ตอนที่ 1374 คนที่แข็งแกร่ง

Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ

ตอนที่ 1374 คนที่แข็งแกร่ง โดย Ink Stone_Fantasy

“เจ้าว่าอะไรนะ?” นีแกนพูดอย่างหงุดหงิด “กลิ่นคาวเลือด เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นหมาเหรอ?”

เจ้านี่มันพูดบ้าอะไรของมัน ทำไมดูแล้วเหมือนคนที่จิตไม่ปกติเลย ในน้ำเสียงก็เหมือนกำลังหยอกล้อพวกเขาอยู่ คนปกติมีใครที่ไหนพูดกับคนที่เพิ่งจะเคยเจอกันครั้งแรกแบบนี้บ้าง

ถ้าเป็นเวลาปกติ เขาคงจะเล่นเป็นเพื่อนอีกฝ่าย แต่ตอนนี้การหนีออกไปจากอ่าวดีพพูลต่างหากคือสิ่งสำคัญอันดับแรก วิธีที่จะรับมือกับคนโง่ได้ดีที่สุดก็คือทำให้นางหุบปากลงซะ

นีแกนออกแรงที่ข้อมือ โดยหวังจะให้พี่ชายรับรู้ความคิดของตน

แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ปล่อยมือออก “ข้าคิดว่า…เจ้าน่าจะเข้าใจผิดแล้วล่ะ ที่นี่คือเป็นท่าเรือมาก่อน จะฆ่าปลาหรือตากปลาที่นี่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”

“กลิ่นเลือดคนกับกลิ่นคาวปลามันน่าจะต่างกันราวฟ้ากับดิน” หญิงสาวพูดอย่างไม่หวั่นไหว “ถ้ามีกลิ่นเลือดเพียงอย่างเดียว มันก็ยังพอจะอ้างว่าเป็นบาดแผลได้ แต่กลิ่นคาวเลือดที่อยู่บนตัวพวกเจ้ามันซับซ้อนวุ่นวายมากเกินไป มันทำให้ข้ามองข้ามไปไม่ได้จริงๆ บางกลิ่นก็นานมาแล้ว น่าจะก่อนหน้านี้หลายเดือน บางกลิ่นก็ยังสดใหม่อยู่ อย่างมากก็น่าจะเมื่อ 2 – 3 วันก่อนหน้านี้ ตอนนี้พวกมันกำลังส่งกลิ่นกระจายออกมาจากใต้เสื้อผ้าของพวกเจ้า”

ใต้เสื้อผ้า?

นีแกนตกตะลึง

สำหรับอัศวินส่วนใหญ่แล้ว ชุดเกราะที่เบาสบายและแข็งแกร่งนั้นคือสมบัติที่ล้ำค่าที่สุด ถ้าตั้งใจดูแลรักษาก็มักจะสืบทอดต่อไปได้หลายรุ่น ตระกูลมอร์เรย์เองก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน พวกเขายอมทิ้งที่ดินรกร้างในอีเทอร์นอลวินเทอร์ แต่กลับไม่ยอมทิ้งชุดเกราะกับอาวุธ

เพื่อที่จะไม่ทำให้เป็นที่สังเกตของคนอื่น ทั้งสองคนจึงสวมเสื้อและผ้าคลุมตัวใหญ่ๆ ปกปิดเอาไว้ด้านหนึ่ง เพราะยังไงซะตอนนี้มันก็เป็นฤดูหนาว สวมเสื้อผ้าเยอะหน่อยก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เวลาที่จะออกไปฆ่าคน พวกเขาถึงจะถอดเอาเสื้อคลุมด้านหน้าออก การทำแบบนี้นอกจากเพื่อความคล่องตัวแล้ว พวกเขาก็ไม่ต้องกังวลว่าเลือดที่กระเด็นออกมาจะมาเปื้อนเสื้อผ้าด้วย หลังจากฆ่าคนเสร็จแล้วก็แค่ทำความสะอาด ชุดเกราะก็จะกลับมาเป็นเงาแวววาวเหมือนเดิม ขณะเดียวกันน้ำมันที่ทาลงไปก็ยังจะช่วยรักษาสภาพชุดเกราะด้วย

แต่เรื่องนี้มันควรจะไม่มีใครรู้ แล้วอีกฝ่ายรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?

