เย่เฉินกําหมัดแน่นพลางกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “การยอมรับในเบื้องต้นก็เพียงพอแล้ว และข้าจะทำให้ท่านเจ้าเมืองยอมรับข้าอย่างเต็มที่ให้ได้”

มู่เฉียนซียืดเส้นยืดสายแล้วกล่าวว่า “เสี่ยวไป๋ เรื่องก็จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเรากลับไปพักผ่อนกันเถอะ!”

“อื้ม!”

เจ้าเมืองเหยียนมองตามหลังพวกเขาไปและถอนหายใจพลางกล่าวว่า “เจ้าสองคนนี้ จะลึกลับเกินไปแล้ว!”

สาวน้อยผู้ที่มีพลังความแข็งแกร่งไม่สูง แต่พลังการต่อสู้ของนางนั้นน่าทึ่งมาก!

บุรุษที่ชัดเจนว่าไม่มีระดับการฝึกบำเพ็ญใด ๆ แต่กลับสูงส่งเกินกว่าจะบรรยายได้ ราวกับว่าในโลกนี้ไม่มีผู้ที่สามารถเข้าตาเขาได้

“แต่คงไม่น่าจะกลายเป็นศัตรู”

ผู้นําตระกูลเย่คนใหม่ได้ใช้วิธีที่รุนแรงมากในการขับไล่แต่ละตระกูลออกจากเมืองเหยียน

พวกเขาเคยขัดขืนแต่ตระกูลเย่มียอดฝีมือระดับมหาจักรพรรดิอยู่ พวกเขาจึงทําอะไรไม่ได้

สิ่งที่น่ากลัวไปกว่านั้นก็คือแม้ว่าความแข็งแกร่งของเย่เฉินจะอ่อนแอ แต่การวางยาพิษกลับรุนแรงมาก ทําให้พวกเขาทําอะไรไม่ได้

พวกเขามาขอความช่วยเหลือจากจวนเจ้าเมือง แต่ท่านเจ้าเมืองปิดประตูและไม่ยอมพบพวกเขา!

พวกเขารู้ดีว่าการยืนผิดกลุ่มทําให้ท่านเจ้าเมืองเกลียดพวกเขาและยอมรับในตระกูลเย่แต่โดยดี!

“ท่านเจ้าเมือง หากตระกูลเย่ยังหยิ่งยโสเช่นนี้ต่อไป ตระกูลเย่ของพวกเขาคงยึดและเข้ามาแทนที่เรา!”

“ท่านเจ้าเมือง…”

“……”

ท่านเจ้าเมืองไม่สนใจพวกเขาอีกต่อไป พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องออกจากเมืองเหยียนไป

ตระกูลเย่ที่เดิมทีอยู่ในขุมกำลังสำนักนิกายครึ่งระดับของเมืองเหยียน ตอนนี้กลับกลายเป็นขุมกําลังสำนักนิกายครึ่งระดับที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองเหยียน

ในตอนนั้นเอง เมืองเหลยก็ได้ส่งยอดฝีมือมาสังหารนอกเมืองเหยียน

“ท่านเจ้าเมืองเหยียน ฟังข้าให้ดี! วันนี้เมืองเหลยของเราไม่ต้องการที่จะเป็นศัตรูกับเจ้าเมืองเหยียน ตราบใดที่พวกเจ้าส่งคนตระกูลเย่ที่ฆ่าน้องรองของข้ามา นับแต่นี้ไป พวกเราก็จะสนิทกันเหมือนครอบครัวเดียวกันอย่างแน่นอน!”

คําพูดเช่นนี้ ใครเชื่อก็โง่แล้ว!

เช่นนั้นถ้าเหลยอ๋าวไม่ใช่เพราะได้รับคําสั่งจากเขา จะบุกประโคมมาที่เมืองเหยียนได้อย่างไร?

ปล่อยให้กองกำลังทั้งสองของเขาฉีกหน้าและฆ่ากันเอง สุดท้ายก็ได้รับบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย เขาก็จะโจมตีได้ง่าย

เจ้าเมืองเหยียนกล่าวด้วยใบหน้าที่หม่นคล้ำ “ข้าจะไม่ยอมรับคําขอของเจ้าอย่างเด็ดขาด ถ้าเจ้าต้องการโจมตีเมืองเหยียนของพวกเรา เราก็ยินดีจะอยู่ด้วยในสงครามเมือง”

เย่เฉินกล่าว “พวกเจ้าอยากสู้ ก็อย่าได้พูดมากความ เมืองเหยียนของพวกเรา ไม่มีทางกลัวพวกเจ้าหรอก?”

