ส่วนที่ 4 ภาคความปรารถนาจากบูรพา ตอนที่ 116 สังหารโจว (กลางฤดูกาลแรก)

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

ฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว ในวันแรกของการประลองระหว่างสำนักหน้าสำนักฝึกหลวง เฉินฉางเซิงทะลวงผ่านเขตแดนดวงดาวของโจวจื้อเหิงในกระบี่เดียว ใช้พลังกระบี่ที่ยังไม่มอดดับนำถังซานสือลิ่วและเซวียนหยวนผ้อขึ้นรถม้าบุกเข้ามาในตรอกกองทัพเหนือซือเจิ้ง มายังลานบ้านที่เต็มไปด้วยดอกไห่ถังและเรียกร้องให้โจวทงปล่อยตัวเจ๋อซิ่วอย่างตรงไปตรงมา

ในตอนนั้น โจวทงได้มองดูพวกเขาอย่างเฉยชาและพวกเขาก็ได้เห็นทะเลเลือด

ทั้งเขาและถังซานสือลิ่วทนรับแรงกดดันและความเจ็บปวดทางจิตใจได้อย่างยากลำบากจนเกือบจะหมดสติไป แม้แต่หลังจากออกจากลานบ้านแห่งนี้ไปนานแล้ว ก็ยังไม่อาจลืมความกลัวที่เกิดจากทะเลเลือดได้ ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนนั้นโจวทงแสดงพลังออกมาเพียงส่วนเสี้ยวเท่านั้น ไม่เหมือนกับตอนนี้ที่เขาตั้งใจโจมตี

ต้องรู้ว่าเมื่อโจวทงแสดงพลังทั้งหมดของสนอบโรหิตออกมา ต่อให้คู่ต่อสู้ของเขาเป็นคนที่อยู่ระดับรวบรวมดวงดาวขั้นสูง ก็มีแต่คนประหลาดอย่างฮว่าเจี่ยเซียวจางซึ่งบ้าคลั่งอยู่เสมอเท่านั้นที่จะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย แม้แต่คนอย่างเหลียงหวังซุนยั้งต้องเลือกที่จะปกป้องหัวใจตัวเองก่อน

เฉินฉางเซิงเพิ่งจะอยู่ในระดับสูงสุดของขั้นทะลวงอเวจีเท่านั้น ไม่ว่าเขาจะมีดวงจิตที่แข็งแกร่งมั่นคงเพียงใด ก้าวหน้าขึ้นขนาดไหนในเวลาหนึ่งปีมานี้ แต่จะมาสู้กับทะเลเลือดนี้ได้อย่างไร

ในตอนนี้ก็คงเหลือเพียงแค่ว่าเขาจะถูกการโจมตีของโจวทงทำลายจิตใจจนแหลกลาญ หรือเขาจะรักษาสติเอาไว้ได้โดยบังเอิญและถูกบังคับให้ต้องถอนกระบี่หนีไปอย่างเต็มกำลัง

สำหรับผู้บำเพ็ญเพียร หากไม่สามารถหนีจากทะเลเลือดของโจวทง อันเป็นทะเลแห่งความทุกข์ระทมนี้ได้ ก็มีแต่จะจมดิ่งอยู่ภายในนั้น

แต่หากเขาเลือกที่จะถอนกระบี่หนีไป เขาจะหนีพ้นจากลานบ้านแห่งนี้ได้เช่นนั้นหรือ

ใบหน้าเฉินฉางเซิงขาวซีดอย่างมาก แต่เขาไม่เลือกทางหนี อีกทั้งยั้งไม่ได้ล้มลง

ร่างเขาเปลี่ยนจากภาพลวงตาสู่ความจริง ความเร็วเปลี่ยนเป็นเชื่องช้าลงมาก ทว่าเขายังกำกระบี่แทงออกไป

เป็นเฉกเช่นว่าเขากำลังวิ่งไปด้านหน้าทั้งที่จมอยู่ในทะเลไปครึ่งร่าง แม้ว่าจะลำบากและเชื่องช้า เขาก็ยังมุ่งไปข้างหน้าไม่ยอมหยุด

เมื่อเห็นว่าแสงสว่างค่อยๆ ทะลวงผ่านทะเลเลือด คือประกายกระบี่จากไร้ราคีที่ชัดเจนพุ่งเข้ามา โจงทงก็ต้องหรี่ตาลง!

เหตุใดดวงจิตเฉินฉางเซิงถึงได้พัฒนามาสู่ระดับที่แข็งแกร่งเพียงนี้!

