ส่วนที่ 4 ภาคความปรารถนาจากบูรพา ตอนที่ 118 สังหารโจว (ปลายฤดูกาลแรก)

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

ประกายกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากฝัก โถมเข้าใส่ทะเลเลือด เสียงระเบิดดังกึกก้องและเสียงฟาดฟันสะท้อนออกมาพร้อมกัน แสงเจิดจ้าส่องสว่างทั่วลานบ้านเล็กๆ แห่งนี้ สาดส่องต้องผนังกำแพง ต้นไห่ถังที่เต็มไปด้วยรอยกรีด ทะเลเลือดที่เหนียวข้น และยังส่องใบหน้าขาวซีดของโจวทงอีกด้วย

กระบี่เหล่านี้เป็นเสมือนดาวตกจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนร่วงหล่นลงจากฟากฟ้า มาพร้อมกับแสงและความร้อนอันน่าหวาดกลัว ทิ่มแทงเข้าใส่เลือดและแผ่รัศมีแรงกดดันไม่หยุดหย่อน

การบำเพ็ญเพียรของโจวทงนั้นอยู่ในจุดสูงสุดของขั้นรวบรวมดวงดาว และเขาก็ได้เตรียมตัวรับมือลูกไม้ของเฉินฉางเซิงเอาไว้แล้ว กระบี่รอบรู้ของเฉินฉางเซิงค้นหาจุดอ่อนที่แท้จริงไม่สำเร็จ ด้วยเหตุนี้จึงตกอยู่ใต้การควบคุมของเขา แต่กระนั้นเขตแดนดวงดาวของเขาจะทนการโจมตีของกระบี่มากมายได้อย่างไร ไม่ว่ามันจะใกล้ความสมบูรณ์เพียงไร ก็ยังไม่เรียกว่าสมบูรณ์อย่างแท้จริง ตราบใดที่ยังมีจุดอ่อน ก็ย่อมหลีกเลี่ยงการถูกแทงเข้ามาไม่ได้!

หยดเลือดที่ควบแน่นจากทะเลเลือดได้กักขังกระบี่ไร้ราคีอันคมกล้าหาใดเปรียบเอาไว้ข้างใน ภายใต้การโจมตีของประกายกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วน ในตอนนี้มันก็เริ่มแสดงสัญญาณของการแตกสลายออกมาแล้ว

มีเสียงดังโผละเหมือนถุงหนังใส่สุราจนเต็มถูกกระบี่แหลมคมทิ่ม หรือเหมือนกับหน้าต่างกระดาษถูกนิ้วทิ่มเป็นรู

ทะเลเลือดถูกทำลาย!

ใบหน้าโจวทงเปลี่ยนเป็นซีดขาวผิดปกติ ดวงตาดูลึกล้ำเงียบงันยิ่งกว่าเก่า ในส่วนลึกของดวงตามองเห็นประกายความหวาดกลัว

ประกายกระบี่มากมายนับไม่ถ้วนทิ่มแทงผ่านทะเลเลือด ที่นำพามาด้วยนั้นคือเจตจำนงกระบี่ที่น่าหวาดหวั่นพุ่งเข้ามาใส่ร่างเขา!

ท่ามกลางเสียงหวีดหวิวของกระบี่ที่ทิ่มแทงเข้ามา น้ำพุเลือดจำนวนมากฉีดพุ่งขึ้นในความมืดยามราตรีพร้อมกับเสียงร้องคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวและเจ็บปวด

ร่างโจวทงเต็มไปด้วยรอยแผลหลายร้อยรอย เลือดสดๆ ไหลออกมาจากแผลพวกนั้น แม้แต่กระดูกขาวก็ยังมีให้เห็นรำไร!

โจวทงรู้ว่าเฉินฉางเซิงมีกระบี่มากมาย และคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่เขาจะเก็บกระบี่พวกนั้นเอาไว้ในฝักกระบี่ที่เรียกว่าซ่อนคม แต่เขาไม่เคยคาดคิดว่าเฉินฉางเซิงจะมีความสามารถควบคุมพวกมันทั้งหมดพร้อมกัน!

