ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 37 เปลี่ยนทิศทาง

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

เมิ่งเชี่ยนโยวคิดถึงข้อสำคัญตรงนี้ จึงไม่ได้โต้แย้ง และพูดกำชับเขา “ระวังตัวด้วย รีบกลับมาล่ะ” 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนหยุดการเคลื่อนไหว แล้วยืนนิ่งอยู่ที่เดิม 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกับหลินหันเยียนพาหวงฝู่เย่าเย่ว์อำพรางตัวในมุมมืดกลับไปยังโรงเตี๊ยม 

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งกับหวงฝู่เฮ่ามองไปด้านนอกหน้าต่างโดยตลอด จนกระทั่งเห็นเงาร่างคนสามคนผ่านมา ก็นึกไปว่าไม่สามารถช่วยหวงฝู่เย่าเย่ว์ออกมาได้ บนใบหน้าจึงเผยความผิดหวัง เมิ่งเชี่ยนโยวกระโดดขึ้นชั้นสองมา แล้วยื่นมือไปหาหวงฝู่เย่าเย่ว์ หวงฝู่เย่าเย่ว์าคว้ามือนาง ยืมแรงกระโดดเข้าไปในโรงเตี๊ยม 

 

 

เท้าเพิ่งจะลงถึงพื้น หวงฝู่สือเมิ่งก็กระโจนเข้ามากอดนาง แล้วกดเสียงต่ำร้องเรียกนางด้วยความยินดี “เย่ว์เอ๋อร์!” 

 

 

หวงฝู่เฮ่ามองชัดว่าเป็นนาง ก็ตื่นเต้นอย่างมาก แล้วยื่นมือเล็กๆ คล้องแขนของนางไว้ “พี่เย่ว์เอ๋อร์” 

 

 

ความหวาดหวั่นตกใจ บวกกับการที่ต้องวิ่งตะบึงหนีตลอดทาง เกือบจะเผาผลาญพลังทั้งหมดของหวงฝู่เย่าเย่ว์ จึงผ่อนคลายร่างกาย เอนตัวลงในอ้อมอกของหวงฝู่สือเมิ่ง น้ำเสียงสะอึกสะอื้นเล็กน้อย “พี่ใหญ่ น้องเฮ่า” 

 

 

ได้ยินเสียงพูดที่อ่อนแอไร้เรี่ยวแรงของนาง หวงฝู่สือเมิ่งก็สงสารอย่างมาก จึงยื่นมือออกไปตบหลังของนางเบาๆ “ท่านพ่อท่านแม่ก็อยู่ ไม่ต้องกลัวแล้วนะ” 

 

 

ในที่สุดก็ได้สาวน้อยกลับมา อายุเพียงเท่านี้และโตมากับการเลี้ยงดูที่ปรนนิบัติตามใจภายในจวนอ๋อง แม้ว่าจะมีความกล้าหาญและความเฉลียวฉลาดแตกต่างจากคนอื่น แต่ภายในระยะเวลาอันสั้น ก็ต้องเจอกับเรื่องที่เหนือความคาดหมายมากมายเช่นนี้ โดยเฉพาะที่ได้เห็นคนตายจริงๆ เมื่อครู่ ทำให้จนถึงตอนนี้ในใจก็ยังรู้สึกหวาดกลัว แม้ว่าหวงฝู่สือเมิ่งจะปลอบขวัญเช่นนี้ ร่างเล็กๆ ก็อดไม่ได้ที่จะยังสั่นเทาอยู่เบาๆ 

 

 

รู้สึกถึงอารมณ์ที่นางเกือบจะร้องไห้ออกมา หวงฝู่สือเมิ่งก็กอดนางแน่นขึ้น มือเล็กๆ ตบหลังนางเบาๆ ตลอด พร้อมปลอบด้วยเสียงละเอียดเบา  

 

 

“เมิ่งเอ๋อร์ พาเย่ว์เอ๋อร์ไปพักห้องอีกห้องหนึ่งก่อน” กลัวว่าจะทำให้หวงฝู่เย่าเย่ว์ตกใจ เมิ่งเชี่ยนโยวจึงสั่งเสียงเบา 

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งพยักหน้า ขณะที่กำลังจะพาหวงฝู่เย่าเย่ว์ออกไปด้านนอก กลับคิดถึงเงาร่างที่ยังไม่ปรากฏของหวงฝู่อี้เซวียน จึงหยุดการเคลื่อนไหว แล้วถาม “ท่านแม่ ท่านพ่อล่ะเจ้าคะ” 

