บทที่ 2767 ท่านพ่อเป็นคนเลว 2
ยามที่อุ้มบุตรสาวเหินบิน ตี้ฝูอีก็ได้ทดสอบผลการเรียนวิชาเหินหาวของนางดูเล็กน้อย ซวี่เยวี่ยน้อยก็ตอบได้คล่องปาก ท่องกลับหน้ากลับหลังได้ไม่ติดขัด ตี้ฝูอีพอใจมาก
จากนั้นก็ให้นางได้ชมทิวทัศน์บนท้องฟ้า แล้วโบกมือทำให้ก้อนเมฆเปลี่ยนรูปร่างไปสารพัด ช้างบ้าง นกต้าเผิงบ้าง สิงโตบ้าง เสือบ้าง…มีทุกอย่างพรั่งพร้อม เย้าหยอกให้นางหัวเราะคิกคัก
ขณะที่นางกำลังเล่นอย่างเพลิดเพลิน ตี้ฝูอีก็ถามว่านางชอบสัตว์อะไร นางจึงชี้ไปที่นกต้าเผิง...
ด้วยเหตุนี้ ตี้ฝูอีจึงลูบหัวนาง “เด็กดี งั้นก็ไปขี่มันบินเถอะ”
พลันสะบัดมือ โยนตี้ซวี่เยวี่ยไปทาง ‘นกต้าเผิง’ ตัวนั้น
นกต้าเผิงก่อตัวขึ้นจากไอเมฆ ร่างน้อยๆ ของตี้ซวี่เยวี่ยย่อมขี่ไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ร่างน้อยๆ ของตี้ซวี่เยวี่ยก็พุ่งดิ่งลงไปปานลูกปืนใหญ่
นางนึกว่าท่านพ่อจะเหาะลงมาช่วยนาง ไม่นึกเลยว่าท่านพ่อจะยืนอยู่ในอากาศกอดอกมองนางด้วยรอยยิ้ม ส่งประโยคหนึ่งลอยลมมา “เด็กดี เจ้าทำได้ เหาะด้วยตัวเอง!”
ตี้ซวี่เยวี่ยสิ้นหวังแล้ว ทั้งไม่อยากร่วงหล่น ด้วยสัญชาตญาณ ย่อมพยายามปรับท่าร่างสุดชีวิต พยายามใช้วิชาเหินหาวที่ท่านแม่สอนให้นาง…
สุดท้ายก็ค่อยๆ ร่วงลงบนพื้นอย่างทุลักทุเล แถมนางยังล้มก้นจ้ำเบ้าด้วย นางทั้งเจ็บทั้งกลัว คับข้องหมองใจนัก นั่งร้องไห้ฮือๆ อยู่ตรงนั้น
และในที่สุดท่านพ่อของนางก็ร่อนลงมาแล้ว ทว่าไม่ได้ร่อนลงสู่พื้น แต่ลอยตัวอยู่ตรงนั้นมองนางร้องไห้อย่างมีความอดทนยิ่งนัก ซ้ำยังบอกให้นางร้องดังขึ้นอีกหน่อย บอกว่าเช่นนี้ถึงจะได้ผลลัพธ์ที่น่าตะลึง
ทำให้ซวี่เยวี่ยน้อยโมโห!
พลันเช็ดน้ำตาไม่ร้องต่อแล้ว!
วิจารณ์บิดาอย่างโกรธกริ้วว่าให้ค่าบุรุษดูเบาสตรี เนื่องจากนางไม่เคยเห็นท่านพ่ออบรมตี้เฮ่าแบบนี้เลย
ปกติแล้วท่านพ่อจะพูดคุยกับตี้เฮ่าอย่างค่อนข้างอ่อนโยนเมตตา ถึงขั้นที่คุณชายสองท่านนี้มักจะหารือเรื่องราวด้วยกันอยู่บ่อยๆ ถึงขั้นที่ออกไปจัดการธุระด้วยกันเลยก็มี
และบทสนทนาส่วนใหญ่ของพวกเขาซวี่เยวี่ยน้อยก็ฟังไม่เข้าใจเลย นี่ทำให้ซวี่เยวี่ยน้อยริษยาอยู่บ้าง รู้สึกว่าตัวเองถูกกีดกันไว้นอกวง…
ตี้ฝูอีกลับไม่เอ่ยขัดนางเลย ปล่อยให้นางระบายความไม่พอใจทั้งหมดออกมา
จวบจนนางหยุดวิจารณ์แล้ว เขาถึงได้ถามนาง “เท่านี้หรือ?”
