บทที่ 664 อสรพิษร้ายอันดับสองของโลก + บทที่ 665 พี่สามเป็นแพะรับบาป โดย Ink Stone_Romance
บทที่ 664 อสรพิษร้ายอันดับสองของโลก
“ใช่ค่ะ ฉาฉาอาศัยอยู่บนต้นชาโบราณนั่น”
เหมยเหมยไม่ได้ปิดบังแต่อย่างใด นอกจากความลับขอฉิวฉิวที่ไม่อาจบอกได้ เรื่องอื่นเธอไม่คิดจะปิดบังต่อคนในตระกูลจ้าว อีกทั้งเรื่องราวเกี่ยวกับสรรพสัตว์บนโลกนี้ก็มีมาแต่โบราณ สถานการณ์ของฉาฉา คนในตระกูลคงจะยอมรับได้
อีกอย่าง มีฉาฉาเข้ามา อาการของทั้งสองผู้เฒ่าก็ดีขึ้น นั่นยิ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้คนอื่นเชื่อได้มากขึ้น !
คุณปู่มีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลายวินาทีที่มองฉาฉาอย่างสงสัย เจ้าตัวแสบตกใจจนไม่กล้าแม้จะขยับ คุณปู่ของเจ้านายช่างน่ากลัวยิ่งนัก จะจับมันถลกหนังแล้วตุ๋นน้ำซุปหรือเปล่า ?
พ่อแม่ของมันเคยพูดไว้ ว่ามนุษย์ใจร้ายมีอยู่มากโข ทั้งยังชื่นชอบถลกหนังของพวกมันแล้วตุ๋นน้ำซุป น่ากลัวนัก นั่นทำให้มันกลัวจนไม่กล้าจะออกจากบ้าน !
“คุณปู่คะ อย่าเอาแต่จ้องฉาฉาสิ มันกลัวจนหัวหดหมดแล้ว !”
เหมยเหมยคอยลูบตัวเจ้าตัวเล็กเพื่อเป็นการปลอบขวัญ ช่างน่าสงสารนัก มันตกใจจนบิดเจียนจะกลายเป็นขนมเกลียวแล้ว !
คุณปู่ดูอารมณ์ดีไม่น้อย หัวเราะขำขัน จากนั้นจึงเลิกจ้องเจ้าตัวเล็ก ในเวลานี้ในใจเขามีคำตอบอยู่แล้ว ตัวเขาเองและยายแก่มีสุขภาพกลับมาดีขึ้นได้แบบนี้ แปดเก้าในสิบส่วนนั่นคือสรรพคุณของน้ำชาโถนั้นที่น้องสาวเป็นคนต้มให้
ตามการคาดการณ์ของเขานั้น ต้นชาโบราณและน้ำแร่จากภูเขาต้องไม่ใช่ของธรรมดา มิเช่นนั้นจะมีสัตว์เทวะคอยปกป้องหรือ ?
ตั้งแต่เล็ก เขาก็เคยได้ยินพวกผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านเล่าขานมา เสมือนสมบัติล้ำค่าของผืนโลกอย่างเห็ดหลินจือพันปี รากโส่วอู[1]หมื่นปี ต่างก็มีสัตว์เทวะคอยปกป้องคุ้มครอง มิเช่นนั้นสิ่งของล้ำค่าพวกนี้จะเติบโตมาได้เป็นพันปีหมื่นปีงั้นหรือ ?
เพียงแต่สมบัติล้ำค่าจำพวกนี้ไม่ใช่ว่าใครหน้าไหนจะหาเจอได้ คำพูดของผู้เฒ่าผู้แก่ เขาจดจำมาได้จนถึงตอนนี้
ผู้มีบุญมากถึงจะได้มันมา !
ถ้าเป็นแบบนั้น หลานสาวตัวน้อยของเขาก็ถือว่าเป็นผู้มีบุญมากสินะ ฮ่าๆๆ !
“เรื่องของต้นชาโบราณและน้ำแร่บนภูเขาห้ามพูดออกไป ข้ามีวิธีจัดการ !”
