที่ 250 กิโลเมตร สามารถบรรทุดถังน้ำมันสำรองขนาก 100 กิโลกรัมได้สองถัง ระยะทางในการบินมากกว่า 1,000 กิโลเมตร ยิ่งไปกว่านั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเร็วในการบินไต่ระดับหรือเพดานบินก็ล้วนแต่เหนือกว่าเฮฟเว่นเฟลม

นี่หมายความว่าหลังการปรับปรุงแล้วเครื่องบินสองปีกจะสามารถบินจากแนวหลังไปยังแนวหน้าได้ภายในวันเดียว หรือไม่ก็บินจากแนวหน้าไปยังรอยแตกที่อยู่บนสันหลังของทวีป เมื่อคิดถึงเรื่องลักษณะภูมิประเทศที่เป็นยอดเขาสูงของปลายสุดของเทือกเขาสิ้นวิถี กองทัพธรรมดายากที่จะเดินทางผ่านไปได้ ตัวเลขพารามิเตอร์ตรงนี้จึงมีความสำคัญอย่างมาก

สุดท้ายก็คือเครื่องบินทิ้งระเบิด

มันเป็นส่วนที่ต้องลงทุนมากที่สุดในแผนการนี้ แล้วก็เป็นรายการที่มีการถกเถียงกันมากที่สุด

เพียงแค่ถกเถียงกันว่าจำเป็นต้องใช้เครื่องบินแบบนี้ในการรับมือกับฟอลเลนอีวิลที่กลายสภาพหรือไม่ก็ใช้เวลาไปครึ่งค่อนวันแล้ว — เหตุผลของฝ่ายที่คัดค้านนั้นง่ายมาก ถ้าต้องการโจมตีเป้าหมายที่อยู่บนพื้นละก็ เครื่องบินปีกสองชั้นก็สามารถทำได้เหมือนกัน เพียงแค่ลดปริมาณเชื้อเพลิงลงเท่านั้น แต่เครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดใหญ่นั้นจำเป็นต้องมีลานบินโดยเฉพาะ ต้องมีคนบำรุงรักษาที่มากขึ้น ซึ่งมันจะสร้างภาระให้กับทางหน่วยสนับสนุนอย่างมาก

นอกจากนี้ถึงแม้มันจะมีความได้เปรียบในเรื่องการทิ้งระเบิดที่มากกว่า แต่เวลาที่มันออกไปทำการรบก็จำเป็นต้องมีเครื่องบินคุ้มกัน ซึ่งมันกลับจะเป็นการลดอัตราการใช้ประโยชน์ของกองทัพอากาศในภาพรวมเสียมากกว่า อสูรสยองที่ิบินได้นั้นทำอะไรเครื่องบินรบที่มีความคล่องแคล่วได้ไม่มากนัก แต่ถ้าเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดที่มีความเชื่องช้าล่ะก็ ขอแค่มันพุ่งโจมตีเข้าใส่เครื่องบินอย่างไม่คิดชีวิต แค่นั้นมันก็สามารถสร้างความเสียหายให้กับเครื่องบินได้อย่างมากแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นในหมู่ศัตรูยังมีฟอลเลนอีวิลชนิดพิเศษที่คล้ายๆ กับผู้ฝึกยุทธ์อยู่ด้วย นั่นยิ่งจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้มากขึ้น

เพราะความเสียหายที่เกิดจากการสูญเสียเครื่องบินทิ้งระเบิดลำหนึ่งนั้นมากกว่าเครื่องบินปีกสองชั้นมากนัก

ซึ่งทรัพยากรของมนุษย์ที่รอดชีวิตมาได้นั้นสามารถสร้างเครื่องบินขนาดใหญ่ออกมาได้กี่ลำก็ยังไม่อาจรู้ได้

สุดท้ายก็เป็นโรแลนด์ที่ดึงดันจะเอาโปรเจคนี้เอาไว้

เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์ที่มีระดับเทคโนโลยีที่ค่อนข้างต่ำ จริงอยู่ที่มันยังมีข้อบกพร่องอะไรอยู่อีกหลายอย่างและไม่มีทางที่จะทำให้มันมีความสามารถทั้งการโจมตีและป้องกันที่สมบูรณ์แบบได้ แต่เขากลับมีความคิดของตัวเองอยู่

นั่นก็คือเมืองเนเวอร์วินเทอร์จำเป็นต้องมีเครื่องบินที่สามารถบินทางไกล เพื่อที่จะได้โจมตีใส่บอทธ่อมเลสแลนด์ในเวลาที่จำเป็นได้