ตี้ซวี่เยวี่ยคาดไม่ถึงเลยว่าตนพูดไปชุดใหญ่แล้วก็แลกถ้อยคำจากเขาได้สามคำเท่านั้น ถูกเขาถามก็มึนงงอยู่บ้าง พยักหน้าด้วยความโกรธเคือง “เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ท่านพ่อท่านให้ค่าบุรุษดูเบาสตรี ท่านแม่กล่าวว่าบุรุษในยุคนี้ล้วนให้ค่าบุรุษดูเบาสตรี ไม่นึกเลยว่าท่านพ่อก็มิใช่ข้อยกเว้นเช่นกัน…”
ตี้ฝูอีคิดดูเล็กน้อย ไม่น่าเชื่อว่าจะพยักหน้า “ฟังเจ้าว่าแบบนี้แล้ว พ่อก็ค่อนข้างให้ค่าบุรุษดูเบาสตรีจริงๆ…”
ตี้ซวี่เยวี่ยนึกไม่ถึงว่าท่านพ่อจะยอมรับได้รวดเร็วปานนี้ เอ่ยเสริมไปทันที “เช่นนั้นท่านพ่อต้องเปลี่ยน…”
ตี้ฝูอีตวัดแขนเสื้อ ม้วนตัวนางเข้าสู่อ้อมแขนตน เอ่ยอย่างรักถนอม “ได้ พ่อจะหาทางเปลี่ยนแปลงนะ”
อุ้มตี้ซวี่เยวี่ยเหินขึ้นมาอีกครั้ง ตี้ซวี่เยวี่ยเห็นท่านพ่อยอมรับผิดแล้ว ก็แสดงท่าทีใจกว้าง ขอเพียงท่านพ่อเปลี่ยนแปลงได้ก็จะเป็นท่านพ่อที่ดี นางยังคงรักเขามากนัก
แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยถ้อยคำอันจริงใจเช่นนี้ออกมาจนจบ ก็ถูกท่านพ่อที่เหินขึ้นมาครึ่งนภาโยนลงมาอีกแล้ว ทำให้นางกลายเป็นนักแสดงกายกรรมคนบินอีกครั้ง…
เนื่องจากมีประสบการณ์จากครั้งก่อนแล้ว ครั้งนี้ถึงแม้ตี้ซวี่เยวี่ยจะยังคงกรีดร้องมือไม้ปัดป่ายวุ่นวายอยู่ในอากาศ แต่ก็ยังคงจับเคล็ดของวิชาเหินหาวได้รวดเร็วยิ่ง เหาะโซซัดโซเซลงสู่พื้น…
ท่านพ่อหลอกนาง! ท่านพ่อเป็นคนเลว!
ตี้ซวี่เยวี่ยไม่สนใจแม้แต่จะร้องไห้แล้ว หันหลังออกวิ่งเลย!
นางอยากไปหาท่านแม่ ไม่ต้องการคนโกหกใจดำผู้นี้แล้ว ท่านพ่อที่ชอบกลั่นแกล้งรังแกนาง!