 

 

“ท่านพ่อของเจ้าไปล่อพวกทหารที่ไล่ตาม ไม่นานก็จะกลับมา พวกเจ้าไม่ต้องกังวลนะ พักผ่อนเร็วเสียหน่อย วันพรุ่งนี้เช้าพวกเราจะคิดหาวิธีแทรกตัวออกจากเมืองไป” 

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งไม่ถามอะไรมากอีก แล้วโอบหวงฝู่เย่าเย่ว์ไปอีกห้องหนึ่ง หวงฝู่เฮ่าก็ตามไปด้วย 

 

 

“คุณหนูหลิน เจ้าก็ไปพักเถิด พรุ่งนี้ไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญกับสถานการณ์อย่างไรบ้าง ต้องสะสมแรงกายแรงใจให้เพียงพอ” 

 

 

หลินหันเยียนก็รู้เช่นกันว่าสถานการณ์ตอนนี้เสี่ยงอันตรายอย่างมาก จึงไม่ได้พูดอะไรมาก พยักหน้าแล้ว ก็ไปที่ห้องตัวเอง 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยืนอยู่ข้างหน้าต่างที่ดำทึบ จับจ้องแสงเพลิงที่ยิ่งไกลออกไปโดยไม่ขยับโดยตลอด 

 

 

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เห็นเงามืดมาด้านนี้อย่างรีบร้อน เมิ่งเชี่ยนโยวดีใจ แล้วชะโงกหัวออกไป 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนเห็นภาพนี้อยู่ไกลๆ ในใจก็รู้สึกอบอุ่น จึงรวบรวมกำลังภายใน แล้วกระโดดตรงกลับเข้าที่ห้อง 

 

 

มองไปรอบทิศแล้ว ในใจที่วิตกกังวลของเมิ่งเชี่ยนโยวก็ผ่อนคลายลง ไม่พูดอะไรแม้แต่ประโยคเดียว เอื้อมสองมือออกไปกอดเอวของหวงฝู่อี้เซวียนแน่น ศีรษะพิงอยู่ที่หน้าอกของเขาอย่างสบาย 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนยื่นมือออกไป ลูบผมของนาง 

 

 

ทั้งสองคนไม่พูดอะไร 

 

 

ภายในห้องเงียบสงัด 

 

 

ผ่านไปนานแสนนาน เมิ่งเชี่ยนโยวถึงเงยศีรษะขึ้น เห็นดวงตาของหวงฝู่อี้เซวียนส่องแสงระยิบระยับราวกับหินประดับ ภายในน้ำเสียงมีความใฝ่หาและตื่นเต้น “เซี่ยงกง พรุ่งนี้พวกเราจะต้องพาลูกสาวออกไปจากที่นี่แล้ว” 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนหลุดขำเสียงแหบ ราวกับว่าตอนนี้เห็นเด็กสาวที่เจอเรื่องยิ่งเสี่ยงอันตราย ก็ยิ่งตื่นเต้น ไม่เกรงกลัวฟ้าดินคนนั้น (อืม ไม่ผิดแล้ว ก็คือเด็กสาวนั่นแหละ) ในใจก็รู้สึกคึกคักอย่างมาก ก้มหน้าลง อยากจะดูดดื่มริมฝีปากนาง 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวราวกับเดาได้ตั้งนานแล้วว่าเขาจะมีทำเช่นนี้ จึงเบนศีรษะหนี ผละออกจากอ้อมอกเขา แล้วทำท่าทางนอนตะแคงอย่างขี้เกียจลงบนเตียง พร้อมตบที่ว่างข้างกายตัวเองเบาๆ “เห็นแก่ผลงานอันยอดเยี่ยมของเจ้าวันนี้ ข้าอนุญาตให้เจ้านอนข้างๆ ข้าได้ แต่ว่า เจ้าอย่าได้ล้ำเส้นแม้แต่ก้าวเดียว มิฉะนั้นข้าจะร้องขอความช่วยเหลือ” 

 

 

