GGS:บทที่ 1015 ระบบอัจฉริยะ(2)

เพียงแค่ผู้ชมได้ทดสอบระบบยืนยันตัวตนก็ทำให้พวกเขานั้นรู้สึกประทับใจกันไปทั้งงานเรียบร้อยแล้ว นี่ยิ่งทำให้เหล่าผู้เข้าร่วมงานคาดหวังกับสมาร์ทโฟนกาลเวลายิ่งกว่าเดิมเข้าไปอีก

นั่นก็เพราะว่าด้วยระบบยืนยันตัวต้นทั้งเสียง ดวงตา ลายนิ้วมือ และใบหน้า ด้วยการที่ระบบเหล่านี้ยังไม่มีใช้กันในสมาร์ทโฟนทั่วไป
หากพวกเขาซื้อไปใช้จะช่วยทำให้ผู้ที่ใช้นั้นสามารถเอามาอวดคนอื่นๆได้อย่างง่ายดาย มันก็เหมือนกับในตอนแรกที่เริ่มมีการใช้ระบบแสกนลายนิ้วมือมาใช้ในสมาร์ทโฟน

ในตอนนั้นพวกเขาแทบจะเปลี่ยนเครื่องใหม่ในทันทีโดยยังไม่ได้ดูฟังชั่นการใช้งานเสียด้วยซ้ำ นั่นก็เพราะว่าธรรมชาติของมนุษย์ในสังคมนั้นมีความนิยมชมชอบได้รับสิ่งใหม่ๆเร็วกว่าใครนั่นเอง
ถึงแม้ว่าระบบเหล่านี้จะมีการใช้งานบ้างแล้วในสมาร์ทโฟนบางยี่ห้อ แต่สมาร์ทโฟนก็ยังห่างไกลจากความรู้สึกที่สมาร์ทโฟนกาลเวลามอบให้โดยสิ้นเชิง
และที่โดดเด่นเหนือใครมากที่สุดก็คือสมาร์ทโฟนกาลเวลานี้จะรับฟังแค่เพียงเจ้าของเครื่องคนเดียวเท่านั้น นี่ยิ่งทำให้เข้าตาใครหลายๆคนไปเรียบร้อยแล้ว

เพราะเมื่อเทียบกับระบบสั่งการด้วยเสียงโดยทั่วไปแล้ว ทุกระบบตอบรับทุกเสียงที่เกิดขึ้น ต่อให้มีการตั้งค่าเฉพาะอย่างการใช้คำเรียกบางอย่างเพื่อให้เป็นสัญญาณในการเตรียมรับฟังคำสั่งก็ตาม
แต่มันก็รับคำสั่งจากทุกคนที่พูดแบบเดียวกันอยู่ดี แถมยังดูยุ่งยากที่จะต้องมานั่งพูดคำเดิมๆซ้ำๆก่อนจะสั่งการเสียอีก
โดยระบบแบบนี้ทำให้เครื่องต้องทำงานหนักเพราะต้องทำงานตรวจจับคำพูดตลอดเวลา ลองนึกถึงภาพหากทุกคนนั่งอยู่บนรถไฟใต้ดินแล้วทุกคนมีมือถือไอโฟนแล้วไปกดเซ็ตปุ่มคำว่าไงศิริไว้แล้วมีคนใช้คำสั่งดูสิ
มันจะกลายเป็นว่าทุกเครื่องที่ได้ยินคำพูดนี้จะตอบรับคนๆนั้นพร้อมกันในทุกเครื่อง คงจะขนลุกดีไม่น้อยเลยทีเดียว
แต่กับเรื่องนี้แล้วไม่มีทางเกิดขึ้นกับสมาร์ทโฟนกาลเวลาเครื่องนี้อย่างแน่นอน ด้วยระบบจดจำเสียงนี้ไม่มีทางเลยที่ใครจะสามารถใช้งานมันได้นอกจากเจ้าของมันจริงๆ

