ตอนที่ 1377 พายุที่มารวมตัวกัน โดย Ink Stone_Fantasy
ราชาไม่ได้โกหก นี่ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะเทียบได้เลย
มาร์เวนจินตนาการไม่ออกเลยว่าคนเกรย์คาสเซิลจะรับมือกับปาฏิหาริย์แบบนี้ได้ยังไง นอกจากเงยหน้ามองแล้ว สิ่งที่พวกเขาทำได้เกรงว่าคงมีแค่สวดภาวนาเท่านั้น
ปีศาจจะต้องชนะศึกนี้แน่นอน
ตอนนี้เขาไม่ลังเลอีกแล้ว
ความท้อแท้และความหวาดกลัวก่อนหน้านี้สลายหายไปจนหมด สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือความตื่นเต้นที่ยากจะบรรยายได้ ในเมื่อปีศาจสามารถเอาชนะสงครามได้ อย่างนั้นสิ่งตอบแทนที่พวกเขาจะได้รับก็จะไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป ความรู้สึกกลับตาลปัตรแบบนี้เรียกได้ว่าเหมือนกับหลุดพ้นออกมาจากทางตันที่สุดหวังไปสู่ยอดเขาใหม่!
ส่วนอัศวินที่หนีไปพวกนั้น ต่อไปพวกมันคงต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่ ไม่ ไม่สิ พวกมันไม่มีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตอยู่จนแก่ เอาไว้ตนเองได้เป็นราชาแห่งอีเทอร์นอลวินเทอร์เมื่อไร พวกทรยศพวกนั้นต้องได้เห็นดีกัน
มาร์เวนรีบคุกเข่าลงไปข้างหนึ่งอย่างตื่นเต้น พร้อมกับก้มหัวให้เฮคซอด “ขอรับ พวกข้าได้เห็นแล้ว”
ขุนนางคนอื่นๆ พากันทำตาม
“นี่คือพระผู้สร้างของเผ่าพันธุ์ข้า แล้วก็เป้นวิธีในการแสดง ‘พลัง’ ที่เห็นได้ชัดมากที่สุด” สกายลอร์ดพูดพร้อมเอามือไพล่หลัง “ที่ข้าพาพวกเจ้ามาที่นี่ไม่ใช่เพื่อทำให้พวกเจ้าคลายความสงสัยเพียงอย่างเดียว แต่ข้ายังมีภารกิจให้พวกเจ้าไปทำด้วย”
“ได้โปรดสั่งการมาเลยขอรับ!” ทุกคนรีบตอบ
“พระผู้สร้างต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะไปถึงเทือกเขาสิ้นวิถี แต่ดินแดนที่พวกเจ้ารับผิดชอบดูแลนั้นเหมือนจะสูญเสียการควบคุมแล้ว ผู้ที่หลบหนีไปทุกคนต่างก็อาจจะกลายเป็นศัตรูของเผ่าพันธุ์ข้าได้ ข้าไม่อยากให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ” มันกวาดตามองดูทุกคนอีกรอบ “นับแต่นี้ไป พวกเจ้าต้องรวบรวมคน แล้วก็เคลื่อนย้ายทุกคนที่อยู่ในเมืองมาที่นี่ ขณะเดียวกันข้าจะแบ่งพื้นที่บนพระผู้สร้างให้พวกเจ้าใช้อยู่อาศัยจนกว่าสงครามแห่งโชคชะตาจะจบลง”
“ท่าน..จะให้ชาวบ้านชั้นต่ำพวกนั้นขึ้นไปบนปาฏิหาริย์ด้วยเหรอขอรับ?” นาร์นอสพูดอย่างแปลกใจ
“แล้วเจ้าว่านี่มันเป็นความผิดของใครล่ะ?” เฮคซอดเหลือบมองดูเขาด้วยสายตาเยือกเย็น
อีกฝ่ายหุบปากทันที
“อีกไม่นานข่าวการหลบหนีของอัศวินจะต้องแพร่กระจายออกไปถึงคนระดับล่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นระเบียบของอีเทอร์นอลวินเทอร์จะพังทลาย แทนที่จะให้พวกมันไปอยู่กับเกรย์คาสเซิล สู้ควบคุมพวกมันมาไว้ที่นี่ดีกว่า ข้ามีคนขัดขืน ก็ใช้มีดกับดาบทำให้พวกมันหุบปาก สำหรับพวกเจ้าแล้วเรื่องนี้ไม่น่าจะยากลำบากอะไร”
“แน่ แน่นอนขอรับ” มาร์เวนตอบออกมาเป็นคนแรก “ข้าจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้ขอรับ”
ขุนนางคนอื่นๆ เองก็พากันรับคำขึ้นมาเหมือนกัน
“วางใจได้ ดินแดนของพวกเจ้าไม่มีทางรกร้างแน่ เพราะว่าสงครามไม่มีทางยืดเยื้อไปนานขนาดนั้น” เฮคซอดเหมือนจะมองเห็นถึงความกังวลของพวกเขา “นอกจากนี้ การติดตามพระผู้สร้างก็หมายความว่าพวกเจ้ามีส่วนร่วมในการทำสงครามด้วย ซึ่งนี่จะเป็นการเพิ่มความดีความชอบให้กับพวกเจ้า เมื่อถึงตอนที่แบ่งอาณาจักรของมนุษย์ ความดีความชอบของพวกเจ้าตรงนี้ไม่มีทางถูกมองข้ามแน่นอน พวกเจ้าเข้าใจความหมายของข้าใช่ไหม?”
