ตอนที่ 2084 หยวนเหยี่ยน บรรพชนผู้บุกเบิก

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

“ใต้เท้าเป่าฮวา คนเหล่านี้มาถึงที่ตั้งของสระวิญญาณแล้ว เรายังไม่ลงมืออีกหรือ”

พอชายร่างใหญ่เกราะดำเห็นพวกหานลี่เข้ามาในหุบเขา ก็กลอกตาไปมา ก่อนถามอย่างลังเลใจอยู่บ้าง

“ไม่รีบ พวกเราไม่ต้องลงมือเอง ก็มีคนอื่นมาสกัดกั้นอยู่แล้ว ซึ่งคนผู้นั้นกำลังจะไปถึง!” สตรีชุดขาวพูดอย่างไม่นำพา

“คนอื่น?”

“ครั้งนี้ที่ข้ายอมเสี่ยงกลับมาในแดนศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง ส่วนใหญ่เพราะต้องการฟื้นฟูพลังยุทธ์ในอดีต อีกส่วนก็เป็นเพราะคนคนนี้”

สตรีชุดขาวหัวเราะเบาๆ ทำให้อากาศรอบด้านนิ่งค้างทันที

ชายร่างใหญ่เกราะดำค่อนข้างสงสัย แต่พอเห็นอากาศรอบๆ สตรีชุดขาวผิดปกติ ก็ใจหายวาบ ไม่กล้าพูดมากอะไรอีก

อากาศรอบๆ สตรีชุดขาวคืนกลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว แต่ขณะรออยู่พักหนึ่ง นางพลันเลิกคิ้วขึ้น พอโบกมือ ที่ว่างตรงหน้าก็ถูกตัด

ทันใด มีของเหลวประหลาดคล้ายปรอทโผล่ออกมาจากอากาศที่อยู่ตรงหน้า หลังจากแข็งตัวเล็กน้อย ก็กลายเป็นม่านแสงคล้ายกระจกบานหนึ่ง มีแสงสว่างภายในวูบวาบ และภาพที่ชัดเจนเป็นพิเศษก็ปรากฏขึ้น

ในกระจก ภายใต้เสียงคำรามของกระแสไฟนับไม่ถ้วนนอกเขตทะเลสายฟ้า พอที่ว่างผันผวน แสงสีดำขนาดใหญ่เส้นผ่านศูนย์กลางร้อยจั้งกลุ่มหนึ่ง วาบปรากฏออกจากที่ว่าง

จากนั้น พอรัศมีแสงถูกเก็บลง ก็ปรากฏสิ่งที่อยู่ด้านใน ซึ่งก็คือมังกรดำเขาเดียวสามเศียรสูงเจ็ดแปดสิบจั้งตัวหนึ่ง!

ตลอดทั้งร่างของมารมังกรเขาเดียวตัวนี้เต็มไปด้วยเกล็ดสีดำวาว เศียรที่ใหญ่ทั้งสามค่อยๆ ส่ายไปมาราวกับอาคารสูง เปลวไฟสีดำเป็นกลุ่มๆ วูบวาบอยู่บนร่างอันใหญ่โต ดุร้ายน่ากลัวยิ่ง!

แต่ที่น่าตกใจกว่าก็คือ กลางศีรษะของมังกรเขาเดียวยักษ์ เด็กหนุ่มชุดดำคนหนึ่งกำลังยืนมือเปล่าอยู่อย่างมั่นคง

เด็กหนุ่มมีดวงตาสีม่วงอ่อน ใบหน้าหล่อเหลา คิ้วดาบพุ่งตรงไปที่ขมับ สีหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก เพิ่มไอแห่งความเหน็บหนาวในอากาศ

เด็กหนุ่มชุดดำกวาดตามองทะเลสายฟ้า ส่งเสียงแค่นหัวเราะเย็นชาออกมาคำหนึ่ง มือข้างหนึ่งคว้าจับที่ว่าง อักขระยันต์สีดำนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากฝ่ามือ ขณะควบแน่น ได้กลายเป็นปืนยาวราวหนึ่งจั้งสีดำขมุกขมัวกระบอกหนึ่ง ตัวปืนสลักคำสาปลวดลายมารเป็นชั้นๆ ถ้ามองดูหลายรอบเข้า จะเกิดความรู้สึกหน้ามืดตาลาย!