เมื่อสองปีก่อน สำนักฝึกหลวงมีเพียงแค่เฉินฉางเซิงคนเดียวเท่านั้น

ในยามที่พินิจดาวโชคชะตาอยู่ในหอตำรา ดวงจิตของเขาก็ลอยอยู่ในท้องฟ้าเบื้องบนเป็นเวลานานเก้าวันจนไปถึงส่วนลึกของทะเลดวงดาว

ในตอนนั้น จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์และม่ออวี่สนทนากันอยู่บนแท่นกานลู่

ดวงจิตของเขานั้นแข็งแกร่งมากหากแต่ไม่กดขี่ ดวงจิตเขาต่างไปจากคนอื่น มันสงบเป็นอย่างยิ่ง

มีแต่ความสงบเท่านั้นถึงจะประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้

ถึงจะเดินทางไปได้อย่างยาวไกล

ในตอนนี้ดวงจิตของเขาไม่ใช่เพียงสงบแต่ยังหนักแน่น

ในช่วงเวลาหนึ่งปีมานี้ เขาได้ยืมเจตจำนงกระบี่นับหมื่นภายในซ่อนคมเพื่อขัดเกลาดวงจิตมานับครั้งไม่ถ้วน

ดวงจิตของเขาลอยผ่านทะเลของเจตจำนงกระบี่มานับครั้งไม่ถ้วน ก่อนจะสัมผัสหินอนุสรณ์สีดำที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง ไม่มีแม้แค่ครั้งเดียวที่จะเสียการควบคุม

แล้วทะเลเลือดของโจวทงจะมีความสามารถจมดวงจิตของเขาได้อย่างไรกัน

ข้อมือของเขามีกำไลลูกปัดหิน แม้จะมีแค่ไม่กี่ลูก แต่ล้วนเป็นหินอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์ ลูกปัดหินพวกนี้แผ่แสงอ่อนจางออกมาปกป้องเส้นทางแห่งจิตของเขาเอาไว้

นอกเหนือจากสาเหตุที่บรรยายด้านบนแล้ว สาเหตุสำคัญที่สุดยังมาจากภายในร่างกายของเขา

สภาพจิตใจของเขาในตอนนี้นั้นสูงส่งที่สุดตลอดเวลาสิบเจ็ดปีในชีวิตเขา

เมื่อรู้ว่าตนเองกำลังจะตาย เขาก็เลือกที่จะเดินข้าหาความตาย

เขาเผชิญหน้าความตายเพื่อมีชีวิต เมื่อเขาสงบ ก็ไม่มีอะไรให้กลัวอีกต่อไป

ยากนักที่จะหาคนมีประสบการณ์เช่นนี้พบ แน่นอนว่าไม่มีใครอยากมีประสบการณ์เช่นนี้

พูดได้ว่าอย่างน้อยในช่วงหลายวันนี้เขาได้มองทะลุถึงชีวิตและความตายไปแล้ว

ดังนั้นเขาจึงสามารถต้านทานการโจมตีจิตใจของโจวทงได้ สามารถฝืนก้าวต่อไปท่ามกลางทะเลเลือดที่น่ากลัวซึ่งห้อมล้อมเขาอยู่ ในที่สุดประกายกระบี่ก็ส่องสว่างไปทั่วห้อง พลังกระบี่สามารถตัดผ่านทะเลโลหิตมาได้ และมาถึงเบื้องหน้าโจวทง!

ประกายกระบี่ฉายต้องนัยน์ตาสีดำลึกล้ำของโจวทง ประกายความสำนึกผิดเผยให้เห็นอยู่เล็กน้อย

เขารู้ว่าเฉินฉางเซิงสำเร็จในวิถีกระบี่ถึงระดับใด ดังนั้นเขาไม่คิดที่จะสู้กับเฉินฉางเซิงในเรื่องนี้ เขาต้องการใช้วิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาจัดการเรื่องนี้ให้จบสิ้นโดยเร็วที่สุด ส่งผลให้เขาปล่อยเฉินฉางเซิงใช้เจตจำนงกระบี่ออกมาจนถึงจุดสูงสุดในขณะที่เขาใช้การโจมตีจิตใจตัดผ่านมิติโจมตีไป อย่างไรก็ตาม เขาไม่คาดคิดว่าดวงจิตของเฉินฉางเซิงจะแข็งแกร่งจนสามารถต้านทานสนอบโรหิตและทะลวงผ่านทะเลเลือดมาได้ กระบี่แหลมคมจึงมาอยู่ตรงหน้าเขา

ประกายความระมัดระวังฉายขึ้นในดวงตาของโจวทง

แม้จะเป็นยอดฝีมือระดับรวบรวมดวงดาวขั้นสูง เขาก็ไม่อาจมองข้ามกระบี่ในมือของเฉินฉางเซิงได้

