ตอนที่ 789: การต่อสู้กับตระกูลทั้งแปด (2)
สิ่งที่หยุนเทียนพูดฉุดความสนใจของหัวหน้าตระกูลของตระกูลทั้งแปดขึ้นมาว่าหยางยู่เทียนนั้นเป็นนักสู้หรือเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงกันแน่ และยังมีพวกเขายังมีความเป็นศัตรูกันจากเรื่องที่เขาได้ฆ่าผู้เข้าแข่งขันที่เป็นคนของตระกูลทั้งแปด แม้ว่าหยางยู่เทียนอาจจจะไม่สามารถอยู่ในสมาคมได้แล้ว แต่ความตั้งในการที่กำจัดเขาก็ไม่ได้ลดหายลงไปเลย
นี่เป็นเพราะผู้เข้าแข่งขันทุกคนที่ตายในมิติของวัตถุเซียนนั้นเป็นสมาชิกที่สำคัญของตระกูลทั้งแปดและมีตำแหน่งที่สำคัญ การสูญเสียครั้งนี้เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของตระกูลทั้งแปดและยากที่จะยอมรับได้
พวกเขายังไม่ได้ยืนยันว่าสัตว์อสูรโบราณระดับ 6 ที่เจี้ยนเฉินมีเป็นพยัคฆ์ปีกเทวะที่ตระกูลผู้พิทักษ์ต้องการหรือไม่ พวกเขามีความบาดหมางกับเจี้ยนเฉิน ซึ่งนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงใช้มันเป็นข้ออ้างในการกดดันเจี้ยนเฉินและพูดเรื่องสัตว์อสูรโบราณขึ้นมาให้ฟังดูสมเหตุสมผล
คนผู้หนึ่งตะโกนออกมาจากกลุ่มหัวหน้าตระกูล “ถูกต้อง สัตว์อสูรโบราณที่อยู่ที่ไหล่ของหยางยู่เทียนคือพยัคฆ์ปีกเทวะ เขาปกป้องเทพเจ้าของทวีปสัตว์เทวะและยังช่วยมันให้เติบโตอีก นี่เป็นภัยร้ายแรงกับทวีปของพวกเรา นี่คือการกระทำที่เป็นกบฏ ทุก ๆ คน สังหารคนทรยศ ! “
“พวกเราทั้งหมดมาจัดการคนทรยศกัน ! ” หัวหน้าตระกูลร้องออกมาพร้อมกัน พวกเขาหายไปเป็นภาพพร่ามัวก่อนที่จะมาถึงตรงหน้าเจี้ยนเฉินและโจมตีเขาพร้อม ๆ กัน มือของพวกเขาปกคลุมไปด้วยชั้นของพลังธรรมชาติหนาเมื่อพวกเขาเหวี่ยงมือไปที่เจี้ยนเฉิน
สายตาของเจี้ยนเฉินเย็นเฉียบ พลังบรรพกาลในจุดตันเถียนของเขาไหลเหมือนพายุเข้าไปในกระบี่สังหารมังกรของเขาและแสงไฟพร่ามัวที่กระบี่ก็ดับลง มันถูกแทนที่ด้วยไปสีดำที่งดงามที่พุ่งออกมาจากกระบี่และแผ่ซ่านแรงกดดันแห่งการทำลายล้างไปรอบ ๆ บริเวณ ดวงตาของของเซียนผู้คุมกฎทุกคนที่อยู่ที่นี่หรี่เล็กลง
เกิดแสงวาบหลายแสง กระบี่สังหารมังกรถูกเหวี่ยงหลายครั้งด้วยความเร็วแสง ปราณกระบี่ที่ทรงพลังปะทะเข้ากับมือที่เต็มไปด้วยพลังธรรมชาติของเซียนผู้คุมกฎของตระกูลทั้งแปด และหักล้างการโจมตีของพวกเขาลง
“ทุก ๆ คนระวังให้ดี หยางยู่เทียนไม่ได้กระจอกเลย” เซียนผู้คุมกฎที่โจมตีเจี้ยนเฉินคำรามออกมา พลังเซียนจำนวนมากได้ไหลออกมาจากร่างของเขา และรวมกันเป็นเคียวใหญ่ยาว 3 เมตรในมือของเขาทันที เขาได้ควบรวมอาวุธเซียนขึ้นมา