“ในส่วนเรื่องของประสิทธิภาพนั้น ทางกลุ่มทุนได้นำโทรศัพท์นี้ไปทดสอบแล้วอย่างเป็นทางการ ผลที่ได้ออกมาอยู่ในระดับดีเยี่ยมในทุกๆค่าที่มีการวัด และทางบริษัทก็ได้เผยแพร่ผลการทดสอบไว้ที่เว็บไซต์ทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้วเพราะฉะนั้นผมจะไม่พูดอะไรให้มากความ
ตอนนี้เรามาทำความรู้จักนวัตกรรมใหม่ที่ทางกลุ่มทุนห้วงเวลาฯได้พัฒนาเพื่อเอาไว้ใช้กับโทรศัพท์เครื่องกันดีกว่า
อย่างแรกคือระบบปัญญาประดิษฐ์และอย่างที่สองคือแบตเตอรี่ ในส่วนระบบปัญญาประดิษฐ์นี้ ทางผมเรียกมันว่าไอฉิง
ผมจะแนะนำระบบไอฉิงนี้ให้ทุกคนได้รู้จักกันก่อน หลังจากนั้นผมจะแนะนำระบบต่างๆของโทรศัพท์เครื่องนี้ให้ทุกคนได้รู้จัก
และเพื่อที่จะแสดงความยอดเยี่ยมของไอฉิงให้ทุกคนได้รับรู้ ผมจะขอสั่งการทุกอย่างด้วยเสียง” ทันทีที่ซูจิ้งสิ้นสุดประโยคนี้ ผู้ชมทั้งหลายแทบจะลุกฮือกันในทีเดียว

ทุกคนต่างสบตากันพลางคิดกันไปว่าได้ยินผิดไปรึเปล่า นี่เขาจะใช้เพียงคำสั่งเสียงจริงๆเหรอ
“ถ่ายรูป” ซูจิ้งพูด
“ได้ค่ะ” ไอฉิงขานรับและเปิดโปรแกรมถ่ายรูปในทันทีและถ่ายรูปออกมาอย่างรวดเร็ว เวลาทั้งหมดที่ใช้เพียงชั่วเสี้ยววินาทีเท่านั้น นี่ทำให้เหล่าผู้ชมต่างก็ตาเป็นประกาย
“ปรับแต่งแสงให้มืดลงหน่อย แล้วโฟกัสผู้หญิงเสื้อแดงคนนั้น ช่ายยยยคนนั้นแหล่ะ อ้อ ช่วยลบริ้วรอยบนหน้าผากของเธอด้วยนะแต่ไม่ต้องเปิดโหมดถ่ายรูปสวยล่ะ รูปจะได้สมจริง” ซูจิ้งได้สั่งการโทรศัพท์ของเขาทีเดียวต่อเนื่องด้วยประโยคพูดทั่วไปจนทำให้เหล่าผู้เข้าชมงานถึงกับมองด้วยท่าทีเหวอๆ
แต่ไอฉิงเองกลับทำตามที่ซูจิ้งสั่งได้แทบจะในทันทีแบบคำต่อคำโดยไม่มีคำถามอะไรเพิ่มเติม หลังจากนั้นก็ได้ถ่ายรูปออกมาและนั่นเป็นรูปที่สวยมากจริงๆ

“ถ่ายรูปฉันให้หน่อยสิ” ซูจิ้งพูดออกมาทำให้ไอฉิงเปลี่ยนเป็นระบบกล้องหน้าและทำการถ่ายรูปซูจิ้งอย่างไว
หลังจากนั้นซูจิ้งวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะก่อนที่จะก้าวถอยหลังไปหลายก้าว ก่อนที่จะหยูดเท้าและเต๊ะท่าถ่ายรูปไว้ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “ถ่าย” ไอฉิงก็ทำการถ่ายรูปไปหนึ่งที
หลังจากนั้นซูจิ้งก็ได้เปลี่ยนท่าแล้วก็พูดขึ้นมาว่า “ถ่าย” ไอฉิงก็ได้ถ่ายรูปมาอีกรูปหนึ่ง คราวนี้ซูจิ้งได้เปลี่ยนท่าอีกครั้งหนึ่ง เป็นคราวนี้ที่ไอฉิงได้พูดทักออกมาว่า “เจ้านายคะ ตอนนี้หน้าของเจ้านายเลยเลนส์กล้องไปแล้วครึ่งหนึ่ง ยังจะให้ถ่ายต่อรึเปล่าคะ”