พอเด็กหนุ่มขยับข้อมือ มือเดียวที่ถือปืนอยู่ ก็หันปากกระบอกปืนไปด้านหน้า แล้วกดยิงเบาๆ

เสียงดัง ‘เปรี้ยง’

เส้นแสงสีดำดุจน้ำตกสายหนึ่งวาบออกจากปากกระบอกปืน พุ่งทะลวงทะเลสายฟ้า

สถานการณ์อันน่าทึ่งเกิดขึ้นแล้ว!

ที่ที่เส้นแสงสีดำพุ่งผ่าน กระแสไฟทุกสายต่างทยอยกันบิดเบี้ยวถอยออก จากนั้นเส้นทางที่มองไม่เห็นจุดสิ้นสุดสายหนึ่งก็แหวกอากาศออกมากลางทะเลสายฟ้า

เส้นทางสายนี้ สองข้างทางเต็มไปด้วยฟ้าร้องฟ้าผ่า ทว่ากระแสไฟแม้แต่เส้นเดียวก็ไม่สามารถผ่านเข้าไปในนั้นได้ ราวกับถูกพลังมหาศาลที่แข็งแกร่งมากขุมหนึ่งบีบสกัดให้อยู่ด้านนอก

เด็กหนุ่มพลิกฝ่ามือ ปืนดำในมือส่งเสียงดัง ‘ปุๆ’ ก่อนสลายตัว กลายเป็นอักขระยันต์ดังเดิมหายไปในอากาศ

เขาใช้ปลายเท้าแตะศีรษะมังกรดำเขาเดียวที่อยู่ด้านล่าง กำลังจะกระตุ้นมันให้เข้าไปในทะเลสายฟ้า

แต่ขณะนั้น เด็กหนุ่มชุดดำพลันรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง พอสีหน้าเปลี่ยนก็หันศีรษะ ใบหน้าทั้งหมดจึงแสดงอยู่ในม่านแสงผ่านบานกระจก ดวงตาสีม่วงกะพริบ ตะโกนเสียงต่ำออกมา

“ใครกัน ริอ่านแอบดูบรรพชนศักดิ์สิทธิ์อย่างข้า!”

สิ้นเสียง คลื่นที่มองไม่เห็นพลันเจาะเข้าไปในที่ว่าง กะแสดงตัวบนบานกระจกโดยตรงก่อน

เสียงดังอู้อี้ บานกระจกกลายเป็นแสงสีเงินนับไม่ถ้วน แตกสลายไป

ชายร่างใหญ่เกราะดำเห็นภาพนี้ สีหน้าก็ซีดขาวไร้โลหิตชั่วขณะ ค่อยพึมพำออกมา

“หยวนเหยี่ยนผู้บุกเบิก เป็นหยวนเหยี่ยนใต้เท้าบรรพชนผู้บุกเบิก! หรือคนที่ใต้เท้ารออยู่ก็คือใต้เท้าหยวนเหยี่ยน!”

“ไม่ผิด ข้ากำลังรอหยวนเหยี่ยนอยู่จริงๆ! ทำไม เจ้ากลัวรึ!”

สตรีชุดขาวกลับทำเหมือนมองไม่เห็นสถานการณ์เมื่อครู่ พอได้ยินคำพูดของชายร่างใหญ่เกราะดำ มุมปากก็ปรากฏความเย็นชา ก่อนถาม

“มีใต้เท้าเป่าฮวาอยู่ที่นี่ ข้าน้อยจะกลัวได้อย่างไรกัน แต่การบำเพ็ญเพียรของใต้เท้ายังไม่ฟื้นฟู ถ้าพบใต้เท้าหยวนเหยี่ยนในตอนนี้ อาจไม่เหมาะสมอยู่บ้าง” ชายร่างใหญ่เกระดำเริ่มเหงื่อตก

