ตอนที่ 787: ตัวตนถูกเปิดเผย
“ถูกต้อง พวกเราจะยอมให้พยัคฆ์ปีกเทวะถูกนำกลับไปที่ทวีปสัตว์เทวะไม่ได้ ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นภัยอย่างรุนแรงกับทวีปของพวกเรา”
“ข้าเห็นด้วยกับเรื่องนี้ พวกเราไม่สามารถที่จะปล่อยให้จอมยุทธของทวีปสัตว์เทวะนำมันกลับไปได้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม”
ข้อเสนอแนะของชายวัยกลางคนได้นำข้อตกลงมาสู่ทุกคนที่อยู่ที่นี่ นอกเหนือจากเจ้าอารามของอารามจิตพิสุทธิ์ พวกเขาทั้งหมดตกลงที่จะไม่คืนพยัคฆ์ปีกเทวะ
“ถ้างั้นทุกคนมีแผนที่จะรับมือกับพวกเทพเจ้าสัตว์อสูรอย่างไรที่ทวีปของเรา ? ” เทียนเจี้ยนถามอีกครั้ง
“ถ้ามันยังไม่โต พวกเราจะทำให้มันเชื่องและเป็นกำลังให้กับพวกเราหรือบังคับใช้ข้อตกลงครั้งโบราณ ถ้าสองวิธีนี้ไม่ได้ผล พวกเราจะสังหารมัน แม้ว่ามันจะเป็นการทำให้ทวีปสัตว์เทวะโกรธก็ตาม ทวีปเทียนหยวนของพวกเราไม่มีพลังพอที่จะต่อต้านพยัคฆ์ปีกเทวะที่โตเต็มวัยแล้ว” ชายชราของตระกูลผู้พิทักษ์คำรามออกมา เขาดูค่อนข้างชั่วร้าย
“จากที่ข้ารู้มา ทวีปสัตว์เทวะมีเซียนจักรพรรดิ 3 คน หนึ่งในนั้นคือราชาเสือแลงคีรอส คนที่อ่อนแอที่สุดในสามคน ถ้าพวกเรา ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบพร้อมกับเมืองทหารรับจ้างใช้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิของพวกเรา มันอาจจะเพียงพอที่จะกำจัดแลงคีรอสได้ ต่อไปเซียนจักรพรรดิของเผ่าเปิง เขาแข็งแกร่งกว่าราชาเสือ แต่มารราคะน่าจะสามารถรับมือกับเขาได้ และคนที่แข็งแกร่งที่สุด ผู้คุมกฎของทวีป ผู้พิทักษ์ของเมืองทหารรับจ้างน่าจะสามารถรับมือกับเขาได้” ชายวัยกลางคนที่อยู่ในชุดสีครามกล่าว
เทียนเจี้ยนหยุดไปสักพักก่อนที่จะพูดต่อ “จิตวิญญาณป้องกันที่ปกป้องเมืองทหารรับจ้างของข้าถูกทิ้งไว้หลายปีก่อนโดยท่านเจ้าเมือง มันมีอยู่มานานแล้วและไม่มีใครรู้ว่ามันทรงพลังเพียงใด ในความคิดเห็นของข้า มันน่าจะแข็งแกร่งเพียงพอที่จะต่อกรกับผู้คุมกฎได้”
“เมื่อพวกเรามีพลังเพียงพอที่จะป้องกันภัยจากทวีปสัตว์เทวะแล้ว พวกเรามารีบตามหาพยัคฆ์ปีกเทวะกันเถอะ” ชายชราผิวสีเลือดฝาดในชุดขาวพูด
เทียนเจี้ยนจ้องลึกลงไปที่ตาของชายชรา หลังจากที่เขาลังเลเล็กน้อย เขาก็พูดขั้นมา “ทุกคน ข้าอาจจะเคยเห็นพยัคฆ์ปีกเทวะมาหลายปีแล้ว ในตอนนั้นมันยังเป็นลูกเสือและยังไม่แข็งแกร่งเท่าไร แต่มันอยู่กับชายหนุ่มที่มีพรสวรรค์ซึ่งสนิทสนมกับมันมาก”
