GGS:บทที่ 1016 สุดแสนจะทนทาน

เหล่าผู้ชมในงานและผู้ชมที่กำลังดูผ่านสตรีมต่างก็ตื่นเต้นกันไปหมด
“แม่…เอ๊ย โคตรอัจฉริยะ”
“ไม่เกินไปเลยที่จะเรียกระบบนี้ว่าระบบอัจฉริยะ”
“มหัศจรรย์อะไรเช่นนี่ มันทรงพลังยิ่งกว่าไอโฟนเสียอีก”
“สมาร์ทโฟนของแอปเปิ้ลนั่นน่ะเหรอ ฉันเกรงว่าน่าจะโดนเหยียบจมดินจนแงะไม่ออกอย่างแน่นอน”
“เมื่อกี้นายได้สังเกตรึเปล่าว่าคำพูดที่ซูจิ้งใช้นั้นไม่ใช่คำพูดภาษามาตรฐาน(จีนกลาง)น่ะ ระบบไอฉิงนั่นแค่ถามยืนยันในตอนแรกเท่านั้นเอง หลังจากนั้นระบบไม่เคยถามอะไรอีกเลยนะ
นี่หมายความว่าไอฉิงสามารถเรียนรู้ได้ด้วย ถึงตอนแรกจะไม่มีใครสังเกตก็เถอะแต่ฉันคิดว่าต้องมีคนรู้สึกแบบเดียวกับฉันอย่างแน่นอนว่าไอฉิงสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง

คงมีแต่โทรศัพท์เครื่องนี้ล่ะมั้งที่สามารถสั่งการด้วยเสียงได้โดยไม่ต้องสนใจเรื่องสำเนียงภาษาจีนที่ไม่ใช่จีนกลางอีกต่อไป”
“ไม่เพียงเท่านั้นนะ ตอนที่ซูจิ้งโทรออกไปที่เบอร์ 10086(เบอร์โทรคอลเซ็นเตอร์เครือข่ายโทรศัพท์) เพื่อเปลี่ยนโปรโมชั่นนั่นอีก ไอฉิงสามารถเลียนแบบ เรียนรู้ได้ แถมยังพัฒนาได้เองอีกด้วยการสั่งเปลี่ยนแพคเกจโทรศัพท์เป็น 58 หยวน นี่ยืนยันได้แล้วว่าไอฉิงเป็นระบบที่สามารถที่เรียนรู้ได้และพัฒนาเป็น”

“ที่ฉันว่าสุดยอดกว่านั้นก็คือระบบจับวัตถุ ตอนที่ซูจิ้งสั่งให้ไอฉิงโฟกัสไปยังหญิงสาวคนนั้น ไอฉิงก็ทำตามได้อย่างง่ายดาย
ตอนที่สั่งให้จับโฟกัสไปที่หนังสือนั่นก็อีก ไอฉิงสามารถแยกแยะออกได้อย่างชัดเจน ฉันว่าต่อให้เป็นอย่างอื่นก็ทำได้เหมือนกัน นี่เครื่องจักรก้าวไกลไปขนาดนี้แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“เขาถึงเรียกว่าระบบอัจฉริยะยังไงล่ะ”

ในตอนนี้หนุ่มหล่อและฮัวหยุนชูต่างก็มีใบหน้าที่โง่งมอย่างหนัก ลางร้ายที่หนุ่มหล่อรู้สึกได้ก่อนหน้านี้เป็นเรื่องจริงในที่สุด แต่จะบอกว่าเป็นเรื่องจริงก็ไม่ถูกซะทีเดียวเพราะว่านี่ร้ายแรงกว่าที่เขาเตรียมใจไว้มากนัก
ฮัวหยุนชูในตอนนี้มีสีหน้าที่เขียวจนเป็นสีน้ำเงินเข้มไปแล้ว เขาไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีกต่อไป เขาทำได้เพียงรับรู้ความรู้สึกพ่ายแพ้อันหนักหน่วงเพียงเท่านั้น

