บทที่ 666 สู้รบอย่างดุเดือด + บทที่ 667 แจ้งเรื่อง

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

บทที่ 666 สู้รบอย่างดุเดือด + บทที่ 667 แจ้งเรื่อง โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 666 สู้รบอย่างดุเดือด

ทหารอารักขาทั้งสองผูกบันไดเชือกขึงอย่างชำนาญ จ้าวอิงสยงจับบันไดเชือกปีนมาถึงข้างต้นชาโบราณ เหมยเหมยเองก็ปีนตามมาด้วย เหลือแค่จ้าวเสวียเอร่อที่ยืนอยู่ในจุดเดิม

มีบันไดเชือกแล้วยังไง ไม่ว่ายังไงเขาก็จะไม่ลงไป !

ขาอ่อน !

“เหมยเหมย เก็บใบชามาเยอะๆหน่อย เดี๋ยวพี่เลี้ยงเป็ดย่างเฉวียนจวี้เต๋อต้นตำหรับเอง” จ้าวเสวียเอร่อล้วงกระเป๋าผ้าที่สามารถบรรจุข้าวสารได้ถึงสิบจิน จากนั้นยื่นส่งไปให้เธอ

เหมยเหมยทำปากบูดเบี้ยว ใบชาทั้งต้นนี้น่าจะได้ประมาณสิบกว่าจิน พี่สามของเธอช่างโลภยิ่งนัก !

“ฉันดูก่อนว่าจะมีอยู่ไหม ไม่แน่ว่าข้ามคืนอาจถูกสัตว์ป่ากัดกินไปหมดแล้ว !” เหมยเหมยจงใจพูด

เมื่อวานนี้เธอเก็บยอดอ่อนของใบชามาหมดแล้ว จะเอาที่ไหนมาเหลือให้ ต้องฉีดยาป้องกันไว้ก่อนค่อยว่ากัน !

“จะเป็นไปได้ยังไง ชาต้นใหญ่ขนาดนี้ ต่อให้ถูกทำร้าย ก็คงทำร้ายไปไม่หมด !”

จ้าวเสวียเอร่อไม่เชื่อเลยสักนิด นอกเสียจาก…

“หัวหน้าระวังครับ มีงูพิษ !” ทหารอารักขาที่เป็นคนเบิกทางพูดเตือน เหมยเหมยตกใจจนต้องยืนนิ่ง เหตุใดถึงมีงูพิษ ?

เธอยื่นหัวอกมาจากเบื้องหลังของทหารอารักขาและมองสำรวจ แต่กลับมองเห็นบนผาสูงข้างธารน้ำ มีงูตัวใหญ่หลากสีสันขดอยู่ ขนาดราวๆกับแขนของผู้ใหญ่ แค่มองก็ทำให้เกิดอาการขนลุกขนพอง

แต่น้ำแร่ในสระนี้ เมื่อวานยังเต็มอยู่เลย แต่วันนี้กลับลดลงอย่างเห็นได้ชัดราวๆสิบเซนติเมตร บ่งบอกได้ชัดว่าถูกเจ้างูยักษ์ตัวนี้ดื่มเข้าไป

“อาสองคะ ใบชาและน้ำถูกเจ้างูยักษ์กินไปหมดแล้ว” เหมยเหมยพูดขึ้นเสียงเบา

จ้าวอิงสยงสังเกตเห็นต้นชาโบราณที่เหลือเพียงใบชาแก่ จึงไม่เกิดความสงสัยแต่อย่างใด บ่งบอกได้ชัดเจนว่าใบชาและน้ำแร่ในธารถูกเจ้างูยักษ์นี่ทำลายไปหมดแล้ว

“หัวหน้า พวกคุณขึ้นไปก่อน ตรงนี้อันตรายมาก !”