ไม่มีใครรู้ว่าอีกนานเท่าไรกว่าที่โลกแห่งความฝันจะกัดกินเข้าไปในดินแดนของพระเจ้า ซึ่งพระเจ้าเองก็ไม่มีทางที่จะนั่งดูอยู่เฉยๆ แน่ จากคำพูดของมิสต์ เมื่อเวลานั้นมาถึง เขาจำเป็นต้องเข้าไปในดินแดนของพระเจ้าพร้อมกันจากทั้งสองโลก ถ้าเกิดทางโลกแห่งความฝันสามารถเปิดอุโมงค์แห่งการกัดกินได้แล้ว แต่เขากลับไม่สามารถไปถึงบอทธ่อมเลสแลนด์ได้ทันเวลา อย่างนั้ินความพยายามทุกอย่างที่ทำมาก่อนหน้านี้ก็จะสูญเปล่า

จริงอยู่ที่การฝ่าการโจมตีของศัตรูเข้าไปในพื้นที่ที่ศัตรูยึดครองอยู่ถือเป็นทางเลือกที่สิ้นคิด แต่มีทางให้เลือกมันก็ย่อมดีกว่าไม่มี ซึ่งเครื่องบินทิ้งระเบิดนั้นก็แผนการที่เป็นไปได้มากที่สุดภายใต้เงื่อนไขทางเทคโนโลยีที่มีอยู่ในตอนนี้

อีกเรื่องหนึ่งก็คือโปรเจคแสงแห่งอาทิตย์

ด้วยขีดความสามารถในการบรรทุกน้ำหนักของเฮฟเว่นเฟลม ต่อให้ทำการปรับปรุงยังไงก็ไม่มีทางที่มันจะรับผิดชอบภารกิจนี้ได้ เมื่อไม่มีวิธีโยนระเบิดลงไป ต่อให้สร้างระเบิดที่ดีออกมามันก็ทำประโยชน์ไม่ได้มาก ความจริงถ้าใช้ซีกัลร่วมกับพลังในการลดน้ำหนักของฮัมมิ่งเบิร์ดมันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถโยนระเบิดลงไปจากบนอากาศได้ แต่ถ้าทำแบบนั้นในระเบิดที่จะโยนลงไปก็จะไม่สามารถบรรจุหินอาญาสิทธิ์เท่าไปได้ ในระหว่างที่มันร่วงตกลงไปด้านล่าง มันอาจจะถูกปีศาจระดับสูงเข้ามาทำลายได้อย่างง่ายดาย

อย่างเช่นถ้าสกายลอร์ดมาพบเข้า ทันทีที่เปิดประตูมิติแล้วส่งระเบิดไปยังที่อื่น แบบนั้นมันจะยิ่งยุ่งยากเข้าไปใหญ่

ดังนั้นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดก็คือสร้างมันให้ป้องกันพลังเวทมนตร์ได้ แล้วให้อัศวินอากาศเป็นคนเอามันไปโยนใส่ศัตรู

ซึ่งวิธีนี้ก็จำเป็นต้องใช้เครื่องบิน ขนาดใหญ่ที่สามารถบรรทุกระเบิดได้

แผนการขั้นแรกที่ทีมโปรเจคให้มาก็คือเครื่องยนต์ทิ้งระเบิดแบบสี่เครื่องยนต์ เครื่องยนต์นี้จำเป็นต้องทำการสร้างขึ้นมาใหม่โดยเฉพาะ ที่ต้องสร้างขึ้นมาสี่เครื่องก็เพื่อความปลอดภัย ถ้าเกิดมีเครื่องยนต์ 1 – 2 เครื่องไม่ทำงาน มันก็ยังสามารถบินกลับมาได้อย่างปลอดภัย เมื่อดูจากแบบร่างแล้ว เครื่องบินทิ้งระเบิดนี้เป็นเหมือนกับอสูรกายยักษ์เลยทีเดียว มันมีปีกที่ยาว 30 กว่าเมตร ด้านหลังก็ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นหางสองชั้น ถึงแม้โครงสร้างทางอากาศพลศาสตร์ที่มีความเสถียรของมันจะทำให้ความคล่องแคล่วลดลง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาก็คือระยะทางที่ไกลขึ้นและการควบคุมที่ง่ายขึ้น

เมื่อบินด้วยน้ำมันเต็มถัง มันจะสามารถบรรทุกระเบิดหนักประมาณ 4 ตันบินไปได้ไกล 2,000 กิโลเมตร ถ้าไม่คำนึงถึงเรื่องการบินกลับ มันสามารถบินไปได้ไกลมากกว่านั้นอีกเท่าหนึ่ง เรียกได้ว่าเพียงพอต่อความต้องการของโรแลนด์ที่ต้องการข้ามไปยังสันหลังของทวีป แต่ระดับความซับซ้อนของมันนั้นเหนือกว่าเฮฟเว่นเฟลมมาก ต่อให้มีทีมโปรโจคคอยชี้แนะให้คำแนะนำ มันก็เป็นไปได้ยากที่จะสามารถทำการผลิตอย่างต่อเนื่องออกมาได้

พูดอีกอย่างก็คือปริมาณการผลิตของมันไม่มีทางสูงอย่างแน่นอน

แต่อย่างน้อยนี่ก็ทำให้มนุษย์มีสิ่งที่จะใช้จุดแสงแห่งอาทิตย์ขึ้นมาได้

………………………………………………………………