ต้องรู้ว่ากระบี่พวกนี้ล้วนเป็นกระบี่มีชื่อที่น่าหวาดหวั่นและโดดเด่นที่สุด สืบทอดกันมานับแต่อดีตกาล แล้วเหตุใดผู้เยาว์คนหนึ่งที่เพิ่งทะลวงสู่ขั้นรวบรวมดวงดาวจึงสามารถควบคุมพวกมันทั้งหมดได้

เลือดพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่งในลานบ้านที่มืดสลัว ไหลลงไปบนหินปูพื้นที่แตกร้าว ทั้งยังไหลเข้าไปในเขตแดนดวงดาวแห่งเลือดที่ดูเสมือนภาพลวงตา

ทะเลเลือดถูกทำลาย ทว่ายังไม่แตกสลายไป ในทางกลับกัน มันยังพลุ่งพล่านปั่นป่วนยิ่งขึ้นเมื่อได้รับเลือดของโจวทง กลิ่นอายเลือดเข้มข้นยิ่งกว่าเดิม

มือข้างหนึ่งยื่นออกมาจากทะเลเลือด ออกมาจากความมืด นี่คือมือซ้ายของโจวทง ฝ่ามือของเขามีรอยแผลมากมายนับไม่ถ้วน เนื้อเหวอะหวะอาบชุ่มไปด้วยเลือด ดูเหมือนมีอยู่สองนิ้วที่ถูกเจตจำนงกระบี่แล่เนื้อออกไปจนหมด เหลือไว้แต่กระดูกขาว เป็นภาพที่น่ากลัวยิ่งนัก

ราวกับสภาพน่าอนาถของเหล่านักโทษที่เขามักเห็นอยู่ในคุกใต้ลานบ้านแห่งนี้ก็ไม่ปาน…

มือที่เหลือแต่เศษเนื้อและกระดูกนี้สั่นเทาอยู่ในสายลม ประหนึ่งว่าจะแตกออกได้ทุกขณะ แต่กระนั้นมือนั้นก็ยังพุ่งตรงเข้าหาลำคอของเฉินฉางเซิงอย่างรุนแรงและดื้อรั้น

กระดูกขาวพุ่งออกมาจากทะเลเลือด!

ภายใต้การโจมตีของประกายกระบี่หลายพัน โจวทงได้รับบาดแผลสาหัส แต่ในเมื่อเขาไม่ได้ตกตายในทันที เขาก็ยังสามารถสู้ต่อไปได้!

เขาลอยอยู่กลางอากาศ ร่างกายปกคลุมไปด้วยเลือด ชุดขุนนางสีแดงสดอาบชุ่มไปด้วยเลือดจนมีเลือดหยดลงบนพื้นอย่างต่อเนื่อง

ด้านหน้าของชุดขุนนางถูกเจตจำนงกระบี่ตัดจนขาดวิ่น เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายใน

ไม่ใช่ร่างเขา หากแต่เป็นชุดเกราะอ่อนที่เป็นประกายเจิดจ้า แฝงไว้ด้วยรัศมีความศักดิ์สิทธิ์อันอ่อนจาง บนเกราะอ่อนที่หน้าอกของเขามีรูที่เล็กมากอยู่รูหนึ่ง

เฉินฉางเซิงหรี่ตาเล็กน้อย จดจำได้ในทันที…นั่นคือของวิเศษของตระกูลเทียนไห่ เกราะเทพลิ่วอวี้!

รูเล็กๆ บนเกราะเทพลิ่วอวี้นั้นเป็นฝีมือของเขาเองเมื่อครั้งฤดูใบไม้ร่วงปีก่อนตรงหน้าสำนักฝึกหลวง

กระบี่ไร้ราคีสามารถแทงทะลุเกราะเทพลิ่วอวี้ได้แต่ไม่ได้หมายความว่ากระบี่มีชื่อพวกนี้จะสามารถทำได้เช่นเดียวกัน

เกราะเทพลิ่วอวี้นั้นเป็นเกราะอ่อนที่โด่งดังที่สุดบนอันดับศาสตราเทพ แทบจะเรียกได้ว่าเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ ทำให้โจวทงสามารถป้องกันการโจมตีส่วนใหญ่ของประกายกระบี่หลายพันเล่มได้!