“ในความคิดเห็นของข้า มันคงจะไม่เป็นการยากถ้าพวกเราต้องการที่จะควบคุมพยัคฆ์ปีกเทวะเพราะมันไม่ได้เป็นภัยกับทวีปของพวกเรา พวกเราไม่ต้องกังวลและปล่อยให้มันอยู่กับชายหนุ่มผู้นั้นไป เมื่อมันโตเต็มที่แล้ว มันจะไม่ทำอันตรายอะไรกับทวีปของพวกเราเพราะชายหนุ่มผู้นั้น”
“ไม่ พวกเราจะปล่อยมันไว้อย่างนั้นไม่ได้ เรื่องของพยัคฆ์ปีกเทวะนั้นสำคัญมาก พวกเราจะไม่ปล่อยให้มันถูกควบคุมโดยเด็กคนหนึ่ง เมื่อเทพเจ้าสัตว์อสูรที่ทรงพลังอยู่ในมือของพวกเราตระกูลผู้พิทักษ์เท่านั้น พวกเราจึงจะวางใจได้”
“พยัคฆ์ปีกเทวะจะไปอยู่ในมือของเด็กไม่ได้ เทียนเจี้ยน เจ้าตามใจเด็กนั่นมากเกินไป บางทีเขาอาจมีความเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าหรือเปล่า ? ” ชายชราผิวสีเลือดฝาดยืนขึ้นและปฏิเสธเสียงแข็งในสิ่งที่เทียนเจี้ยนพูด
เทียนเจี้ยนมองไปที่ชายชราแล้วพูด “เจ้าต้องเป็นเจียงหยางชิงหยุนแห่งตระกูลเจียงหยางเป็นแน่”
“ถูกต้อง ข้าคือเจียงหยางชิงหยุน” ชายชราพูดอย่างสงบ และจ้องตรงไปที่ตาของเทียนเจี้ยน
เทียนเจี้ยนถอนหายใจเบา ๆ “ถึงคนที่มีความเกี่ยวข้องกับชายหนุ่มนั่นอาจจะไม่ใช่ข้าก็ได้ ยังไงก็เถอะ ในเมื่อทุก ๆ คนค้านกับข้อเสนอแนะนี้ ก็ทำเป็นว่าข้าไม่ได้พูดเรื่องนี้ออกไปก็แล้วกัน เมืองทหารรับจ้างของข้าจะไม่เข้าร่วมในการจัดการกับพยัคฆ์ปีกเทวะ”
..
หลังจากที่ตระกูลทั้งสิบออกไป พวกเขาก็ออกคำสั่งไปที่ตระกูลโบราณบางตระกูลทันทีเพื่อที่จะให้พวกเขาทุ่มเทกำลังทั้งหมดในการตามหาพยัคฆ์ปีกเทวะ ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็ประกาศลักษณะเฉพาะตัวของเสือออกไป
เมื่อได้รับคำสั่งแล้ว ตระกูลโบราณก็ส่งมันไปที่ตระกูลสันโดษที่อยู่ต่ำกว่าพวกเขาทันที ตระกูลสันโดษก็กระจายคำสั่งเดียวกันนี้ไปที่อาณาจักรต่าง ๆ และสำนักขนาดต่าง ๆ ข่าวกระจายไปเป็นชั้น ๆ และไปถึงยังทุกส่วนของทวีปอย่างรวดเร็ว ทำให้คนที่ตามหาพยัคฆ์ปีกเทวะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่สำคัญกว่านั้น ทุก ๆ คนรู้เกี่ยวกับลักษณะเฉพาะตัวของพยัคฆ์ปีกเทวะแล้ว ยังมีแม้แต่บางอาณาจักรที่ส่งทหารของพวกเขาไปค้นหาทั่วดินแดน และจับสัตว์อสูรทุกตัวไม่ว่าจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอมาเพื่อที่จะดูว่ามันเข้ากันกับลักษณะที่อธิบายไว้ของพยัคฆ์ปีกเทวะหรือเปล่า ก่อนที่จะให้เซียนสวรรค์ส่งพวกมันทั้งหมดไปยังตระกูลนักพรต
ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบทั้งหมดได้มาปรากฏตัว ศิษย์และสมาชิกกลุ่มใหญ่ของตระกูลและสำนักได้ออกมาจากเขตที่ถูกผนึกเอาไว้ และเข้ามาในทวีปเพื่อที่จะช่วยกันตามหาพยัคฆ์ปีกเทวะ
