GGS:บทที่ 1013 มือถือแห่งกาลเวลา
“ซูจิ้งมันทำได้ยังไงกัน หมอนั่นมีธุรกิจมากมายอยู่แล้ว ไม่มีทางเลยที่จะแบ่งเวลาในการวิจัยด้านอวัยวะเทียมนี่นา แล้วอยู่ๆทำไมหมอนั่นก็ได้สร้างอวัยวะเทียมได้ล้ำซะขนาดนั้น”
ชายหนุ่มหน้าหล่อที่กำลังรายงานผ่านโทรศัพท์มาให้ฮัวหยุนชูฟังนั้นอดไม่ได้ที่จะโวยวายออกมา เขาเรื่องรู้สึกว่าเรื่องอวัยวะเทียมนี้มันเป็นวิกฤตพวกเขาอย่างมาก
นั่นก็เพราะว่าขนาดเรื่องยากๆอย่างอวัยวะเทียมยังทำได้ล้ำหน้าขนาดนี้ เรื่องสมาร์ทโฟนตัวใหม่ที่ซูจิ้งพัฒนาก็ไม่น่าจะต่างกันสักเท่าไหร่
“เฮ้อ….เรื่องนี้มันเหนือความคาดหมายของฉันไปจริงๆ” ฮัวหยุนชูอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา แต่ทันใดนั้นอยู่ๆก็ราวกับว่ามีแสงหนึ่งวาบเข้ามาในดวงตา
เขาได้ตอบโทรศัพท์ไปว่า “เรื่องนั้นช่างมัน ยังไงซะเรื่องอวัยวะเทียมนี่ก็เป็นเรื่องที่หมอนั่นน่าจะเก่งอยู่แล้วนี่นา(เพราะเป็นหมอเทวดา)
แต่ยังซะกับโทรศัพท์นี่มันต่างกันอย่างสิ้นเชิงนี่นะ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าสมาร์ทโฟนของหมอนั่นที่แบ่งเวลาไปวิจัยแบบนั้นจะดีไปกว่าสมาร์ทโฟนของพวกเรา ฉันเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของพวกเรา”
“มันก็จริงครับ ที่พวกเราเตรียมตัวไว้ดี แต่ผมว่าพวกนั้นก็คงไม่แพ้กัน พวกนั้นพร้อมที่จะผลิตจำหน่ายในทันทีแถมความรวดเร็วในการผลิตผมคิดว่าย่อมเร็วอย่างแน่นอน
นี่แสดงให้เห็นว่าไม่เพียงพวกนั้นจะเตรียมตัวไว้ดีเพียงอย่างเดียว แต่พวกนั้นยังทุ่มเงินไปจำนวนมาก แสดงว่าพวกเขานั้นมั่นใจในผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนเช่นเดียวกัน” หนุ่มหล่อพูดออกมา
“หึหึหึ มันก็จริง ก็ถือได้ว่าเป็นคู่แข่งที่ดีล่ะนะ” ฮัวหยุนชูพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม เขานั้นมั่นใจในสมาร์ทโฟนที่บริษัทของเขาพัฒนาขึ้นมาอย่างมาก
เขาเชื่อว่าไม่เพียงสมาร์ทโฟนของเขาจะนำหน้าซูจิ้งแต่ต้องเหนือล้ำกว่าแบรนด์ใหญ่ๆได้อย่างง่ายดาย
หลังจากงานแถลงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ซูจิ้งยังคงวุ่นอยู่กับการจัดการขยะห้วงเวลาและกาลอวกาศภายในสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯของเขา
ถึงแม้ว่าเขาจะมีเรื่องหลายๆอย่างต้องจัดการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอวัยวะเทียม สมาร์ทโฟน และผลิตภัณฑ์อื่นๆอีก แต่ตัวเขาประเมินแล้วว่าสามารถมอบให้คนอื่นทำแทนได้ จึงเลือกที่จะมาทำสิ่งที่เขาเป็นคนเดียวที่ทำได้ดีกว่า
หลังจากงานแถลงเปิดตัวอวัยวะเทียมไปแล้ว ซูจิ้งไม่ได้เผยตัวให้ใครเห็นอีกจนกระทั่งถึงงานวันเปิดตัวสมาร์ทโฟน