หลังจากนั้นไม่นาน เซียนผู้คุมกฎคนอื่นอีก 4 คนที่โจมตีเจี้ยนเฉินก็หยุดเพื่อดูสถานการณ์เล็กน้อยและควบรวมอาวุธเซียนขึ้นมา พลังธรรมชาติที่มองเห็นได้มารวมกันอยู่ที่อาวุธก่อนที่พวกเขาจะยกอาวุธขึ้นและเหวี่ยงมันไปที่เจี้ยนเฉิน ที่ซึ่งอาวุธเซียนฟาดผ่านก็จะมีคลื่นพลังงานที่ทรงพลังที่ทำให้มิติบิดเบี้ยวและเกิดรอยแยกเล็ก ๆ
เจี้ยนเฉินยังคงไม่แสดงความรู้สึกใดใด ด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ เขาโจมตีออกไป 5 ครั้งด้วยยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎของเขา และมันได้ปะทะกับอาวุธเซียนทั้งห้าด้วยพลังที่รุนแรง
ตู้ม !
เสียงระเบิดที่ทรงพลัง 5 เสียงดังเหมือนเสียงเดียว และระเบิดออกผ่านอากาศเหมือนฟ้าที่ผ่าลงมา พลังที่รุนแรงทำลายล้างพื้นที่รอบ ๆ และฉีกมิติออกเป็นชิ้น ๆ
เซียนผู้คุมกฎถูกทำให้กระเด็นถอยไปจากการโจมตีของเจี้ยนเฉินถึง 3 กิโลเมตรก่อนที่จะทรงตัวได้ หลังจากนั้น สายตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“เซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 5 ! ” หัวหน้าตระกูลของตระกูลทั้งแปดอุทานออกมา ในขณะที่สายตาของพวกเขาซึ่งจ้องมองไปที่เจี้ยนเฉินนั้นเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
ท่านประธานของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่สังเกตการณ์อยู่ไกล ๆ มองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความประหลาดใจเป็นที่สุด เขาตกใจมากในความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉิน
“24 ปี 24 ปี มันต้องเป็นเขาแน่ ๆ ข้าไม่พบกับเขามาหลายปี แต่เขาก็ได้เติบโตจนมาถึงขั้นนี้แล้ว เหลือเชื่อจริง ๆ ” ผู้อาวุโสสูงสุดพึมพำอยู่ข้าง ๆ ท่านประธาน เขาซึมเศร้าไปเลย
“ยะ หยางยู่เทียนทรงพลังถึงขนาดนี้ได้อย่างไร ? ไม่เพียงแต่เขาจะเรียนรู้สุดยอดทักษะธาตุแสงสุดยอดทั้งสามในฐานะเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 เท่านั้น แต่เขายังเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งซึ่งเป็นถึงเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 5 ! ” หยุนเทียนที่หลบอยู่ด้านหลังท่านประธานหน้าซีด เขารู้สึกถึงความมุ่งร้ายที่มาจากเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 5 และเขารู้สึกถึงคลื่นแห่งความกลัวที่เก็บไว้ไม่ได้และความกลัวสุดขีด เขารู้ดีว่าจอมยุทธที่อยู่ในระดับนั้นสามารถที่จะทำให้เขาหายไปได้ไม่ต่างอะไรกับการบี้มดตัวหนึ่ง