ก่อนหน้านี้เขานั้นไม่ได้ใส่ใจสมาร์ทโฟนกาลเวลาของซูจิ้งเลยแม้แต่น้อย ที่เขาเลือกจะเปิดตัวสมาร์ทโฟนของเขาวันเดียวกับซูจิ้งเป็นเพราะเขามั่นใจแน่ว่าต้องชนะและสามารถเหยียบย่ำสมาร์ทโฟนกาลเวลาไปได้อย่างจมดิน
กลายเป็นว่าเป็นสมาร์ทโฟนรุยจินของเขาต่างหากที่ไม่ได้อยู่ในสายตาของซูจิ้งเลยแม้แต่น้อย เอาจริงๆต้องพูดว่าไม่มีความจะเป็นต้องใส่ใจแม้แต่น้อย นั่นก็เพราะว่าสมาร์ทโฟนกาลเวลาของซูจิ้งอยู่คนละระดับกับรุยจินอยู่แล้ว
สมาร์ทโฟนรุยจินของเขานั้นถือว่ามีค่าประสิทธิภาพที่ดีกว่าสมาร์ทโฟนต่างๆที่มีอยู่ในตลาดในตอนนี้จริงๆ
เพียงแต่ว่าค่าประสิทธิภาพนี้ก็เป็นเพียงแค่ค่าที่ตั้งขึ้นมาเพื่อที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนยี่ห้อใหม่ๆเอาไว้ใช้แข่งกับสมาร์ทโฟนรุ่นเก๋าในตลาดเท่านั้นเอง
สิ่งที่จะทำให้สมาร์ทโฟนอยู่รอดในตลาดสมาร์ทโฟนได้นั้นต่อให้ค่าประสิทธิภาพไม่ได้สูงมากแต่ราคาเข้าถึงได้ก็สามารถทำให้เป็นสมาร์ทโฟนอันดับหนึ่งได้เหมือนกัน
แต่กับสมาร์ทโฟนกาลเวลาของซูจิ้งนี้ถือได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่อยู่ในระดับหนึ่ง กลุ่มทุนกาลเวลาและกาลอวกาศนั้นได้ตั้งเป้าหมายว่าสมาร์ทโฟนของพวกเขานั้นต้องเป็นอันดับหนึ่งในเรื่องประสิทธิภาพและความล้ำสมัย
พวกเขาต้องจะสร้างสมาร์ทโฟนที่แม้แต่ไอโฟนก็ตั้งสยบ พวกเขาจึงไม่ได้ใส่ใจค่าประสิทธิภาพที่สูงหรือราคาที่จะแพงแต่อย่างใด

ด้วยแนวคิดนี้พวกเขาจะไปใส่ใจกับสมาร์ทโฟนรุยจินที่มัวแต่สนใจค่าประสิทธิภาพของสมาร์ทโฟนทำไมกัน
ระบบอัจฉริยะที่ว่ามานั้นหากนำระบบของที่มีอยู่ในสมาร์ทโฟนทุกยี่ห้อมาเทียบกับสมาร์ทโฟนกาลเวลาของซูจิ้งแล้ว
แม้แต่ระบบของไอโฟนที่ล้ำหน้ากว่ายี่ห้ออื่นมาโดยมาตลอดก็ตาม บอกได้เลยว่าสมาร์ทโฟนพวกนั้นไม่สมควรที่จะถูกเรียกว่าสมาร์ทโฟนอีกต่อไป
คำว่าสมาร์ทโฟนนั้น ในตอนนี้สมควรเป็นคำเรียกของสมาร์ทโฟนกาลเวลาของซูจิ้งเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมสมาร์ทโฟนของซูจิ้งถือได้ว่าอยู่กันคนละระดับไปแล้ว

“คุณซูครับ การที่สมาร์ทโฟนกาลเวลาเครื่องนี้สามารถที่จะรับฟังคำสั่งได้ตลอดเวลาแบบนี้มันก็หมายความว่าระบบต้องเตรียมพร้อมไว้ตลอดเวลา
ถ้าเป็นแบบนี้พวกมันสมควรจะต้องกินไฟฟ้าจำนวนมากอย่างแน่นอน พอจะบอกได้รึเปล่าครับว่าแบตเตอรี่จะสามารถอยู่ได้นานแค่ไหน” ผู้คร่ำวอดในการวงการสมาร์ทโฟนคนหนึ่งได้ยืนขึ้นและถามออกมาอย่างสงสัย
เขานั้นยอมรับจริงๆว่าสมาร์ทโฟนกาลเวลาเครื่องนี้นอกจากสวยจับใจแล้ว ด้วยระบบอัจฉริยะของสมาร์ทโฟนกาลเวลาเองก็ยังสร้างความตราตรึงใจให้กับเขาในทันทีที่เห็น
สามารถบอกได้เลยว่าสมาร์ทโฟนกาลเวลาเครื่องนี้สร้างความประทับใจให้เขาได้ทั้งภายนอกและภายในอย่างแท้จริง แต่สิ่งที่ยังคาใจของเขานั่นก็คือเรื่องของพลังงานที่ระบบต้องใช้ในการรองรับความประทับใจเหล่านี้
เมื่อฮัวหยุนชูและหนุ่มหล่อที่ได้ยินคำถามเมื่อครู่ในขณะที่ดูการสตรีมอยู่เองก็ได้คิดตามเช่นเดียวกัน ด้วยระบบอัจฉริยะและระบบทำงานด้วยเสียงที่ดีเลิศขนาดนี้สมควรที่จะต้องใช้พลังงานอย่างมหาศาลอย่างแน่นอน
หากว่าแบตเตอรี่ไม่สามารถอยู่ได้นานนัก ต่อให้สมาร์ทโฟนกาลเวลาเครื่องนี้จะมีความอัจฉริยะมากมายขนาดไหนก็ตามแต่ความสุดยอดเหล่านี้จะด้อยค่าลงไปในทันที