“มีข้าอยู่ที่นี่ เจ้าจะกลัวอะไร อีกทั้งการพบหยวนเหยี่ยนไม่จำเป็นต้องลงมือทุกครั้งไปหรอก แต่ตอนนี้ ข้าต้องการให้เจ้าไปทำเรื่องหนึ่ง” สตรีชุดขาวยิ้มเบาๆ เสียงพลันเยือกเย็นลง

ชายร่างใหญ่เกราะดำเบาใจลงเล็กน้อย รีบโค้งตัวลงแล้วว่า

“ใต้เท้ามีเรื่องอะไร ขอให้บอก ข้าน้อยจักทำอย่างเต็มที่”

“ขอเพียงทำเรื่องนี้สำเร็จ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ข้าจะปกป้องเจ้าเอง เจ้าตั้งใจฟังให้ดี!”

สตรีชุดขาวขยับริมฝีปากเล็กน้อย กลับส่งกระแสเสียงไป

ชายร่างใหญ่เกราะดำก้มหน้าฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ ผ่านไปสักพัก ใบหน้าที่น่าเกลียดพลันมีท่าทีได้สติขึ้นวาบ นับว่าเข้าใจในใจแล้วว่า เหตุใดใต้เท้าเป่าฮวาท่านนี้ถึงไม่พาใครมา พาแต่ตนให้ติดตามอยู่ข้างกายตลอด

จึงรีบพยักหน้าติดต่อกันไม่หยุด!

“ดี ถ้าทำเรื่องนี้สำเร็จ ผลดีย่อมตกอยู่กับเจ้า แต่ตอนนี้ ข้าอยากจะดูหน่อยว่า ผู้บุกรุกที่ภาพแขวนระบุก่อนหน้านี้ เป็นใครกันแน่”

สตรีชุดขาวแสดงสีหน้าพึงพอใจออกมา มือหยกวาดไปข้างหน้าอีกครั้ง ขณะแสงสีเงินกะพริบ ม่านแสงที่คล้ายกระจกบานหนึ่งก็ปรากฏขึ้นอีก

แต่ครั้งนี้ ภาพที่กระจกแสดงกลับเป็นสถานการณ์ในหุบเขาเขียวขจีลูกนั้น

ภาพในตอนนี้ หานลี่กับกลุ่มคนกำลังยืนล้อมรอบสระน้ำ กลุ่มคนทยอยกันปลุกเสกสมบัติวิเศษ จู่โจมแนวป้องกันไร้รูปชั้นหนึ่งที่ปกคลุมอยู่เหนือสระน้ำอย่างสุดชีวิต

เห็นเพียงสมบัติวิเศษหลากสีสันลอยไปมากลางอากาศไม่หยุด ทั้งลำแสง ไฟสายฟ้า กระทั่งพายุฝน นานาชนิด พุ่งเอียงๆ เข้าใส่ทุกทิศทุกทาง แต่แนวป้องกันไร้รูปชั้นนั้นกลับกั้นขวางอยู่กับที่อย่างมั่นคงดุจเขาไท่ซาน ไม่มีวี่แววว่าจะพังทลายลงแม้แต่น้อย

“ไม่ดี แนวป้องกันของที่นี่ต้องเป็นพวกบรรพชนมารศักดิ์สิทธิ์วางไว้แน่ เวทมนตร์ทั่วไปไม่มีทางทำลายได้ ต้องใช้กลวิธีบางอย่าง” บรรพชนตระกูลหล่งพลันหยุดจู่โจม แล้วพูดเสียงดัง

“เป็นเช่นนี้จริง ข้าเอาลูกปัดเน่าหมื่นปีมาเม็ดหนึ่ง อาจใช้ได้ผลกับแนวป้องกันนี้ แต่ลำพังวิธีนี้ ยังมั่นใจได้ไม่เต็มสิบ ต้องให้สหายท่านอื่นๆ ร่วมกันจู่โจมด้วย ขวานทองเล่มนั้นก่อนหน้านี้ของพี่หล่งมีพลังที่น่าอัศจรรย์ยิ่งเหมาะสมกันพอดี”

