ตอนที่ 791 การต่อสู้กับตระกูลทั้งแปด (4)
ประกายตาของเจี้ยนเฉินกวาดผ่านอย่างช้า ๆ ไปทั่วหัวหน้าตระกูลทั้งแปด ก่อนที่จะมองไปในทิศทางที่ชายชราซิถูและหม่าเทิงหายตัวไป ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ
ถึงแม้เขาเพิ่งสังหารฆาตกรที่ฆ่าพ่อแม่ของเขาได้ 3 คนแต่ยังเหลืออีก 2 คนที่หนีรอดไปได้ หากว่าไม่ได้สังหารหมู่พวกมันทั้งหมด เจี้ยนเฉินไม่อาจปล่อยวางความแค้นของเขาได้
“8 ตระกูล” เจี้ยนเฉินพึมพำแผ่วเบาด้วยเสียงอันเย็นชามาก หากแปดตระกูลไม่เข้าขัดขวางเขา ซิถูและหม่าเทิงจะหลบหนีไปได้อย่างไร ? เขามุ่งเป้าความเกลียดชังไปที่แปดตระกูล เป็นเพราะพวกมันทำให้เขาไม่สามารถล้างแค้นให้พ่อแม่ของเขาได้
“นับแต่เจ้าอยากจะไล่ตามข้า ข้าก็จะไล่ล่าเจ้า สู้กับเจ้าให้สาสมใจ ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ แม้ว่าวันนี้ข้าตายก็ตาม” เจี้ยนเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้งแต่ราวกับดังก้องไปในท้องฟ้า เขาใช้กระบี่แทงเข้าไปในพื้นดินทำให้ท้องฟ้าและผืนโลกแตกระแหงไปทั่ว ไม่เพียงเขาไม่รู้สึกหวาดกลัวเมื่อเผชิญหน้ากับเซียนผู้คุมกฎนับสิบคนเท่านั้น แต่เขายังยืนตระหง่านแผ่กลิ่นอายความภาคภูมิใจในความสามารถในการต่อสู้ของเขา
บรรดาคนของแปดตระกูลล้วนแสยะยิ้ม ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเจี้ยนเฉินทำให้พวกมันตกใจอยู่บ้าง แต่พวกมันมีนับสิบคน พวกมันแค่ไม่เชื่อว่าเจี้ยนเฉินจะสามารถต้านทานเซียนผู้คุมกฎนับสิบคนได้เพียงแค่ตัวคนเดียว
นี่เพราะว่าท่ามกลางหมู่พวกมันมีหลายคนที่มีระดับเหนือกว่าชั้นสวรรค์ที่ 5 เจี้ยนเฉินจะไม่สามารถรับมือพวกมันได้แน่นอน นอกจากนี้เขายังไม่สามารถหลบหนีไปได้อีกด้วย ต่อให้มีสมบัติล้ำค่าก็ตาม
ทั้งประธานและผู้อาวุโสสูงสุดของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงต่างถอนหายใจเนิบ ๆ ด้วยความไร้อำนาจ พวกเขาไม่ต้องการดูอัจฉริยะที่ไม่เคยมีมาก่อนตกตายต่อหน้าต่อตาพวกเขา แต่ทว่าเรื่องมันเกี่ยวพันกันใหญ่โตเกินไป ต่อให้พวกเขาอยากจะช่วยเจี้ยนเฉินก็ตาม แต่ว่าพวกเขาไม่กล้าช่วย
นี่เป็นเพราะว่าหากพวกเขาเข้าไปยุ่งเกี่ยว สมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงอาจจะตกที่นั่งลำบากได้ ถึงแม้สมาคมเองดูเหมือนทรงพลังในจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ แต่ต่อหน้าเหล่าตระกูลผู้พิทักษ์ พวกเขาไม่ได้มีอะไรเลย หากว่าสิบตระกูลผู้พิทักษ์ต้องการจะลบสมาคมให้หายไปในเดี๋ยวนี้ เพียงแค่สุ่มส่งมาลวก ๆ สักตระกูลผู้พิทักษ์นั้นก็มากเกินพอที่จะทำลายล้างพวกเขาแล้ว
หยวนเทียนที่ซ่อนอยู่ข้างหลังประธานถึงกับผวาไป แต่ทว่ายังคงลอบยินดีอยู่ เจี้ยนเฉินและแปดตระกูลของเมืองแห่งเทพเจ้าเหมือนน้ำกับไฟ โดยปกติแล้วเขาอยากจะเห็นทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างมาก หากเกิดขึ้นแล้วล่ะก็ อนาคตของเขาในฐานะประธานของสมาคมคงจะอยู่ไม่ไกล
หกเซียนผู้คุมกฎเคลื่อนร่างเข้าปะทะเจี้ยนเฉินโดยพร้อมเพรียงกัน เนื่องจากพวกมันเองรับรู้ความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินมีมากแค่ไหน พวกมันจึงไม่เก็บออมพลังแต่อย่างใดและใช้ความแข็งแกร่งเต็มกำลัง บรรดาอาวุธเซียนในมือของพวกมันทำให้ช่องว่างมิติสั่นสะเทือนโดยระลอกคลื่นพลังงานที่น่าสะพรึงกลัวในตอนที่กวัดแกว่งอาวุธไปยังเจี้ยนเฉินจากหลากหลายทิศทางที่แตกต่างกัน
อาวุธเซียนทั้งหกเล่มแหวกอากาศลงมา พวกมันดูเหมือนก่อตัวเป็นบางสิ่งขนาดใหญ่ ราวกับตาข่ายที่มองไม่เห็นล้อมรอบเจี้ยนเฉินที่ตัดเส้นทางหลบหนีทั้งหมด