เหล่าขุนนางพากันดีใจขึ้นมาทันที การพ่ายแพ้จากการลอบโจมตีกองทัพของเกรย์คาสเซิลก่อนหน้านี้ทำให้ราชาปีศาจรู้สึกไม่พอใจ ตอนนี้มีโอกาสที่จะได้ชดเชยความผิด แถมเผลอๆ อาจจะสร้างความดีความชอบได้มากกว่าด้วย พวกขุนนางจึงพากันตื่นเต้นขึ้นมา
“ขอรับ ขอรับ! พวกเราจะต้องทำเต็มที่แน่นอนขอรับ!”
เฮคซอดเปิดประตูบานใหม่ขึ้นมา “เข้าใจก็ดี ข้ามีเรื่องที่ต้องการแค่สองเรื่องเท่านั้น หนึ่งคือยิ่งเคลื่อนย้ายคนได้เร็วเท่าไรยิ่งดี กับห้ามแพร่งพรายเรื่องการมีอยู่ของพระผู้สร้างออกไป ถ้าเข้าใจแล้ว อย่างนั้นก็เริ่มลงมือได้”
…..
หลังส่งขุนนางของอีเทอร์นอลวินเทอร์ไปแล้ว มันก็กลับมายังด้านล่างของรอยแตกยักษ์
เฮคซอดต้องแบกรับความกดดันไม่น้อยจากการที่ให้ ‘แมลงชั้นต่ำ’ ในสายตาปีศาจตัวอื่นๆ มาเข้าใกล้พระผู้สร้าง อย่างน้อยเหล่าราชาต่างก็มีความเห็นในเรื่องนี้ที่ไม่ตรงกัน เดอะแมสก์มองว่ามันเป็นการลบหลู่ แต่เฮคซอดก็ยังคงทำเช่นนี้โดยอ้างฐานะ ‘แม่ทัพตะวันตก’ ของตน
สกายลอร์ดค่อยๆ เข้าใจแล้วว่านักรบของเกรย์คาสเซิลนั้นไม่ได้มีอะไรที่พิเศษ ก่อนหน้านี้พวกเขาอาจจะเป็นชาวนา หรืออาจจะเป็นนายพราน แต่หลังจากผ่านการฝึกมาเป็นเวลาหลายเดือน พวกเขาก็จะเข้าสู่กองทัพในฐานะทหารใหม่ อาวุธในมือพวกเขาเพียงพอที่จะใช้สังหารร่างระดับที่ผ่านการฝึกฝนมาได้
พูดอีกอย่างก็คือประสิทธิภาพในการสร้างนักรบของอีกฝ่ายนั้นเหนือกว่าประสบการณ์ที่ผ่านมาของเผ่าพันธุ์มัน แม้แต่ร่างซิมไบออนท์ที่เดอะแมสก์ภูมิใจก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนร่างเร็วขนาดนี้ได้ ดังนั้นคนของเกรย์คาสเซิลถึงได้เข้ามาเกณฑ์คนในอีเทอร์นอลวินเทอร์กับวูล์ฟฮาร์ทอย่างบ้าคลั่งขนาดนี้ เพราะว่านั่นไม่ใช่ภาระหน้าที่ แล้วก็ไม่ใช่การวางแผนระยะยาว หากแต่เป็นผลประโยชน์ในระยะสั้นที่เห็นได้ชัด!