หลังจากไป๋ชีเก็บแสงกระบี่สีขาวสิบกว่าเล่มลง ก็เหลือบมองบรรพชนตระกูลหล่ง ก่อนตอบอย่างเคร่งขรึม

“ขวานทรายทองเล่มนั้นแม้ทรงพลัง แต่ทุกครั้งที่ใช้ล้วนกินพลังปราณแท้ข้าไปไม่น้อย ข้าใช้ไปหนหนึ่งแล้ว ถ้าใช้ติดต่อกัน อาจสูญเสียการบำเพ็ญเพียรไป อย่างนี้ก็แล้วกัน ข้ายังมีอิทธิฤทธิ์อีกอย่าง ใช้ทำลายแนวป้องกันโดยเฉพาะ สามารถช่วยพี่ไป๋ได้เหมือนกัน” บรรพชนตระกูลหล่งพูดพลางขมวดคิ้ว

ไป๋ชีขบคิดเล็กน้อย ค่อยพยักหน้าน้อยๆ ในแสงสีขาว แล้วจึงหันไปพูดกับหานลี่

“ก็ได้! สหายหาน อิทธิฤทธิ์เจ้ายากแท้หยั่งถึงมาตลอด น่าจะมีวิธีพิเศษอยู่บ้างล่ะ”

 “ในมือผู้น้อยยังมีของแปลกอีกสองชิ้น มีพลังมากกว่าสมบัติวิเศษชั้นยอดทั่วไป สามารถช่วยสหายทั้งสองได้อีกแรง” หานลี่ไม่เปลี่ยนท่าที ตอบกลับแบบสบายๆ

“ดีมาก อีกสักครู่เราสามคนคือผู้จู่โจมหลัก สหายท่านอื่นๆ พยายามช่วยเราหน่อยก็แล้วกัน แนวป้องกันนี้แม้ลึกล้ำเพียงใด แต่เชื่อว่าภายใต้การร่วมมือของพวกเรา สามารถทำลายได้ในคราวเดียว” สตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวพูดอย่างปีติยินดี

แล้วไป๋ชีก็ตบกระเป๋าหนังข้างเอว ลูกปัดผลึกสีเทาลูกหนึ่งพลันลอยออก หลังจากลอยวนอยู่รอบหนึ่ง ก็หดขยายอยู่ตรงหน้าเขาไม่หยุด พลางปล่อยไอน้ำสีเทาขาวเป็นสายๆ ออกมา

เป็นไอน้ำที่พิลึกกึกกือยิ่ง ด้านในเต็มไปด้วยกลิ่นเน่าเหม็นที่ยากบรรยายชนิดหนึ่ง แต่ไม่แสบจมูก กลับ

คลับคล้ายแฝงกลิ่นหอมจางๆ

บรรพชนตระกูลหล่งกับหานลี่ที่อยู่อีกด้าน ก็เคลื่อนไหวแล้วเช่นกัน

คนหนึ่งร่างขยายใหญ่ ขณะถูมือทั้งสองมือข้าง ในฝ่ามือพลันปรากฏแสงสีทองสายหนึ่ง ที่ยาวขึ้นเรื่อยๆ หยาบขึ้นเรื่อยๆ พริบตาเดียวก็ก่อตัวเป็นอาวุธคล้ายสว่านที่พร่ามัวหนึ่งดอก

ส่วนหานลี่ กลับเรียบง่าย เพียงพลิกมือทั้งสองข้าง ยอดเขาสูงราวหนึ่งศอก สีเขียวลูกหนึ่ง สีดำลูกหนึ่งพลันปรากฏขึ้นพร้อมกัน

สตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิว ผู้อาวุโสฮุย และคนอื่นๆ พอเห็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ทั้งสามพร้อมแล้ว ก็ไม่รอช้า กระตุ้นพลังยุทธ์กับสมบัติวิเศษทันที ทำให้อานุภาพในการจู่โจม ดุดันขึ้นมาทันตาเห็น