เจ้าเมืองเหลยกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ในเมื่อพวกเจ้ารนหาที่ตาย เช่นนั้นข้าจะชำระสะสางทั้งเมืองเหยียนเพื่อแก้แค้นให้น้องรองของข้า!”

ในเวลานี้มู่เฉียนซีกําลังดื่มชาอยู่ในโรงน้ำชาแห่งหนึ่งที่ใกล้กับประตูเมือง นางได้ยินคําพูดเหล่านี้นางก็ยิ้มบาง ๆ

“ก็ไม่รู้ว่า เจ้าหมอนี่ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน?”

มู่เฉียนซีพูดไม่ทันขาดคำ นางก็รู้สึกว่าท้องฟ้ามืดครึ้ม!

ไม่ใช่จากดวงอาทิตย์ที่ร้อนระอุไปสู่ฟ้าที่มืดครึ้ม แต่เป็นเพราะสิ่งที่อยู่บนฟ้า!

มู่เฉียนซีเงยหน้ามองเจ้ายักษ์ที่อยู่กลางอากาศแล้วพูดขึ้นว่า “สัตว์วิญญาณระดับเจ็ด ซากวิหคกระหายเลือด พวกเขากลับนําสัตว์วิญญาณที่น่าขยะแขยงตัวนี้ออกมา”

“สัตว์วิญญาณ พวกเขาควบคุมการจู่โจมของสัตว์วิญญาณ!”

“บ้าเอ๊ย!”

“อ๊า!”

สัตว์วิญญาณระดับเจ็ดที่ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก แต่พวกเขาได้เปรียบที่อยู่เหนือท้องฟ้าจนทําให้ผู้คนทําอะไรไม่ได้

อีกทั้งสําหรับคนธรรมดาที่ไม่แข็งแกร่งเหล่านี้มันคงเป็นฝันร้ายอย่างแน่นอน!

ขณะที่มู่เฉียนซีกําลังจะพุ่งตัวขึ้นหลังคาแล้วลงมือ กู้ไป๋อีก็พูดอย่างเย็นชาว่า “คุณหนูใหญ่ มีคันธนูหรือไม่?”

“คันธนู!” มู่เฉียนซีไปค้นในมิติของตัวเอง แน่นอนว่านางได้หยิบคันธนูและลูกธนูออกมา

มู่เฉียนซีกล่าว “นี่คือคันธนูและลูกธนูทั้งหมดของข้า ปกติข้าไม่ค่อยได้ใช้ ดังนั้นจึงมีไม่ได้มากนัก”

กู้ไป๋อีไม่ได้พูดอะไรเยอะ เขาดึงคันธนูและยิงออกไป ในเวลาชั่วพริบตาก็ได้แทงทะลุดวงตาของซากวิหคกระหายเลือดนั่น

มู่เฉียนซีตกตะลึง มันยากที่จะจินตนาการว่าลูกศรดอกนี้ถูกยิงออกมาโดยคนที่ไม่มีระดับการฝึกบำเพ็ญ

มู่เฉียนซีกล่าว “สวย! เทคนิคการยิงธนูดีเยี่ยม!”

แม้แต่ซวนอีที่น่าเกรงขามนั่น เมื่อได้เห็นทักษะการยิงธนูของเสี่ยวไป๋ เขาก็ยังเกรงว่าตนเองอาจถูกยิงตายได้!

มันคนละระดับกันอย่างสิ้นเชิง!

กู้ไป๋อีกล่าวเสียงเรียบ “ดังนั้นอย่าว่าข้าว่านอกจากหน้าตาแล้ว ไม่มีข้อดีอื่นอีก”

เมื่อพูดจบโดยไม่มีเสียงใด ๆ มาแทรก เขาก็ยิงมันออกมาอีกครั้ง!

ปัง ปัง ปัง!

“……”

ตําแหน่งเดียวกัน วิธีการเดียวกัน ไม่มีซากวิหคกระหายเลือดตัวใดบนฟ้าที่หนีรอดไปได้ พวกมันร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้าทีละตัว!

ปัง ปัง ปัง!

กร๊อบ!

ขณะที่กู้ไป๋อีกําลังจะยิงธนูออกไป ธนูก็ได้หักเสียแล้ว

“อาวุธวิญญาณระดับต่ำสุด คุณภาพไม่ดี!” เขาวางคันธนูลงและกล่าวประเมิน

มู่เฉียนซีรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย “มันไม่ดีอย่างไร? ผู้ที่เพิ่งได้เรียนรู้การหลอมอาวุธสามารถหลอมอาวุธวิญญาณที่สมบูรณ์ได้นั้นก็ดีมากแล้ว เจ้าจุกจิกเช่นนี้ย่อมไม่ดี”

สายตาของกู้ไป๋อีจับจ้องไปที่มู่เฉียนซี เขาเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าเป็นคนหลอมคันธนูนี้หรือ?”