เจ้างูยักษ์ที่หลับพักสายตาถูกปลุกให้ตื่นขึ้น มันแผ่แม่เบี้ยตรงส่วนหัว ขยายใหญ่เสียยิ่งกว่ากำปั้นของผู้ใหญ่ แลบลิ้นสีแดงยาวออกมา จ้องมองพวกเขาอย่างดุดัน เหมยเหมยรับรู้ได้ถึงความเย็นยะเยือก ขนลุกขนชันไปทั้งตัว

“พวกนายก็ขึ้นไปด้วย กลับมาหยิบผงสงหวง[1]มาด้วย ไม่จำเป็นต้องใช้ไม้แข็งสู้กับงู” จ้าวอิงสยงออกคำสั่งอย่างเคร่งขรึม

บนหน้าผาสูงชันแบบนี้พวกเขาไม่ใช่ศัตรูของเจ้างูยักษ์เลยสักนิด ไม่จำเป็นต้องเอาตัวเข้าไปเผชิญหน้ากับอันตราย

พวกเขาไม่กี่คนเตรียมจะถอยหลังกลับ ซึ่งนั่นทำให้เจ้างูยักษ์ไม่พึงพอใจ จึงเป็นฝ่ายปะทะก่อน ทหารอารักขาชักปืนออกมา เตรียมพร้อมที่จะยิงใส่ดวงตาของมัน

จ้าวอิงสยงอุ้มเหมยเหมยขึ้นอย่างรวดเร็ว รีบเร่งฝีเท้าไปยังทางกลับ เขาจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องกับหลานสาวเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นพ่อของเขาต้องจัดการเขาถึงตายแน่ !

สะเก็ดลำแสงไปกระทบก้อนหิน เป็นจังหวะเดียวกับที่มีสีเขียวมรกตลอยขึ้นสู่ฟ้า และพุ่งทะยานไปยังเจ้างูยักษ์

“อาสอง บอกให้พวกเขาหยุดยิง มีฉาฉาอยู่ ไม่มีทางเกิดเรื่องขึ้นแน่”

เหมยเหมยที่ถูกจ้าวอิงสยงอุ้มไว้แทบเกิดอาการเลือดคลั่งในสมอง เท้าชี้ฟ้าหน้าชี้ดิน หากปล่อยให้เธอถูกอาสองอุ้มต่อไปแบบนี้ เธอคงถูกบีบจนตายแน่ๆ !

จ้าวอิงสยงที่รู้ตัวทันจึงสั่งให้ทหารอารักขาหยุดยิง กระสุนถูกยิงขึ้นสู่ฟ้า เป็นสถานการณ์ที่คับขันอย่างแท้จริง !

ฉาฉาปีนขึ้นไปยังต้นชาโบราณใหญ่ยักษ์ด้วยความขุ่นเคือง แลบลิ้นใส่เจ้างูยักษ์ตัวนั้น รูปร่างของมันแตกต่างไปจากเจ้างูยักษ์หลายร้อยปี แต่เจ้างูยักษ์ดูท่าจะกลัวฉาฉา ถอยหลังออกไปไม่หยุด

ฉาฉาทะยานลงมาจากต้นชาโบราณนั้น และทะยานพุ่งไปยังบนหัวของเจ้างูยักษ์ จากนั้นออกแรงพันรัดอย่างแน่น เจ้างูยักษ์มีท่าทีเจ็บปวดไม่น้อย ร่างของมันปัดป่ายไปมาอยู่บนผาสูง เพียงไม่นานก็มีเศษหินที่แตกหล่นล่วงลงมา ทำให้คนกลัวจนตัวสั่น

ผู้แพ้ผู้ชนะเพียงครู่เดียวก็สามารถมองออก ไม่ถึงหนึ่งนาที ฉาฉากัดเจ้างูยักษ์จนไร้เรี่ยวแรง และมีแต่รอยฟกช้ำตามตัว ซึ่งมันทำด้วยตัวมันเอง

ฉาฉาทะยานกลับมายังต้นชาโบราณอีกครั้ง กล่าวเตือนเจ้างูยักษ์ “ไสหัวไปซะ ครั้งหน้าแอบมาขโมยกินของที่บ้านข้า ข้าจะกินเจ้าที่บังอาจเสียให้สิ้น !”

เจ้างูยักษ์มองสระน้ำแร่อย่างอาลัยอาวรณ์ ต่อให้ไม่พึงพอใจแค่ไหนก็ต้องไป ยังดีที่เมื่อคืนมันดื่มเข้าไปมากพอ ซึ่งนับว่าไม่ขาดทุน !