หรือว่า…เธอจะได้กลิ่นมันจริงๆ?

นีแกนรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที

ในขณะเดียวกัน มือที่กดเขาเอาไว้พลันปล่อยออก

เขาเห็นตรงหน้าตัวเองวูบไหวทีหนึ่ง จากนั้นร่างของทาร์ลอสก็พุ่งเข้าไปอยู่ข้างหน้าผู้หญิงคนนั้น พี่ชายของตนไม่ได้ชักอาวุธออกมา สำหรับคนที่ผ่านการฝึกฝนมานานแล้ว กำปั้นและข้อต่อล้วนแต่สามารถเป็นอาวุธสังหารได้

ความเร็วของการโจมตีครั้งนี้เรียกได้ว่าเร็วปานสายฟ้าฟาด ตั้งแต่การก้าวเท้าออกไปจนถึงการตอนที่ลงมือนั้นใช้เวลาแค่พริบตาเดียว ถ้าเป้าหมายเปลี่ยนเป็นตนเอง เกรงว่าเขาคงจะตั้งรับไม่ทันแน่ๆ

ถ้าพูดถึงความสามารถและทักษะการต่อสู้เพียงอย่างเดียว พี่ชายของตนคืออัศวินอันดับต้นๆ ของอีเทอร์นอลวินเทอร์เลย

ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนโง่ คนบ้าหรือว่าคนที่รับรู้กลิ่นได้ดีกว่าคนปกติจริงๆ ตอนนี้เธอก็เรียกได้ว่ากลายเป็นคนตายแล้ว

แต่เสียงกระดูกหักกลับไม่ได้ดังขึ้นมา เขาได้ยินเสียง ‘ผัวะ’ ดังขึ้นมาสองครั้ง

หญิงสาวยกข้อศอกขึ้นมาปัดแขนเหล็กที่กำลังจะคว้าไปที่คอหอยของเธอออก จากนั้นจึงใช้มือข้างเดียวรับกำปั้นซ้ายของทาร์ลอสเอาไว้ได้

ดวงตาของนีแกนเบิกโพลง!

เป็นไปได้ยังไง?

ยังไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องทักษะการต่อสู้ เอาแค่เรื่องความต่างกันของเรี่ยวแรงระหว่างชายหญิงก็พอที่จะตัดสินทุกอย่างได้แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพี่ชายของตนที่ถนัดเรื่องการใช้แรงเลย นี่ถือเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำที่การโจมตีของเขาถูกรับเอาไว้ได้ด้วยมือข้างเดียว!

แค่พริบตา ทั้งสองคนก็สู้กันไปหลายกระบวนท่า แต่ทาร์ลอสกลับไม่สามารถเอาชีวิตอีกฝ่ายได้ ในตอนที่ทั้งคู่ผละออกจากกันอีกครั้ง ในที่สุดเขาก็ดึงเอาผ้าคลุมออก ก่อนจะชักเอาดาบสั้นขึ้นมา

“นีแกน เข้ามา!”

ในเสียงเรียกนี้แฝงเอาไว้ด้วยความรู้สึกร้อนใจ

ในตอนนี้ีนีแกนถึงได้รู้ตัวว่าพี่ชายที่เป็นอัศวินของตนได้ทำการวิเคราะห์ออกมาแล้วว่าตัวเขาไม่สามารถจัดการอีกได้ด้วยตัวคนเดียวได้

“เจ้าเป็นใครกันแน่?” เขากัดฟันแล้วชักเอามีดสั้นออกมา ก่อนจะยืนย่อตัวอยู่ข้างๆ ทาร์ลอส