ถ้าหากปล่อยให้ระเบียบที่ขุนนางรักษาไว้พังทลาย มันก็จะเป็นการส่งนักรบกลุ่มใหญ่ให้กับศัตรู นี่เป็นเรื่องที่เฮคซอดไม่อยากให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน คนกลุ่มนี้ก็ยังทำงานได้ดีไม่แพ้พวกร่างชั้นต่ำด้วย ถ้าฆ่าพวกเขาจนหมดมันก็น่าเสียดายไปหน่อย สู้เอาพวกเขามาอยู่บนพระผู้สร้างเพื่อทำงานให้เผ่าพันธุ์ดีกว่า ดังนั้นนี่จึงเป็นตัวเลือกที่ดูเหมาะสมที่สุดในตอนนี้แล้ว
แต่แน่นอน ปีศาจตัวอื่นๆ จะเห็นด้วยหรือไม่นั้น มันไม่ได้สนใจเลย
ไม่ว่าจะเป็นพระผู้สร้างหรือดินแดนศักดิ์ิสิทธิ์อะไรนั่นก็ล้วนแต่ไม่สำคัญเท่ากับชัยชนะ มันทุ่มเททุกอย่างเพื่อแผนการตะวันตก ไม่ใช่แค่ให้สัญญากับจักรพรรดิเอาไว้แล้วเท่านั้น แต่กระทั่งพระผู้สร้างมันก็ขอให้จักรพรรดิส่งมาแล้วด้วย คำคัดค้านและคำวิจารณ์เหล่านี้มันจึงไม่ได้เก็บมาใส่ใจเลย
เมื่อเทียบกับแรงกดดันจากเบื้องบนแล้ว สิ่งที่ทำให้เฮคซอดปวดหัวมากกว่ากลับอยู่ที่เมืองสกาย
มันค่อยๆ เดินลงบันไดหินมายังชั้นล่างสุดของหอคอยแห่งการให้กำเนิด ในบ่อละอองชีวิตที่มีหมอกหนาจนเหมือนเป็นของเหลวมีร่างสีดำเพิ่มขึ้นมาอีกร่างหนึ่ง มันนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงหน้าไนท์แมร์ สองมือของมันประคองมือของอีกฝ่ายอยู่นิ่งๆ ดูแล้วเหมือนรูปปั้นหินอย่างไรอย่างนั้น
“เจ้ายังไม่ยอมแพ้อีกเหรอ?” เฮคซอดขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “ถ้าสามารถหาตัวมันด้วยร่องรอยเพียงน้อยนิดในโลกแห่งจิตสำนักได้ ข้าคงทำแบบนั้นไปนานแล้ว”
มันไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้ซวยแบบนี้ ทำไมคนที่มาช่วยมันแต่ละคนถึงดูพึ่งพาอะไรไม่ได้เลย
คนที่อยู่ตรงนี้ก็คือไซเลนท์ดิสแอสเตอร์ที่มาช่วยเหลือทางตะวันตก
เวลาส่วนใหญ่มันจะสวมชุดเกราะที่ปิดมิดชิด น้อยครั้งที่จะเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริง ส่วนใหญ่แล้วมันไม่ค่อยพูดอะไร ก็เหมือนกับฉายาของมัน ไม่มีใครรู้ว่าในหัวของมันกำลังคิดอะไรอยู่ แต่มันไม่เหมือนกับราชาคนอื่นๆ ความสามารถของมันเรียกได้ว่าเป็นอันดับต้นๆ ในหมู่ราชา นี่จึงเป็นเหตุที่สกายลอร์ดไม่กล้าต่อว่าอะไรมันมาก
ถ้าเปลี่ยนราชาคนอื่น มันคงจะด่าไปนานแล้ว
เพราะกว่ามันจะขอกองหนุนมาได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่พอมาถึงเมืองสกาย อีกฝ่ายกลับไม่ถามเรื่องสถานการณ์รบหรือเรื่องของศัตรูเลย หากแต่ตรงดิ่งไปหาร่างของไนท์แมร์ในบ่อละอองชีวิต