เหตุใดเกราะศักดิ์สิทธิ์ถึงมาอยู่บนร่างโจวทงได้

มือซ้ายที่เหลือแต่กระดูกพุ่งผ่านความมืดและทะเลเลือดมาคว้าลำคอเฉินฉางเซิง

เสียงชั่วร้ายและเกรี้ยวกราดของโจวทงดังก้องอยู่ในห้วงแห่งจิตของเฉินฉางเซิง “เจ้าคิดว่าข้าไม่ได้เตรียมตัวไว้สักหน่อยเลยหรือ!”

ชุดขุนนางสีแดงสดซึ่งอาบชุ่มไปด้วยเลือดสั่นกระพืออยู่ในลานบ้านที่พังยับเยิน ส่งเลือดสาดกระเด็นไปทุกทิศทาง เช่นเดียวกับความโกรธขึ้งคับแค้นใจ

พลังอันน่ากลัวของทะเลเลือดปกคลุมไปทั่วลานบ้าน

ประกายกระบี่เจิดจ้าหลายพันเล่มได้ทะลวงผ่านทะเลเลือด พุ่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้าราตรี ไม่อาจกลับมาได้ในทันที

เฉินฉางเซิงใช้ย่างก้าวหยั่งเทวาเพื่อล่าถอยอย่างต่อเนื่อง!

อย่างไรก็ตาม การก้าวข้ามทะเลแห่งความทุกข์นั้นย่อมยากเย็น ทะเลเลือดก็เช่นเดียวกัน

ไม่ว่าเขาจะเคลื่อนไหวอย่างแคล่วคล่องเพียงไร ก็ยังคงเป็นดังเช่นแรกเริ่ม กระบี่ไร้ราคียังคงไม่อาจหนีพ้นมือโจวทงได้

มือกระดูกโชกเลือดคว้าลำคอของเฉินฉางเซิงเอาไว้

ต่อให้ร่างของเขาผ่านการอาบเลือดมังกรมา ก็ไม่อาจต้านทานแรงเต็มกำลังของมือกระดูกที่ยื่นออกมาจากทะเลเลือดได้ ลำคอเฉินฉางเซิงเกือบหัก ทว่าไม่มีเลือดไหลออกมา

โจวทงยืนอยู่ตรงหน้าเขา ชุดขุนนางเปียกโชกด้วยเลือด ดูเหมือนกับหนองน้ำตื้นๆ ส่งกลิ่นเหม็นสาบ

เฉินฉางเซิงตัวซีดเผือด ทว่าดวงตากระจ่างใสยิ่งนัก

ใบหน้าโจวทงก็ซีดขาวมาก แต่ดวงตาลุ่มลึกสงบนิ่ง

นี่เป็นการเข้าใกล้กันมากที่สุดของทั้งคู่นับตั้งแต่การต่อสู้เริ่มขึ้น ห่างกันแค่เอื้อมเท่านั้น

หรือกว่าการดิ้นรนจะจบลงเช่นนี้

ไม่ เฉินฉางเซิงไม่คิดเช่นนั้น

โจงทงเองก็เช่นกัน

โจวทงเป็นคนที่มีคนอยากฆ่ามากที่สุดในโลก คนที่เห็นความตายมามากที่สุด เขาจึงเป็นคนที่กลัวตายมากที่สุด เขาไม่อยากตาย

เขาใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ไม่เคยพลาดแม้แต่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ

เขาไม่รู้ว่าเฉินฉางเซิงจะมาฆ่า แต่ก็มีคนพยายามมาฆ่าเขาหลายสิบปีแล้ว ดังนั้นเขาจึงเตรียมตัวไว้อยู่เสมอ

เมื่อเฉินฉางเซิงปรากฏตัวขึ้นบนลานบ้านที่เคยมีดอกไห่ถังเบ่งบาน ความระแวดระวังและการเตรียมตัวก็แสดงประโยชน์ของมันออกมา

เขารู้ว่าเฉินฉางเซิงมีความสามารถ เคยพบชะตามาแล้วมากมาย

เขารู้ว่าซูหลีได้สอนเพลงกระบี่ให้เฉินฉางเซิงสามกระบวนท่า รู้ว่าเฉินฉางเซิงมีกระบี่นับไม่ถ้วนจากสวนโจว