“ลงมือ” ไป๋ชีตะโกนลั่น

แล้วนำร่องด้วยการใช้มือจิ้มไปที่ลูกปัดเม็ดกลมตรงหน้าก่อน พอไอน้ำสีเทาขาวที่สมบัติวิเศษชิ้นนี้ปล่อยออกมาควบแน่น ก็กลายเป็นเส้นสีขาวสิบกว่าเส้น พุ่งไปที่แนวป้องกันไร้รูปทันที

พอได้ยินเสียงดังกระหึ่ม แสงสีทองก็วาบ พุ่งออกดุจสายฟ้า ราวกับทำลายทุกอย่างได้ก็มิปาน

ส่วนหานลี่ เพียงขยับข้อมือ ยอดเขาปริศนาก็ถูกขว้างออก แล้ววาบ กลายเป็นภูเขาลูกเล็กๆ สูงร้อยกว่าจั้งพร้อมกัน ลูกหนึ่งมีไอสีเทาหมุนวน อีกลูกเปล่งแสงสีเขียวสว่างจ้า

“เฮอะ เป็นพวกคนต่างเผ่ามาก่อกวนจริงๆ ด้วย! ในเมื่อมาแล้ว ก็จากไปไม่ได้สักคนเดียว!”

แสงสีดำบนสระน้ำวาบ พลันมีสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่มหึมา สูงหลายสิบจั้งตัวหนึ่งเพิ่มขึ้น มันส่ายหัวกระดิกหาง ซึ่งก็คือมังกรยักษ์เขาเดียวสามเศียรนั่นเอง

ที่ว่างเหนือมังกรเขาเดียวราวหนึ่งจั้ง เด็กหนุ่มชุดดำยืนหน้าไร้อารมณ์อยู่ตรงนั้น เขาแค่ยกมือขึ้น จู่โจมใส่พวกหานลี่โดยการกดลงไปในที่ว่างเบาๆ

เสียงดัง ‘ครืน’

มือสีดำขมุกขมัวใหญ่ราวพันจั้งข้างหนึ่ง ปรากฏขึ้นกลางอากาศเหนือสระน้ำ เพียงกดลง พลังที่จู่โจมใส่แนวป้องกันไร้รูปทั้งหมดพลันมลายหาย ขณะเดียวกันแรงมหึมาก็กดลงบนร่างของทุกคนรวมทั้งหานลี่ ชนิดที่ลางบอกเหตุใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เลย

หลังเสียงดัง ‘ปุๆ’ พวกบรรพชนตระกูลหล่งล้วนรู้สึกชาไปทั้งตัว ครึ่งท่อนล่างถูกกดตรงๆ ลงไปในดินข้างสระน้ำ

ไหล่ของหานลี่โยกทันทีตามจิตใต้สำนึก ขณะผิวกายพลันเปลี่ยนเป็นสีทองแดง พอร่างสั่น เท้าทั้งสองข้างก็จมลงไปในดินเพียงครึ่งศอก

นอกจากหานลี่แล้ว เด็กหนุ่มร่างวิญญาณที่ชื่อจื่อสุ่ย พอจมลง ร่างแค่แกว่งไปมา ก็ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ เหมือนไม่เป็นอะไรเลย แต่เขาเงยหน้ามองเด็กหนุ่มชุดดำทันที ดวงตาเปล่งแสงสีเงินแยงตา ผิวกายทั่วตัวปรากฏลวดลายวิญญาณสีเงินเป็นชั้นๆ แทบจะปกคลุมทั่วทุกอณูของร่าง

ดูไปแล้ว พิลึกพิลั่นมากจริงๆ!

ซึ่งขณะนั้น พวกบรรพชนตระกูลหล่งได้แต่รู้สึกว่าตลอดทั้งร่างแข็งทื่อ สองเท้ายิ่งสูญเสียการรับรู้อย่าง

สิ้นเชิงราวกับไม่มีการดำรงอยู่ของเท้าแล้วอย่างไรอย่างนั้น

กลุ่มคนจึงทั้งตกใจทั้งโกรธอยู่ครู่หนึ่ง!