วันนี้เหนื่อยล้ากับการรับมือคนพวกนั้น ก็สูญเสียพลังกายไปไม่น้อยแล้ว และพรุ่งนี้ก็ไม่รู้ว่าจะต้องหนีตายอย่างไรอีก เดิมทีหวงฝู่อี้เซวียนก็ไม่คิดจะแตะต้องนาง พอได้ยินแล้ว ก็ยิ้มส่ายหน้า แล้วเดินไปข้างเตียง เหยียดมือขวาออกไปคว้าข้อมือนาง แล้วออกแรงฉุดนางขึ้นเพื่อช่วยนางถอดเสื้อนอก แล้วถึงจะวางนางกลับลงไปบนเตียงเบาๆ อีกครั้ง ส่วนตัวเองก็ถอดเสื้อนอกออก แล้วนอนลงที่ข้างกายนาง และเอื้อมมือโอบนางมาไว้ในอ้อมอกของตัวเอง 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหาท่าที่สบายได้แล้ว ก็หลับตา แล้วนอนหลับไปอย่างรวดเร็ว  

 

 

หลายวันนี้ ไม่รู้ว่าสถานการณ์ของหวงฝู่เย่าเย่ว์เป็นอย่างไรบ้าง หวงฝู่อี้เซวียนก็นอนไม่หลับ ทว่า ตอนนี้ลูกสาวกลับมาแล้ว ในใจก็สงบลง และนอนหลับไปภายในเวลาไม่นาน  

 

 

ทันทีที่ตื่นขึ้นโดยไม่รู้ว่านอนหลับไปนานเท่าไร เมิ่งเชี่ยนโยวก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายปลุกให้ตื่น ก็ลืมตาโพลงขึ้น 

 

 

ท้องฟ้าสว่างแล้ว มีแสงของดวงอาทิตย์ส่องเข้ามาอ่อนๆ 

 

 

เสียงอื้ออึ้งด้านนอกยิ่งดังขึ้น 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนก็ถูกเสียงปลุกให้ตื่น จึงลืมตาขึ้น 

 

 

ทั้งสองคนมองตากันแล้วรีบลุกจากเตียง สวมเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย ก็ก้าวยาวออกไปด้านนอก 

 

 

เพิ่งเดินมาได้ก้าวเดียว เมิ่งเชี่ยนโยวก็นึกอะไรขึ้นได้ หันกลับไปเห็นหวงฝู่อี้เซวียนได้คืนรูปลักษณ์เดิมแล้ว จึงทำไม้ทำมือให้เขา และกล่าว “เจ้ารออยู่ในห้อง ข้าออกไปถามคุณหนูหลินว่าเกิดอะไรขึ้น” 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนนึกออกเรื่องที่ตัวเองคืนใบหน้าเดิม จึงหยุดฝีเท้าลง 

 

 

หลังจากเมิ่งเชี่ยนโยวเปิดประตูออกไปแล้ว ก็รีบปิดประตูทันที 

 

 

หลินหันเยียนได้ยืนอยู่ที่รั้วบันไดแล้ว ครั้นได้ยินเสียงเคลื่อนไหว ก็หันหน้าไปเห็นเมิ่งเขี่ยนโยว เมื่อเห็นว่าทางซ้ายและขวาไม่มีคน จึงกดเสียงต่ำพูดกับนาง “คนด้านล่างล้วนกำลังวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่องค์ชายใหญ่สั่งให้ปิดประตูเมืองทั้งหมด และไม่อนุญาตให้เข้าออกเจ้าค่ะ แม้แต่เรื่องที่จะนำทัพออกศึกสงครามก็ยื้อออกไปแล้วด้วยเจ้าค่ะ” 

 

 

องค์ชายใหญ่ดำเนินการเช่นนี้ก็คือมีจุดประสงค์ที่จะจัดการกับพวกเราโดยเฉพาะ แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขาเดาสถานะของพวกเราออกแล้ว และอยากจะจับพวกเราโดยไม่ต้องเปลืองแรงแลกเปลี่ยนเงื่อนไขและคูเมืองกับรัฐอู่แม้แต่น้อย 

 

 

คิดถึงตรงนี้ เมิ่งเชี่ยนโยวก็พูดกำชับ “เจ้าฟังต่อไป ข้ากับอี้เซวียนไปปรึกษาแผนรับมือสักหน่อย” 

 

 