ใครๆ ต่างก็รู้ว่าถ้าหากหลงทางอยู่ในโลกแห่งจิตสำนึก ก็จะไม่มีโอกาสกลับออกมาได้อีก บนทะเลที่กว้างใหญ่ยังมีกระแสน้ำทะเล มีพระอาทิตย์และดวงดาวคอยนำทาง แต่ในโลกแห่งจิตสำนึกไม่มีอะไรเลย ที่นั่นวุ่นวายและไร้ระเบียบ กระแสจิตสำนึกที่อยู่ด้านล่างเชี่ยวกรากเหมือนพายุ แม้แต่จะทรงตัวก็ยังทำได้ยิ่ง นอกจากนี้ยังจะถูกกัดกินจากจิตสำนึกอื่นอยู่ตลอดเวลา
ไนท์แมร์หายตัวไปในโลกแห่งจิตสำนึกเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว ต่อให้หาตัวกลับมาได้ มันก็ไม่ใช่ ‘ไนท์แมร์’ ตัวก่อนหน้านี้แล้ว
“มันจะต้องเจอเบาะแสอะไรบางอย่างแน่ ถึงได้ยอมเสี่ยงแบบนี้” ไซเลนท์ดิสแอสเตอร์ตอบกลับมา “ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับไนท์แมร์ ข้าจะต้องเป็นคนมาตรวจสอบด้วยตัวข้าเอง”
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ได้เชื่อใจมันเต็มร้อย เฮคซอดนวดขมับอย่างจนปัญญา ถึงแม้ไนท์แมร์จะถือเป็นราชาที่มีความพิเศษอย่างมากสำหรับราชาตนอื่น แต่สำหรับราชาบางตัวแล้ว ไนท์แมร์ถือว่ามีความพิเศษยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งไซเลนท์ดิสแอสเตอร์ถือว่าเป็นหนึ่งในนั้น ถ้ามันจำไม่ผิดล่ะก็ คนที่จัดพิธียกระดับเป็นราชาของอีกฝ่ายก็คือไนท์แมร์นี่แหละ
“ตอนนี้เจ้าตรวจสอบเสร็จเรียบร้อยหรือยัง?”
“ใกล้แล้ว แต่ข้อสรุปที่ได้ไม่ค่อยเหมือนกับเจ้า” มันตอบออกมาสั้นๆ “ข้าคิดว่าไนท์แมร์ไม่ได้หลงทาง หากแต่ถูกขังเอาไว้สักแห่งในโลกแห่งจิตสำนึก”
“เหตุผลล่ะ?”
“สัญชาตญาณ”
หา…สัญชาตญาณ เฮคซอดแอบถอนใจออกมา ถ้าจะมีอะไรที่น่าเชื่อถือน้อยกว่าคำสัญญาของเดอะแมสก์ สิ่งนั้นก็น่าจะเป็นสัญชาตญาณของไซเลนท์ดิสแอสเตอร์นี่แหละ “ผลจากข้อสรุปนี้มีประโยชน์อะไรไหม? สุดท้ายเจ้าก็หาร่องรอยของไนท์แมร์ไม่เจอ แล้วก็ไม่สามารถทำให้มันตื่นขึ้นมาได้ด้วย สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป แทนที่จะมาเสียเวลาตรงนี้ สู้มาช่วยข้าคิดดีกว่าว่าจะจัดการกับมนุษย์ยังไง”
“ตัวผู้ตัวนั้น” ไซเลนท์มองดูมัน
“อะไร?”
“ข้าจะช่วยเจ้ากำจัดมนุษย์ นี่คือเป้าหมายที่ข้ามาที่นี่” จู่ๆ มันลุกขึ้นมาจากบ่อละอองชีวิต ภายใต้หมวกเหล็กมีแสงสีแดงอันตรายสว่างวาบขึ้นมา “แต่ตัวผู้ที่ปรากฏตัวอยู่ในห้องโถงแห่งการสืบทอดจะต้องให้ข้าเป็นคนจัดการ ข้าคิดว่าเบาะแสของไนท์แมร์จะต้องเกี่ยวข้องกันมันแน่”
………………………………………………………