ในเวลาเดียวกัน ชายวัยกลางคนกำลังลอยอยู่กลางมิติที่ทำเอาไว้ที่ทวีปเทียนหยวน เขาใส่ชุดยาวสีขาวขลิบสีทอง และเขาดูเหมือนจะมีความรู้ ดูดีและมีแววแห่งความมุ่งร้ายอยู่
ชายนั่นไม่ได้เปล่งพลังของการที่อยู่ที่เหมือนคนที่ทรงพลังเลย เขาดูเหมือนจะเป็นคนธรรมดาแต่ร่างที่ลอยอยู่ของเขานั้นเหมือนจะหลอมรวมกับมิติ เขามองไปที่ว่างไกล ๆ และตาของเขาก็เป็นประกาย เขาพึมพำกับตัวเอง “พยัคฆ์ปีกเทวะได้มาปรากฏตัวแล้วและยังออกมาปรากฏตัวที่ทวีปเทียนหยวน มันน่าเสียดายที่ข้าออกมาจากอารามจิตพิสุทธิ์ไวเกินไป ดังนั้นข้าจึงไม่มีโอกาสที่จะได้ดูบันทึกโบราณที่บันทึกข่าวลือและเรื่องลึกลับในครั้งโบราณกาล ไม่เช่นนั้น ข้าจะเข้าใจได้ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับมันและหามันได้ง่ายขึ้น”
“ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบกำลังตามหาพยัคฆ์ปีกเทวะ หลังจากที่พวกเขาพบมันแล้ว ข้าก็แค่ขโมยมันมาจากพวกเขาและบังคับให้มันให้อยู่ในข้อตกลงโบราณ ข้าจะปล่อยให้พวกทวีปสัตว์เทวะกับพวกตระกูลผู้พิทักษ์เหล่านั้นใช้ประโยชน์จากมันไม่ได้”
ในเมืองแห่งเทพเจ้า ข่าวเรื่องเทพเจ้าสัตว์อสูรได้กระจายไปทั่วทั้งเมือง การถกเถียงเกี่ยวกับเรื่องเสือสามารถได้ยินไปทั่วทุกถนน ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก
ในสำนักงานใหญ่ของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง เจี้ยนเฉินนอนอยู่ที่เตียงของเขาและลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ ท่าทีของเขานั้นมืดมน แม้ว่าเมืองแห่งเทพเจ้านั้นจะเปิดการทำงานของอาคมปกปิดตัวตน แต่มันก็แค่ซ่อนพลังแห่งการมีอยู่ของผู้คนเท่านั้น พลังของเขาในการสัมผัสสิ่งต่าง ๆ ยังคงไม่ได้รับผลกระทบอะไร เขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงสถานะการณ์ภายใต้รัศมี 20 กิโลเมตร ดังนั้นเขาจึงรู้เรื่องข่าวเกี่ยวกับพยัคฆ์ปีกเทวะจากคนอื่น ๆ
“สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปเร็วอย่างคาดไม่ถึง ข้าไม่สามารถอยู่ที่สมาคมไปได้นานกว่านี้อีกแล้ว” เจี้ยนเฉินคิดในใจ เขายืนขึ้นทันทีหลังจากนั้นเขาก็ออกจากสมาคมไปพร้อมกับเสือในมือของเขา
ในตอนที่เจี้ยนเฉินออกมาจากชั้นที่ห้าของสมาคม ท่านประธานและผู้อาวุโสทั้งคู่กำลังตื่นเต้นอยู่ในห้องของพวกเขาเงียบ ๆ พวกเขาจ้องไปในทิศทางที่เจี้ยนเฉินหายไปด้วยท่าทางที่ยากที่จะบอกได้ และหลังจากที่นิ่งมานานพวกเขาก็ถอนหายใจเบา ๆ ออกมาในที่สุด
“ดูเหมือนว่าสัตว์อสูรโบราณที่อยู่บนไหล่ของหยางยู่เทียนอาจจจะเป็นพยัคฆ์ปีกเทวะที่ตระกูลผู้พิทักษ์ต้องการ” ผู้อาวุโสสูงสุดพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยน
ท่านประธานพยักหน้ารับเล็กน้อย “พวกเราควรที่จะไปโน้มน้าวให้หยางยู่เทียนส่งพยัคฆ์ปีกเทวะไปดีหรือไม่ ? มันจะได้ไม่เกิดปัญหามากมาย”
“ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะยอมให้ง่ายขนาดนั้น ความสัมพันธ์ของเขากับเสือนั้นอยู่ในจุดที่ใกล้ชิดมาก การที่จะไปโน้มน้าวเขานั้นเป็นการเปลืองคำพูดซะเปล่า อีกทั้งตระกูลผู้พิทักษ์แค่ต้องการพยัคฆ์ปีกเทวะเท่านั้น ด้วยฐานะของพวกเขา พวกเขาจะไม่ทำร้ายหยางยู่เทียนหรอก” ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว
“ข้าก็หวังว่าอย่างนั้น” ท่านประธานพูดอย่างสุภาพ แม้ว่าเขาจะรู้ถึงตัวตนของพยัคฆ์ปีกเทวะ แต่เขาก็ไม่ได้รายงานกับตระกูลผู้พิทักษ์ และเขาก็ไม่หยุดเจี้ยนเฉินที่กำลังจะจากไป เขาเป็นชายที่ใช้ชีวิตมาถึงจุดสุดท้ายของชีวิตแล้ว เขาเข้าใจในเรื่องหลาย ๆ อย่างและพร้อมที่จะปล่อยให้มันเป็นไป
สมาคมมีพลังที่จะต่อต้านตระกูลซาร์ แต่สมาคมไม่แม้แต่จะมีความคิดที่จะต่อต้านตระกูลผู้พิทักษ์
เจี้ยนเฉินลงมาจากชั้นที่ 5 และมาถึงที่ห้องโถงใหญ่ชั้นแรก เขาเดินตรงออกไปจากสมาคม
ตามทาง เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่อยู่รอบ ๆ ที่เจี้ยนเฉินเดินผ่านสงสายตาแปลก ๆ มาที่เขา สายตาส่วนใหญ่จ้องไปที่เสือที่อยู่บนไหล่ของเจี้ยนเฉินในขณะที่พวกเขาเริ่มถกเถียงเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ทำไมข้าถึงได้รู้สึกว่าสัตว์อสูรโบราณที่อยู่บนไหล่ของเจี้ยนเฉินถึงคล้ายกับพยัคฆ์ปีกเทวะ ? พวกมันเป็นสัตว์อสูรที่เป็นเสือ และถ้าเรามองไปที่หลังของมัน มันดูเหมือนจะมีปีกอยู่คู่หนึ่งจริง ๆ ด้วย”
“ว้าว เจ้าพูดถูก ข้าก็รู้สึกว่ามันคล้ายกันจริง ๆ ปีกซ่อนอยู่อย่างดี แต่ถ้าเจ้าดูดี ๆ ละก็ เจ้าจะสามารถเห็นมันได้”
“แต่ข้าก็ยังคิดว่า สัตว์อสูรที่มีเกียรติจะมายอมจำนนกับมนุษย์ทำไม ? ข้าคิดว่าสัตว์อสูรที่อยู่บนไหล่ของเจี้ยนเฉินก็แต่สัตว์อสูรโบราณ มันแค่ดูคล้ายกับพยัคฆ์ปีกเทวะมากมากก็แค่นั้นเอง เพราะว่าสัตว์อสูรที่มีทั้งหมดที่อยู่ในทวีป มีบางตัวที่กลายพันธุ์ไป มันถึงไม่แปลกที่จะมีสัตว์อสูรสองตัวที่ดูคล้ายเคียงกัน”
“นั่นก็จริง มันอาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ เพราะว่าเทพเจ้าสัตว์อสูรนั้นทรงพลังเทียบเท่ากับโมเทียนหยุน มันจะมายินยอมเสียเกียรติเพื่อพวกเรามนุษย์กันทำไม ? อีกทั้งสัตว์อสูรโบราณของหยางยู่เทียนยังเป็นถึงระดับ 6 แล้ว ไม่เหมือนกับข่าวลือที่เป็นลูกของเทพเจ้าสัตว์อสูร”
..