แต่ขาสั้นๆ ของนางวิ่งหนีแขนเสื้อของบิดานางไม่พ้น ถูกเขาผู้เป็นบิดาตวัดแขนเสื้อม้วนขึ้นมาอีกครั้ง ลอยขึ้นไปใหม่อีกครั้ง…
ตี้ซวี่เยวี่ยร้องไห้จ้าอยู่ในอ้อมแขนเขา บอกว่าเขาหลอกลวงเด็กน้อย บอกว่าเขาไม่จริงใจ
————————————————————————————-
บทที่ 2768 ท่านพ่อเป็นคนเลว 3
ตี้ฝูอียิ้มยะเยือกแวบหนึ่ง “เชื่อใจคนอื่นง่ายถึงเพียงนี้ เจ้าก็สมควรจะถูกหลอกแล้ว พ่อชอบหลอกลวงผู้อื่นเป็นที่สุด แทนที่จะปล่อยให้วันหน้าเจ้าออกไปแล้วถูกผู้อื่นหลอกเอา มิสู้ให้พ่อได้เพลิดเพลินเสียก่อน…ยังมีอีก วันนี้ไม่ว่าเจ้าจะร้องไห้โวยวายอย่างไร ถ้าไม่ฝึกวิชาเหินหาวนี้จนคุ้นชิน ก็อย่าฝันว่าจะได้กลับบ้าน! พ่อชอบเสียเวลากับเด็กเล็กๆ ที่ร้องงอแงเป็นที่สุด เห็นเจ้าร้องไห้พ่อก็รู้สึกประสบความสำเร็จนัก”
ขณะที่เอ่ยอยู่ก็โยนนางลงไปอีกครั้ง…
ตี้ซวี่เยวี่ยพูดไม่ออกเลย…
ในที่สุดนางก็รู้แล้วว่าวันนี้ไม่ว่าอย่างไรก็หนีไม่รอดแล้ว ทำได้เพียงข่มกลั้นความหวาดหวั่นแล้วฝึกฝนไปอย่างว่าง่าย
นางก็ไม่อยากให้ท่านพ่อโยนนางอีกแล้วแล้วเช่นกัน ภายหลังจึงเหาะขึ้นไปด้วยตัวเองแล้วเหาะลงมาอีกครั้ง
เหาะซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดก็จับเคล็ดลับการเหินเวหาได้แล้ว เหาะได้แม่นยำและรวดเร็วขึ้น…
ตี้ฝูอีเสียเวลาอยู่เป็นเพื่อนนางทั้งวันจริงๆ เมื่อเห็นว่านางยินยอมพร้อมใจฝึกฝนด้วยตัวเองแล้วก็ยังกล่าวชมเชย มอบของรางวัลจำพวกผลไม้หรือของเล่นอื่นๆ ให้ด้วย
ตี้ซวี่เยวี่ยมีความหยิ่งทะนงยิ่งนัก นางยังโกรธเคืองบิดาอยู่ ถึงแม้นางจะทรมานทรกรรมมาทั้งวันจนหิวมากแล้ว แต่ก็ยังคงแสดงท่าทางหยิ่งผยองไม่ต้องการของเล่นและผลไม้จากเขา
ผลคือท่านพ่อของนางก็เก็บผลไม้และของเล่นกลับไปหมดเลยจริงๆ แถมยังลูบศีรษะน้อยๆ ของนางชมว่านางมีความหยิ่งทะนง ให้รักษาต่อยอดต่อไป
ทำเอาตี้ซวี่เยวี่ยโมโหแล้ว ทนไม่ไหวจนร้องไห้โฮอีกครั้ง บอกว่าจะกลับบ้านไปฟ้องท่านแม่!
