ตอนที่ 788: การต่อสู้กับตระกูลทั้งแปด (1)
“ฮาฮ่าฮ่า แน่นอนว่าพวกเรารู้ชื่อของเจ้า เจี้ยนเฉิน เชื่อฟังเราและส่งเสือมาซะดีดี” ชายชรายื่นมือของเขาออกไปหาเสือขาวที่อยู่ในสาบเสื้อของเจี้ยนเฉิน มือของเขานั้นปกคลุมไปด้วยชั้นพลังธรรมชาติที่มองเห็นได้เพื่อป้องกันเสือขาวจากการทำร้ายเขา
“พวกเจ้าคือคนจากตระกูลกิลลิกัน ฆาตกรที่ฆ่าพ่อแม่ของข้า” จิตสังหารระเบิดในแววตาของเจี้ยนเฉิน เขาไม่สามารถที่จะควบคุมตนเองต่อหน้าหาตกรที่ฆ่าพ่อแม่ของเขาได้ พลังบรรพกาลพุ่งออกมาจากจุดรวมปราณของเขาและครอบคลุมไปทั่วทุกมุมของร่างกายของเขา เขาเพิ่มพลังของร่างบรรพกาลไปถึงขีดสูงสุด
ร่างกายของเจี้ยนเฉินสั่นและมิติที่หยุดอยู่รอบ ๆ ก็แตกกระจายออกทันที เขาเหวี่ยงหมัดตรงไปที่สองมือของชายชราที่เข้ามาใกล้เขา หมัดที่ปกคลุมไปด้วยพลังบรรพกาล มิติที่อยู่ข้างหน้าหมัดถูกบีบอัดด้วยพลังที่มหาศาลเมื่อหมัดได้พุ่งออกไป
แม้ว่าชายชราทั้งห้าจะไล่ล่าเจี้ยนเฉินมาเป็นเวลานาน แต่พวกเขาก็ไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉิน ชายชราเป็นเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 5 แต่เขาก็แค่ใส่พลังธรรมชาติธรรมดาเข้าไปที่มือของเขาเท่านั้นเพื่อที่จะไปจับเสือขาว
แกร่ก ! ในขณะที่หมัดของเจี้ยนเฉินกระแทกเข้ากับมือของชายชรา ชั้นพลังธรรมชาติบาง ๆ ได้สลายไปจากการชกนั่นและมีเสียงกระดูกหักที่ชัดเจนหลังจากนั้นไม่นาน มือของชายชราแตกจากหมัดของเจี้ยนเฉินและชายชรานั่นก็อดไม่ได้ที่จะร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
เจี้ยนเฉินถอยออกไปด้วยการโจมตีหนึ่งครั้งและเว้นระยะห่างออกมาหลายร้อยเมตรระหว่างพวกเขาหลังจากที่ตัวของเขาสั่นเล็กน้อย เขาโกรธมากแต่เขาก็ยังไม่ได้เสียสติไป เขารู้ว่าเขาไม่สามารถขจัดชายชราทั้งห้านี้ไปได้ด้วยตัวของเขาเองเพราะว่าสองคนในนั้นเป็นถึงเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 6
“ระวังให้ดี เจี้ยนเฉินนี้ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นและเราก็มีเวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว ใช้กำลังทั้งหมดที่มีเพื่อเอาเสือมาและออกไปจากที่นี่กัน” ชายชราซิตูคำรามออกมา เขาไม่ลังเลและโจมตีไปที่เจี้ยนเฉินก่อนทันที
อีกทั้งสามคนตามเขามาโดยไม่คิดที่จะออมมือ พวกเขาพุ่งเข้าไปหาเจี้ยนเฉิน พวกเขาต้องเอาพยัคฆ์ปีกเทวะไปให้เร็วที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้
ทันใดนั้นเอง ชายชราในชุดสีเทาได้พุ่งไปข้างหน้าเจี้ยนเฉินด้วยความเร็วดุจสายฟ้าและปล่อยฝ่ามือ 4 ฝ่ามือไปที่พวกชายชรา
“เซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 7 ! ” ชายชราซิตูและหม่าเทิงร้องออกมาอย่างแปลก ๆ และพวกเขาก็เริ่มเคร่งเครียดทันที พวกเขาควบรวมอาวุธเซียนขึ้นมาอย่างไม่ลังเล และอาวุธนั่นก็ระเบิดคลื่นพลังที่ทรงพลังออกมาในขณะที่พวกเขาใส่พลังเซียนปริมาณมากลงไปในอาวุธ พวกเขาเหวี่ยงอาวุธของเขาออกไป