อารมณ์ของเจี้ยนเฉินหนักอึ้งขึ้นเมื่อเขาได้ยินเสียงพึมพำต่างต่างนานา เขาเร่งฝีเท้าขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่สีหน้าของเขายังคงสงบเหมือนอย่างเคยโดยไม่ได้แสดงตวามรู้สึกตื่นตระหนกอะไร ถ้าเขาตื่นตระหนก ผู้คนอาจจะรู้ว่าเขานั้นมีความผิดอยู่ และทุกคนจะจับได้ว่าเสือขาวนั้นคือพยัคฆ์ปีกเทวะ
เจี้ยนเฉินออกจากสมาคมไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสี่ยวไป๋ก่อนที่จะหายไปในฝูงชน เขาไม่ได้พบกับอุปสรรคใดใดเลยแม้แต่เล็กน้อย
ในตอนนี้ตัวตนของเสือขาวไม่สามารถที่จะเก็บเป็นความลับได้อีกต่อไปแล้ว เจี้ยนเฉินไม่สามารถที่จะอยู่สมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงได้นานมากกว่านี้อีก เขาพักเอาเรื่องที่จะสำเร็จระดับ 7 เอาไว้ก่อน แม้ว่าเขาจะไม่ปรารถนาอย่างมากที่จะทำอย่างนั้น แต่เขาก็จำเป็นที่จะต้องปกป้องเสือขาว
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทั้งพ่อและแม่ของเจี้ยนเฉินนั้นสำคัญสำหรับเขามากในใจของเขา แต่เขาก็ยอมแพ้ในเรื่องเสือขาวไม่ได้เช่นกัน
เจี้ยนเฉินเพิ่งมาถึงที่ถนนหลัก เขาทำหน้าบึ้งเล็กน้อย สายตาของเขาเย็นชา เขาควบรวมเมฆขาวจากพลังเซียนธาตุแสงทันทีและขี่ออกไป
เมื่อเจี้ยนเฉินเดินทางออกมาได้ไกลจากสมาคมแล้ว มิติรอบ ๆ เขาก็ถูกหยุดลงอย่างกะทันหัน มันทำให้ร่างของเขาติดอยู่กลางอากาศ และไม่สามารถเคลื่อนที่ได้
หลังจากนั้นไม่นาน ร่างทั้งห้าก็พุ่งมาจากข้างล่าง พวกเขามาถึงตรงหน้าของเจี้ยนเฉินในพริบตา และหนึ่งในนั้นยื่นแขนออกไปที่เสือขาวและเหยียด “เจี้ยนเฉิน ถึงเจ้าจะเปลี่ยนไปเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง พวกเราก็สามารถหาเจ้าจนพบได้ มาดูซิว่าเจ้าจะหนีไปไหนได้ครั้งนี้”
โฮก ! ก่อนที่เจี้ยนเฉินจะเริ่มเคลื่อนไหว เสือขาวก็คำรามออกมา มันไม่ได้รับผลกระทบจากมิติที่ถูกหยุดเลยและพุ่งออกไป กรงเล็บที่แหลมคม 2 กรงเล็บของมันข่วนไปที่มือทั้งสองอย่างรวดเร็ว และทิ้งรอยแผลลึก 2 รอยเอาไว้
“สมแล้วที่เป็นเทพเจ้าสัตว์อสูร เจ้านั้นทรงพลังจริง ๆ ที่ทำร้ายข้าได้ทั้งทั้งที่ยังเป็นแค่ระดับ 6” ชายชราซิตูประกาศออกมาอย่างชื่นชม จากนั้นเขาก็มองไปที่คนทั้งสี่ที่เหลือและคำรามออกมา “มาร่วมมือกัน เราจะเอาพยัคฆ์ปีกเทวะออกไปจากที่นี่”
ในตอนนี้ข่าวการตามหาพยัคฆ์ปีกเทวะได้กระจายไปทั่วทั้งทวีป ดังนั้นชายชราซิตูจึงรู้เรื่องเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของเสือขาว อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับแผนการในการชิงตัวพยัคฆ์ปีกเทวะเลย
สำหรับพวกเขา มันไม่สำคัญว่ามันจะเป็นสัตว์อสูรโบราณหรือว่าเป็นเทพเจ้าสัตว์อสูร มันสำคัญตรงที่ว่าพวกเขาจะได้ผลตอบแทนอย่างงาม
เมื่อถูกเรียกด้วยชื่อในฐานะนักสู้ของเขา เจี้ยนเฉินก็สะดุ้งอย่างแรง เขาหรี่ตาจ้องไปที่กลุ่มคนทั้งห้านั้นในขณะที่จิตสังหารปกคลุมไปทั่วใบหน้าของเขา เขาคำราม “เจ้ารู้จักชื่อของข้าได้ยังไง ! ? “