นั่นก็เพราะว่าไม่มีใครคิดที่จะต้องมานั่งชาร์จแบตโทรศัพท์บ่อยๆเพียงเพื่อการอวดโทรศัพท์อัจฉริยะแบบนี้อย่างแน่นอน เพราะยังไงซะหากสมาร์ทโฟนแบตหมดไปแล้วก็ไม่ต่างจากก้อนอิฐที่มีราคาแพงมากเท่านั้นเอง
“ผมขออธิบายเลยแล้วกันนะครับ อย่างแรก อย่านำระบบอัจฉริยะของสมาร์ทโฟนกาลเวลาเครื่องนี้ไปเปรียบเทียบกับสมาร์ทโฟนทั่วไปจะดีกว่าครับ
เพราะระบบอัจฉริยะนี้มันฉลาดแบบสุดๆ มันสามารถตรวจจับเสียงได้แม้แต่จะอยู่ในโหมดรักษาพลังงาน และด้วยเหตุนี้มันจะไม่ใส่ใจเลยเมื่อเกิดเสียงอย่างอื่น มันจะคอยจับแต่เสียงของเจ้าของมันเท่านั้น นี่จึงเป็นเหตุผลทที่ว่าระบบนี้ไม่ได้สิ้นเปลืองพลังงานแต่อย่างใด

ที่ดีกว่านั้นที่สุดคือด้วยความอัจฉริยะของมันนั้น ระบบไอฉิงจะคอยจัดการส่วนที่ไม่จะเป็นได้ด้วยตัวมันเองทำให้สมาร์ทโฟนกาลเวลาไม่สูญเสียและสิ้นเปลืองพลังงานอย่างเปล่าประโยชน์แต่อย่างใด
อย่างที่สอง อย่างที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้ที่ว่าผมจะอธิบายความล้ำหน้าของสมาร์ทโฟนกาลเวลาเครื่องนี้อยู่สองอย่าง ซึ่งอย่างแรกทุกคนก็ได้เห็นกันแล้ว ส่วนอย่างที่สองนั้นก็คือแบตเตอรี่” เมื่อซูจิ้งพูดจบประโยค เขาก็ได้ให้กล้องจับหน้าจะโทรศัพท์ในตอนนี้ก่อนที่จะพูดต่อว่า
“ตั้งแต่ที่ผมเริ่มทดลองใช้สมาร์ทโฟนกาลเวลาเครื่องนี้ให้ทุกท่านได้เห็น ตอนนี้ก็ใช้เวลามาเกือบๆจะหนึ่งชั่วโมงแล้ว
ในหนึ่งชั่วโมงนี้ผมทั้งทดสอบและทดลองใช้ฟังชั่นต่างๆให้ดู รวมถึงการใช้ระบบควบคุมด้วยเสียงเพื่อทำสิ่งต่างๆ งั้นผมขอถามหน่อยว่าแบตเตอรี่ที่ใช้มาตั้งแต่ต้นจนมาถึงตอนนี้นั้นถือว่าเปลืองรึเปล่า”
เพียงสิ้นเสียงของซูจิ้ง ทุกคนที่เห็นปริมาณแบตเตอรี่ที่หายไปต่างก็ทำได้เพียงอึ้งกิมกี่ไปเท่านั้น นั่นก็เพราะว่าแบตเตอรี่ใจตอนนี้เหลือ 97 % บางคนถึงกับขยี้ตาแล้วมองดูใหม่อีกครั้งแต่ตัวเลขก็ยังเท่าเดิม
ทุกคนเองก็เห็นว่าในระหว่างการทดสอบและทดลองต่างๆนั้น ซูจิ้งไม่ได้มีการชาร์จไฟเพิ่มเติมแต่อย่างใด
ต่อให้ตั้งแต่เริ่มชาร์จไว้เต็มก็จริง แต่การที่ทำอะไรต่างๆตั้งมากมายแต่ใช้ไฟไปเพียงแค่3%เท่านั้น

