ตอนที่ 2085 หุ่นเซียนปลอม

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

“น่าสนใจอยู่บ้าง สามารถต้านทานการจู่โจมของบรรพชนศักดิ์สิทธิ์อย่างข้าได้ แต่ต่อให้ดิ้นรนขนาดไหน ก็เป็นเพียงตั๊กแตนขวางทางเกวียนเท่านั้น”

เด็กหนุ่มชุดดำอึ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นลักษณะของหานลี่กับจื่อสุ่ย แต่มุมปากก็เผยยิ้มชั่วร้ายออกมาทันที แล้วยกฝ่ามืออีกข้างขึ้น จิ้มนิ้วๆ หนึ่งไปที่คนทั้งสองเบาๆ

เสียงดัง ‘ซู่ๆ’!

จุดดำสองจุดดีดตัวออกจากปลายนิ้วของเด็กหนุ่มชุดดำ พอวาบก็เหินข้ามร้อยจั้ง แยกเข้าหาหานลี่กับเด็กหนุ่มเผ่าวิญญาณที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กัน

ดวงตาสีน้ำเงินของหานลี่กะพริบ มองจุดดำให้ชัดเจน กลับเป็นของที่มีรูปร่างแบบเม็ดยาสีดำขนาดเท่าเม็ดถั่ว เปล่งแสงสว่าง

แม้เม็ดยาไม่มีความโดดเด่น แต่หานลี่ไหนเลยจะกล้าให้มันเข้าใกล้ได้ง่ายๆ

เขาพลันหายใจเข้าเฮือกหนึ่งอย่างไม่ต้องคิด แล้วใช้แรงพ่นออกมา แสงกระบี่สีเขียวขมุกขมัวสายหนึ่งม้วนตัวออก แล้ววาบ ผ่าเม็ดยาสีดำออกจากกัน

ถัดมา ยาสองเม็ดที่ถูกผ่าออกกลับระเบิด พลันกลายเป็นเปลวไฟสีดำคุกรุ่นสองลูก ลูกหนึ่งคำรามแล้วครอบหานลี่ไว้ด้านใน

เพลิงมารลุกโชนอยู่รอบตัวหานลี่ ก่อนกลายเป็นลำเพลิงสีดำสายหนึ่งพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

หานลี่ที่อยู่ด้านในพลันมีท่าทีแบบ ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร

แต่ชัดเจนว่าเด็กหนุ่มชุดดำมั่นใจในเพลิงมารของตนเป็นอย่างยิ่ง พอเห็นหานลี่ถูกเพลิงมารห่อหุ้มไว้ ก็หมดความสนใจทันที พุ่งเป้าไปที่ร่างของ “จื่อสุ่ย” ที่อยู่อีกด้านหนึ่ง

เมื่อเทียบกับหานลี่แล้ว บรรพชนมารท่านนี้อยู่ในระดับสูงกว่า จึงรู้สึกสนใจเด็กหนุ่มเผ่าวิญญาณที่รับการจู่โจมเมื่อครู่โดยหน้าไม่เปลี่ยนสีมากกว่า

ด้านจื่อสุ่ย ยังคงมีสีหน้าไร้ความรู้สึก พอยกมือขึ้น นิ้วทั้งห้าก็จับเปลวเพลิงสีดำที่พุ่งเข้าใส่ตนเองไว้

เสียงทึบตันดัง!

ทันทีที่เม็ดยาสีดำสัมผัสถูกนิ้วมือของเด็กหนุ่มเผ่าวิญญาณ ก็ระเบิดออกเอง กลายเป็นเพลิงมารคุกรุ่นพุ่งเข้าหาตัวเขา

“แย่แล้ว!”

พอสตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวเห็นดังนี้ ก็ร้องในใจอย่างร้อนรน ไม่สนใจที่จะรีบกระตุ้นอาวุธลับชิ้นหนึ่งในร่างอีก

เสียงดัง ‘เปรี้ยง’!