เขาย่อมตอบสนองอย่างเหมาะสม อย่างทะเลเลือดที่เป็นเขตแดนดวงดาวของเขาซึ่งกลายมาเป็นหยดเลือดในมือ หรือเกราะเทพลิ่วอวี้ที่ซ่อนอยู่ใต้ชุดขุนนางสีแดงสด

นี่คือทั้งหมดแล้วอย่างนั้นหรือ ไม่ เขารู้ว่าเฉินฉางเซิงยังมีบางอย่างซ่อนไว้อยู่ อย่างเช่นของวิเศษที่องค์หญิงลั่วลั่วมอบให้กับเขา หรือของวิเศษช่วยชีวิตที่ซูหลีอาจทิ้งไว้ให้เขา หรือไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์ที่สังฆราชมอบให้ ดังนั้นเขาย่อมมีการตอบสนองที่ทรงพลังสมกัน

แม้เขาจะบาดเจ็บหนัก เลือดเนื้อเหวอะหวะจนน่าอนาถจากฝีมือของประกายกระบี่เหล่านั้น แต่เขาก็ยังไม่ได้ใช้วิชาที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาเพราะเขาจำได้เสมอว่ายังมีไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์อยู่

ไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์เป็นตัวแทนพลังแห่งนิกายหลวง ไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์นั้นว่ากันว่ามีอำนาจแยกฟ้าดิน

มาถึงขั้นนี้แล้ว ข้ากำลังบีบคอเจ้าและนำชะตาอันโหดร้ายมาให้ เจ้าจะรออะไรอีก

ดวงตาโจวทงเปลี่ยนเป็นลึกลับและสงบนิ่งผิดปกติ หรี่แคบราวกับดวงตาอสูรบางชนิดจนแทบจะเป็นเส้นตรง

เขารู้ว่าชั่วขณะต่อมา เฉินฉางเซิงจะใช้ไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์ของนิกายหลวงและใช้การโจมตีที่เด็ดขาดที่สุด

เขารอให้เวลานั้นมาถึง

……

……

ประกายกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งผ่านทะเลเลือดขึ้นสู่ท้องฟ้าราตรี แต่ยังไม่กลับมา

มือกระดูกโชกเลือดบีบคอเฉินฉางเซิงเอาไว้

นี่เป็นช่วงเวลาที่ใกล้ความตายที่สุด และก็อยู่ใกล้กับโจวทงที่สุด

เฉินฉางเซิงรอเวลานี้อยู่

เขาโจมตี

ดังที่โจวทงคาดไว้ เขาโจมตีด้วยแสง

โจวทงดูซีดขาวผิดปกติภายใต้แสงที่สาดส่อง ทว่าไม่มีความประหลาดใจหรือหวาดกลัว เพราะนี่เป็นสิ่งที่เขาคาดเอาไว้แล้ว

ชุดขุนนางสีเลือดแฝงไว้ด้วยประกายลึกลับแปลกประหลาดใต้แสงนั้น ครั้นเลือดหยดลงบนพื้น ของวิเศษที่แผ่ไอปราณโบราณก็ลอยออกมาจากแขนเสื้อและตั้งอยู่ตรงหน้าแสงนั้น มันเป็นกระจก ไอปราณโบราณแผ่กลิ่นอายอันลึกลับออกมา ผิวหน้าของกระจกนั้นเรียบดั่งผิวน้ำ ราวกับว่ามันสามารถสะท้อนแสงทั้งมวลได้

หากเฉินฉางเซิงจดจำกระจกทองเหลืองนี้ได้ ก็คงรู้ว่าต่อให้กระจกนี้ไม่อาจต้านทานแสงจากไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์นิกายหลวงได้อย่างสมบูรณ์ แต่มันก็สามารถซื้อเวลาให้โจวทงได้เล็กน้อย

เขาต้องการเวลาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเพื่อใช้มือกระดูกเด็ดหัวเฉินฉางเซิงออกจากร่าง