ยังไม่ต้องพูดถึงการใช้ระบบสั่งการด้วยเสียงก่อนหน้านี้เกือบหนึ่งชั่วโมงเลย แรกสุดนั้นซูจิ้งทำอะไรตั้งหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการทดสอบระบบยืนยันตัวตน การเล่นเกม การโทรออก การเปิดQQ การถ่ายรูป และอื่นๆตั้งมากมายแต่ว่าเพิ่งจะใช้ไฟไปเพียง3%เนี่ยนะ
“เป็นไปได้ยังไงกัน สมาร์ทโฟนเครื่องนี้อยู่ได้ถึงสามสิบชั่วโมงเลยรึไงเนี่ย” เหล่าผู้ชมต่างก็สับสนกันไปหมด
โดยทั่วไปแล้วโทรศัพท์สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่นั้นเต็มที่ก็อยู่ได้อย่างมากสุดเพียง 7 ชั่วโมงเท่านั้น ต่อให้อยู่ในโหมดประหยัดพลังงานก็อยู่ได้ประมาณ 10 ชั่วโมงเท่านั้นเอง
“จะบอกว่าใช่ก็ได้ไม่ใช่ก็ได้กับสามสิบชั่วโมงที่คุณเอ่ยมาเมื่อสักครู่นี้ เพราะการจะอยู่ถึงสามสิบชั่วโมงที่ว่านั้นก็เป็นไปได้หากว่าวันนั้นๆมีอากาศที่แจ่มใสล่ะนะ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้มยียวนหน่อยๆ
เมื่อสิ้นเพียงประโยคนี้ เหล่าผู้ชมที่ได้ยินต่างก็นิ่งอึ้งไปนาน มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่นึกออกและพูดออกมาด้วยความประหลาดในว่า “สุดยอดแผงพลังงานแสงอาทิตย์กาลเวลางั้นเหรอ”

“ผมคิดว่าคงมีหลายๆคนพอจะนึกได้แล้วว่าผมหมายถึงอะไร และนั่นคือคำตอบที่ถูกต้องครับ
สมาร์ทโฟนกาลเวลาเครื่องนี้ได้ผนวกรวมเอาเทคโนโลยีจากสุดยอดแผงพลังงานแสดงอาทิตย์กาลเวลามาใช้ด้วยเช่นเดียวกัน
ส่วนฝาครอบของโทรศัพท์เครื่องนี้ไม่ได้ใช้วัสดุทั่วไปแต่อย่างใด แต่มันคือแผงรับพลังงานของสุดยอดแผงพลังงานแสงอาทิตย์กาลเวลา
แน่นอนว่าคุณสามารถใช้การเสียบปลั๊กไฟชาร์จแบบทั่วไปได้ด้วยเช่นเดียวกัน หรือจะเรียกได้ว่าชาร์จได้สองระบบก็ว่าได้
ถึงแม้ว่าแบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟนเครื่องนี้ไม่ได้ใหญ่มากนักแต่ก็ไม่ได้เล็กจนเกินไปนั่นก็คืออยู่ที่หนึ่งหมื่นแอมแปร์
ต่อให้พื้นที่โดยรอบมืดสนิทจนไม่สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้แต่สมาร์ทโฟนเครื่องนี้ก็ยังสามารถอยู่ได้เกินกว่า 24 ชั่วโมง
แต่หากวันไหนที่มีอากาศดีหน่อย มั่นใจได้เลยว่าสมาร์ทโฟนเครื่องนี้จะอยู่ได้อย่างต่ำ 30 ชั่วโมง นี่ยังไม่พูดถึงว่าหากคุณไปอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์ทั้งวันล่ะก็….” ซูจิ้งได้พูดออกมาพร้อมกับเว้นคำพูดไป ในระหว่างนั้นเขาได้เดินออกไปที่พื้นที่หนึ่งที่มีแสงอาทิตย์ส่องผ่าน
เขาเปิดเพลงในอัลบั้มที่เขาชอบเอาไว้ก่อนที่จะยื่นสมาร์ทโฟนของเขาเข้าไปท่ามกลางแสงแดดเพียงไม่เกินนาทีดี
หลังจากนั้นเขาเปิดโทรศัพท์ให้ดูก็พบว่าโทรศัพท์มีปริมาณไฟในแบตเตอรี่อยู่ที่ 99 % อย่างรวดเร็ว
หลังจากยืนนิ่งไปอีกราวๆหนึ่งนาที แบตเตอรี่โทรศัพท์ก็ได้ขึ้นเป็น 100 % เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เหล่าผู้ร่วมงานทั้งหลายที่เห็นฉากนี้ต่างก็นิ่งเงียบด้วยใบหน้าโง่งมหนักยิ่งกว่าเดิม นี่ขนาดซูจิ้งเปิดเพลงอย่างดังที่น่าจะต้องใช้ไฟมากมายหากเป็นสมาร์ทโฟนปกติ
แต่นี่เพียงเขายื่นโทรศัพท์ออกไปเพียงไม่กี่นาทีแบตโทรศัพท์ก็เต็มแล้ว ต่อให้ระบบชาร์จไฟนี้จะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศก็จริง แต่เท่าที่ดุนี่ยังก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลยแม้แต่น้อย
ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าสมาร์ทโฟนเครื่องนี้จะเปิดใช้ได้กี่ชั่วโมง หากถามความเห็นพวกเขาในตอนนี้ล่ะก็บอกได้เลยว่าเป็นอนันต์จนกว่าโทรศัพท์จะพัง