อาวุธชิ้นนั้นจึงวาบในร่างและปล่อยคลื่นอันน่าอัศจรรย์ออกมา

ขณะเดียวกัน ร่างของนางก็สั่น แล้วลอยขึ้นจากพื้นดิน ลวดลายวิญญาณสีทองอร่ามปะทุออกจากร่างเป็นสาย พริบตาเดียวก็กระจายอยู่เต็มผิวกาย เหมือนกับบนร่างของจื่อสุ่ยไม่มีผิด แถมยังเคลื่อนที่ตลอด ประหลาดยิ่ง

ส่วนพวกบรรพชนตระกูลหล่งในตอนนี้ ครึ่งท่อนล่างยังถูกกดไว้ในพื้นดินอยู่อย่างนั้น พอคิดจะโคจรพลังยุทธ์และวิชาลับ สลัดให้หลุดแล้วกระโดดออกไป ไหล่ก็ชาและจมลงทันที กระทั่งนิ้วก็ยังขยับไม่ได้ ราวกับถูกภูเขาขนาดใหญ่ที่หนักมากกว่าหนึ่งล้านชั่งกดทับร่างอยู่อย่างไรอย่างนั้น

ทำให้พวกเขาถูกจองจำอยู่กับที่ชั่วขณะ แม้มีพลังยุทธ์อยู่เต็มร่างก็ตาม

ทันทีที่สตรีศักดิ์สิทธิ์ผิดปกติไป จื่อสุ่ยก็เหมือนสัมผัสถึงอะไรบางอย่าง ลวดลายวิญญาณสีเงินที่ผิวกายกะพริบถี่ พออ้าปาก ก็อมเพลิงมารที่ม้วนตัวเข้ามาจนแก้มป่อง แล้วเป่าออก

เสียงแหลมร้องพลันระเบิดออกจากปากของเด็กหนุ่มราวกับท้องฟ้าถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ จากนั้นคลื่นเสียงสีเงินขมุกขมัวก็ถูกพ่นออกมา

เมื่อเพลิงมารที่อยู่ด้านบนสัมผัสถูกคลื่นสีเงินด้านล่าง ก็สั่นน้อยๆ กลายเป็นจุดแสงสีดำหลายจุดทยอยกันแตกสลายหายไป

แต่ผลของการกระทำเช่นนี้ กลับทำให้ลวดลายวิญญาณบนร่างของเด็กหนุ่มกะพริบถี่อีกไม่กี่ครั้ง แล้วดับวูบลง แต่เขายังคงกำมือทั้งสองข้างและยืนอยู่ที่เดิม พร้อมใบหน้าที่ทื่อดุจตอไม้

“เอ๋ กลับเป็นหุ่นเซียนปลอมตัวหนึ่ง ไม่สิ อ่อนด้อยไปหน่อย คล้ายถูกคนปลุกเสกในภายหลัง พลังปราณอ่อนด้อยกว่าหุ่นเซียนปลอมแท้ๆ มาก”

พอเด็กหนุ่มชุดดำเห็นดังนี้ ก็ร้อง “เอ๋” เบาๆ สีหน้าแปลกใจอยู่บ้าง แต่หลังจากยิ้มเย็นชา นิ้วๆ หนึ่งก็ค่อยๆ จิ้มลงไป

ฟังจากคำพูดของเขา “จื่อสุ่ย” แห่งเผ่าวิญญาณ กลับเป็นหุ่นเชิดตัวหนึ่งเท่านั้น!

‘ชิ้ง’ แสงสีดำกลุ่มหนึ่งส่งเสียงแหลมร้องเสียดแก้วหูออกจากปลายนิ้วของเขา มาจับตัวรวมกัน หดและขยาย กลายเป็นเข็มสีดำเรียวเล็กเล่มหนึ่ง ดีดตัวออกไปง่ายๆ

แสงสีดำไร้สุ้มเสียง วาบและหายไปทันที!

เด็กหนุ่มเผ่าวิญญาณที่ยืนห่างร้อยจั้ง ลวดลายสีเงินบนร่างพลันวาบหลุดออก หมุนวนอยู่หนึ่งรอบ ก่อนกลายเป็นโล่สีเงินลวดลายโบราณเรียบง่าย ขวางอยู่ตรงหน้าด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อ

จากนั้น เสียงดังกระหึ่ม!

