เล่มที่ 26 เล่มที่ 26 ตอนที่ 776 สามีภรรยาที่ผ่านเหตุการณ์ความเป็นความตายมาด้วยกัน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

เมื่อเดินออกจากประตูมา คุณชายฉู่ก็สั่งให้คนหามมู่หรงฉีเข้าไปในรถม้า ตงหลิงหวงกำลังจะเข้าไปในรถม้า คุณชายฉู่ที่อยู่ด้านหลังก็พูดขึ้นว่า “ฮูหยินหลิง คุณชายมู่หรงโปรดรอก่อน บิดาของข้าออกมาส่งพวกท่าน”

ตงหลิงหวงที่กำลังจะยกม่านรถม้าขึ้นพลันหยุดชะงัก นางหันหลังกลับมา พบว่าผู้ที่เดินมาคือผู้เฒ่าอายุราวห้าสิบปีเศษซึ่งมีบริวารสองสามคนติดตามมาด้วย

แม้หลังจากเข้ามาในหุบเขาหลูเหว่ย ตงหลิงหวงและมู่หรงฉีจะไม่เคยพบผู้เฒ่าท่านนี้มาก่อน ทว่าเพียงเห็นแรงกดดันนั้น ตงหลิงหวงก็รู้แล้วว่าบุรุษผู้นี้คือท่านผู้นำฉู่ เจ้าหุบเขาหลูเหว่ยอย่างไม่ต้องสงสัย

อย่างไรเสีย ท่านผู้เฒ่าก็เป็นผู้ช่วยชีวิตนางและมู่หรงฉี ตงหลิงหวงรู้สึกขอบคุณจากก้นบึ้งของหัวใจ นางรีบลงจากรถม้า รอจนผู้เฒ่าเดินเข้ามาใกล้จึงแสดงท่าทางสำรวม “คำนับเจ้าหุบเขาฉู่”

มู่หรงฉีที่นั่งอยู่ในรถม้าก็เปิดม่านขึ้น “ขาทั้งสองของข้าคงลงไปไม่สะดวกนัก ไม่อาจลงจากรถไปกล่าวอำลาเจ้าหุบเขาฉู่ได้ เจ้าหุบเขาฉู่โปรดให้อภัย”

เจ้าหุบเขาฉู่เป็นกันเองอย่างมาก “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เร็วๆ นี้หุบเขามีเรื่องยุ่งยาก ข้าไม่ได้ออกมาต้อนรับแขกผู้ทรงเกียรติด้วยตนเอง ท่านทั้งสองโปรดอภัย”

“เจ้าหุบเขาฉู่เกรงใจเกินไปแล้ว”

ระหว่างที่พูด เจ้าหุบเขาฉู่ก็เหลือบมองคนด้านหลัง บริวารผู้หนึ่งเดินมายื่นห่อผ้าให้เจ้าหุบเขาฉู่ เจ้าหุบเขาฉู่จึงส่งมันให้ตงหลิงหวง

“ขอบคุณท่านทั้งสองที่ชี้หนทางรักษาผู้ป่วยในหุบเขาของข้า ยาคืนชีวิตสองเม็ดนี้ ข้าขอมอบให้พวกท่านเป็นพิเศษ เพื่อเป็นของตอบแทนบุญคุณ หวังว่าฮูหยินหลิงและคุณชายมู่หรงจะรับมันไว้”

แม้ไม่เคยเห็นยาคืนชีวิตมาก่อน ทว่าฟังจากชื่อ ตงหลิงหวงก็รู้สรรพคุณของยาวิเศษนี้ ยาวิเศษไม่ใช่ยาเม็ดธรรมดา ทว่าเป็นของที่ล้ำค่ายิ่งกว่าลูกท้อสวรรค์ของเผ่าสวรรค์ ตงหลิงหวงไม่กล้ารับมันมาโดยง่าย

“เราทั้งสองไม่ได้ช่วยเหลืออันใด ของสำคัญเช่นนี้ไม่คู่ควรเลยจริงๆ เจ้าหุบเขาฉู่เอากลับคืนไปเถิด พวกเราไม่กล้ารับไว้จริงๆ ”

ใบหน้าของเจ้าหุบเขาฉู่ยังคงปรากฏความปีติยินดี “ฮูหยินหลิงชี้หนทางแก้ไขให้บุตรชายของข้า นับว่าเป็นการช่วยหุบเขาหลูเหว่ยอย่างใหญ่หลวงแล้ว เหตุใดจึงกล่าวว่าไม่ได้ทำอันใด? คนหุบเขาหลูเหว่ยของข้าตัดขาดจากโลกภายนอกมานานหลายปี ไม่มีของล้ำค่าอันใดตอบแทนน้ำใจของท่านทั้งสอง นี่เป็นเพียงของเล็กๆ น้อยๆ เพื่อแสดงความขอบคุณจากใจ หวังว่าท่านทั้งสองจะไม่รังเกียจ”

มอบยาวิเศษให้พวกเขาทั้งคู่ ยังไม่นับว่าเป็นของล้ำค่าอีกหรือ?