จากทุ่งหิมะถึงเมืองสวินหยาง จากจิงตูถึงหานซาน จากเซวียเหอถึงเหลียงหงจวง จากหลินผิงหยวนถึงโจวจื้อเหิงมียอดฝีมือขั้นรวบรวมดวงดาวมากมายที่พ่ายให้กับกระบี่ของเฉินฉางเซิง

ทว่าไม่มีความกลัวในดวงตาของโจวทง เขาไม่ใช่ผู้บำเพ็ญเพียรระดับรวบรวมดวงดาวทั่วไป เขาเป็นยอดฝีมือในจุดสูงสุดของระดับรวบรวมดวงดาว!

ระดับความต่างในการบำเพ็ญของเขากับเฉินฉางเซิงนั้นมากเกินไป ดังนั้นต่อให้เกิดปัญหาขึ้นกับเขาและกระบี่ของเฉินฉางเซิงมาถึงตัวเขาได้ เขาก็ยังไม่จำเป็นต้องกังวล

เพราะเบื้องหน้าเขาก็คือโลกของเขา

แสงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนส่องสว่างขึ้นภายในชุดขุนนางสีแดงเลือด มิใช่สีเงินแต่เป็นสีของเลือด

ทะเลเลือดที่ล้อมคุกโจวเอาไว้พลันไหลกลับมาราวกับคลื่น รวมตัวกันเป็นหยดเลือดกลมๆ

หยดเลือดนี้ดูเหมือนจริงมากราวกับว่ามันก่อตัวขึ้นจากเลือดสดๆ

ใบต้นไห่ถังในลานบ้านมีสีเขียวอีกครั้ง แต่ก็ดูเหมือนจะได้รับความเสียหายจนใบหลุดร่วงมากมาย

ซากแมลงแห้งกรังมากมายปรากฏขึ้นในรอยแยกของบันไดหิน

ร่างโจวทงนั้นจมอยู่ภายในหยดเลือดนี้ กลายเป็นภาพที่ประหลาดอย่างยิ่ง

หยดเลือดนี้ก็คือเขตแดนดวงดาวของเขา

นี่คือโลกของเขา

ใบหน้าโจวทงขาวซีดอย่างมาก ปรากฏขึ้นและหายไปอยู่ภายในหยดเลือด ลอยขึ้นมาและจมกลับลงไป

หยดเลือดเริ่มเดือดพล่าน แผ่กลิ่นคาวระคายจมูกออกมา ใครก็ตามที่ได้กลิ่นเลือดจะเสียความกล้าหาญและตกอยู่ในความบ้าคลั่งได้อย่างง่ายดาย ดวงจิตจะอ่อนแอลงจนกระทั่งวิญญาณออกจากร่างไปและตายลง

เฉิงจวิ้นต้องถอยไปจนถึงส่วนหลังของห้องจึงจะสามารถหลุดพ้นจากผลกระทบนี้ได้ เมื่อได้เห็นภาพนี้ก็ดวงตายิ่งเต็มไปด้วยความกลัว

เฉินฉางเซิงได้อาบเลือดมังกรมาแล้ว และรากฐานที่ไร้จุดด่างพร้อยของเขาก็มีคุณสมบัติเฉพาะตัว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รับผลกระทบและยังคงแทงกระบี่ออกไปยังหยดเลือดนั้น

ใบหน้าขาวซีดของโจวทงในหยดโลหิตดูชัดเจนขึ้น สายตาที่เฉยชาอย่างที่สุดจ้องมองไปที่ประกายกระบี่และเฉินฉางเซิง

เขตแดนดวงดาวของผู้บำเพ็ญเพียรที่อยู่จุดสูงสุดของขั้นรวบรวมดวงดาวนั้นเรียกได้ว่าเข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบอย่างที่สุด แทบไม่มีจุดอ่อนเลย อย่าว่าแต่ช่องว่างให้โจมตี

แล้วการโจมตีของเฉินฉางเซิงทะลุผ่านทะเลเลือดนี้ได้อย่างไร

กระบี่ไร้ราคีแทงเข้าใส่ลำคอโจวทงอย่างเห็นได้ชัด แต่กระนั้นก็ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าในอากาศเหนือเฉินฉางเซิงนั้นมีประกายกระบี่อีกสายหนึ่ง!

ขวับ! ประกายกระบี่ทะลุทะเลโลหิตและแทงเข้าใส่ตาซ้าย!