จู่ๆ โล่ก็สั่น ปล่อยแสงสีดำกลุ่มหนึ่งออกมา แต่พอวาบก็หายไป พื้นผิวกลับมีรูดำขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือเพิ่มขึ้นมาหนึ่งรู

“จื่อสุ่ย” ยืนไม่ขยับอยู่กับที่ แต่ร่างพลันมีไอสีเทาขาวที่หนาวเย็นสุดจะเปรียบปะทุออกมาขุมหนึ่ง ควบแน่นสักพัก ก็กลายเป็นหนวดสีเทาขาวหนาเท่าชามข้าวสิบกว่าเส้น

หนวดที่ดุร้ายเหล่านี้สะบัดไปรอบๆ อย่างบ้าคลั่ง ด้านในคลับคล้ายมีเสียงคำรามอย่างโกรธเคืองดังออกมา ทำให้ผู้ที่ได้ยินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว

เด็กหนุ่มชุดดำที่อยู่กลางอากาศเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด จึงหรี่ตาทั้งสองข้างลง พลางยิ้มเย็นชาออกมา

การระเบิดพลังของ “จื่อสุ่ย” ทำได้เพียงชั่วขณะ

ไม่กี่อึดใจ หนวดที่ดุร้ายสิบกว่าเส้นบนร่างของเขาก็สั่น แล้วสลายหายไป โล่สีเงินตรงหน้าก็วาบแล้วหายไปอย่างไร้สุ้มเสียงเช่นกัน

เสียงดัง ‘ตึง’!

ร่างของเด็กหนุ่มล้มลงกับพื้นโดยไม่มีลางบอกเหตุแม้แต่น้อย หว่างคิ้วปรากฏหนึ่งจุดดำ และกลายเป็นรูที่มีขนาดพอๆ กันกับรูบนโล่สีเงินทันที

เข็มมารเล่มหนึ่งที่เด็กหนุ่มชุดดำดีดออก ไม่เพียงจู่โจมทะลุโล่สีเงิน ยังทะลุศีรษะของจื่อสุ่ยไปอย่างง่ายดายด้วย ทรงอิทธิฤทธิ์ชนิดยากแท้หยั่งถึงจริงๆ ไปไกลเกินกว่าจินตนาการของผู้ดำรงอยู่ในระดับผสานอินทรีย์

แต่ที่แปลกกว่าก็คือ สิ่งที่ไหลออกจากปากแผลของจื่อสุ่ยมิใช่โลหิต แต่เป็นไอเย็นสีเทาขาวเป็นกลุ่มๆ มีความหนืดและหนาเหมือนของเหลว

“น่าสนใจ สิ่งที่ขับเคลื่อนกลับมิใช่ผลึกปราณเซียน แต่เป็นพลังวิญญาณมารของจอมมารนอกอาณาเขต ผสมกันสะเปะสะปะแบบนี้ มิน่าเล่าหุ่นเซียนปลอมถึงได้เปราะบางอย่างสิ้นเชิง วิญญาณมารที่อยู่ข้างใน เจ้าเป็นคนปล่อยเข้าไปรึ”

เด็กหนุ่มชุดดำพูดเองเออเองไม่กี่คำ ค่อยหันมาเหลือบมองสตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิว ก่อนถามอย่างเย็นชา

แต่สตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวในตอนนี้ ขณะที่ “จื่อสุ่ย” ล้มลงกับพื้น สีหน้าก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวที่ไม่อยากจะเชื่อ ปากเพิ่งพูดคำว่า “ข้า” ออกมา ลายทองบนร่างก็พร่ามัวและหงายหลังล้มลงเช่นกัน

เสียงทึบตันดัง!

ร่างของนางล้มลงบนพื้นอย่างแรง ก่อนหดและขดตัวเป็นก้อน พลังปราณบนร่างเปลี่ยนเป็นเดี๋ยวแกร่งเดี๋ยวอ่อน ลายวิญญาณสีทองบนผิวกายหนึ่งชั้นมีๆ หายๆ ราวกับสลายหายได้ทุกเมื่อ

“หุ่นครึ่งร่าง!”