นี่จะเป็นปัญหาอย่างไร?

ได้! ผู้ใดใช้ให้เขามียาวิเศษเล่า!

ผู้ใดใช้ให้เขามีของล้ำค่าเช่นนี้!

อย่างไรก็ตาม ตงหลิงหวงก็ยังรู้สึกว่ายาคืนชีวิตนี้ไม่อาจรับไว้ได้จริงๆ

ขณะที่นางกำลังจะปฏิเสธ เจ้าหุบเขาฉู่ก็พูดเสริมอีกว่า “ความจริงแล้ว ข้ายังมีเรื่องขอร้องท่านทั้งสอง คนในหุบเขาของข้าไม่ได้ติดต่อกับโลกภายนอกมาหลายปีแล้ว และคุ้นเคยกับชีวิตที่ไม่มีผู้ใดรบกวนเช่นนี้ ดังนั้น หลังจากที่ท่านทั้งสองออกไปแล้ว โปรดเก็บเรื่องการมีอยู่ของหุบเขาหลูเหว่ยเป็นความลับ ข้าขอขอบคุณท่านทั้งสองล่วงหน้า”

ดีเลย นี่คงเป็นจุดประสงค์แท้จริงที่เจ้าหุบเขามอบของขวัญยิ่งใหญ่เช่นนี้ให้พวกเขา

บางที หากตงหลิงหวงและมู่หรงฉีไม่รับไว้ เขาอาจไม่สบายใจ

ตงหลิงหวงครุ่นคิดครู่หนึ่ง ในที่สุดก็รับยาคืนชีวิตสองเม็ดมาและรับประกันอย่างจริงจังว่า เมื่อออกจากหุบเขาหลูเหว่ยไปแล้ว นางจะไม่พูดเกี่ยวกับที่นี่แม้แต่คำเดียว

เจ้าหุบเขาฉู่จึงวางใจ และให้คุณชายฉู่ไปส่งตงหลิงหวงกับมู่หรงฉีออกจากหุบเขาหลูเหว่ย

หลังออกมาจากหุบเขาหลูเหว่ยและแยกย้ายกับคุณชายฉู่แล้ว ตงหลิงหวงก็เปิดกล่องดูยาคืนชีวิตทั้งสองเม็ดอย่างละเอียด

เม็ดยาเป็นสีดำ ทว่าภายในสีดำมีแสงสว่างควบแน่นอยู่

ที่แท้นี่คือยาคืนชีวิต หรือเรียกอีกอย่างว่ายาคืนวิญญาณ

ก่อนหน้านี้ ตงหลิงหวงเคยได้ยินผ่านๆ ว่าสำนักแพทย์เทียนอีมีของเช่นนี้ และมีเพียงคุณชายจิ่วแห่งสำนักแพทย์เทีบนอีเท่านั้นที่สามารถหลอมยาอายุวัฒนะได้ ดังนั้น ยาคืนชีวิตเช่นนี้คงมีอยู่ในมือคุณชายจิ่วเท่านั้น

คุณชายจิ่วเป็นคนเช่นไร?

ผู้อื่นต้องการพบหน้ายังยาก แล้วคนทั่วไปจะเห็นยาที่เขาทำได้อย่างไร

ดังนั้นตงหลิงหวงไม่เคยคาดคิดมาก่อน

นางไม่คิดว่าวันนี้ ตนเองจะมียาคืนชีวิตสองเม็ดอยู่ในมือ ทันใดนั้น นางก็รู้สึกว่ามือทั้งสองหนักอึ้งราวกับถือทองพันชั่ง

ผ่านไปครู่หนึ่ง ตงหลิงหวงจึงนำยาหนึ่งเม็ดใส่ลงไปในขวด แล้วส่งให้มู่หรงฉี

มู่หรงฉีไม่ได้รับมาในทันที ทว่าเขามองตงหลิงหวงด้วยสายตาอ่อนโยน

ตงหลิงหวงขมวดคิ้วเล็กน้อย “รับไป! เจ้าหุบเขาฉู่ให้ยาวิเศษมาสองเม็ด เม็ดนี้ข้าให้เจ้า”

ขาทั้งสองข้างของมู่หรงฉีเดินเหินไม่สะดวก เขาขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหาท่านั่งที่สบาย และเอนกายด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย

“ของของข้าก็คือของหวงเอ๋อร์ หวงเอ๋อร์รับไว้หรือข้ารับไว้ก็มีค่าเท่ากัน”

ตงหลิงหวงมีท่าทางเรียบเฉย “มู่หรงฉี ข้าขอพูดอีกครั้งว่าข้ากับเจ้าไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกัน ต่อไปในภายภาคหน้า อย่าได้ดึงเจ้ากับข้ามาเกี่ยวข้องกัน”

มู่หรงฉียกยิ้มมุมปากอย่างลึกซึ้ง “ตกลง ไม่ดึงเจ้าและข้ามาเกี่ยวข้องกัน ต่อไปข้าจะใช้คำพูดว่าพวกเรา หวงเอ๋อร์เก็บยาวิเศษของพวกเราไว้ให้ดีเถิด ตอนนี้ข้ายังไม่ต้องใช้”

ตงหลิงหวงคิ้วกระตุก

เอ่อ… ความหมายสองอย่างนี้แตกต่างกันหรือไม่?

