บทที่ 2769 ท่านพ่อเป็นคนเลว 4
ช่วงพักผ่อนในตอนกลางคืน นางน่าจะเหนื่อยสุดขีด เหนื่อยล้าจนปวดเมื่อยไปทั้งร่าง ระหว่างที่หลับอยู่มักจะร้องไห้ออกมาโดยไม่รู้ตัวเป็นช่วงๆ ขยับแขนขาปัดป่าย
นางมีห้องนอนส่วนตัวแล้ว หลังจากนางหลับไป ตี้ฝูอีก็เข้ามา นวดแขนขาให้นางอย่างเงียบเชียบ คล้ายจัดกล้ามเนื้อเส้นเอ็นให้ ขจัดความรู้สึกปวดเมื่อยอ่อนล้าให้นาง
รอจนนวดเสร็จ เขายืดกาย เงยหน้าขึ้น มองเห็นกู้ซีจิ่วกอดอกพิงประตูมองเขาอยู่ ในดวงตามีแววยิ้มหัวอยู่รางๆ
สองสามีภรรยาออกมาจากห้องบุตรสาว กลับไปยังเรือนนอนของตัวเอง กู้ซีจิ่วมองเขา “ซวี่เยวี่ยค่อนข้างชังท่านอยู่บ้าง ท่านควรให้นางทราบเรื่องที่นวดให้นาง”
ตี้ฝูอีส่ายหน้า “ไม่ได้หรอก นางเหยาะแหยะเกินไป หากให้นางรู้ว่าข้าใจอ่อน วันหน้าจะฝึกฝนนางไม่ได้แล้ว”
“ต้องรีบให้นางรู้ความถึงเพียงนี้เชียวหรือ? อันที่จริงนางเป็นแบบนี้ก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว”
ตี้ฝูอีดึงนางมานั่งอยู่ในอ้อมแขนตน “ซีจิ่ว นางเป็นลูกของพวกเรา ถูกกำหนดให้ต้องเผชิญคลื่นมรสุมมากมาย ข้าไม่อยากให้ภายหน้านางต้องเสียเปรียบตกหลุมพรางในโลกภายนอก ยิ่งนางฝึกฝนวรยุทธ์ได้ดีเท่าไหร่ วันหน้าเมื่อเกิดเรื่องขึ้นก็ยิ่งปกป้องตัวเองได้มากเท่านั้น”
อันที่จริงกู้ซีจิ่วก็เห็นด้วยกับการอบรมสั่งสอนลูกอย่างเข้มงวด และไม่อยากให้บุตรโตขึ้นเป็นบุปผาในเรือนกระจก
ถึงแม้ฟั่นเชียนซื่อจะยังไม่ปรากฏตัวขึ้น แต่ในใจกู้ซีจิ่ว ถึงอย่างไรนี่ก็เหมือนคมมีดที่แขวนอยู่เหนือหัว ไม่รู้ว่ามีดจะร่วงลงมาเมื่อไหร่ ทันทีที่ร่วงลงมา จะต้องเกิดมรสุมนองโลหิตขึ้นแน่นอน
เธอไม่กลัวเลย แต่เธอหวาดเกรงว่าจะต้องเสียลูกทั้งสองคนไป
เธอกอดเอวตี้ฝูอีไว้ เอนหัวซบแผงอกเขา “ข้ารู้สึกว่าด้วยความสามารถของพวกเราทั้งคู่ ปกป้องนางได้ไม่มีปัญหาแน่”
ตี้ฝูอีลูบผมนางเบาๆ “ซีจิ่ว ไม่ช้าก็เร็วลูกต้องต้องเผชิญหน้ากับคลื่นลมด้วยตัวเอง พวกเราไม่อาจปกป้องพวกเขาไปชั่วชีวิตได้ ยังคงต้องให้นางแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ด้วยตัวเองถึงจะดี”