หลินหันเยียนพยักหน้า 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหันกายเข้าไปในห้อง แล้วนำคำพูดของหลินหันเยียนบอกแก่เขาโดยไม่ขาดตกบกพร่อง 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนได้ยินแล้ว ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “วันนี้ท่าป๋าหั่นมู่น่าจะสั่งคนให้ตรวจหาทั่วทั้งเมือง พวกเราก็ไม่อาจโรงเตี๊ยมนี้ต่อได้แล้วล่ะ” 

 

 

“พวกเรามีกันหกคน เป็นเป้าที่ชัดเกินไป ถ้าหากออกไป ไม่นานก็จะถูกคนจับได้ ไม่ได้หรอก ควรจะอยู่ในโรงเตี๊ยมแบบนี้สิถึงจะปลอดภัยกว่า แต่เพียงแค่ต้องย้ายเป็นอีกโรงเตี๊ยม ยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งดี” 

 

 

“ตกลง พวกเรารีบเก็บของแล้วไปจากที่นี่ทันที” 

 

 

ปรึกษาเสร็จแล้วก็ไม่รอช้า เมิ่งเชี่ยนโยวหันกายออกจากประตูอีกครั้ง แล้วสั่งหลินหันเยียนให้ไปเก็บข้าวของด้วยเสียงเบา จากนั้นก็ไปเคาะประตูที่ห้องพวกหวงฝู่สือเมิ่ง 

 

 

เมื่อคืนหวงฝู่สื่อเมิ่งกับหวงฝู่เย่าเย่ว์นอนเตียงเดียวกัน แล้วให้หวงฝู่เฮ่านอนอีกเตียงหนึ่ง 

 

 

ทั้งสามคนตื่นแล้ว เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู หวงฝู่เฮ่าก็ออกมาเปิด เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้าไป เห็นหวงฝู่เย่าเย่ว์ยังคงสวมชุดชายหนุ่ม จึงพูด “เมิ่งเอ๋อร์ ไปเอาชุดมาเปลี่ยนให้เย่ว์เอ๋อร์ พวกเราจะย้ายโรงเตี๊ยมกัน” 

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งรับคำ แล้วเปิดสัมภาระเล็กที่พกติดตัว หยิบเสื้อผ้าชุดหนึ่งออกมาส่งให้แก่หวงฝู่เย่าเย่ว์ 

 

 

คำพูดของเมิ่งเชี่ยนโยวพูดจบ หวงฝู่เฮ่าก็เดินออกไปอย่างเข้าใจ บัดนี้ ในห้องเหลือแต่เพียงผู้หญิงสามคน หวงฝู่เย่าเย่ว์ก็ไม่ได้ถือสา ถอดชุดบนกายออกหมด ทิ้งลงที่พื้น แล้วเปลี่ยนเป็นชุดใหม่ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเอนกายลง หยิบเสื้อผ้าขึ้นมา แล้วม้วนเป็นทรงกลม จากนั้นก็ออกแรงโยนทิ้งไปที่ใต้เตียง เมื่อยืนขึ้น และเห็นหวงฝู่เย่าเย่ว์ได้สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว จึงพูด “พวกเจ้ารออยู่ในห้องก่อน แม่มาเคาะประตูอีกเมื่อใดแล้วค่อยออกมา” 

 

 

ทั้งสองคนรับคำ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหันกายออกจากประตู ตรงกลับมายังห้องของตัวเอง จากนั้นแกะห่อกระเป๋าออก เพื่อหยิบอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับแต่งหน้า แล้วแต่งหน้าหวงฝู่อี้เซวียนให้มีลักษณะเหมือนตอนที่เข้ามาในโรงเตี๊ยมใหม่อีกครั้ง 

 

 

เมื่อแต่งหน้าและเก็บของเสร็จ ก็พูด “พวกเรามีคนเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง เกรงว่าจะทำให้เถ้าแก่สงสัย เอาอย่างนี้ เจ้าพาเย่ว์เอ๋อร์ คุณหนูหลินและเฮ่าเอ๋อร์ไปก่อน แล้วรอข้าอยู่นอกโรงเตี๊ยม จำไว้ ให้เย่ว์เอ๋อร์หาที่ซ่อนสักแห่งก่อน” 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้า เมิ่งเชี่ยนโยวก็หยิบอุปกรณ์ไปแต่งหน้าให้แก่หวงฝู่เย่าเย่ว์ โดยวาดให้เหมือนกับหวงฝู่สือเมิ่ง พอเสร็จแล้วก็ค่อยให้นางออกจากห้อง แล้วถึงจะเรียกหลินหันเยียนกับหวงฝู่เฮ่าออกมา โดยให้แต่ละคนเดินไปก่อน ส่วนนางกับหวงฝู่สือเมิ่งอยู่ด้านหลัง 