“แต่หยางยู่เทียนได้ทำให้ตระกูลทั้งแปดและตระกูลซาร์โกรธ และในตอนนี้เขายังมีสัตว์อสูรโบราณที่ยังต้องสงสัยว่าเป็นพยัคฆ์ปีกเทวะอยู่อีก มันเป็นไปได้ที่เขาจะเป็นจุดสนใจของตระกูลผู้พิทักษ์ ดังนั้นต่อให้เขาจะเป็นเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 5 แล้วยังไง ? ท้ายที่สุดเขาก็ต้องพบจุดจบอยู่ดี” เขาได้บทสรุปหลังจากคิดมาสักพัก หยุนเทียนเริ่มผ่อนคลายลงเล็กน้อย
แม้แต่ตัวหยุนเทียนเองก็ไม่สามารถยืนยันได้ถึงตัวตนของเสือขาว อย่างไรก็ตามความอิจฉาและความเกลียดชังที่เขามีต่อเจี้ยนเฉิน เขาก็ยังคงหาวิธีที่จะให้มันเป็นพยัคฆ์ปีกเทวะให้ได้ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงสัตว์อสูรโบราณธรรมดา เพราะว่าตระกูลทั้งแปดและตระกูลซาร์จะได้มีสิทธิ์ที่จะโจมตีเจี้ยนเฉินได้ แม้แต่สมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงก็ไม่สามารถที่จะปกป้องเจี้ยนเฉินได้
นี่เป็นเพราะพยัคฆ์ปีกเทวะนั้นเชื่อมโยงกับเรื่องที่สำคัญมาก
ไม่ไกลจากตรงนั้น ชายชราทั้งห้าถูกล้อมไปด้วยผู้พิทักษ์ทั้งสี่จากนิกายดาบโลหิตก็มองไปข้างหน้า ท่าทางของพวกเขาชั่วร้ายและหนึ่งในนั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจี้ยนเฉินจะมีความแข็งแกร่งของเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 5 เมื่อเขามียุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎอยู่ในมือ”
เซียนผู้คุมกฎทั้งห้าที่ถูกทำให้กระเด็นออกมาจากการโจมตีเพียงครั้งเดียวของเจี้ยนเฉิน ทั้งหมดมองหน้ากันอย่างเคร่งเครียด พวกเขาก็ไม่คิดเหมือนกันว่าหยางยู่เทียนจะแข็งแกร่งเพียงนี้ พวกเขาทั้งห้าอยู่แค่ในชั้นสวรรค์ที่ 3 และที่ 4 และไม่สามารถเทียบได้กับเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 5
เจี้ยนเฉินไม่ได้ไล่ตามคนของตระกูลทั้งแปดไป เขาเก็บกระบี่ของเขาและยืนตัวตรง มองไปที่ชายชราทั้งห้าที่ปรากฏขึ้นมาทันทีทันใด จิตสังหารที่ทรงพลังเปล่งรัศมีออกมาจากเขาอย่างไม่ปิดบัง และเขาก็ตะโกนออกมาอย่างเย็นชา “ข้าจะจัดการกับศัตรูทีหลัง กรุณาให้ข้าฆ่าฆาตกรที่ฆ่าพ่อและแม่ของข้าก่อนด้วย” หลังจากพูดจบ เจี้ยนเฉินก็ใช้พลังมิติเพื่อหลอมรวมตัวเองเข้ากับมิติรอบ ๆ เขาพุ่งไปที่ชายชราทั้งห้าด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อในรูปแบบของลำแสง
สายตาของหัวหน้าตระกูลเป็นประกาย แต่พวกเขาก็ไม่ได้หยุดเจี้ยนเฉิน พวกเขาสามารถที่จะใช้ชายชราทั้งห้านั้นเป็นตัวยืนยันในความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเจี้ยนเฉิน พร้อมกับใช้พวกเขาทำให้เจี้ยนเฉินอ่อนแรงลงเพื่อที่จะได้รับมือกับเจี้ยนเฉินได้ง่ายขึ้น
เซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 5 ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ตระกูลทั้งแปดเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด นี้เป็นเพราะพวกเขายังไม่รู้ว่าเจี้ยนเฉินยังมีพลังอะไรที่เก็บซ่อนเอาไว้อีก
ชายชราทั้งห้าเริ่มท่าทางน่ากลัว ในตอนนี้ พวกเขาไม่เพียงแต่จะต้องกำจัดผู้พิทักษ์ทั้งสี่เท่านั้น แต่เขายังต้องจัดการกับเจี้ยนเฉินซึ่งมีความแข็งแกร่งใกล้เคียงกันอีกด้วย สถานการณ์ของพวกเขาย่ำแย่มากในตอนนี้
“ตระกูลทั้งแปด ลูกสัตว์ที่อยู่บนไหล่ของเจี้ยนเฉินเป็นพยัคฆ์ปีกเทวะที่ตระกูลผู้พิทักษ์กำลังตามหาอยู่ ถ้าพวกเจ้าฆ่าเขาและเสนอเสือให้กับตระกูลผู้พิทักษ์ ตระกูลผู้พิทักษ์จะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังแน่ พวกเขาจะมอบทักษะการต่อสู้ระดับเซียนให้แก่พวกเจ้าเป็นรางวัล เช่นนั้นแล้ว ทำไมพวกเจ้าไม่รีบมาช่วยกันเร็วเข้าล่ะ ! พวกเจ้าต้องการที่จะให้เรื่องนี้ถูกทำสำเร็จโดยนิกายดาบโลหิตแทนอย่างนั้นหรือ ? ! ” ชายชราหม่าเทิงมีไหวพริบที่ดีและพยายามที่จะกระตุ้นให้ตระกูลทั้งแปดจัดการกับเจี้ยนเฉิน พวกเขารู้ดีว่าถ้าเจี้ยนเฉินร่วมมือกับผู้พิทักษ์ทั้งสี่ พวกเขาทั้งห้าต้องยากที่จะรอดไปได้แน่ในวันนี้
สายตาของสมาชิกตระกูลทั้งแปดจำนวนสิบกว่าคนเป็นประกายทันที สิ่งที่ชายชราหม่าเทิงพูดนั้นจูงใจพวกเขาเล็กน้อย และความลังเลก็ปรากฎขึ้นที่ใบหน้าของพวกเขา
“ชดใช้ให้กับชีวิตของพ่อและแม่ของข้าซะ ! ” เจี้ยนเฉินได้เคลื่อนที่มาหลายกิโลเมตรเมื่อเขาพูดแบบนั้นและเข้าไปใกล้ชายชราทั้งห้าอย่างรวดเร็ว เขาอยู่ในเกราะพลังบรรพกาลที่หนาแน่น และเขาได้แทงกระบี่สังหารมังกรไปยังหนึ่งในคนกลุ่มนั้นด้วยความเร็วแสง
การโจมตีนั้นธรรมดา มันไม่ได้มีทักษะอะไรที่ตื่นตาเลย แต่มันเต็มไปด้วยจิตสังหารที่ทรงพลังและไฟแห่งความโกรธแค้นของเจี้ยนเฉินที่มีอยู่ในใจมานาน
การโจมตีนั้นเต็มไปด้วยกำลังทั้งหมดของเจี้ยนเฉิน มันเป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาสามารถทำได้ ในขณะที่กระบี่พุ่งผ่านอากาศ พลังบรรพกาลที่รุนแรงก็ตัดมิติให้เปิดออก ทำให้เกิดแสงสีดำในมิติ
ชายชราทั้งห้ามองหน้าซึ่งกันและกันและพยักหน้าเล็กน้อย พวกเขาโจมตีไปที่เจี้ยนเฉินพร้อม ๆ กัน และพยายามที่จะฆ่าเขาให้ได้ในการโจมตีครั้งเดียว