ริมฝีปากบางที่ดูโหดร้ายของโจวทงส่งเสียงหวีดแหบแห้งออกมาเมื่อแขนเสื้อทั้งสองข้างกระพืออย่างรวดเร็ว!

ชุดขุนนางสีแดงสั่นไหวอย่างรุนแรงราวกับทะเลเลือดที่เดือดพล่าน นกเซียนและสัตว์อสูรที่ปักอยู่บนชุดขุนนางดูเหมือนจะมีชีวิตขึ้นมา และในส่วนลึกของทะเลเลือดมีวิญญาณโหยหวนอยู่นับไม่ถ้วน พวกมันพุ่งตัวไปยังกระบี่พร้อมกับเสียงกรีดร้องอย่างไม่พอใจ

ประกายกระบี่เจิดจ้าสามารถฉีกกระชากวิญญาณโหยหวนเป็นชิ้นๆ ได้อย่างง่ายดายและพุ่งตรงต่อไปแทงเข้าใส่แขนซ้ายของโจวทง!

โลหิตพวยพุ่งออกมา!

เขตแดนดวงดาวที่สมบูรณ์แบบของผู้บำเพ็ญเพียรในจุดสูงสุดของระดับรวบรวมดวงดาวกลับถูกทำลายลง!

เมื่อมองเห็นภาพที่ไม่น่าเป็นไปได้อย่างยิ่งนี้ ใบหน้าเฉิงจวิ้นก็ฉีดขาวลงไปอีก ร่างกายสั่นสะท้านและไร้กำลังจะพูดออกมา

ใช่แล้ว ตอนแรกเรื่องนี้นั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจเป็นไปได้ แต่เมื่อเฉินฉางเซิงใช้กระบี่ เรื่องนี้ก็ดูเหมือนว่าจะทำความเข้าใจได้

กล่าวได้อย่างไม่เกินจริงว่าตลอดเวลาหลายปีจนนับไม่ถ้วนจากอดีตแสนไกลจนถึงตอนนี้เขาเป็นคนเดียวที่อยู่ในระดับทะลวงอเวจีที่สามารถทำลายเขตแดนดวงดาวได้มากที่สุด

เพราะในสุสานเทียนซูเขาได้ทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างดวงดาวบนท้องฟ้ากับเขตแดนดวงดาวของผู้บำเพ็ญเพียร และเพราะเพลงกระบี่ที่ซูหลีถ่ายทอดให้เขาในดินแดนรกร้างทางตอนเหนือได้มอบความสามารถในการมองทะลุเขตแดนดวงดาวให้แก่ดวงตาทั้งสองของเขา

เพลงกระบี่รอบรู้เป็นเพลงกระบี่อย่างหนึ่ง เป็นวิธีการต่อสู้ที่ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของดวงจิตและสิ้นเปลืองพลังใจอย่างมาก มันเป็นวิธีที่ซูหลีสอนให้กับเขาเพื่อทำลายเขตแดนดวงดาวโดยเฉพาะ

เพลงกระบี่นี้มุ่งเน้นไปที่การทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างท้องฟ้าพร่างดาวกับสิ่งมีชีวิต จากนั้นก็ใช้คำนวณหาช่องว่างในเขตแดนดวงดาวของผู้บำเพ็ญเพียร

เฉินฉางเซิงมีประสบการณ์ในการทำความเข้าใจแผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์ในสุสานเทียนซูที่ค่อนข้างจะแตกต่างไป แม้ว่าความสามารถในการคำนวณของเขาจะอ่อนด้อยกว่าเมื่อเทียบกับสวีโหย่วหรงและซูหลี ทว่าความเข้าใจในเพลงกระบี่รอบรู้นั้นมิได้ด้อยไปกว่าใคร

จากโรงเตี๊ยมสวนหลีจื่อจนถึงที่แห่งนี้ เขาได้ทำการคิดคำนวณมาตลอด ทั้งหมดก็เพื่อเสาะหาและคาดเดาจุดอ่อนในเขตแดนโลหิตของโจวทง

กระบี่ของเขาถูกชักออกมานานแล้ว ดังนั้นมันจะพลาดได้อย่างไรกัน

เลือดสาดพุ่งเมื่อเจตจำนงกระบี่พลุ่งพล่าน และอุณหภูมิในลานบ้านก็สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เฉินฉางเซิงรู้ความแตกต่างระหว่างเขากับโจวทงในแง่ของระดับการบำเพ็ญเพียรว่ากว้างใหญ่เพียงใด ดังนั้นเพื่อความสำเร็จ เขาไม่กล้าที่จะรอช้า ใช้ดวงจิตจุดรัศมีภายในร่าง แล้วให้เปลี่ยนให้เป็นปราณแท้จำนวนมากมายเกินจินตนาการส่งเข้าไปในกระบี่ไร้ราคีเพื่อส่งกระบี่ตรงไป!