เด็กคนนี้เดิมทีสมควรต้องมอดม้วย ทว่ารอดชีวิตมาได้ นับว่าเป็นการละเมิดสวรรค์
อนาคตของนางจะต้องมีเคราะห์กรรมยากเข็ญมากมายแน่นอน ยิ่งนางแข็งแกร่งขึ้นมาได้เร็วเท่าไหร่ อันตรายก็ยิ่งลดน้อยลงไปด้วย
คำพูดของตี้ฝูอีมีเหตุผล ด้วยเหตุนี้ กู้ซีจิ่วจึงยกหน้าที่หล่อหลอมฝึกฝนซวี่เยวี่ยน้อยทั้งหมดให้ตี้ฝูอีไป
ต่อมา หลังจากที่ซวี่เยวี่ยตื่นขึ้นมา เดิมทีนึกว่าจะได้รับการโอบอุ้มจากมารดา กลับคาดไม่ถึงว่าจะถูกท่านพ่อผู้มีสีหน้าอ่อนโยนบังคับหิ้วออกไป…
นางพยายามขอความช่วยเหลือจากมารดา แต่หนนี้มารดาของนางกลับไม่สนใจนางเลย ซ้ำยังโบกมือเอ่ยประโยคหนึ่งว่า “สู้ๆ นะลูกรัก ลุกยอดเยี่ยมที่สุดอยู่แล้ว!”
ตี้ซวี่เยวี่ยน้ำตาคลอ ท่านแม่ไม่สนใจนางแล้ว ส่วนพี่ชายที่ปกป้องน้องสาวมาตลอดอย่างตี้เฮ่า ก็ยิ้มละไมโบกกำปั้นให้นางเป็นเชิงว่าพยายามเข้า ไม่มีทีท่าว่าจะขัดขวางเลย
ในที่สุดนางก็ยอมรับชะตากรรม ถูกท่านพ่อผู้หน้าเนื้อใจเสือคนนี้ฝึกฝนเคี่ยวกรำต่อไป
เมื่อกู้ซีจิ่วเห็นสองพ่อลูกจากไปแล้ว ก็มองดูตี้เฮ่าที่อยู่ข้างกาย จูงมือน้อยๆ ของบุตรชายคิดจะเดินกลับไป ผลคือพบว่ามือน้อยๆ ของเด็กคนนี้เย็นเฉียบ ราวกับเพิ่งออกมาจากพื้นหิมะก็มิปาน
เธอขมวดคิ้ว “ทำไมมือเย็นขนาดนี้ล่ะ? ไม่สบายหรือ?”
ยื่นมือไปแตะหน้าผากเขาดู อุณหภูมิหน้าผากของเขากลับเป็นปกติดี
เธอยังคงไม่วางใจ จับชีพจรให้เขาดูอีกที ไม่พบความผิดปกติเช่นกัน
ตี้เฮ่าชักมือกลับไป เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่เป็นไรขอรับ ก่อนหน้านี้ลูกไปเล่นหิมะกับเจ้าหอยยักษ์ในยอดเขาหิมะมา”
กู้ซีจิ่วถึงได้วางใจ
เธอมองลูกชายแวบหนึ่ง หัวใจพลันเต้นแรงขึ้นมา
ผ่านไปหลายปีแล้ว ตี้เฮ่ายังไม่โตขึ้นสักเท่าไหร่เลย ตอนนี้ดูเหมือนเด็กเจ็ดแปดขวบ ถึงแม้จะเป็นไปตามเกณฑ์ปกติ แต่กู้ซีจิ่วรู้สึกอยู่เสมอว่าเขาค่อนข้างผิดปกติ
เธอสัมผัสได้รางๆ ว่าพันธุกรรมของของบุตรชายคนนี้แข็งแกร่งเช่นเดียวกับพ่อของเขา น่าจะโตเป็นผู้ใหญ่ตอนสามขวบ…
หรือเกี่ยวข้องกับการอยู่โลกเบื้อล่าง?
หรือว่าจะถูกฟั่นเชียนซื่อเล่นเล่ห์อีกแล้ว?
….