เด็กหนุ่มชุดดำตะลึงงันก่อน แต่ก็ได้สติกะทันหัน ปรบมือหัวเราะเสียงดัง เหมือนคิดอะไรออก จึงอารมณ์ดีขึ้นทันที

“ฮ่าๆ ระดับผสานอินทรีย์กระจ้อยร่อยคนหนึ่ง คิดที่จะกระตุ้นหุ้นเซียนปลอม ไหนเลยจะเป็นเรื่องที่สะดวกสบายขนาดนี้เล่า แม้แปรธาตุร่างตัวเองให้กลายเป็นหุ่นครึ่งร่างให้สะดวกต่อการควบคุม แต่พอลายเซียนหันมาแว้งกัดตัวเอง ก็เพียงพอที่จะเอาชีวิตน้อยๆ ของเจ้าแล้ว! แต่เห็นแก่ที่เจ้านำหุ่นเซียนปลอมตัวนี้มาส่งถึงที่ด้วยตัวเอง ข้าก็จะส่งเจ้าสู่ปรโลกด้วยตัวเองก็แล้วกัน” เด็กหนุ่มชุดดำหัวเราะอย่างคลุ้มคลั่งก่อนพูด

สิ้นเสียง เขาก็ตั้งฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้น หันไปทางสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ขดอยู่บนพื้น แล้ววาดเบาๆ ลงบนที่ว่าง

เสียงดัง ‘ปุๆ’

ที่ว่างตรงหน้าเขาผันผวนขึ้นมา กริชสีดำยาวหนึ่งคืบเล่มหนึ่งปรากฏออก เปล่งแรงกดวิญญาณที่ผสมความน่าสะพรึงกลัวเป็นต้นออกมา และพอวาบก็หายวับไป

แต่ถัดมา เกิดแสงสีดำวาบ กริชก็ปรากฏขึ้นอย่างน่าพิศวงตรงที่เดิมอีกครั้ง

และขณะนั้น สตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวที่หดตัวเป็นก้อนอยู่กับพื้นกลับกรีดร้องโหยหวนขึ้นมา ร่างกายและปราณดั้งเดิมแบ่งครึ่งโดยไร้ซึ่งลางบอกเหตุแม้แต่น้อย แสงวิญญาณปกปักร่างและสมบัติวิเศษที่ใช้ป้องกันทั้งหมด ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองแต่อย่างใด

เสียงดัง ‘ปุๆ’!

ศพทั้งสองส่วนถูกเพลิงมารที่ลุกโชนขุมหนึ่งเผาไหม้อย่างประหลาด พริบตาเดียวก็กลายเป็นเถ้าธุลีปลิวว่อน ไม่มีการดำรงอยู่อีก เหลือแต่เพียงกระจกโบราณเต็มบานขนาดไม่กี่นิ้วที่ใช้ปฏิบัติงาน

กระจกมีลักษณะกลมแบน ขอบหุ้มโลหะสีม่วงที่ไม่รู้จัก ด้านหลังสลักลวดลายดอกไม้วิจิตรงดงามยิ่ง ผิวกระจกกลับเป็นสีเทาขุ่น พร่ามัวผิดปกติ ทำให้ไม่สามารถเห็นอะไรได้ชัดเจน

“เอ๋ ทำไมดูคุ้นๆ ชอบกล ข้าเหมือนเคยเห็นจากที่ไหนมาก่อน! แต่ที่แท้ร่างเดิมก็คือสมบัติกายสิทธิ์ชิ้นหนึ่ง ข้าว่าแล้วว่าทำไมถึงทนเป็นหุ่นครึ่งตัวได้ พอดีเลย บรรพชนอย่างข้าหมู่นี้กำลังคิดปลุกเสกกลไกเวทมนตร์สักชิ้น ก็ใช้สิ่งนี้เป็นของตั้งต้นก็แล้วกัน”

พอเด็กหนุ่มชุดดำเห็นร่างเดิมของสตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิว ก็แสดงสีหน้าแปลกใจขึ้นวาบ แต่ก็รีบหัวเราะฮาๆ แล้วใช้มือข้างหนึ่งคว้าจับที่ว่างอีกครั้ง!

“จื่อสุ่ย” ผู้ไร้ซึ่งพลังปราณ กับกระจกโบราณสีเทาขุ่นบานนั้นส่งเสียงดัง ‘ซู่’ พุ่งแหวกอากาศไปอยู่ข้างกายเด็กหนุ่มชุดดำ และลอยอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ

เด็กหนุ่มชุดดำสำรวจมองทั้งสองโดยไม่ขยับเช่นกัน แล้วจึงแสดงความพึงพอใจออกมา จากนั้นก็เหลือบมองพวกบรรพชนตระกูลหล่งที่ยังถูกมือมารขนาดใหญ่กดอยู่กับพื้น ขยับไปไหนไม่ได้ มุมปากแสดงท่าทีเย็นชาขึ้นวาบ นิ้วจิ้มไปที่กริชสีดำประหลาดนั่นอีกครั้งโดยไม่พูดจา

