บทที่ 2753 ล่อไอมารให้ปรากฏ
หลังเสร็จกิจ ตี้ฝูอีได้ตรวจสอบร่างกายนางอย่างเงียบเชียบอีกคราหนึ่ง ผลคือไม่ว่าจะทำอย่างไรก็สัมผัสไม่ได้แล้ว
ไม่น่าเชื่อว่าไอมารจะมีจิตสำนึกแล้ว!
“ทำไมหรือ?” กู้ซีจิ่วสอบถาม มองเขาด้วยดวงตาวูบไหว
ตอนนี้กู้ซีจิ่วรู้สึกไม่มั่นคงยิ่งนัก และอ่อนไหวเฉียบไวมากด้วย คล้ายลูกแมวน้อย สีหน้าเขาผิดปกติเล็กน้อยนางก็สังเกตเห็นแล้ว
ตี้ฝูอียิ้มนิดๆ โอบนางให้นอนลงไปอีกครั้ง “ไม่มีอะไร ข้าเกรงว่าจะกระเทือนลูก ดังนั้นจึงตรวจดูเล็กน้อย”
ไอมารนั้นมีจิตสำนึกส่วนหนึ่งแล้ว ซ้ำยังเปลี่ยนแปลงนิสัยบางอย่างของกู้ซีจิ่ว คาดว่ามันคงจะได้ยินบทสนทนาของเขากับกู้ซีจิ่วได้ด้วย เพื่อกันไม่ให้เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น เขาไม่อาจเอ่ยเรื่องไอมารกับนางได้
เขาต้องหาทางขจัดไอมารนั้นออกมาจากร่างของนางอย่างเงียบเชียบ!
กู้ซีจิ่วอิงแอบอยู่ในอ้อมแขนเขาหลับใหลไปอีกครั้ง
ทว่าตี้ฝูอีหลับไม่ลงอยู่บ้าง มองใบหน้ายามหลับของคนในอ้อมกอด ใคร่ครวญถึงที่มาของไอมารนี้
หากไม่เหนือไปจากที่คาดไว้ ไอมารนี้เกี่ยวโยงกับกู่แม่ลูก ดูเหมือนนางจะปนเปื้อนอย่างสมบูรณ์แล้ว…
เขาต้องจับตำแหน่งของมันให้ได้ก่อน จากนั้นค่อยคิดวางแผน
ถ้าจะจับตำแหน่งให้ได้ ย่อมต้องเล่นพลิกผ้าห่มอีกครั้ง ดังนั้นหลังจากกู้ซีจิ่วหลับไปตื่นหนึ่ง ก็พบว่าตี้ฝูอีกำลังมองดูเธอด้วยสายตาวาววาม สายตานั้นค่อนข้างเร่าร้อน…
ถึงอย่างไรก็เป็นสามีภรรยากันมานานขนาดนี้แล้ว กู้ซีจิ่วมองท่าทางของเขาแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเขาคิดอะไร อดจะกลัดกลุ้มไม่ได้ เจ้าคนผู้นี้หื่นกระหายเกินไปแล้ว! นี่ต้องกินเท่าไหร่ถึงจะอิ่มกัน?!
เพียงแต่ เมื่อถูกเขาจ้องมองด้วยสายตาเช่นนี้ ร่างกายเธอก็โอนอ่อนผ่อนตามไปก่อนเสียแล้ว…
ในการเล่นพลิกผ้าห่มครั้งนี้ตี้ฝูอีไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลย ไอมารนั้นราวกับหายสาบสูญไปแล้ว หรือไม่ก็เป็นตัวเขาที่หลอนไปเอง
ตี้ฝูอียิ้มเยาะอยู่ในใจ เป็นเพียงไอมารเสี้ยวหนึ่งก็คิดจะสู้กับเขาแล้วหรือ?
ในเมื่อไอมารนี้ต้องการปราณหยางเป็นพิเศษ เช่นนั้นเขาจะปล่อยให้มันอดไปเลยสองวัน!