…………………………………………………………..

บทที่ 667 แจ้งเรื่อง

จ้าวอิงสยงสั่งให้พวกทหารตักน้ำไปหนึ่งกระบอก ระดับน้ำในสระลดลงไปอีกราวๆสิบเซนติเมตร แต่ก็ไม่ตื้นจนเห็นถึงพื้น เหมยเหมยพูดโน้มน้าวเขา “อาสองคะ อาตักไปน้อยๆหน่อยสิ น้ำพวกนี้พอออกไปจากที่นี้ ประสิทธิภาพของมันก็จะค่อยๆหมดไป อาตักไปเยอะก็ไม่มีประโยชน์หรอก มีแต่จะเสียของเปล่าๆ”

จ้าวอิงสยงที่ได้ฟังคำโน้มน้าว จึงเทน้ำคืนไปเกือบครึ่งขวด และสั่งการให้ทหารอารักขาดูแลบริเวณนี้ หลีกเลี่ยงไม่ให้มีกลุ่มสัตว์ป่าเข้ามาขโมยน้ำ

พอกลับถึงบ้าน เหมยเหมยจึงรีบตั้งน้ำเพื่อต้มชา แต่ไม่ได้ให้หานซู่ฉินช่วยแต่อย่างใด เธอจำเป็นต้องหยดยาลงไปในชา ซึ่งแน่นอนว่าเธอจะต้องทำด้วยตัวเอง

“เหมยเหมยเอาแต่บอกว่าจะต้มชาด้วยเอง ไม่ยอมให้ฉันเข้าไปช่วย ช่างเป็นเด็กกตัญญูรู้คุณนัก พ่อแม่ของเธอช่างโชคดีเสียจริง !”

หานซู่ฉินพูดชมเหมยเหมยต่อหน้าทั้งสองผู้เฒ่าไม่หยุดปาก สองผู้เฒ่าต่างก็รู้สึกชื่นชมเธอไม่น้อย นับแต่นี้ต่อไปเขายิ่งรักใคร่เอ็นดูเหมยเหมยมากขึ้น

หลังจากที่คุณปู่ดื่มชาที่เหมยเหมยต้มให้เข้าไป ท่านดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น เป็นเหมือนกับช่วงชีวิตปกติที่เดินด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย ซึ่งคุณปู่ได้ออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว ทั้งยังนำเอาชาที่เหมยเหมยต้มให้ติดตัวไปด้วย

ไม่นานคุณปู่ก็กลับเข้าบ้านมา แต่ที่เหมยเหมยไม่รู้คือ บ้านของฉาฉาถูกเคอร์ฟิวส์ไปแล้ว อย่าพูดถึงสัตว์ป่าเลย แม้แต่แมลงวันยังไม่อาจบินเข้าไปได้ และเหตุนี้มีนักวิชาการเฉพาะทางจำนวนไม่กี่คนขึ้นเขาไปเพื่อสำรวจและศึกษาน้ำแร่บนภูเขาแห่งนี้ รวมทั้งต้นชาโบราณ

ในเมื่อเป็นของที่จะให้เจ้านายเอาเข้าปาก จะไม่ให้ระวังได้อย่างไร ?

ช่วงบ่ายฉิวฉิวออกไปเดินเล่น กลับมาก็ได้นำเรื่องราวที่เกิดขึ้นบอกกับฉาฉา คุณชายฉิวรู้สึกลำบากใจพอสมควร แม้ไม่ใช่มันที่สั่งปิดบ้านของฉาฉา แต่หากไม่เป็นเพราะมันที่พาเจ้านายเข้าไปตามหาแหล่งน้ำ เบื้องบนคงไม่ทราบเรื่อง ซึ่งถือว่าเรื่องที่เกิดเป็นเพราะมัน

แต่ที่ไหนได้…

น้องชายของมันอย่างฉาฉากัดกินเนื้อแห้งอย่างเอร็ดอร่อย หลังจากที่ได้ฟังคำพูดชองฉิวฉิว แม้แต่ดวงตายังไม่ขยับขึ้นมองสักนิด

ปิดก็ปิดไปสิ ถึงอย่างไรมันก็ไม่อยากกลับไปบ้านหลังนั้นอยู่ดี !