ที่ใดก็ตามที่อาวุธเซียนฟันผ่าน ก็จะเกิดเป็นรอยสีดำสนิทที่อากาศรอบรอบ ชายชราซิตูและหม่าเทิงมีระดับชั้นสวรรค์ที่ต่ำกว่าชายชราที่อยู่ในชุดเทา ดังนั้นภายใต้การโจมตีที่เต็มกำลังกำลังของพวกเขาก็ถูกทำลายได้โดยง่ายดาย
ชายชราชั้นสวรรค์ที่ 5 อีก 2 คนโชคไม่ดีเท่าไรนัก ในขณะที่อาวุธเซียนกระแทกเข้ากับการโจมตีของชายนั่น คลื่นพลังที่ทรงพลังที่เพิ่มขึ้นในอากาศก็ได้กระแทกทั้งสองคนนั้นถอยกลับไป หน้าพวกเขาเริ่มซีด
สี่ผู้พิทักษ์ของนิกายดาบโลหิตกำลังเดินห่างออกไป 25 กิโลเมตรจากเจี้ยนเฉิน และพวกเขาก็หยุดพร้อมกันทันทีทันใด พวกเขามองไปที่ทิศทางที่เจี้ยนเฉินอยู่ คลื่นพลังระหว่างการต่อสู้ระหว่างชายชุดเทาและกลุ่มของชายชราซิตูได้กระตุ้นพวกเขาขึ้น
“พวกนั้น ! พวกเราเจอพวกมันแล้ว ! ” ผู้พิทักษ์คำรามออกมา ก่อนที่ผู้พิทักษ์ทั้งสี่จะกลายเป็นแสงสีแดงและพุ่งออกไปไกล
ผ่ามือทั้งสี่จากชายวัยกลางคนได้กระแทกกลุ่มของชายชราซิตูถอยหลังไป เขาจ้องไปที่พวกเขาและพูดอย่างหนักแน่น “เจ้าคนนอกไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอะไรหน้าไม่อายในเมืองแห่งเทพเจ้า”
ท่าทีของชายชราอึมครึม พวกเขาไม่คิดว่าหลังจากที่ออกจากสมาคมมาไกลแล้ว พวกเขายังไปทำให้จอมยุทธของสมาคมตื่นตัวขึ้นมา โดยเฉพาะเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 7
ในเวลาเดียวกัน พลังหยินชั่วร้ายก็ปรากฏออกมาไกลไกล แสงสีแดงเลือดทั้งสี่พุ่งเข้ามาเหมือนสายฟ้า และมาถึงตรงหน้าชายชราซิตูในพริบตา พวกเขาล้อมชายชราเอาไว้
“คนจากนิกายดาบโลหิต ! ” ชายชุดเทาขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้ว่าผู้พิทักษ์ทั้งสี่จะอ่อนแอกว่าเขา แต่เขาก็มองไปที่คนทั้งสี่นั้นด้วยความกลัว
การมาถึงของผู้พิทักษ์ทั้งสี่ได้ยืนยันความคิดของเจี้ยนเฉินว่า เซียนผู้คุมกฎทั้งห้าที่มาเอาเสือขาวนี้เป็นคนที่สังหารพ่อแม่ของเขา มันทำให้จิตสังหารในใจของเขาหนักแน่นขึ้น หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็มองไปที่ชายชุดเทาและผู้พิทักษ์ทั้งสี่ เขาลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะบินออกไปไกลโดยไม่อยู่ต่อทันที
แม้ว่าฆาตกรที่ฆ่าพ่อแม่ของเขาจะอยู่ตรงหน้าเขา แต่มันก็ไม่ใช่เวลาที่จะมาแก้แค้น เขาไม่สามารถจะทำให้ตัวเขาเองไปอยู่ในอันตรายจากแรงกระตุ้นนี้ เรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการออกไปจากเมืองแห่งเทพเจ้า และออกไปจากจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ แบบนั้นจะเป็นการปลอดภัยเพิ่มมาอีกนิด เขาไม่ได้คิดถึงตัวเขาเพียงอย่างเดียว แต่เขาห่วงความปลอดภัยของเสือขาวด้วย
“หยางยู่เทียนทิ้งสัตว์อสูรโบราณที่อยู่บนไหล่ของเจ้าเอาไว้ซะ ไม่เช่นนั้น อย่าคิดว่าเจ้าจะออกไปจากเมืองนี้ได้” ทันใดนั้นเอง เสียงชราก็ระเบิดขึ้นในท้องฟ้า รอบ ๆ เจี้ยนเฉิน หัวหน้าตระกูลของตระกูลทั้งแปดมากกว่าสิบคนได้พุ่งเขามา พวกเขาหลอมรวมกับมิติและเดินทางหลายร้อยเมตรได้ในแต่ละการก้าว พวกเขาเข้ามาใกล้เจี้ยนเฉินในไม่กี่วินาที และล้อมเจี้ยนเฉินให้ติดอยู่ข้างใน