แต่สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างจากบ้านถึงพันลี้เต็มๆ ด้วยความสามารถของนางในตอนนี้ ไม่มีทางเหาะกลับไปได้ ย่อมไปหาท่านแม่ผู้เป็นยันต์คุ้มกายไม่ได้ วาจาดุดันนี้ก็แค่เอาไว้ขู่ท่านพ่อเท่านั้น
แต่ท่านพ่อของนางกลับไม่รับคำขู่นี้ของนางเลย และไม่โอ๋นางด้วย นางร้องก็ปล่อยให้ร้องไป
ซ้ำยังตบศีรษะนางเบาๆ แล้วบอกนางว่า ถ้าตอนไหนร้องไห้พอแล้วก็เรียกเขาก็แล้วกัน เขาจะไปอาบน้ำในบึงลึกทางด้านนั้น ตกปลาสักตัว หากว่านางร้องไห้ต่อไปนานพอ เขาอาจถึงขั้นที่อาจมีเวลาย่างปลากินสักตัว
เผชิญหน้ากับท่านพ่อที่เป็นเช่นนี้ ในที่สุดตี้ซวี่เยวี่ยก็รู้แล้วว่าท่าไม้ตายร้องไห้หลั่งน้ำตาไม่ว่าอย่างไรก็ใช้ไม่ได้แล้ว นางร้องไห้ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่หนูน้อยยังคงหน้าบาง ซ้ำในใจยังคับข้องหมองใจอีก นางจึงหยุดร้องไม่ได้ไปชั่วขณะหนึ่ง
ส่วนตี้ฝูอีก็ทิ้งนางไปตกปลาอยู่ริมบึงแล้วจริงๆ ปล่อยให้หนูน้อยเช่นนางร้องไห้อยู่ที่นี่ปานน้ำจะท่วม
ตี้ซวี่เยวี่ยหิวจนท้องร้องจ๊อกๆ แล้ว ซ้ำยังร้องไห้อย่างหนักเนิ่นนานปานนี้ด้วย และไม่ได้รับความสงสารเห็นใจจากบิดาเลย นางทั้งโกรธทั้งหงุดหงิด ไม่นานนัก นางก็ได้กลิ่นหอมของปลาย่าง จึงอดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว
สุดท้ายนางก็วิ่งเข้าไปหาเลย ไม่พูดไม่จาอะไร ตรงเข้าไปฉกปลาที่ท่านพ่อเสียบย่างไว้ทันที
ตี้ฝูอีก็ไม่ได้ขัดขวางนาง เพียงมองนางอย่างเพลิดเพลินยิ่ง “มิใช่ว่าเจ้าหยิ่งทะนงยิ่ง ไม่กินสิ่งใดจากพ่อหรือ? ทำไมถึงมาแย่งอีกเล่า?”
ตี้ซวี่เยวี่ยนั่งแทะปลาคำโตอยู่ตรงนั้น ไม่ตอบโต้เสียเลย
หยิ่งทะนงไปจะได้สักเท่าไหร่กัน หน้าตาจะมีค่าสักเท่าไหร่เล่า?
นางเป็นเช่นนี้คือสุภาพชนที่รู้จักปรับตัวไปตามสถานการณ์ ยามที่สมควรจะโอนอ่อนก็ต้องโอนอ่อน มิเช่นนั้นตนจะต้องลำบากแล้ว
ตลอดหนึ่งวันนี้ที่ตี้ซวี่เยวี่ยได้อยู่ร่วมกับบิดา ทำให้ตระหนักถึงข้อนี้ได้อย่างลึกซึ้งแล้ว ตระหนักถึงความเลวร้ายของโลกได้…
ด้วยเหตุนี้ กู้ซีจิ่วจึงพบว่า หลังจากตี้ซวี่เยวี่ยถูกตี้ฝูอีพาออกไปสองวัน ตอนที่กลับมาบุตรสาวคนนี้ก็รู้ความขึ้นไม่น้อย ไม่ชมชอบร้องไห้โยเยถึงเพียงนั้นอีกแล้ว แถมยังเอาชนะโรคกลัวความสูงได้แล้ว ที่สำคัญกว่านั้นคือ นางเหาะกลับมาด้วยตัวเอง!
แน่นอน หนูน้อยเหนื่อยล้ายิ่ง พอมาถึงก็มุดเข้าสู้อ้อมแขนของเธอ ขอให้อุ้มขอให้โอ๋ ซ้ำปากน้อยๆ ยังเอ่ยฟ้องด้วย
เดิมทีคิดจะร้องไห้ แต่สองวันมานี้ร้องไห้หนักหนาเกินไป น้ำตาเหือดแห้งไปแล้ว นางจึงร้องไม่ออก
โดยเฉพาะเมื่อเห็นบิดายืนกอดอกมองนางอย่างยิ้มมิเชิงยิ้มอยู่ด้านข้าง นางก็ยิ่งร้องไม่ออก