“อืม เอาอย่างนั้นแหล่ะ แต่ว่าคราวนี้ถ่ายภาพเป็นโทนขาวดำ” ซูจิ้งพูดออกมา
“แบบนี้เหรอคะ” ไอฉิงได้เปลี่ยนรูปถ่ายออกมาได้ให้กลายเป็นรูปขาวดำในทันที
“อืมมมม… ลองเพิ่มให้แสงเงาดูมีมิติมากกว่านี้สักหน่อยดีกว่านะ เอาแบบให้หน้าของฉันดูมิติรอยขึ้นมาจากภาพให้ดูเด่นๆน่ะ ส่วนฉากหลังก็เอาเป็นเหลือทิ้งไว้เฉพาะหนังสือบนโต๊ะนี่ ส่วนอื่นก็จัดการเบลอไปให้หมดเลยก็แล้วกัน” ซูจิ้งพูดออกมา
“แบบนี้?” หลังจากเสร็จสิ้นคำพูดของซูจิ้ง ไอฉิงก็แสดงภาพที่ปรับแต่งแล้วให้ซูจิ้งดูอย่างไว
“ใช่ นั่นแหล่ะ” ซูจิ้งพูดออกมา
“คลิ๊ก” ไอจิ้งได้ย้ายภาพดังกล่าวเอาไว้ในอัลบั้มภาพถ่ายขาวดำ

เหล่าผู้คนที่ได้เห็นฉากนี้ต่างก็โง่งมกันไปหมด ถึงมันจะเป็นเพียงการแสดงประสิทธิภาพของกล้องถ่ายรูปเท่านั้น
แต่ฉากการสนทนากันระหว่างซูจิ้งและไอฉิงนั้นทำให้ทุกคนราวกับต้องมนต์สะกด ถึงแม้จะดูเหมือนไม่มีอะไรก็จริงแต่มันก็แฝงไว้ซึ่งความรู้สึกล้ำยุคอย่างบอกไม่ถูก แม้แต่ฮัวหยุนชูที่ก่อนหน้านี้ยังมีใบหน้าสบายๆ ในตอนนี้หน้าตาของเขาได้แข็งค้างไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“โทรหาเบอร์ 10086 ให้หน่อยสิ”
“ได้ค่ะ” ไอฉิงได้ต่อสายเบอร์ 10086 ในทันที หลังจากนั้นซูจิ้งได้ทำการเปลี่ยนแพคเกจการโทรของโทรศัพท์เป็นแบบสามสิบหยวนด้วยตัวเอง
ตอนแรกทุกคนก็คิดว่าในส่วนการโทรนี้หมดแล้ว แต่ทันใดนั้น ซูจิ้งก็ได้พูดขึ้นว่า
“จิงยี่ เปลี่ยนแพคเกจโทรศัพท์ของฉันเป็น 58 หยวน”
“ได้ค่ะ” ไอฉิงได้ทำการโทรออกไปยังเบอร์ 10086 อีกครั้งต่อหน้าผู้คนที่กำลังจับจ้องและฟังเสียงอยู่
ไอฉิงได้ทำการเข้าพูดคุยกับโอเปอเรเตอร์เพื่อขอเปลี่ยนแพคเกจโทรศัพท์ได้อย่างง่ายดายโดยที่อีกฝ่ายคิดเพียงว่าเป็นสาวสวยโทรไปหาจนอดชมเสียงของไอฉิงไม่ได้เลยทีเดียว
ซูจิ้งยังสั่งให้ไอฉิงเปิดQQ วีแชท เว็บไซต์ เกม และทำอย่างอื่นๆอีกมากมายด้วยเพียงการพูดคุยกัน นอกจากนี้อย่างการพูดคุยกันผ่านช่องแชต ไอฉิงก็สามารถเปลี่ยนคำพูดของซูจิ้งให้เป็นตัวอักษรได้อย่างแม่นยำ
หรืออย่างตอนเล่นเกม ซูจิ้งให้ไอฉิงทำการเล่นเกมให้เขาแทน ซึ่งไอฉิงก็ทำได้อย่างดี ไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย

และที่สำคัญที่สุดคือในตอนนี้ทุกคนเริ่มสังเกตเห็นแล้วว่าซูจิ้งเปิดแอพฯไว้มากมายโดยไม่ได้ปิดแอพฯเหล่านั้นลงเลยแม้แต่ครั้งเดียว เขาเพียงแค่เรียกใช้งานแอพฯอื่นเลยโดยไม่ใส่ใจที่จะปิดแอพฯพวกนี้ก่อน
“เช็คตารางงานของฉันอาทิตย์นี้หน่อยสิ” ซูจิ้งพูดออกมา
“เจ้านายไม่มีตารางอะไรนะคะ” ไอฉิงพูดออกมา
“งั้นลงไว้ว่าวันนี้ตอน 10.20 ฉันมีประชุมสำคัญ และเวลา 10.22 ฉันต้องไปร่วมงานวันเกิดแฟนของฉัน”
ผุ้เข้าชมในงานต่างก็ดูนาฬิกาของตัวเองก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลา 10.19 แล้ว ซูจิ้งนั้นต้องการแสดงให้เห็นศักยภาพอีกหนึ่งอย่างของไอฉิง ถึงแม้จะไม่ใช่เรื่องจริงแต่นี่ก็แสดงให้เห็นความสามารถของไอฉิงได้อยู่ดี

เมื่อถึงเวลา 10.20 ไอฉิงได้พูดขึ้นมาว่า “เจ้านายคะ ตอนนี้ 10.20 แล้ว ได้เวลาแล้วค่ะ”
ซูจิ้งแสร้งทำเป็นไม่มีท่าทีตอบสนองแต่อย่างใด ไอฉิงก็ยังเรียกซูจิ้งอยู่ซ้ำๆ จนกระทั่งซูจิ้งพูดขึ้นมาว่า “เตือนฉันโดยการใช้เพลงเตือนในทุกวันโดยใช้เพลงจากอัลบั้มที่ฉันชอบที่สุดนะ”

“ได้ค่ะเจ้านาย” หลังจากนั้นเพียงหนึ่งนาที ไอฉิงได้แจ้งเตือนซูจิ้งว่าจะมีประชุมสำคัญ ตามมาด้วยเสียงเตือนให้ไปร่วมงานแต่ง โดยทุกเสียงเตือนนั้นมีดนตรีประกอบที่ไม่ซ้ำกันเลย
“ฉันมีธุระต่างเมืองแหะ อีกสามวันหลังจากนี้ฉันต้องไปหางโจวน่ะ” ซูจิ้งพูดออกมา
“ฉันขอถามเจ้านายค่ะว่าเจ้านายจะเลือกวิธีการเดินทางแบบไหนดีคะ ตอนนี้ฉันเจอวิธีการไปหางโจวได้แก่เครื่องบิน รถไฟ และรถยนต์” ไอฉิงพูดออกมาพร้อมทั้งแสดงเส้นทางต่างๆที่ได้พบให้ดู

“ไปด้วยเครื่องบินเที่ยวแปดโมงเช้าก็แล้วกัน ขึ้นเครื่องที่สนามบินจงหยุนนะ ปลุกฉันตอนหกโมงเข้า” ซูจิ้งพูดออกมา
“รับทราบค่ะ” ทันทีที่ไอฉิงพูดจบก็ได้ทำการเข้าระบบจองเที่ยวบินในทันที ตอนนี้เหลือเพียยงแค่ให้ซูจิ้งทำการยืนยันและจ่ายเงินเท่านั้น

“ก็อย่างทีเห็นกัน สิ่งที่ฉันแสดงให้ทุกคนได้เห็นเมื่อสักครู่นี้คือระบบพื้นฐานของระบบปัญญาประดิษฐ์ที่อยู่ในสมาร์ทโฟนกาลเวลาเครื่องนี้ ทีนี้ หากใครมีคำถามสงสัยสามารถถามออกมาได้เลยนะครับ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้มในขณะที่มองไปรอบๆ
เหล่าผู้ชมทั้งหลายต่างก็มีใบหน้าโง่งมกันไปหมดทั้งที่อยู่ในงานและดูผ่านการสตรีม วกเขานั้นเงียบกันไปนานมาก เสียงที่เกิดขึ้นมีเพียงเสียงของการพยายามกลืนน้ำลายเท่านั้น
หลังจากเงียบกันไปอีกพักใหญ่ อยู่ๆก็ได้มีเสียงบราโว่ลั่นงาน พวกเขาไม่มีใครสงสัยอะไรหรอก ที่เงียบกันไปก็แค่ตกตะลึงก็เท่านั้นเอง