คุณปู่กำชับอย่างหนักแน่น จ้าวอิงสยงและภรรยาก็นึกถึงเช่นเดียวกัน ลักษณะท่าทียังคงเหมือนเดิม แต่แฝงด้วยความตกใจเล็กน้อย
ช่วงเช้าหลานสาวเขาเอาแต่โหวกเหวกโวยวายจะขึ้นไปตามหาแหล่งน้ำ ในตอนนั้นพวกเขาคิดว่าเธอแค่ก่อเรื่องหาอะไรเล่นไป แต่ดูจากตอนนี้แล้ว หลานสาวเขาไม่ได้พูดจาไร้สาระแต่อย่างใด !
“เหมยเหมยทำไมคิดเรื่องที่จะไปตามหาน้ำได้ล่ะ ?” หานซู่ฉินถามอย่างแปลกใจ
“ก็เห็นในหนังสือเขียนไว้นี่คะ”
เหมยเหมยตอบออกไปอย่างสบายๆ ไม่ได้กังวลต่อการที่คนในตระกูลจ้าวสงสัยแต่อย่างใด ต่อให้พวกเขาสงสัยก็ไม่เห็นเป็นไร เธอเป็นคนกตัญญูนี่นา มีอะไรให้น่าสงสัยนักล่ะ !
หานซู่ฉินอยากถามต่อ แต่คุณปู่จ้องเธอไปครั้งหนึ่ง เธอจึงยั้งปากในทันที นับแต่นี้ไปคงไม่กล้าถามคำถามเหล่านี้อีก !
คุณย่าเองก็คิดได้ถึงสาเหตุที่ทำให้สุขภาพของตนกลับมาแข็งแรงได้ จึงรักหลานสาวคนนี้มากขึ้นกว่าเดิม เธอเปรียบเหมยเหมยเป็นดั่งดาวแห่งความสุขที่ถูกส่งตัวลงมายังตระกูลจ้าว กลับมาได้ไม่เท่าไหร่ก็นำเอาความสุขมาด้วย
“เหมยเหมยหากรงมาไว้เลี้ยงฉาฉาสิ หากว่ามันกัดเธอเข้าจะทำยังไง ? แถมยังไม่รู้ด้วยว่ามีพิษหรือเปล่า !” คุณย่ากังวลเป็นอย่างมาก
“เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ ฉาฉาเป็นเด็กดีจะตายไป ดูสิคะขนาดหนูยื่นมือเข้าไปใกล้ปากมัน มันยังไม่กัดเลย มันเป็นเด็กดีใช่ไหมคะคุณย่า ?”
เหมยเหมยยื่นมือไปข้างๆหัวของฉาฉา ส่วนฉาฉานั้นหมอบอยู่อย่างเชื่อฟัง ไม่ขยับเลยสักนิด
“คุณย่าวางใจได้ค่ะ ส่วนหัวของฉาฉามีลักษณะกลมมน ต้องไม่มีพิษอย่างแน่นอน ต่อให้มันกัดครั้งหนึ่งก็คงไม่ต่างไปจากการถูกยุงกัดหรอก ไม่เป็นอะไรเลย !”
จ้าวเสวียกงพูดเป็นต่อยหอย ลักษณะหัวแบนมีพิษ หัวกลมๆจะไม่มีพิษ ความรู้ทั่วไปแค่เด็กสามขวบยังรู้ เขาหยิบไข่ทั้งสองฟองมาเป็นประกัน ฉาฉาต้องไม่มีพิษอย่างแน่นอน
คุณชายฉิวที่ตอนนี้มีที่นั่งประจำตัว เงยหน้าขึ้นมาจากจานเนื้อ แล้วมองจ้าวเสวียกงอย่างล้อเลียน
ราวกับการถูกยุงกัด ? ไม่เป็นอะไรเลย ?
นี่เป็นอะไรที่ไม่ควรลอง หากลองเพียงนิดชีวิตอาจดับมอด มิเช่นนั้นมันจะให้เจ้าซื่อบื้อนั่นกัดเจ้าเด็กแสบเสีย ให้เขาได้รู้ว่าอะไรคืออสรพิษร้ายอันดับสองของโลก !