ทันทีที่พวกเขาเริ่มเคลื่อนไหว ผู้พิทักษ์ทั้งสี่ก็ตอบโต้ บอลแสงสีแดงหายไปในพริบตาและพุ่งไปที่คนทั้งสี่ในรูแบบของลิ่มสีแดงเลือดยาว 4 เล่ม ในท่ามกลางสี่คนที่เป็นเป้าหมายจากการโจมตีของผู้พิทักษ์ ได้รวมสองคนที่แข็งแกร่งที่สุด คือชายชราซิตูและหม่าเทิง ซึ่งอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 6
พวกเขาไม่มีทางเลือกและล้มเลิกการโจมตีไปที่เจี้ยนเฉินและใช้กำลังของพวกเขาทั้งหมดในการป้องกันผู้พิทักษ์ทั้งสี่ สำหรับพวกเขาแล้ว เจี้ยนเฉินนั้นแข็งแกร่งมากและเป็นถึงเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 5 แต่อันตรายจากผู้พิทักษ์ทั้งสี่นั้นมากมายกว่าเจี้ยนเฉินนัก
ชายชราซิตูและหม่าเทิงพร้อมกับอีกสองคนยุ่งอยู่กับการโจมตีของผู้พิทักษ์ทั้งสี่ และปล่อยให้คนเพียงคนเดียวป้องกันการโจมตีจากเจี้ยนเฉิน
ชายชราคนนั้นก็ไม่ได้อ่อนแอเลยและเป็นถึงชั้นสวรรค์ที่ 5 เขาคำรามออกมาอย่างทรงพลัง และดาบใหญ่ในมือทั้งสองของเขาก็เปล่งแสงสว่างจ้า เขาเหวี่ยงมันออกไปอย่างเร็ว ซึ่งรวมเอาพลังเซียนและพลังธรรมชาติเอาไว้ ทันใดนั้นเอง มิติตรงหน้าเขาก็เริ่มที่จะบิดเบี้ยวอย่างรุนแรงและเปิดออกเป็นรอยสีดำสนิท
เมื่อกระบี่สังหารมังกรปะทะเข้ากับอาวุธเซียนของชายชรา มันเป็นการปะทะกันของพลังที่รุนแรงทั้งสองพลัง เสียงระเบิดดังสนั่น คลื่นพลังจำนวนมากระเบิดออกมาและทำลายบริเวณรอบ ๆ รวมถึงทำให้เกิดพายุที่ทำลายล้างอยู่ในท้องฟ้า
ทั้งเจี้ยนเฉินและชายชราถูกกระแทกกระเด็นออกมาจากการปะทะและคลื่นพลัง สายตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกายและพลังบรรพกาลในร่างของเขาก็ระเบิดออกไปข้างหน้า มันหยุดการกระเด็นถอยหลังของร่างของเขา ก่อนที่เขาจะพุ่งเขาไปที่ชายชราคนนั้นอีกครั้งดุจสายลม
ท่าทางของชายชราเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อยและยกอาวุธเซียนของเขาขึ้นมาและเหวี่ยงมันไปที่เจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินถึงตรงหน้าชายชรา เขาไม่ได้หลบการโจมตีของชายชราเลยและแทงกระบี่สังหารมังกรที่ยังคงเปล่งแสงสีดำไปที่หน้าอกของชายชราคนนั้นด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง
“ชีวิตแลกชีวิต ! ” ท่าทางของชายชราเปลี่ยนไปเล็กน้อยและเขาก็ตระหนักว่าเจี้ยนเฉินกำลังคิดอะไร หลังจากนั้นไม่นานสายตาที่ดุร้ายก็ส่องประกายในตาของเขาและเขาคิด “เจี้ยนเฉิน เจ้าคนเสียสติ ถ้าเจ้าต้องการที่จะทำอะไรเสียสติแบบนี้ ข้าก็จะทำกลับบ้าง มาดูกันว่าใครจะเป็นคนที่หัวเราะเป็นคนสุดท้าย”
คาบใหญ่ของชายชราฟันไปที่ไหล่ของเจี้ยนเฉินอย่างทรงพลัง ในขณะที่กระบี่สังหารมังกรของเจี้ยนเฉินแทงไปที่หน้าอกของชายชรานั้น