หนึ่งในหัวหน้าตระกูลมองไปที่ชายชุดเทาและประสานมือออกไป “เซียงหลง พวกเราตระกูลทั้งแปดไม่ได้พยายามที่จะต่อต้านสมาคม มันแค่มีความเป็นไปได้สูงที่สัตว์อสูรโบราณของหยางยู่เทียนนั้นจะเป็นพยัคฆ์ปีกเทวะที่ตระกูลผู้พิทักษ์กำลังตามหาอยู่ ดังนั้น เขาจึงจำเป็นต้องทิ้งสัตว์อสูรนั่นไว้ที่นี่”
ชายชุดเทายังคงนิ่ง ตระกูลทั้งแปดอ้างถึงชื่อตระกูลผู้พิทักษ์ ดังนั้นเขาจึงไม่มีอำนาจใด เขาเข้าใจว่าคำพูดของพวกนั้นสมเหตุสมผลเพียงใด แม้แต่เขาก็ยังสงสัยว่าสัตว์อสูรบนไหล่ของเจี้ยนเฉินนั้นเป็นพยัคฆ์ปีกเทวะที่ตระกูลผู้พิทักษ์กำลังตามหาอยู่หรือเปล่า
เจี้ยนเฉินมองไปที่ทุกคนอย่างเย็นชา เขาเข้าใจแล้วว่ามันคงไม่ง่ายที่จะออกไปจากที่นี่ในวันนี้ แม้แต่สมาคมที่อยู่ข้างเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพยัคฆ์ปีกเทวะซึ่งสามารถแม้แต่นำไปถึงเรื่องการล่วงเกินตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบ ไม่มีองค์กรใดกล้าที่จะไปต่อต้านตระกูลผู้พิทักษ์ เขาได้แค่พึ่งตัวเองเพื่อที่จะออกไปจากที่นี่
เจี้ยนเฉินวางเสือขาวให้มันเกาะอยู่ที่หลังคอของเขา และเขาก็เอายุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎ กระบี่สังหารมังกรออกมาจากแหวนมิติของเขา กระบี่อยู่ในมือของเขา พลังแห่งการมีอยู่ของเจี้ยนเฉินก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ในตอนนี้เขานั้นแหลมคมเหมือนกับกระบี่ที่ชักออกมาจากฝัก และเปล่งพลังปราณออกมาที่ยิงขึ้นไปในท้องฟ้า เขาดูเหมือนจะแตกต่างจากเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่นุ่มนวลและดูมีความรู้เหมือนที่เขาเคยเป็นมาก่อนโดยสิ้นเชิง
ชายชุดเทาจ้องเขม็งไปที่เจี้ยนเฉินด้วยตาโตราวกับไข่ห่าน เขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ เหมือนว่าเขาเพิ่งเจอผีมา
“ปะ ปะ เป็นไปได้ยังไง? หยางยู่เทียน จะ เจ้า เจ้าเป็นนักสู้หรือเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงกันแน่ ! ? ” หัวหน้าตระกูลหยุดหายใจ ในตอนนั้น ใจของเขาที่สงบมานานนับปีไม่ถ้วนได้เริ่มเต้นอย่างควบคุมไม่ได้ พวกเขาทั้งหมดอยู่ในความประหลาดใจจากจากสิ่งที่เขาเห็นและยากที่จะเชื่อในตอนนี้
“หยางยู่เทียน ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้านั้นจะเป็นคนพิเศษเป็นที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่เป็นทั้งนักสู้และเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง และเจ้าก็เป็นถึงเซียนผู้คุมกฎในฐานะนักสู้” สมาชิกของตระกูลทั้งแปดพูดออกมาอย่างประหลาดใจ เขามองไปที่เจี้ยนเฉินเหมือนมองไปที่สัตว์ประหลาด