และในวันเดียวกันนี้เองก็เป็นวันเปิดตัวสมาร์ถโหนของอีกแบรนด์หนึ่งที่มีชื่อว่ารุยจิน แบรนด์อยู่ภายใต้สังกัดของฮัวหยุนชู และเขาได้เลือกที่จะเปิดตัดหน้าซูจิ้งเพียงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น
แต่ถึงแม้ทางฝั่งของกลุ่มทุนห้วงเวลาฯจะรับทราบข้อมูลอยุ่แล้วแต่ก็ไม่ได้มีท่าทีร้อนรนหรือตอบสนองแต่อย่างใด ราวกับว่าใครจะว่ายังไงก็ไม่สน
“แม่…เอ๊ย โทรศัพท์สมาร์ทโฟนสองข่ายเปิดตัววันเดียวกัน วันนี้มันฤกษ์งามยามดีรึไงกัน”
“ฉันรู้จักพ่อของฮัวหยุนชูนะ พ่อของเขาเป็นคนที่รวยที่สุดคนหนึ่งของประเทศ ฉันได้ยินมาว่าเขาเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจคนหนึ่งและทำเงินได้มากตั้งแต่อายุยังน้อย
พวกของเขาได้สำรวจการตลาดในกลุ่มสมาร์ทโฟนและได้พัฒนาสมาร์ทโฟนของตัวเองมานานมากแล้ว เรียกได้ว่าเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี
แต่กับซูจิ้งนี่ฉันว่าเขาเพิ่งจะเข้ามาสนใจตลาดสมาร์ทโฟนเมื่อไม่นานมานี้เองนะ”
“ในเรื่องแบบนี้การวิจัยการตลาดให้ดีก่อนทำอะไรขายสำคัญก็จริง ถึงฟังๆดูแล้วโทรศัพท์สมาร์ทโฟนรุยจินของฮัวหยุนชูจะดูน่าใช้ แต่ยังไงฉันก็ยังรู้สึกว่าครั้งนี้ซูจิ้งก็จะชนะอยู่ดี”
“ฉันก็เหมือนกัน ฉันรู้สึกได้เลยว่าถึงแม้ฝั่งของซูจิ้นจะดูมีเวลาเตรียมตัวน้อยไปหน่อย ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมว่าเขานั้นจะปล่อยของดีออกมาอีกแน่ๆ”
“ก็ใช่ว่าฉันจะไม่รู้เหตุผลนะว่าทำไมนายถึงคิดแบบนั้น นายก็แค่กำลังตกตะลึงกับผลิตภัณฑ์ที่มาจากบริษัทของกลุ่มทุนห้วงเวลาฯเท่านั้นเอง โดยเฉพาะกับผลิตภัณฑ์ตัวล่าสุด เจ้าอวัยวะเทียมพวกนั้นมันสุดยอดมากจริงๆ ไม่แปลกหรอกที่นายจะรู้สึกแบบนี้”
“แต่ฉันก็ไม่ได้หวังอะไรมากนักนะ ฉันรู้ดีว่าระบบประสาทเทียมนั่นกับสมาร์ทโฟนนี่มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ฉันเลยคิดว่าโทรศัพท์ของทั้งสองแบรนด์นี้จะไม่ต่างกันเท่าไหร่”
“โอ้ ไม่ต้องคุยเรื่องนี้กันแล้ว งานเปิดตัวของรุยจินเริ่มแล้ว มีบางคนส่งช่องสตรีมมาให้ดู เรามาดูกันก่อนดีกว่า”
งานเปิดตัวโทรศัพท์สมาร์ทโฟนแบรนด์รุยจินได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ภายนอกตัวโทรศัพท์นั้นดูธรรมดาไม่ได้มีลูกเล่นอะไร แต่ภายในนั้นมีลูกเล่นมากมาย
จุดเด่นของโทรศัพท์นี้อยู่ที่ประสิทธิภาพในการทำงานและลูกเล่นที่หลากหลาย ค่าประสิทธิภาพได้ถูกวัดให้ดูและค่าของพวกมันนั้นอยู่ในระดับดีมากในทุกด้าน
ส่วนราคาของมันนั้นไม่สูงมากนักและยังรองรับการลงโปรแกรมได้หลากหลายรูปแบบ และทางบริษัทเป็นเจ้าแรกที่กล้ารับประกันการใช้งานมากกว่าหนึ่งปีครึ่ง