————————————————————————————-
บทที่ 2770
เธอใคร่ครวญดูเล็กน้อย แล้วมองบุตรชายอีกที
ตอนนี้พลังยุทธ์ของบุตรชายอยู่ในขั้นจินเซียนแล้ว แต่เธอมักรู้สึกอยู่เสมอว่ามองเขาได้ไม่กระจ่าง ราวกับวรยุทธ์ของเขาสมควรจะสูงส่งกว่านี้ เพียงแต่ตอนนี้ถูกสิ่งใดผูกเอาไว้
“เฮ่าเอ๋อร์ ตามแม่มา” เธอจะทดสอบวรยุทธ์ของบุตรชายดูสักหน่อย จึงจูงมือของบุตรชายเดินไปทางสนามฝึกยุทธ์
พวกมู่เฟิงทั้งสี่ก็กำลังฝึกวรยุทธ์อยู่ ระยะนี้พวกเขามุมานะอย่างยิ่ง และเพียรพยายามนัก พวกเขาในยามนี้ล้วนฝ่าด่านเคราะห์สำเร็จเป็นเซียนแล้ว เดิมทีสมควรโบยบินสู่ดินแดนเบื้องบนได้แล้ว แต่พวกเขาหักใจแยกจากผู้เป็นนายไม่ลง จึงรั้งอยู่กันทั้งหมดเสียเลย คิดจะติดตามขึ้นไปพร้อมกับผู้เป็นนาย
พวกเขาเรียนรู้วัฒนธรรมของผู้คนในดินแดนเบื้องบนจากการบอกเล่าของผู้เป็นนาย ทราบว่าด้วยระดับของพวกเขาในยามนี้ หลังจากขึ้นไปก็เป็นได้เพียงเสี่ยวเซียน เป็นชาวเซียนที่ต่ำต้อยยิ่งนัก
และหลังจากขึ้นไปแล้วพวกเขาก็ไม่อยากทำให้เจ้านายต้องอับอายขายหน้า ดังนั้นไม่กี่ปีมานี้ล้วนมานะฝึกฝนกันอย่างสุดชีวิต
ยามนี้พอเห็นกู้ซีจิ่วพาตี้เฮ่าเข้ามา บอกว่าจะทดสอบวรยุทธ์ของเขา นี่ทำให้พวกมู่เฟิงรู้สึกสนใจนัก จึงคอยชมอยู่ด้านข้างเสียเลย
ตี้เฮ่าเฉลียวฉลาดยิ่ง ทันทีที่มาถึงลานฝึกยุทธ์ก็ทราบแล้วว่าท่านแม่ของเขาคิดจะทำอะไร
เขาชะงักไปเล็กน้อย นับตั้งแต่เขานำหัวใจพญาเจียวตัวนั้นกลับมา วรยุทธ์ก็พัฒนาไปเชื่องช้ายิ่ง แถมเวลาที่เขาฝึกฝนด้วยวิธีที่เคยใช้ในอดีต กระดูกเส้นเอ็นทั่วร่างจะเจ็บปวดมหันต์ ราวกับถูกธาตุไฟเข้าแทรกไม่มีผิด
เขารู้ดี นี่เป็นเพราะเขาฝืนกระทำการละเมิดสวรรค์ จึงถูกสวรรค์ลงทัณฑ์…
เขาไม่อยากให้ท่านแม่ต้องเป็นห่วงตน ดังนั้นจึงไม่เคยบอกเลย กลับเป็นตี้ฝูอีที่มองออกได้ทันท่วงที
หลายวันมานี้ตี้ฝูอีคิดหาทางปรับปรุงร่างกายของเขาอยู่ตลอด วิชาลับสารพัดวิธีล้วนใช้ดูแล้ว แต่ผลลัพธ์ก็ไม่ประจักษ์ชัด
โชคดีที่เขาดูเหมือนยังเด็กอยู่ พลังยุทธ์พัฒนาเชื่องช้าก็ไม่ทำให้ใครเกิดความสงสัย
นอกจากท่านพ่อของเขาแล้ว ไม่มีใครพบเห็นความผิดปกติของเขาเลย