“ข้าเป็นใครไม่สำคัญ ที่สำคัญคือพวกเจ้าเหมือนจะไม่ใช่ผู้อพยพธรรมดาซะแล้ว อย่างนั้นก็อธิบายมาซะว่าทำไมพวกเจ้าถึงต้องโกหก” หญิงสาวผายมือออก เหมือนจะบอกว่าต่อให้ใช้มือเปล่าก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอ “ถ้ายอมแพ้ซะตอนนี้ บางทีพวกเจ้าอาจจะเจ็บตัวน้อยหน่อย แต่ว่าโทษของการฆ่าคนตามกฎหมายของเกรย์คาสเซิล ทันทีที่ได้รับการยืนยันแล้วว่ากลิ่นเลือดบนตัวของพวกเจ้ามาจากผู้บริสุทธิ์ จุดจบของพวกเจ้าก็มีแต่ตายสถานเดียวเท่านั้น”

นังนี่มัน…บ้าไปแล้ว!

เธอดูแล้วเหมือนจะพูดเตือน แต่ทุกๆ คำพูดและการกระทำของเธอล้วนแต่กำลังบีบให้พวกเขาหมดหนทาง มีอย่างที่ไหนที่พูดเรื่องจุดจบที่ต้องตายออกมาแต่แรกเริ่มแบบนี้? ในเมื่อรู้ว่าตัวเองต้องตาย ใครที่ไหนมันจะไปยอมรอความตายอยู่เฉยๆ กันล่ะ พูดอีกอย่างก็คืออีกฝ่ายกำลังบีบให้พวกเขาลงมือ!

พูดไปก็ไร้ประโยชน์!

ในตอนที่ทาร์ลอสเอาดาบพุ่งแทงไปข้างหน้า นีแกนเองก็ตามไปติดๆ เขาบีบพื้นที่หญิงสาวจากทางด้านข้าง ขณะเดียวกันมันก็เป็นการปิดช่องไม่ให้เธอหลบหนีไปได้

แต่อีกฝ่ายเหมือนไม่ได้มีความคิดที่จะหนีเลย

ไม่ใช่เท่านี้ เธอไม่แม้แต่จะพยายามส่งเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือออกมา หากแต่พุ่งตัวเข้ามาปะทะกับพวกเขา

หลังจากที่ได้ต่อสู้ด้วยตัวเอง ตอนนี้นีแกนถึงได้เข้าใจแล้วว่าอีกฝ่ายน่ากลัวแค่ไหน

ทุกๆ การโจมตีของเธอล้วนแต่หนักหน่วง เขาแทบจะต้องใช้เรี่ยวแรงทั้งร่างในการรับมือ ถึงแม้จะเป็นการป้องกันที่ดูเหมือนธรรมดาๆ แต่เขาก็ต้องจับด้ามมีดเอาไว้ให้แน่น ไม่อย่างนั้นอาวุธคงจะต้องถูกกระแทกจนกระเด็นแน่

เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าทำไมในร่างกายของอีกฝ่ายถึงมีพลังที่น่าตกใจแบบนี้แอบซ่อนอยู่ได้

“ไม่ต้องออมมือแล้ว นางทำอะไรพวกเราไม่ได้!”

เสียงคำรามของทาร์ลอสทำให้นีแกนได้สติขึ้นมา ถูกต้อง ตอนนี้พวกเขาสวมเกราะอยู่ แต่ในมืออีกฝ่ายกลับไม่มีอาวุธ พวกเขาไม่จำเป็นต้องสู้เหมือนเวลาปกติ ต่อให้โดนต่อยเข้าซักหมัดสองหมัดก็ไม่เป็นไร ถ้าสู้กันแบบแลกกัน ยังไงพวกเขาก็เป็นฝ่ายได้เปรียบ!