เมื่อเห็นท่าทีอับจนหนทางของตงหลิวงหวง รอยยิ้มของมู่หรงฉีก็กว้างขึ้น เขาคว้ามือของตงหลิงหวงมาลูบไล้ไปมา “รอวันหนึ่งที่ข้าต้องการใช้ หวงเอ๋อร์ค่อยเอามาช่วยข้า ถึงเวลานั้น… ข้าและเจ้าคงเป็นสามีภรรยาที่ผ่านประสบการณ์ความเป็นความตายมาด้วยกัน”

ตงหลิงหวงดึงมือตนเองออกจากมือของมู่หรงฉี

“มู่หรงฉี เจ้าพูดจาไร้สาระอันใด? ”

มู่หรงฉีแย้มยิ้มลึกซึ้ง “ฮ่าฮ่า… ข้าลืมไปเสียสนิทเลยว่า วันนี้ข้ากับหวงเอ๋อร์ได้เป็นสามีภรรยาที่ผ่านความเป็นความตายมาด้วยกันแล้ว”

ตงหลิงหวงนิ่งเงียบไม่พูดอันใด มู่หรงฉีก็ไม่พูด ทว่าจ้องมองตงหลิงหวงอย่างเงียบงันโดยไม่ละสายตา

ผ่านไปครู่หนึ่ง มู่หรงฉีก็ผล็อยหลับไป ตงหลิงหวงออกไปนั่งด้านนอกและขับรถม้าด้วยตนเอง

ไม่รู้ว่าทั้งสองเดินทางมานานเท่าไรแล้ว ทันใดนั้น รถม้าก็กระตุกและหยุดลง

มู่หรงฉีพลันลืมตา เขากุมกระบี่ยาวที่วางอยู่ข้างกายแน่น

เมื่อเห็นตงหลิงหวงไม่ได้อยู่บนรถม้า เขาก็ตื่นตระหนกและรีบเปิดผ้าม่านเพื่อตามหาตงหลิงหวง

“หวงเอ๋อร์! ”

ทันทีที่สิ้นเสียงพูด เขาก็เห็นตงหลิงหวงยืนอยู่ด้านหน้ารถม้า นางไพล่สองมือไว้ด้านหลังอย่างทะนงตน เบื้องหน้าตงหลิงหวงมีคนชุดดำสองสามคนคุกเข่าอยู่

“คำนับองค์รัชทายาท กระหม่อมมาต้อนรับช้า รัชทายาทโปรดให้อภัย”

ตงหลิงหวงแสดงท่าทางเคร่งขรึมและเย็นชายิ่งกว่าตอนที่อยู่กับมู่หรงฉี เป็นภาพอันงดงามน่าเกรงขามขององค์รัชทายาทผู้สูงศักดิ์

“หลายวันที่ข้าไม่อยู่ สงครามเป็นอย่างไรบ้าง? ตอนนี้เสด็จพ่ออยู่ที่ใด สบายดีหรือไม่? ”

ผู้นำคนชุดดำกำลังจะพูด ทันใดนั้น เขาก็มองไปยังมู่หรงฉีที่อยู่หน้าประตูรถม้า และแสดงท่าทีลังเลเล็กน้อย

ตงหลิงหวงไม่ได้สนใจ “พูด! ”

คนชุดดำกล่าวรายงานทันที “สงครามแนวหน้าไม่สู้ดีนัก แม้ฝ่ายศัตรูจะไม่มีผู้บัญชาการสูงสุด ทว่าฉางอันกงจู่ของพวกเขาได้เข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการชั่วคราว นางถือป้ายคำสั่งขนนกทองคำในนามทหารประจำแคว้นที่มีชื่อเสียง ทั้งยังมีโยวอ๋องคอยช่วยเหลือ ขวัญกำลังใจของทหารจึงฮึกเหิมอย่างมาก

ส่วนกองทัพของเรา… ฝ่าบาทของเราได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย สถานการณ์ไม่สู้ดีนัก ทหารถูกทำลายขวัญกำลังใจ เวลานี้จึงเสียเปรียบ

อีกทั้ง… ”

คนชุดดำลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ทว่ายังเดินเข้ามาใกล้ตงหลิงหวงและกระซิบอันใดบางอย่างข้างหูของนาง

สีหน้าของตงหลิงหวงพลันเปลี่ยนเป็นถมึงทึง

คนชุดดำถูกแรงกดดันของตงหลิงหวงกดทับ ทำให้หวาดกลัวจนไม่กล้าส่งเสียงออกมา

ทว่าหลังจากนั้น ตงหลิงหวงก็ตัดสินใจออกคำสั่ง “กลับค่าย”

นางพูดพลางซัดฝ่ามือ ใช้พลังภายในทำให้มู่หรงฉีหมดสติโดยไม่ลังเล