อันดับหนึ่งคือใคร ?
แน่นอนว่าต้องเป็นคุณชายฉิวอย่างมัน !
………………………………………………….
บทที่ 665 พี่สามเป็นแพะรับบาป
ทุกคนต่างพูดคุยเกี่ยวกับฉาฉาอย่างตื่นเต้นดีใจ ไม่มีใครสังเกตเห็นท่าทีของจ้าวเสวียเอร่อที่นั่งอยู่ข้างๆจนเกือบจะร้องไห้ ตั้งแต่ที่รู้ว่าฉาฉาไม่ใช่กำไลมรกต แต่เป็นสัตว์เลื้อยคลานเลือดเย็นตัวหนึ่งมีแต่ความน่ากลัว จ้าวเสวียเอร่อจึงเริ่มปลง
นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะลูบคลำเจ้าสัตว์เลื้อยคลานจอมเลือดเย็นนั่นเต็ม ๆห้านาที !
เขาอยากตายไปซะจริง!
น้องสาวของเขาเป็นดั่งบุคคลอันตรายใกล้ตัว การตีตัวออกห่างจากเธอให้มากเป็นสิ่งที่ควรอย่างยิ่ง ใครใช้ให้เขาไม่สำนึกต่อคำสอนแล้วทนต่อความดึงดูดของมรกตไม่ได้เองล่ะ !
สมควรสองคำนี้สร้างขึ้นมาสำหรับเขาโดยเฉพาะ !
ฉาฉาที่ได้รับความรักจากทุกคนได้หันมองจ้าวเสวียเอร่อ กลิ่นบนตัวเจ้าเด็กคนนี้ช่างเป็นกลิ่นที่หอมนัก หอมเสียยิ่งกว่าคนอื่นๆ เพียงแต่มือถืออยู่ไม่เป็นสุข หรือไม่รอให้ถึงช่วงดึกค่อยไปเล่นกับเขาดี ?
ช่วงกลางวันขึ้นเขาลงห้วยจนเหนื่อย เหมยเหมยทานข้าวเสร็จก็ขึ้นเตียงนอนทันที พรุ่งนี้เธอยังต้องตื่นแต่เช้า !
ภายในห้องหนังสือของตระกูลจ้าว คุณปู่จ้าว จ้าวอิงสยง สองพ่อลูกนั่งนิ่งด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เขาให้จ้าวเสวียเอร่อเล่าเรื่องเหตุการณ์เมื่อกลางวันอีกครั้งอย่างละเอียด โดยไม่ขาดตกบกพร่องแต่อย่างใด
“ตอนขึ้นเขา เหมยเหมยเป็นคนนำทางรึ ?” จ้าวอิงสยงถาม
“ใช่ครับ ตอนลงเขาก็เหมยเหมยนำ” จ้าวเสวียเอร่อตอบ เป็นอีกครั้งที่ได้รับสายตารังเกียจทั้งสี่ดวง สีหน้าของจ้าวเสวียเอร่อไม่เปลี่ยน หัวใจก็ไม่ได้เต้นแรง ผู้ที่คิดทำการใหญ่ต้องหน้าหนาเข้าไว้ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้จะทำไรได้ ?
“พ่อครับ ดูท่าเหมยเหมยของเราจะไม่ธรรมดานะ !” จ้าวอิงสยงพูดออกไป
คุณปู่พยักหน้าเล็กน้อย พูดเสียงเข้ม “นี่ถือเป็นดั่งความโชคดีของตระกูลเรา แต่เรื่องที่เหมยเหมยไปตามหาแหล่งน้ำให้มันจบลงเพียงเท่านี้ ต่อไปถ้าจะไปพูดข้างนอกให้บอกว่าเสวียเอร่อเป็นคนหา”
“ทำไมต้องเป็นผม ?”
จ้าวเสวียเอร่อถามขึ้นทันทีตามสัญชาตญาณ แต่เพียงครู่เดียวเขาก็เข้าใจได้ ที่แท้ก็จะให้เขาเป็นแพะรับบาปแทนน้องสาว !