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องตะวันลับขอบฟ้าเลย ต่อให้ใช้สมาร์ทโฟนเครื่องนี้อย่างไม่บันยะบันยังข้ามคืนแบตก็ยังเหลือเฟืออยุ่ดี
ต่อให้เป็นช่วงที่ไม่มีแดดดีๆ ตราบใดที่ยังมีแสงยังไงมันก็ยังชาร์จไฟได้ ถึงแม้จะไม่ได้เร็วมากแต่ก็เพียงพอต่อการใช้ยามฉุกเฉิน
ต่อให้ต้องอยู่ที่มืดก็ยังใช้ได้อย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 24 ชั่วโมง
พวกเขาสามารถบอกได้เลยว่าสมาร์ทโฟนกาลเวลาเครื่องนี้ล้ำหน้ากว่าสมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่นไปหลายโยชน์เลยทีเดียว
“ทั้งความสวยงาม ทั้งระบบอัจฉริยะ ทั้งความอึดของแบตเตอรี่ สมาร์ทโฟนเครื่องนี้เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง”
“หากเทียบกันแล้วนี่โทรศัพท์ของแอปเปิ้ลนี่แค่ก้อนหินชัดๆ”
“ยิ่งไปกว่านั้นสมาร์ทโฟนของแอปเปิ้ลนั้นเต็มไปด้วยค่าใช้จ่ายจุกจิกยิบน่อย เรียกได้ว่าเสียตังทุกกระบวนการ แม้แต่ที่ชาร์จแรกเริ่มก็ไม่มีให้ต้องซื้อแยกอีกต่างหาก แถมยังเริ่มเป็นต้นแบบให้สมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่นทำตามอีก ฉันไม่ชอบการกระทำของพวกนั้นเลยจริงๆ ถ้าไม่ติดว่าตอนนั้นเป็นโทรศัพท์ที่ดีที่สุดในตลาดล่ะก็ฉันไม่มีวันซื้ออย่างแน่นอน แต่ในเมื่อสมาร์ทโฟนกาลเวลาเหนือกว่าในทุกด้านแบบนี้ ฉันจะโยนสมาร์ทโฟนเครื่องเก่าทิ้งได้อย่างไม่เสียดายอีกแล้ว”
“ราคาเท่าไหร่ล่ะนั่น”
“หกไม่ก็เจ็ดพันหยวนนะ”
“ราคาพอๆกับสมาร์ทโฟนของแอปเปิ้ลรุ่นล่าสุดนี่นา ฉันจะซื้อสมาร์ทโฟนกาลเวลา”
“แพงไปหน่อยแต่ฉันว่าคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้มนะ”
“ต่อให้ฉันต้องขายตับฉันก็จะซื้อ”
เหล่าผู้ชมทั้งหลายต่างก็ส่งเสียงฮือฮากันอย่างจ้าละหวั่น นี่ถือได้ว่างานเปิดตัวสมาร์ทโฟนกาลเวลานี้สำเร็จอย่างยิ่งใหญ่เลยทีเดียว