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าเป็นคนหลอมมันเอง”

ตอนแรกเริ่มที่ได้เรียนรู้การหลอมอาวุธและฝึกฝนการหลอมอาวุธต่าง ๆ ธนูและลูกธนูก็เป็นหนึ่งในนั้น

มู่เฉียนซีจับคันธนูเล่มหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ข้าได้รับสิ่งนี้มาจากในซากโบราณ คุณภาพดีกว่าที่ข้าหลอมขึ้นมา เจ้ารีบใช้มันเร็วเข้า!”

กู้ไป๋อีรับมันมา และยิงลูกศรใส่ซากวิหคกระหายเลือดที่ลอยอยู่กลางอากาศด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“บ้าเอ๊ย!” เมื่อเห็นอาวุธสังหารที่พวกเขาส่งออกมาถูกยิงลงพื้น เจ้าเมืองเหลยก็อดสบถออกมาไม่ได้

“ในเมืองมีนักธนูศักดิ์สิทธิ์ แอบเข้าไปในเมืองและฆ่าชายผู้นั้นซะ!”

หากไม่จัดการนักธนูศักดิ์สิทธิ์ การที่พวกเขาจะบุกเข้าไปในเมืองเกรงว่าจะยากเย็นนัก

“ขอรับ!”

ฟึ่บฟึ่บฟึ่บ!

มีคนบุกเข้าไปในเมือง พวกเขาอาศัยทิศทางที่กู้ไป๋อี้ยิงออกมาและตัดสินตําแหน่งของกู้ไป๋อี!

บึ้ม!

การโจมตีอันรุนแรงดังขึ้น มู่เฉียนซีดึงกู้ไป๋อีหลบไป

เป็นอีกครั้งที่นางได้ให้อู๋ตี้ไปอยู่ข้างกายกู้ไป๋อี นางกล่าวขึ้น “เสี่ยวไป๋ เจ้าเพียงรับประกันว่าสามารถที่จะยิงเจ้าพวกที่อยู่บนอากาศให้ตกลงมาได้โดยไม่ปล่อยให้หลุดไปได้แม้แต่ตัวเดียว ส่วนพวกลูกสมุนกุ้งปูพวกนี้ข้าจะเป็นคนจัดการมันเอง!”

กล่าวจบมู่เฉียนซีก็พุ่งไปขวางตรงหน้าเขาไว้

หนึ่ง สอง สาม…

ระดับจักรพรรดิสูงสุดสามคน!

ดวงตาของมู่เฉียนซีฉายแววเย็นชา “เจ้าเมืองเหลยของพวกเจ้าส่งสินค้าอย่างพวกเจ้าออกมา ช่างเป็นการดูถูกข้าเสียจริง ๆ!”

“หึ! ข้าก็นึกว่าจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมาก! ก็แค่สาวน้อยผู้หนึ่ง!” ผู้ที่มากล่าวประเมินมู่เฉียนซี

“ฆ่ามันซะแล้วกลับไปรับคุณความดี”

“……”

มู่เฉียนซีกระโดดขึ้นและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “พวกเจ้า คิดง่ายเกินไปแล้ว!”

“ทักษะเทียนซวน!”

บึ้ม!

เสียงดังสนั่น พวกเขารีบหลบ

แต่ถึงแม้ว่าจะหลบไปไกลแค่ไหน แต่พลังทําลายล้างก็ทําให้พวกเขารู้สึกเลือดลมพลุ่งพล่าน

“เจ้า…”

“ช่างเป็นทักษะวิญญาณที่แข็งแกร่งจริง ๆ!”

พวกเขาเบิกตากว้าง!

“พวกเราไม่จําเป็นต้องกลัวสาวน้อยผู้นี้ สาวน้อยผู้นี้เพียงแค่มีทักษะวิญญาณที่เก่งกาจเท่านั้น พวกเราเข้าไปด้วยกัน แล้วเราจะทําอะไรนางไม่ได้ได้ยังไง?”

“ถูกต้อง! เข้าไปด้วยกัน!”

ตูม!

สามต่อหนึ่ง พวกเขาคิดว่าค่อนข้างได้เปรียบ! แต่ความรวดเร็วและการตอบสนองของมู่เฉียนซีรวดเร็วจนเกินไป การจะรวมตัวกันลอบโจมตีนางจึงเป็นได้เพียงความเพ้อฝันเท่านั้น