เขาขว้างมีดสั้นใส่หญิงสาว หลังจากอีกฝ่ายหลบมีดสั้นได้ง่ายดาย เขาก็กางแขนทั้งสองข้างพุ่งเข้าไปหาเป้าหมาย

การทำแบบนี้ในการสู้แบบปกตินั้นไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย แต่ในตอนนี้้เธอซึ่งมีแต่มือกับเท้าเปล่าๆ จะทำอะไรตนได้?

จากนั้นใบหน้าของนีแกนพลันรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่ระเบิดออกมา

เขารู้สึกเหมือนจมูกของตัวเองจมหายลงไปในกระดูก ในลำคอเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ภาพเบื้องหน้าพลันพร่ามัวขึ้นมา

บ้าเอ้ย เจ็บชิบหาย…

แต่ว่าเจ้าเสร็จข้าล่ะ!

เขากัดฟัน แล้วใช้แรงทั้งหมดล็อกแขนทั้งสองข้างเอาไว้ การโจมตีครั้งนี้มีขอบเขตที่กว้างกว่าดาบสั้นหรือมีดสั้น ถ้าถูกรัดเข้าไปจะต้องตายอย่างแน่นอน! และถ้าอยากจะหลบก็ต้องทิ้งการป้องกันที่มีอยู่ในตอนนี้ และในระหว่างนั้นก็ต้องเผยช่องโหว่ออกมาอย่างแน่นอน! เขาเชื่อว่าพี่ชายของเขาจะต้องฉวยโอกาสนี้ไว้ได้แน่!

แล้วก็เป็นอย่างที่เขาคิดเอาไว้ เนื่องจากใช้ความเคลื่อนไหวในการหลบที่มากเกินไป ร่างกายของหญิงสาวย่อลงมา เห็นได้ชัดว่าเธอไม่มีทางที่จะหยุดการโจมตีต่อไปของพี่ชายได้แน่

ทาร์ลอสก้าวไปข้างหน้า ดาบสั้นพุ่งขึ้นด้านบน ประกายแสงสีเทาพุ่งเสียบเข้าที่ส่วนหัวของหญิงสาว หัวของหญิงสาวเชิดขึ้น เหมือนกับถูกงูพิษพุ่งฉกเข้าใส่อย่างไรอย่างนั้น

ยังไม่ทันจะรู้สึกโล่งใจ หญิงสาวที่หงายไปด้านหลังไม่ได้ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาหรือว่าเอามือปิดหน้าปิดตากลิ้งลงไปกับพื้นเหมือนที่คิดเอาไว้ หากแต่อาศัยแรงปะทะนี้ถีบขาทั้งสองข้างเข้าใส่เขากับทาร์ลอสจนกระเด็นลอยออกไป!

นีแกนรู้สึกเหมือนว่านี่ไม่ใช่การถีบ หากแต่เหมือนโดนค้อนทุบเข้าใส่! หลังเสียงกระแทกดังขึ้นมา ตัวเขาก็กระแทกเข้ากับรถสี่ล้อที่อยู่ด้านหลัง เกราะบนร่างกายไม่สามารถลดแรงกระแทกจากด้านหน้าและด้านหลังนี้ได้ แรงที่กระแทกเข้าไปในร่างกายทำให้เขากระอักเลือดสดๆ ออกมา

อีกหลังหลังร่วงลงกับพื้นก็ลุกขึ้นมาใหม่ หมวกที่อยู่บนหัวฉีกขาดออกจากกัน เผยให้เห็นผมที่ยาวสลายและ….หูที่เรียวยาวคู่หนึ่ง มีเพียงสิ่งเดียวที่ไม่มีก็คือบาดแผลที่เขาคาดหวังเอาไว้ว่าจะได้เห็น

หัวใจนีแกนตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม

ความรู้สึกที่เหมือนโจมตีถูกส่วนหัวของอีกฝ่ายเมื่อครู่นี้เป็นแค่ความรู้สึกที่คิดไปเองจากขอบหมวกที่ยาวขึ้น พี่ชายของเขาแทงถูกแค่หมวกของอีกฝ่ายเท่านั้น!