นี่ทำให้เหล่าผู้ชมทีเห็นทั้งตรงเวทีและในช่องสตรีมค่อนข้างตื่นเต้น ถือได้ว่าเป็นการเปิดตัวที่ค่อนข้างจะถือได้ว่าสำเร็จเป็นไปได้ด้วยดี
“นี่ได้เวลาที่กลุ่มทุนห้วงเวลาฯจะเปิดตัวสมาร์ทโฟนรึยัง” ฮัวหยุนชูที่อยู่ในชุดสูทสีดำที่ส่งเสริมให้เขานั้นมีบรรยากาศของชายมาดดีออกมาได้หันไปถามหนุ่มหล่อคนหนึ่ง
จากบรรยากาศภายในงานนั้นเขาสัมผัสได้เป็นอย่างดีเลยว่างานเปิดตัวโทรศัพท์มือถือของเขานี้ประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี จนบังเกิดความรู้สึกที่ว่านี่จะนำพาให้สมาร์ทโฟนแบรนด์รุยจินของเขานั้นเป็นที่หนึ่งในประเทศนี้
ด้วยบรรยากาศแห่งชนะแบบนี้ทำให้เขานั้นอดไม่ได้ที่จะถามไปแบบนั้น
“เพิ่งจะเริ่มสตรีมครับ” หนุ่มหล่อตามออกมาอย่างเคารพ
“ในเมื่อไม่มีอะไรทำแล้วงั้นเราไปดูงานของหมอนั่นกันหน่อยก็แล้วกัน” ฮัวหยุนชูพูดจบก็ได้ออกจากงานเปิดตัวสมาร์ทโฟนของเขา
เมื่อไปถึงห้องที่อยู่ในสถานจัดงาน เขาได้เปิดคอมพิวเตอร์และนั่งดูการสตรีมของกลุ่มทุนห้วงเวลาฯ
แน่นอนว่าตอนนี้สิ่งที่เขาเห็นอยู่ก็คือภาพงานเปิดตัวสมาร์ทโฟนของกลุ่มทุนห้วงเวลาฯ ฮัวหยุนชูได้มองดูตัวเลขที่แสดงจำนวนผู้รับชมผ่านการสตรีมก็พบว่าจำนวนผู้เข้าชมของซูจิ้งมากกว่าตอนที่เขาเปิดตัวสมาร์ทโฟนเมื่อครู่นี้มากนัก
แต่เรื่องนี้เขาไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายนัก นั่นก็เพราะว่าตัวซูจิ้งเองก็เป็นผู้มีชื่อเสียงมากอยู่แล้ว ไม่แปลกที่คนชื่นชอบซูจิ้งจะมาติดตามเขาในทุกขณะแบบนี้
แต่ยังไงซะกับเรื่องสมาร์ทโฟนแบบนี้ใช่ว่าจะสร้างความประทับใจให้ผู้พบเห็นได้หมดทุกคนในทันที จำนวนที่มากไม่ใช่ว่าจะเป็นการประสบความสำเร็จในการขาย
ในตอนนี้ในส่วนแสดงความคิดเห็นของช่องสตรีมได้มีข้อความหลั่งไหลกันอย่างไม่ขาดสาย
“งานเปิดตัวสมาร์ทโฟนกาลเวลาจะเริ่มขึ้นแล้ว”
“งานเปิดตัวสมาร์ทโฟนแบรนด์รุยจินเพิ่งจะจบไปเอง มือถือของฝั่งนั้นดูดีมากเลยนะ”
“นั่นสิ ตอนเขาใช้ให้ดูมันดูมีสมรรถนะสูงอยู่นะ แถมคะแนนที่วัดออกมาได้ยังอยู่ในระดับสูงหมดทุกค่าเลย”
“ยิ่งไปกว่านั้นพวกนั้นยังรับประกันตัวเครื่องตั้งปีครึ่งเลยนะ ช่างใจป้ำดีจริงๆ”
“ฉันก็ได้แต่หวังว่าสมาร์ทโฟนกาลเวลาจะไม่ได้แย่กว่ากันนะ ฉันจะได้มีตัวเลือกเพิ่มขึ้นมาอีก”
“แต่เท่าที่ดูจากรูปที่เขาเผยแพร่ออกมาก่อนหน้านี้สมาร์ทโฟนกาลเวลาของซูจิ้งก็ดูดีมากเลยนะ”
“ยังไงซะภาพก็คือภาพ ไม่รู้ว่าของจริงจะเป็นยังไงบ้าง”
ในระหว่างที่ในช่องข้อความพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติอยู่นี้ พิธีกรก็ได้กล่าวเปิดงานเปิดตัวมือถือแห่งกาลเวลาขึ้น