ตี้ฝูอีคิดจะปล่อยให้ไอมารนั้นอดอยาก แต่ไม่ได้คิดจะทำให้ภรรยาของตนอดอยากไปด้วย และไม่อยากให้กู้ซีจิ่วเกิดความสงสัย ดังนั้นหลังจากเสร็จกิจนี้ ตี้ฝูอีจึงคุยกับกู้ซีจิ่ว บอกว่าจะปิดด่านสองวันเพื่อฝึกฝนวรยุทธ์แขนงหนึ่ง เตรียมไว้รับมือกับฟั่นเชียนซื่อในภายหน้า
กู้ซีจิ่วย่อมตอบตกลง เธอก็รู้สึกเหมือนกันว่าฟั่นเชียนซื่อจะก่อปัญหาใหญ่ขึ้น เตรียมการป้องกันไว้ก่อนจะดีที่สุด
เวลาสองวันก็ไม่นานนัก แต่สำหรับกู้ซีจิ่วแล้ว รู้สึกว่าค่อนข้างลำบากอยู่บ้าง
ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเลย แม้แต่ความมีชีวิตชีวาก็กระตุ้นขึ้นมาไม่ได้เลย
เธอคิดถึงเขาอย่างไม่อาจควบคุมได้ ใจคะนึงร่างก็คำนึงหา เธอไม่เคยนึกเลยว่าแค่แยกจากเขาเพียงระยะสั้นๆ ก็ทำให้เธออึดอัดทรมานขนาดนี้แล้ว ความรู้สึกนั้นเสมือนติดบุหรี่ แต่ไม่อาจดูดรับควันนั้นได้
เธอกระสับกระส่ายนั่งไม่ติดนอนไม่ได้ ในที่สุดก็สัมผัสถึงความผิดปกติของตัวเองได้รางๆ แล้ว!
นิสัยของเธอเรียบง่ายผ่าเผยยิ่งนักเสมอมา แล้วเปลี่ยนเป็นคิดเล็กคิดน้อยเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ถึงขั้นที่ไม่อาจควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้เลย เสมือนมีภูตผีสิงร่างก็มิปาน!
เธอตรวจสอบร่างกายดูตามสัญชาตญาณเล็กน้อย ก็ตรวจไม่พบอะไรเช่นกัน
แต่พอไม่เห็นหน้าตี้ฝูอีชั่วขณะ ในใจก็มักจะกระวนกระวายอยู่เสมอ
ตนที่เป็นเช่นนี้ช่างทำให้ผู้อื่นรำคาญนัก!
กู้ซีจิ่วเคาะหน้าผากของตนอยู่หลายที ขณะที่กำลังคิดไม่ตกอยู่นั้น ยันต์ถ่ายทอดเสียงตรงหว่างเอวก็ส่องวาบขึ้นมา
เธอหงุดหงิดอยู่บ้าง กดรับสาย ‘ใคร?!’ น้ำเสียงกร้าวอย่างยิ่ง
ฝ่ายนั้นชะงักไปแวบหนึ่ง น้ำเสียงเยาว์วัยแว่วขึ้นอย่างหวาดๆ “ท่านแม่?”
“เฮ่าเอ๋อร์!” กู้ซีจิ่วถอนหายใจ ทำให้น้ำเสียงอ่อนโยนลงเล็กน้อย “เฮ่าเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม? เจ้าอยู่ที่ไหน?”
“ท่านแม่ ข้าล่าของดีอย่างหนึ่งมาได้ ประเดี๋ยวจะเอากลับไปให้ท่าน ใช่แล้ว ท่านแม่ทำอะไรอยู่? น้ำเสียงไม่ค่อยดีเลย ทะเลาะกับท่านพ่อหรือ?”
เด็กคนนี้สัมผัสเฉียบไวเหลือเกิน ไม่น่าเชื่อว่าจะจับสังเกตอารมณ์ของเธอได้ง่ายดายถึงเพียงนี้
กู้ซีจิ่วสูดหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง ค่อนข้างละอาย
————————————————————————————-
บทที่ 2754 ล่อไอมารให้ปรากฏ 2
เด็กคนนั้นยังเล็กถึงเพียงนั้น เดิมทีสมควรเธอที่เอาใจใส่เขา ผลคือกลับกลายเป็นบุตรชายที่เอาใจใส่เธอมาโดยตลอด เธอช่างเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ!