ส่วนกู้ซีจิ่ว ถึงอย่างไรนางก็เข้าใจบุตรชายน้อยเกินไป จึงไม่ทราบว่าเมื่อก่อนวรยุทธ์ของบุตรชายเป็นเช่นใด
ประกอบกับตี้ซี่เยวี่ยยังเยาว์วัยอยู่ สมาธิของนางจึงทุ่มไปที่ร่างของบุตรสาวมากที่สุด
ส่วนตี้เฮ่าถึงอย่างไรก็เป็นเด็กผู้ชาย เขาไม่ค่อยชอบเกาะแกะผู้คน และเขาก็อยู่กับตี้ฝูอีค่อนข้างมากกว่า ไม่ค่อยมาวอแวอยู่เบื้องหน้ากู้ซีจิ่ว ดังนั้นเธอจึงไม่เคยพบเห็นความผิดปกติของบุตรชายเลย
ครั้งนี้หากมิใช่รู้สึกว่ามือของเขาเย็นเฉียบจนดูไม่เข้าที เธอก็คงไม่จับสังเกตเขาจนเกินไป
ตี้เฮ่ามองท่านแม่ของตน ทราบว่านางฉุกสงสัยแล้ว หากไม่ยอมประมือกับนาง เกรงว่านางคงไม่ยอมปล่อยเขาไป
เขาชะงักไปแวบหนึ่ง มองดูนางตาละห้อยน่าสงสาร “ท่านแม่ ระยะนี้เฮ่าเอ๋อร์กำลังอยู่ในช่วงคอขวดของการฝึกฝน พลังยุทธ์ถดถอยลงอยู่บ้างท่านแม่ลงมือไว้ไมตรีด้วย”
กู้ซีจิ่วอดขำไม่ได้ “วางใจเถอะ!”
นางลงมืออย่างมีขีดจำกัดอยู่แล้ว ไม่มีทางทำร้ายบุตรชาย…
สองแม่ลูกเริ่มลงมือ เจ้ามาข้าไป ต่อสู้กันอย่างครึกครื้น
ระหว่างการต่อสู้ กู้ซีจิ่วค้นพบว่า ถึงแม้พลังวิญญาณของบุตรชายจะไม่นับว่าโดดเด่น แต่กระบวนท่ากลับเผ็ดร้อน กลับกลอกยิ่งนัก ใช้พลังวิญญาณเพียงส่วนเดียวสำแดงผลลัพธ์ออกมาได้ถึงสิบส่วนอยู่เสมอ กล่าวได้ว่า กระบวนท่าเหล่านี้เขาใช้พลังวิญญาณที่มีอยู่อย่างจำกัด สำแดงออกมาทั้งหมด ไม่มีสิ้นเปลืองเลยสักนิด
และเธอก็ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยด้วย
ถูกลูกชายใช้เคล็ดกระบี่ชุดนี้เข้าต้อน เธอที่ในช่วงแรกไม่ได้ใช้พลังอย่างเต็มที่จึงไม่ได้ครองความได้เปรียบเลย
เพลงกระบี่นี้ของเขาเลิศล้ำยิ่ง และเมื่อมองจากองศาและความเร็วในการออกกระบวนท่าของเขา ก็ช่ำชองยิ่งนัก คุ้นชินเป็นพิเศษ ถ้าไม่ได้สั่งสมบ่มเพาะมาหลายร้อยปี เกรงว่าจะไม่บรรลุถึงขั้นนี้
บุตรชายคนนี้ของเธอ ก่อนจะย้อนเวลากลับมามีอายุขัยเท่าไหร่แล้วกันแน่?
เธอค่อนข้างใจลอยไปชั่วขณะ ยามที่บุตรชายแทงกระบี่ที่สับปลับยิ่งนักออกมา เธอจึงปัดป้องไปตามสัญชาตญาณ ผลคือ…ใช้พลังรุนแรงเกินไปจนกระบี่ในมือบุตรชายสั่นสะท้านกระเด็นออกไปแล้ว!