แล้วก็ยังมีหูที่ไม่ใช่หูคนคู่นั้นอีก…

“แค่กๆ…เจ้าสัตว์ประหลาด…อัปลักษณ์!” ทาร์ลอสเอามือกุมหน้าออกค่อยๆ ลุกขึ้นมา “ข้าพกหินอาญาสิทธิ์เอาไว้อยู่ ทำไมเจ้า…ถึงไม่เป็นไร!”

“เพราะว่าข้าไม่ได้ใช้พลังเวทมนตร์น่ะสิ” หญิงสาวลูบหมวกอย่างเสียดาย “ส่วนที่เจ้าบอกว่าข้าอัปลักษณ์ นั่นเป็นเพราะว่าเจ้ามันไม่มีรสนิยมต่างหาก คนที่เมืองเนเวอร์วินเทอร์ไม่ได้คิดแบบนี้ซักหน่อย แถมชีคยังเคยชมข้าด้วยนะ”

“เหลวไหล…สิ้นดี!” นีแกนไอเป็นเลือดออกมา “พี่ชายของข้าเป็นอัศวินที่ได้รับการอวยยศจาราชินีอีเทอร์นอลวินเทอร์ ต่อให้เป็นอัศวินในเมืองหลวงก็มีแค่ไม่กี่คนที่สามารถเอาชนะพี่ชายข้าได้! ถ้าไม่เป็นเพราะใช้พลังชั่วร้าย น้ำหน้าอย่างเจ้าเนี่ยนะจะเอาชนะพี่ชายข้าได้? อย่าฝันไปหน่อยเลย!”

“งั้นเหรอ? บางทีพวกเจ้าอาจจะยังไม่รู้สึกตัว…ว่าบนตัวของพวกเจ้าเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้าง” หญิงสาวพูดพร้อมก้มหน้า “ข้าขอถามเจ้าหน่อย กลิ่นเลือดใหม่ที่อยู่บนตัวพวกเจ้า เป็นเลือดจากคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือเท่าเทียมกับพวกเจ้าหรือเปล่า?”

“เจ้า…อยากจะพูดอะไร?”

“ไม่ใช่ใช่ไหมล่ะ? ถึงแม้พวกเจ้าจะลงมือดุดัน แต่กลับขาดความฮึกเหิมและจิตใจที่พร้อมจะสู้ตาย” เธอค่อยๆ พูด “ข้าเคยเจอคนแบบพวกเจ้ามามากแล้ว คนอย่างพวกเจ้าเนี่ย ทันทีได้รับชัยชนะก็ไม่ยอมที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า เอาแต่หันหลังกลับไปรังแกคนที่อ่อนแอกว่าเพื่อรักษาตำแหน่งของตนเอาไว้ นานวันเข้า จิตวิญญาณส่วนนี้ก็จะแทรกซึมเข้าไปในกระดูกของพวกเจ้า แล้วก็จะถูกร่างกายจดจำเอาไว้ ชัยชนะแบบนี้ต่อให้ได้มาเยอะแค่ไหน มันก็ไม่มีทางทำให้พวกเจ้าแข็งแกร่งขึ้นแม้แต่นิดเดียว”

“แต่ในบรรดาคู่ต่อสู้ที่ข้าเคยสู้มา มีทั้งสุดยอดอมนุษย์ที่แข็งแกร่งจนกระทั่งทำให้คนรู้สึกสิ้นหวัง แล้วก็มีทั้งแม่มดโบราณที่เชี่ยวชาญอาวุธทุกๆ อย่าง ซึ่งนี่คือความแตกต่างระหว่างข้ากับพวกเจ้า บางทีเมื่อก่อนนี้พวกเจ้าอาจจะแข็งแกร่งจริงๆ แต่ว่าตอนนี้…” เธอชะงักไปเล็กน้อย “พวกเจ้าไม่ได้แข็งแกร่งอย่างนั้นอีกแล้ว”

………………………………………………………….