“ไม่หรอก ลูกรัก แม่สบายดี”
‘”ท่านพ่อล่ะ?”
“เขาปิดด่านกักตนน่ะ เพียงแต่อีกไม่นานก็ออกมาแล้ว”
เธอพูดคุยสัพเพเหระกับลูกชายผ่านยันต์ถ่ายทอดเสียงอยู่สองสามประโยค จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องเจี๊ยวจ๊าวแว่วออกมาจากฝั่งของบุตรชาย คล้ายมีสัตว์ประหลาดนับไม่ถ้วนคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวอยู่…
อะไรน่ะ?
ลูกชายไปหาเรื่องในดงสัตว์ประหลาดอีกแล้วหรือไง?
ตี้เฮ่าที่อยู่ทางฝั่งนั้นก็สบถออกมาเช่นกัน “สารเลว มาอีกแล้ว!”
แล้วรีบเอ่ยออกมาประโยคหนึ่ง “ท่านแม่ เอาไว้กลับไปแล้วค่อยคุยกับท่านอีกนะขอรับ ข้าจะไปจัดการพวกนั้นก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
ตี้เฮ่าอยากร้องไห้ทว่าไร้น้ำตาโดยแท้ หลังจากเขาได้รับครึ่งหทัยมาก็เร่งเดินทางกลับทันที กลับนึกไม่ถึงเลยว่าพลังวิญญาณจากครึ่งหทัยนี้จะแกร่งกล้านัก เขาถือครองมันไว้ก็เสมือนครอบครองเนื้อพระถังชิ้นหนึ่งไว้ สัตว์ประหลาดที่ย่างกรายผ่านล้วนพะวงหา!
ระหว่างทางเขาถูกสัตว์มารกว่าสิบเจ็ดสิบแปดตัวเข้ามาโจมตี!
เขามองนกประหลาดเหล่านั้นที่ยื้อแย่งเบียดเสียดกันบินเข้ามา ก่อแสงรุ้งขึ้นในฝ่ามือ มีไอสังหารพาดผ่านนัยน์ตาเขาแวบหนึ่ง
ถ้าเขาไม่ลงมืออย่างเหี้ยมหาญคงจะเห็นเขาเป็นเด็กน้อยมีเมตตาไปจริงๆ แล้วกระมัง?!
เขาจะให้พวกมันได้เห็นดี!
ให้พวกมันได้รู้ว่า อย่ามาหาเรื่องยั่วยุเด็กน้อย!
….
หลังยันต์ถ่ายทอดเสียงตัดไป กู้ซีจิ่วถือยันต์ถ่ายทอดเสียงเอาไว้อย่างใจลอยอยู่บ้าง
เธออยู่ในชั้นซ่างเสินแล้ว ชั่วชีวิตนี้สัตว์ประหลาดที่เคยพบพานมาแม้ไม่ถึงหมื่นก็คงมีสักแปดพันแล้ว ความรู้สึกหวาดกลัวยามที่ได้ยินเสียงคำรามของสัตว์ประหลาดหมดไปนานนมแล้ว
แต่ครั้งนี้ยามที่ได้ยินเสียงคำรามสัตว์ประหลาดเหล่านั้นที่แว่วออกมาจากยันต์ถ่ายทอดเสียงฝั่งบุตรชาย จิตใจเธอพลันสะท้านขึ้นมา เหมือนได้รับความตกใจ จากนั้นเลือดในกายก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ในกระเพาะเกิดความกระหายประการหนึ่งขึ้นมาอย่างน่าประหลาด มีความต้องการจะพุ่งเข้าไปขึ้นมาวูบหนึ่ง เป็นความรู้สึกที่ต้องการจะสังหารกลืนกินสัตว์ร้ายไม่กี่ตัวนั้น
นี่คือความเปรี้ยวปากของหญิงมีครรภ์หรือ?