แต่เหตุการณ์เช่นนั้นไม่ได้เกิดขึ้น

ความลึกล้ำและเงียบงันในดวงตาโจวทงถูกแสงขับไล่ออกไป เผยให้เห็นถึงความตกใจกลัว

เพราะว่าแสงที่พุ่งเข้าหาร่างเขาไม่ใช่ม่านแสง หากแต่เป็นลำแสง

ลำแสงอันเจิดจ้าหาใดเปรียบฉายขึ้นในดวงตาเขา

แสงนี้มาจากไหน

ไม่ใช่ประกายกระบี่ที่ย้อนกลับมา

ไม่ใช่แสงศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่ออกจากไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน

ลำแสงนี้บริสุทธิ์อย่างที่สุด ไม่มีสิ่งเจือปนแม้แต่น้อย เหตุนี้มันจึงน่าหวาดกลัวอย่างมาก

ลำแสงนี้ช่างเด็ดเดี่ยว ดุดันและน่าทึ่ง

ดวงตาโจวทงเห็นแสงนี้เป็นครั้งแรก แล้วขนตาก็ถูกตัดขาดครึ่ง ครั้นแล้วเลือดสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนดวงตา ซึ่งถูกตัดครึ่งไปเช่นกัน

กระจกทองแดงที่ลอยออกมาจากแขนเสื้อนั้นไร้ประโยชน์ ถูกตัดขาดครึ่งไปแล้ว

ประกายดาบดุดันเหมือนจะพุ่งออกมาจากหลังคาสวรรค์และร่วงลงสู่ปรโลก ตัดผ่านร่างของเขาไป

เสียงร้องน่าอนาถดังออกมาจากริมฝีปากอาบเลือด

ของวิเศษจำนวนนับไม่ถ้วนในร่างระเบิดออกทีละชิ้น ประหนึ่งมีการจุดดอกไม้ไฟในลานบ้านแห่งนี้ แต่ก็ไม่อาจหยุดแสงนั้นไม่ให้ร่วงลงมาได้

ชุดขุนนางสีแดงสดสั่นกระพืออย่างบ้าคลั่งด้วยความกลัว ร่างกายเปลี่ยนเป็นเงามืดเมื่อเขาถอยกรูดสู่ส่วนลึกของลานบ้านแต่ก็ไม่อาจที่จะหลีกเลี่ยงแสงที่ร่วงลงมาได้

ลำแสงร่วงลงมาบนร่างของเขา

สายรัดเกราะเทพลิ่วอวี้ขาดสะบั้น

ใบหูส่วนล่างถูกตัดออก

ไหล่ถูกตัดขาด

แขนซ้ายถูกฟันขาด

ต่อหน้าลำแสงจ้า ทุกสิ่งแม้แต่แสงที่แผ่ออกมาจากแหล่งอื่นรวมทั้งสายลมก็ยังถูกตัดขาดไปจนหมดสิ้น

ลำแสงนี้คือประกายดาบ

ประกายดาบร่วงลงมา เป็นเส้นตรงทอดยาวจากใบหน้าไปยังร่างกายของโจวทง จากดวงตาข้างซ้ายไปยังซี่โครง

เลือดสาดพุ่งออกมาจากดวงตา แก้มซ้ายปลิวไปตามสายลม ไหล่ซ้ายขาดออก แขนซ้ายร่วงลงบนพื้น

จากนั้น เขาก็ล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง กระอักเลือดที่เหนียวข้นออกมา

นี่เป็นดาบแบบใดกัน

เฉินฉางเซิงเดินออกมาจากซากปรักหักพัง มีดดาบ[1]เล่มหนึ่งอยู่ในมือ

มันเป็นมีดทำครัวที่เขาเอามาจากครัวของสำนักฝึกหลวงก่อนจะออกมา

มันคือดาบที่น่าหวาดกลัวที่สุดในโลกเท่าที่มีการรับรู้กันมา

ต่อหน้าดาบนี้ แม้แต่เทือกเขาแม่น้ำก็ยังถูกตัดขาด

หนึ่งดาบ สองท่อน

[1] ภาษาจีน มีดกับดาบใช้ตัวอักษรเดียวกันไม่เหมือนภาษาไทยที่แยกชัดเจน