เสียง ‘ปุๆ’ ดังสองครั้ง กริชปรากฏและหายสองครั้งติดต่อกัน

ริมสระน้ำพลันมีเสียงกรีดร้องดังมาอีกสองเสียง ร่างของปราชญ์เฒ่ากับผู้อาวุโสฮุยถูกผ่าออกเป็นสองส่วนอย่างน่าพิศวง ศพก็ถูกเพลิงมารเผาจนไม่เหลือซากเช่นกัน

บรรพชนตระกูลหล่งกับสาวน้อยเสื้อคลุมขนนกที่ยังคงอยู่ พอเห็นดังนี้ สีหน้าก็ซีดขาวไร้ซึ่งโลหิตทันที

“สมบัติสวรรค์ทมิฬ”

บรรพชนตระกูลหล่งคำรามเสียงต่ำอย่างโกรธแค้น!

นอกจากดินแดนหนึ่งไปจนถึงสมบัติวิเศษตามคำร่ำลือระดับนี้ แม้ฝ่ายตรงข้ามทรงอิทธิฤทธิ์แค่ไหน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสังหารคนที่เพิ่งพบหน้ากันครั้งแรกไปเกือบครึ่ง

พวกเขาแม้รู้ว่าเด็กหนุ่มชุดดำต้องเป็นหนึ่งในบรรพชนศักดิ์สิทธิ์จริงแท้แน่นอน แต่นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าฝ่ายตรงข้ามจะลงมืออย่างเหี้ยมโหดเช่นนี้ ชนิดถามแค่สองคำก็ใช้สมบัติสวรรค์ทมิฬแล้ว ทั้งสองที่เดิมทีมีแผนการอื่นในใจ พลันตื่นตระหนกสุดขีด ทยอยกันใช้วิธีปกป้องชีวิตตัวเอง

บรรพชนตระกูลหล่งคำรามเสียงดัง พลันเปิดกบาลออก แสงสีทองกะพริบ มังกรแท้ห้าเล็บสีทองอร่ามตัว

หนึ่งพลันเหาะออกมา

มังกรทองตัวนี้แรกเริ่มมีขนาดไม่ถึงหนึ่งนิ้ว แต่พอเหาะออกมาจากศีรษะของบรรพชนตระกูลหล่ง ก็ขยายใหญ่เป็นสิบกว่าจั้งรับลมทันที แยกเขี้ยวกางกรงเล็บ ส่งเสียงมังกรครวญใส่เด็กหนุ่มชุดดำที่อยู่กลางอากาศ

สาวน้อยเสื้อคลุมขนนกแม้ขยับตัวไม่ได้ ก็กัดฟันสีเงินในปาก กลับอ้าปากพ่นโลหิตบริสุทธิ์ออกมากองหนึ่ง

พอโลหิตบริสุทธิ์หมุนวนรับลม ก็กระจายตัวออกกลายเป็นหมอกโลหิตกลุ่มหนึ่ง กระโจนเข้าหานาง ทยอยกันหายเข้าไปในเสื้อคลุมขนนกห้าสีบนร่างนาง

ทันใด เสื้อคลุมขนนกก็มีเสียงร้องของหงส์อันไพเราะเสนาะหูดังมา ก่อนปล่อยแสงโทนร้อนห้าสียาวหมื่นจั้งจำนวนนับไม่ถ้วนออกมา หลังจากควบแน่นอย่างรวดเร็ว ก็กลายเป็นเกราะรบเต็มตัวประณีตงดงามชุดหนึ่ง ปกปิดร่างทั้งร่างไว้อย่างแน่นหนาเป็นพิเศษ กระทั่งใบหน้าก็ยังมีหน้ากากผลึกใสห้าสีเพิ่มขึ้นมา เผยให้เห็นเพียงตาสวยที่ปราดเปรื่องสองดวง

กลับเป็นไป๋ชีท่านนั้น ที่ยังคงไม่ขยับแสงสีขาว ไม่รู้ว่ามีแผนการอื่นใด หรือไม่มีอิทธิฤทธิ์ในการสลัดหลุดจากมือมารที่กดทับไว้จริงๆ!