“เป็นเอ็งแล้วจะทำไม ? มีปัญหา ?” คุณปู่จ้องมองอย่างเด็ดขาด จ้าวเสวียเอร่อกล้ามีปัญหาเสียที่ไหน หยักหน้าอย่างรับในทันที
แค่แพะรับบาปเองนี่ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร น้องสาวเขาเก่งกาจถึงเพียงนี้ หากต่อไปเขาต้องการตามหาของล้ำค่าใดๆ ก็สามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำอย่างมีเหตุมีผลที่จะคิดค่าบริการ !
“เจ้าสอง พรุ่งนี้เองตามไปด้วย ไปดูว่าสถานการณ์เป็นยังไง จากนั้นวาดแผนที่คร่าวๆกลับมาด้วย” คุณปู่พูดกำชับ
จ้าวอิงสยงที่ได้ฟังก็รู้ได้ทันทีว่าท่านต้องการทำอะไร และเกิดรู้สึกเสียดายขึ้นมาเล็กน้อย ถึงพูดขึ้น “พ่อครับ เรื่องนี้เราสามารถเก็บเป็นความลับได้นี่”
คุณปู่พูดขัดขึ้น “ไม่ได้ จะต้องแจ้ง และยิ่งดีเท่าไหร่ยิ่งดี ไม่ควรให้เบื้องบนเกิดสงสัยต่อตระกูลเรา”
ตระกูลจ้าวอยู่ในสภาวะคับขัน ไม่รู้เลยว่าเบื้องบนเบื้องล่างมีกี่สายตาที่จับจ้องอยู่ จะปิดบังไว้ได้เช่นไร ?
จ้าวอิงสยงถอนหายใจแบบขอไปที ในใจไม่ได้รู้สึกดีนัก ทนไม่ไหวกับอาการหนาวเหน็บบนที่สูง หากเป็นไปได้เขาหวังว่าตัวเขาเองจะเกิดขึ้นมาในตระกูลสามัญชนคนธรรมดา แต่เพราะชีวิตนี้ไม่มีคำว่าหาก !
จ้าวเสวียเอร่อรู้สึกเจ็บปวด ชาต้นใหญ่ขนาดนั้น คุ้มค่าราคามากเสียยิ่งกว่าภูเขาทองคำ แต่จะใช้สองมือประทานให้ง่ายๆรึ ?
ไม่ได้การล่ะ พรุ่งนี้เขาจะต้องขึ้นเขาไปด้วย ไม่ว่ายังไงจะต้องให้เสี่ยวซื่อ เสี่ยวอู่ เก็บใบชามาให้มากหน่อย ต่อไปหากอยากไปเก็บก็จะไม่มีให้เก็บแล้ว
เช้าตรู่ของวันถัดมา จ้าวอิงสยงได้พาเหมยเหมยและจ้าวเสวียเอร่อไปที่ภูเขาซีซานด้วยตัวเอง สำหรับจ้าวเสวียกงและจ้าวเสวียไห่ที่ดีใจเก้อไปเมื่อวาน จำต้องไปเข้าเรียนอย่างเชื่อฟัง !
นายพลใหญ่ออกตัวไปเองแล้ว ยังต้องพึ่งพาทหารพลกุ้งหอยกองล่างอย่างพวกเขาสองคนอีกหรือ ?
จ้าวอิงสยงยังได้นำองรักษ์ด้วยสองคน ซึ่งเปลี่ยนสวมชุดลำลองธรรมดา จากนั้นกลับมาเหยียบผาสูงชันนั่นอีกครั้ง มองเห็นต้นชาที่ตั้งตระหง่านอยู่บนผาสูง จากนั้นคาดคะเนความสูงของหน้าผาคร่าวๆ จ้าวอิงสยงมองหลานสาวด้วยสายตาเป็นประกายอีกครั้ง
สมแล้วที่เป็นลูกหลานของตระกูลจ้าว !
…………………………………………………………………………………………..
[1]เหอสิ่วโอว มีสรรพคุณบำรุงเลือด บำรุงตับ เสริมการทำงานของระบบกักเก็บของไต บำรุงกระดูกและเส้นเอ็น ทั้งยังช่วยให้ผมดกดำ