เกิดความตะกละอยากกินบางสิ่งขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง พอไม่ได้กินก็อึดอัดตะขิดตะขวงใจ…
กู้ซีจิ่วรู้สึกหงุดหงิดอย่างยิ่ง ปากคอก็ร้อนผ่าวอย่างยิ่ง จึงเดินออกไปข้างนอกเสียเลย คิดจะไปสูดอากาศเสียหน่อย
ภายในวังมรกตมีทะเลสาบขนาดใหญ่แห่งหนึ่งอยู่ ในทะเลสาบไม่เพียงแต่อุดมไปด้วยไอวิญญาณเท่านั้น ยังเปี่ยมไปด้วยสัตว์น้ำด้วย มีปลาหายากโอชารสสารพัดชนิดอยู่มากมายนับไม่ถ้วน
กู้ซีจิ่วยืนอยู่สะพานกลางทะเลสาบครู่หนึ่ง ก้มตัวมองมัจฉาที่แหวกว่ายอยู่ใต้สะพาน
เมื่อก่อนเห็นทิวทัศน์เช่นนี้จะทำให้เจริญหูเจริญตา ยามนี้พอได้เห็นแบบนี้เธอกลับ…หิวกระหายจนน่าตระหนก
เธอพยายามอดทนทว่าทนไม่ไหว ด้วยเหตุนี้จึงพุ่งลงไปในน้ำเลย!
อันที่จริงพวกมู่เฟิงลอบคุ้มกันนางอย่างลับๆ อยู่ตลอด พอเห็นเธอทำแบบนี้ก็ตกใจ!
ภายในวังมรกตอากาศเหมือนฤดูใบไม้ผลิตลอดปี น้ำในทะเลสาบแห่งนี้เย็นเฉียบ ไม่เหมาะจะแหวกว่าย ยิ่งไม่เหมาะให้สตรีมีครรภ์ลงว่ายด้วย…
มู่เฟิงแทบจะกระโดดตามลงไปด้วยแล้ว แต่เขาเพิ่งยื่นขาออกไปได้ครึ่งก้าว ก็รีบหดกลับมาแล้วหันหลังไปทันที!
กู้ซีจิ่วที่อยู่ในทะเลสาบถอดชุดท่อนบนออก สวมเพียงเสื้อตัวในล่องลอยอยู่ ในมือยังถือปูตัวใหญ่ที่มีเขี้ยวและก้ามสองตัวไว้ด้วย
ปูใหญ่ตัวนั้นใหญ่ว่าปูแม่น้ำธรรมดาถึงแปดเท่า เสมือนโต๊ะกลมขนาดเล็กตัวหนึ่ง
มันดิ้นรนอยู่ในมือกู้ซีจิ่วอย่างสุดชีวิต กู้ซีจิ่วไม่ทันระวัง ถูกก้ามอันใหญ่โตของมันหนีบมือ หยาดโลหิตซึมออกมาจากปลายนิ้ว
เดิมทีเธอคิดจะจับปูขึ้นไปบนฝั่ง หาคนเอาไปนึ่งมาให้กิน
เมื่อถูกหนีบเช่นนี้ ก็โมโหขึ้นมาทันที ด้วยความโกรธจึงกระชากก้ามของปูออกมาเสียเลย!
เจ้าปูเจ็บปวดจนสั่นสะท้านปานตะแกรงร่อน และเมื่อกู้ซีจิ่วเห็นเนื้อสีชมพูภายในก้ามของมันน้ำลายก็ไหลสอ ก้มศีรษะลงไปอย่างอดใจไม่อยู่ ต้องการจะดูดขาปู…
“ซีจิ่ว!” เสียงตะโกนจากบนฝั่งทำให้กู้ซีจิ่วตัวแข็งทื่อไปทันที สายตาพร่าเลือน เงาร่างสายหนึ่งปรากฏขึ้นบนผิวน้ำข้างกายเธอ
กู้ซีจิ่วเงยหน้าขึ้น มองเห็นตี้ฝูอีในชุดสีม่วงพลิ้วไหว หัวใจพลันปรีดา โผเข้าไปหาทันที “ฝูอี! ในที่สุดท่านก็ออกมาแล้ว!”
————————————————————————————-