กระบี่ไร้ราคีส่องสว่างยิ่งขึ้น แผ่แสงสีขาวและความร้อนออกมา พร้อมจะทำลายชีวิตของโจวทงไปในชั่วขณะต่อมา แต่กระนั้นในช่วงเวลาแห่งความเป็นจริง ภาพที่ว่านั้นไม่ได้เกิดขึ้น…ตัวกระบี่สามารถทะลวงผ่านทะเลเลือดและปักเข้าใส่ร่างของโจวทง ทว่าดูเหมือนมันจะปักไม่ถูกสิ่งใด ไม่มีอะไรอยู่ใต้คมกระบี่!

ร่างจริงของโจวทงนั้นไม่ได้อยู่ในทะเลโลหิต!

ชุดขุนนางสีแดงสดสะบัดพลิ้วอยู่ภายในสายลมราตรี ในตอนนี้เขาได้ลอยขึ้นไปในอากาศและแสดงกำลังของสัตว์อสูรที่บาดเจ็บออกมา!

หยดเลือดปรากฏขึ้นบนฝ่ามือขวาของเขา นี่คือเขตแดนดวงดาวของเขาเช่นนั้นหรือ

เขตแดนดวงดาวคือเครื่องมือป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของผู้บำเพ็ญเพียรระดับรวบรวมดวงดาวและเรียกได้ว่าเป็นโลกส่วนตัวของคนผู้หนึ่ง ใครจะยอมทิ้งโลกของตนและวางโลกนั้นไว้บนฝ่ามือกัน

เฉินฉางเซิงเคยเห็นบันทึกเรื่องนี้ในคัมภีร์เต๋า แต่เขาไม่เคยพบเจอมันในการต่อสู้จริงมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นภาพนี้

โจวทงได้ออกมาจากโลกของตนและได้ทำให้ทะเลเลือดที่เป็นเขตแดนดวงดาวกลายเป็นหยดเลือดในมือ

นี่หมายความว่าการคิดคำนวณอันสลับซับซ้อนนับไม่ถ้วนที่ใช้เพลงกระบี่รอบรู้คำนวณก่อนหน้านี้เพื่อทำลายเขตแดนดวงดาวนั้นไร้ความหมาย เขาไม่อาจทำร้ายร่างกายของโจวทงได้ ในทางกลับกันกระบี่ของเขาได้เข้าไปในทะเลเลือดซึ่งหมายความว่าตอนนี้มันอยู่ภายใต้การควบคุมของโจวทง ไม่อาจที่จะแทงต่อไปเบื้องหน้าได้

จากความรู้สึกที่แผ่ออกมาจากคมกระบี่ เฉินฉางเซิงก็ยืนยันได้อย่างรวดเร็ว หัวใจของเขาวูบลงด้วยเหตุนี้

โจวทงมองลงมาจากด้านบนและถามด้วยสีหน้าเฉยชา “นี่คือกระบี่นั่นหรือ”

นับตั้งแต่ที่เขาตัดสินใจจะสังหารเฉินฉางเซิง ก่อนฤดูร้อนปีก่อนเสียอีก เขาก็เริ่มรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเฉินฉางเซิง รถม้าคันนั้นมักจอดอยู่ภายในตรอกไป๋ฮวาอยู่เสมอ ดังนั้นเขารู้ว่าเฉินฉางเซิงได้ทำอะไรในดินแดนรกร้างกับเมืองสวินหยาง เขารู้ว่าซูหลีสอนเฉินฉางเซิงสามเพลงกระบี่ และรู้ว่ามีเพลงกระบี่หนึ่งที่มุ่งเน้นไปที่การคิดคำนวณ

นับตั้งแต่เขารู้ ในฐานะคนเจ้าเล่ห์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในต้าลู่ เป็นคนที่วางแผนชั่วร้ายคนสำคัญ เขาจะไม่คิดคำนวณว่าเฉินฉางเซิงจะใช้กระบี่นี้ออกมาได้อย่างไร

เขตแดนเลือดที่เขาใช้ออกไปนั้นเป็นของจริง และมันก็ถูกเฉินฉางเซิงทำลายไปจริงๆ การตอบสนองของเขานั้นเสี่ยงมากแม้ว่าเขาจะทำการเตรียมแผนสำรองเอาไว้แล้วก็ตาม

ทั้งหมดนี้เพื่อเป้าหมายเดียว

เขาต้องการทำลายกระบี่ของเฉินฉางเซิง