โดยเขานั้นได้กล่าวเปิดงานแบบง่ายๆก่อนที่จะส่งไม้ต่อให้ซูจิ้ง ซูจิ้งเองก็พูดออกมาเพียงไม่กี่คำ หลังจากนั้นก็ได้นำโทรศัพท์กล่องหนึ่งขึ้นมา แพ็คเกจที่ใช้ในการบรรจุนั้นดูสวยงามอย่างมาก
ซูจิ้งได้หยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกล่องออกมา เพียงมาแค่ภายนอกก็ทำให้ผู้ได้พบเห็นมีความรู้สึกตาเป็นประกายเพราะมันสวยงามมากจริงๆ เรียกได้ว่าสวยเก๋เฉียบไม่แพ้แอปเปิ้ลเลยทีเดียว
แน่นอนว่าทั้งซูจิ้งและหวังจ้าวทุ่มเทเงินในการพัฒนาสมาร์ทโฟนของพวกเขาจำนวนมากจะให้ของที่ได้มาด้อยกว่าสมาร์ทโฟนที่อยู่ในตลาดตอนนี้ได้ยังไงกัน
แต่ในงานนี้ ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับสมาร์ทโฟนในยุคสมัยนี้นั่นก็คือประสิทธิภาพอันเหนือล้ำ พวกเขาจึงได้เฝ้ามองดูอย่างใจจดใจจ่อโดยไม่ยอมโดนหลอกเพียงรูปลักษณ์ได้ง่ายๆ
ซูจิ้งเองก็เหมือนรู้ว่าทุกคนกำลังเฝ้ารออะไรกันอยู่ เขาได้ทดลองทำนู่นนี่นั่นให้ทุกคนได้ดู โดยรวมๆทุกคนยังไม่ค่อยรู้สึกถึงความแตกต่างจากสมาร์ทโฟนกาลเวลานี้สักเท่าไหร่นัก
แต่ในที่สุดแล้วพวกเขาก็พบก็อะไรบางอย่างที่สะดุดของพวกเขาจนได้ เรียกได้ว่าทำให้ทุกคนตะลึงจนแสดงสีหน้าอึ้งๆอย่างโง่งมออกมาได้เลย
“สวัสดี นี่คือไอฉิง โปรดเรียกเพศให้ไอฉิงด้วย” สมาร์ทโฟนของซูจิ้งได้ส่งเสียงแนวอิเล็กทรอนิกส์ออกมาทำให้บอกไม่ได้ว่าเป็นชายหรือหญิง
“ผู้หญิง” ซูจิ้งพูดออกมา
“ได้ค่ะ จะให้เรียกคุณว่าอะไรดีคะ” เสียงโทรศัพท์ที่พูดออกมาเปลี่ยนเป็นเสียงของหญิงสาวงาม
“เรียกฉันว่าเจ้านาย” ซูจิ้งพูดออกมา
“ได้ค่ะเจ้านาย ที่นี้โปรดเรียกชื่อของฉันด้วยค่ะ” สมาร์ทโฟนยังคงพูดต่อไป
“จิงยี่” ซูจิ้งพูดตอบ
“เรียนเจ้านายค่ะ เสียงของคุณถูกบันทึกเอาไว้ในระบบจดจำเสียงเรียบร้อยร้อย ตอนนี้ฉันจะฟังเพียงคำสั่งของเจ้านายเพียงเท่านั้น” เสียงหญิงสาวอันนุ่มนวลยังคงพูดออกมา
แต่ในตอนนี้เหล่าผู้ชมทั้งในงานและผ่านช่องสตรีมต่างก็อึ้งกันไปหมด พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ที่พวกเขารับรู้ได้ในตอนนี้ก็คือนี่เป็นระบบตอบสนองอัจฉริยะจากคำพูดที่น้ำเสียงดูดีราวกับเป็นคนจริงๆเท่านั้น
เอาจริงๆแล้วระบบนี้สมควรจะทำมาเพียงแข่งกับระบบศิริของแอปเปิ้ลอย่างแน่นอน
แต่เมื่อทุกคนได้มองเห็นและสังเกตสิ่งที่ซูจิ้งทำอย่างต่อเนื่องก็จะรู้ได้ในที่สุดว่าระบบของซูจิ้งนั้นจะจดจำเพียงเสียงของคนแรกที่ระบบได้จดจำไว้เท่านั้น
แถมยังเลือกที่จะตอบสนองต่อเสียงของเจ้าของเพียงอย่างเดียวต่อให้ในระหว่างที่พูดจะมีเสียงของคนอื่นปะปนอยู่ด้วยก็ตาม นี่คือสิ่งที่แตกต่างและยากจะทำได้ แม้แต่ศิริก็ยังไม่สามารถทำได้เลย