 

 

แม้ว่าไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่จะทำเช่นนี้ของนางคืออะไร แต่หลินหันเยียนก็ไม่ได้ถาม แล้วตามหลังแต่ละคนอย่างเงียบๆ ลงจากด้านบนมายังโต๊ะรับแขกและคิดบัญชี 

 

 

เถ้าแก่เห็นพวกเขามีเพียงสี่คน ขาดไปหนึ่งคน ในใจก็สงสัย จึงเอ่ยปากถาม “พวกเจ้าไม่ได้มีห้าคนหรือขอรับ” 

 

 

“อ๋อพี่สะใภ้รองของข้ายังเก็บข้าวของอยู่เจ้าค่ะ อีกประเดี๋ยวก็จะลงมา พวกเราลงมาคิดเงิน แล้วลากม้าออกมาคอยนางกันก่อนเจ้าค่ะ” หลินหันเยียนตอบ 

 

 

เวลาที่ผู้หญิงออกจากบ้านก็ต้องหวีผมแต่งกายสักหน่อย เถ้าแก่เป็นคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน จึงย่อมเข้าใจ และไม่ได้ถามมาก หลังจากคิดเงินกับพวกเขาแล้ว ก็ยิ้มบอกแต่ละคนว่า ต่อไปถ้ามาที่หวงเฉิงก็ให้มาพักที่โรงเตี๊ยมของพวกเขาอีก 

 

 

หลินหันเยียนกล่าวรับรองแล้ว เถ้าแก่ก็มองพวกเขาออกจากประตูไปอย่างแจ่มใส แล้วก้มหน้า หยิบพู่กันกับน้ำหมึก ขีดฆ่ายอดรายรับที่จดไว้ในบัญชีเมื่อครู่ 

 

 

เมื่อขีดเสร็จ ขณะที่เงยหน้าขึ้นมา เห็นเมิ่งชี่ยนโยวกับหวงฝู่สือเมิ่งเดินลงมาจากด้านบน ก็ตกใจจนเกือบจะล้มลง มองแม่ลูกสองคน แล้วก็มองออกไปด้านนอกตามสัญชาตญาณ จึงยกมือขึ้นมาขยี้ตาตัวเอง และสงสัยว่าตาของตัวเองจะผิดปกติเสียแล้ว 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดหัวเราะออกมา 

 

 

ดวงตาของเถ้าแก่เบิกโตเหมือนกังสดาล เห็นสองคนได้เดินมาถึงชั้นหนึ่ง ก็ชี้ไปที่หวงฝู่สือเมิ่ง “นาง…นาง… นาง…” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่เข้าใจว่าเขาพูดอะไร แต่ดูจากท่าทางการแสดงออกก็เดาได้ว่าเขาตกใจที่เห็นหวงฝู่สือเมิ่ง จึงเม้มปากยิ้มน้อยๆ แต่กลับไม่กล้าเอ่ยปากพูด 

 

 

หลินหันเยียนเดินเข้ามาอย่างเหมาะเจาะ พร้อมด้วยน้ำเสียงบ่น “พี่สะใภ้รอง ทำไมถึงเอ้อระเหยแบบนี้ นี่ต้องให้เด็กขึ้นไปเรียกเจ้าอีก” 

 

 

ที่แท้เด็กน้อยก็ขึ้นไปเรียกอีกครั้ง หาใช่ว่าตัวเองเห็นผีเสียแล้ว เถ้าแก่จึงถอนหายใจโล่งอก และตบหน้าอกตัวเองที่ตื่นตระหนกไป เมื่อครู่ ทำให้เขาต้องหวาดผวาจนแม้แต่หัวใจที่เต้นอยู่ก็ล้วนจะหยุดลงไปแล้ว 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าให้เถ้าแก่ แล้วเดินตามหลินหันเยียนออกไป 

 

 

เถ้าแก่เขย่งกายมองไปยังด้านนอก ในใจก็แอบนับ หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า อืม…ห้าคน ไม่ขาดไม่เกิน ดูเหมือนว่าเมื่อครู่คงจะเป็นตัวเองที่คิดไปเองจริงๆ นั่นแหละ