ในตอนนั้น แสงสีขาวหลายแสงได้พุ่งเข้ามาจากที่ไกลไกล ท่านประธาน ผู้อาวุโสสูงสุด และผู้อาวุโสหลายคนได้รีบมาจากสำนักงานใหญ่พร้อม ๆ กัน ก่อนที่จะหยุดทิ้งระยะห่างออกไปจากเจี้ยนเฉินด้วยความตกใจ มีแต่ผู้อาวุโสสูงสุดเท่านั้นที่ยังคงดูสงบโดยไม่เปลี่ยนแปลงมาก สายตาที่เขามองไปที่เจี้ยนเฉินนั้นเต็มไปด้วยความซับซ้อน
“หยางยู่เทียน ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นนักสู้ นะ นี่ นี่มันเรื่องจริงหรือ ? คนที่เป็นทั้งนักสู้และเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง นะ นี่ นี่หมายความว่าอะไร ? ” ท่านประธานของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงพูดความเห็นออกมา น้ไเสียงของเขาเต็มไปด้วยคาวมเหลือเชื่อ เหมือนว่าเขาเพิ่งพบเจอกับเรื่องปาฏิหาริย์
ผู้อาวุโสสูงสุดหยุดสักครู่ ก่อนที่จะพูดออกมาอย่างชัดเจน “หยางยู่เทียน มันไม่สำคัญว่าเจ้าจะเป็นนักสู้หรือเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง ข้าต้องการที่จะถามเจ้าเพียงอย่างเดียว เจ้าถือว่าตัวเจ้าเองเป็นสมาชิกของสมาคมหรือไม่ ? “
เจี้ยนเฉินมองไปที่ท่านประธานและผู้อาวุโสสูงสุดด้วยสายตาที่ยากที่จะบอกได้ เขาป้องมือออกไปและพูด “ท่านประธาน ท่านผู้อาวุโสสูงสุด ข้าขอบคุณในความกรุณาและความห่วงใยที่ผ่านมา หยางยู่เทียนไม่กล้าที่จะลืมความกรุณานี้ของพวกท่าน ถ้ามีโอกาสในอนาคต ข้าจะต้องตอบแทนบุญคุณแน่นอน”
“อาจารย์ อย่าไม่เชื่อคำตอแหลของมัน หยางยู่เทียนเป็นหนอนบ่อนไส้ที่เข้ามาที่สมาคมของพวกเราด้วยเจตนาร้าย อย่าไปโดนมันหลอกได้ ! ” หยุนเทียนบินมาแต่ไกลและมองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างยินดี เขายินดีในความเคราะห์ร้ายของเจี้ยนเฉิน เขารู้เรื่องพยัคฆ์ปีกเทวะ ในตอนแรกเขาวางแผนที่จะกลับที่ไปที่สำนักงานใหญ่ของสมาคมเพื่อที่จะบอกเรื่องนี้กับท่านประธาน แต่เขาไม่คิดว่าเขาจะเจอกับเหตุการณ์ในตอนนี้ระหว่างทาง และพร้อมกับรู้เรื่องโดยบังเอิญว่าเจี้ยนเฉินนั้นเป็นนักสู้
“หยางยู่เทียน ตอนนี้เจ้าได้ทำให้ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบโกรธ ข้าจะดูซิว่าเจ้าจะรอดไปได้อย่างไร ครั้งนี้ ตระกูลซาร์ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย เจ้าจะตายภายใต้น้ำมือของตระกูลผู้พิทักษ์” หยุนเทียนคิด เขาตื่นเต้นมาก เขาแน่นอนใจว่าเจี้ยนเฉินคงต้องตายอย่างแน่นอนโดยไม่มีใครที่จะสามารถช่วยเขาได้
เจี้ยนเฉินมองไปที่หยุนเทียน สายตาที่เย็นเฉียบของเขาคมเหมือนดังดาบ ทำให้ใจของหยุนเทียนสั่นไหวอย่างแรง เขาถอยหลังกลับไปหลายก้าวอย่างไม่รู้ตัว แค่สายตาของเจี้ยนเฉินก็ทำให้หยุนเทียนถึงกับประหม่า
อย่างไรก็ตาม หยุนเทียนก็กลับมาตั้งตัวได้อย่างเร็ว ทันทีที่เขาตระหนักได้ว่า เขากลัวและล่าถอยด้วยสายตาของคนที่กำลังจะตาย ความอับอายประทุโทสะในตัวของเขาขึ้น เขาคำราม “ผู้อาวุโส หยางยู่เทียนได้เอาพยัคฆ์ปีกเทวะไปและยังช่วยมันในการเติบโตอีก เขาได้กลายเป็นคนทรยศของทวีปไปแล้ว ผู้อาวุโสควรสังหารหยางยู่เทียนที่นี่ เดี๋ยวนี้ และทำเรื่องที่สมควรได้รับการยกย่อง ! “