ข้างนอกสนุกจะตาย มีทั้งที่เล่นและของกินอร่อยตั้งเยอะแยะ แต่ก่อนมันช่างโง่นัก เหตุใดถึงไม่ยอมออกมานะ ?

ฉิวฉิวเดินจากไปด้วยความขุ่นเคือง ไปหยอกล้อกระรอกสาวต่อดีกว่า เจ้าสิ่งของน่าโง่ ทำให้มันต้องรู้สึกผิดอยู่นานสองนาน เสียดายความรู้สึกจริงๆ

เหมยเหมยกลับไม่รู้ถึงเรื่องที่เกิด คุณปู่สั่งห้ามไม่ให้คนในตระกูลพูดเรื่องนี้กับเธอ และไม่ยินยอมให้เธอได้ไปตักน้ำที่นั่นอีก ทั้งยังยึดเอาใบชาที่เหมยเหมยเก็บกลับมากว่าครึ่งกระเป๋าไปด้วย

แม้ว่าคนในบ้านจะไม่พูด แต่เหมยเหมยก็พอจะเดาสถานการณ์ได้คร่าวๆ คุณปู่คุณย่าสุขภาพดีขึ้นรวดเร็วแบบนี้ แม้แต่พยาบาลประจำตัวของทั้งคู่ยังตกใจไม่น้อย เรื่องนี้เบื้องบนต้องรู้แน่ เรื่องใบชาและน้ำแร่ปิดได้ไม่มิดอยู่แล้ว

คุณปู่เลือกที่จะรายงานเรื่องใบชาและน้ำแร่ ซึ่งเป็นสิ่งที่สมควรมาก

ของดีแบบนี้ตระกูลจ้าวจะเก็บเงียบไว้แต่เพียงผู้เดียวรึ ?

นั่นอาจจะเป็นการนำภัยมาสู่ตระกูล !

เหมยเหมยกลับไม่ได้ใส่ใจต่อน้ำแร่และใบชาเท่าไหร่นัก แม้ว่ามันจะเป็นของดี แต่สิ่งดีที่สุดยังคงเป็นหญ้าวิเศษของฉิวฉิว

หากไม่มีหญ้าวิเศษของฉิวฉิว คุณปู่คุณย่าคงไม่มีทางดีขึ้นเร็วขนาดนี้แน่ น้ำแร่และใบชาเป็นเพียงสิ่งที่เธอใช้เป็นข้ออ้างก็เท่านั้น ส่งมอบให้เบื้องบนก็ให้ไปเถอะ !

มีคำสั่งจากบอสใหญ่ เหล่านักวิชาการที่โดยทั่วไปทำงานด้วยรอยหมึกและปากกา ในครั้งนี้ไม่อาจชักช้ายืดยาดได้ จำต้องใช้ความรวดเร็วในการทำงาน และไม่นานก็สามารถอธิบายถึงส่วนประกอบของใบชาและน้ำแร่ออกมาได้ ซึ่งคำรายงานถูกส่งมายังออฟฟิศของบอสใหญ่

บอสใหญ่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับคุณปู่ เขามีท่าทีเคร่งขรึม แววตาเปล่งประกายมีชีวิตชีวา

“นักวิชาพวกนั้นว่ายังไงบ้าง ?” บอสใหญ่ไม่ได้อ่านแผนรายงาน

เลขาตอบคำถามอย่างนอบน้อม “อุดมสมบูรณ์ด้วยจุลินทรีย์และแร่ธาตุจำนวนมาก อีกทั้งยังมีสารประกอบอย่างหนึ่งที่แข็งแกร่งเอามาก เหล่านักวิชาการพูดกันว่า ร่างกายของคุณจ้าวฟื้นตัวได้เร็วแบบนี้ สาเหตุหลักมาจาสารประกอบตัวนี้ครับ”

…………………………………………………

[1] แร่ชนิดหนึ่งประกอบด้วยกำมะถันและสารหนู สูตรทางเคมีคือAs2O3