เจี้ยนเฉินคำรามไกล ๆ ออกไปที่ท้องฟ้า ในตอนนี้เขาไม่สนใจเก็บออมพลังงานบรรพกาลอีกต่อไป พลังบรรพกาลในตันเถียนจู่ ๆ ก็เริ่มทะลักออกมาปริมาณมหาศาลก่อตัว จากนั้นเขาก็ตวัดยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมดก่อตัวเป็นรูปกระบี่เรืองแสง 6 เล่มในความเร็วสายฟ้า เข้าสกัดกั้นอาวุธเซียนทั้งหก
เซียนผู้คุมกฎทั้งหกเป็นเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 5 หรือไม่ก็ชั้นสวรรค์ที่ 6 พวกมันมีความแข็งแกร่งพอ ๆ กันกับเจี้ยนเฉิน ดังนั้นหลังจากที่ปะทะกันก็หาได้มีใครได้เปรียบใด ๆ
ในตอนนั้นเอง เซียนผู้คุมกฎอีก 3 คนได้พุ่งกลายเป็นภาพเบลอ สองในสามคนนั้นตวัดอาวุธเซียนด้วยความรุนแรงที่สุดเท่าที่ทำได้ไปยังเจี้ยนเฉิน เมื่อใดก็ตามที่อาวุธพุ่งผ่าน เมื่อนั้นช่องว่างมิติจะฉีกขาด
ส่วนอีกคนได้พุ่งไปยังเจี้ยนเฉินพร้อมกับกำปั้นที่เต็มไปด้วยพลังงานโลกที่สะดุดตา ถึงแม้เขาจะไม่ใช้อาวุธเซียน แต่ด้วยพลังฝ่ามือเพียงอย่างเดียวก็ทำให้ช่องว่างมิติรอบตัวบิดเบือนตอนที่มันพุ่งผ่าน
“ชั้นสวรรค์ที่ 6 ! ” เจี้ยนเฉินเริ่มค่อนข้างเคร่งครึม ในตอนที่สามเซียนในหกเซียนแยกตัวออกมา เขาสัมผัสได้ว่าพวกมันเป็นเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 6 ต่อให้มียุทธภัณฑ์ผู้คุมกำในมือ แต่ในตอนนี้เขายังไม่มีพลังพอที่จะจัดการกับผู้ทรงพลังแบบนี้ได้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่กลัวแต่อย่างใด เสียงคำรามในท้องฟ้า พลังงานบรรพกาลภายในร่างพรั่งพรูอย่างรุนแรงขึ้น แล้วไหลรินเข้าไปในกระบี่สังหารมังกรในมือ กระบี่สังหารมังกรเรืองแสงสีดำเข้ม หมุนวนก่อตัวเป็นรูปกระบี่เรืองแสง 3 กลุ่มแล้วพุ่งเข้าหาเซียนทั้งสาม
สองอาวุธเซียนและหนึ่งฝ่ามือที่ซัดเข้าใส่เจี้ยนเฉิน ทำให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง ทั้งอาวุธเซียนและฝ่ามือหยุดชะงักเล็กน้อยก่อนจะมุ่งหน้าต่อ ปะทะเข้ากับเกราะไหมบรรพกาลของเจี้ยนเฉินในท้ายที่สุด
ทันใดนั้นเกราะไหมบรรพกาลเปล่งแสงสีทองแพรวพราว ป้องกันการโจมตีของสามเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 6 ทำให้เจี้ยนเฉินไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด
เมื่อเห็นดังนั้น เกิดประกายความประหลาดใจผ่านนัยน์ตาของสามเซียน ๆ ประเมินว่าเกราะไหมบรรพกาลเป็นสุดยอดเกราะป้องกัน พวกมันไม่ลังเลแต่อย่างใด สองอาวุธเซียนตวัดไปที่เจี้ยนเฉินเมื่อเข้าปะทะพลางใช้มือคว้าเกราะไหมบรรพกาล และพยายามกระชากมันออกมาจากเจี้ยนเฉิน (ผู้แปล : ชั่วจริง ๆ )
“เจ้าต้องการจะชิงของ ๆ ข้ารึ? อย่าได้หวัง!” เจตนาสังหารผ่านนัยน์ตาของเจี้ยนเฉิน เขาเลิกสนใจสองอาวุธเซียนที่พุ่งเข้ามา ทันใดนั้นก็ใช้กระบี่สังหารมังกรโจมตีสวนกลับมุ่งเป้าจบชีวิตเซียนผู้คุมกฎคนที่พยายามกระชากชิ้นส่วนเกราะของเขาในทันที
เซียนผู้คุมกฎคนนั้นเป็นบรรพบุรุษของตระกูลฮัว พลังงานโลกจำนวนมหาศาลรวมตัวกันตรงหน้ามัน มันละมือซึ่งจับเกราะของเจี้ยนเฉินกลับมาในทันทีพลางเหยียดมือซ้ายไปข้างหน้า ทันใดนั้นมันก็พลันบีบอัดพลังงานโลกจำนวนมหาศาลแล้วซัดไปที่เจี้ยนเฉิน พยายามป้องกันยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎของเจี้ยนเฉิน
การโจมตี 3 ครั้งแรกของเจี้ยนเฉินนั้นเพื่อต้านรับพลังงานโลกที่มุ่งมายังเขา ส่วนการโจมตีครั้งที่ 4 นั้นมุ่งตรงเข้าหาศีรษะเซียน
หัวหน้าตระกูลฮัวเอียงศีรษะแล้วหลบการโจมตี อย่างไรก็ตามกระบี่สังหารมังกรได้สร้างรอยเลือดไว้บนศีรษะทำให้เศษเสี้ยวพลังงานบรรพกาลถูกตรึงไว้ ทันใดนั้นเศษเสี้ยวพลังงานบรรพกาลที่ถูกตรึงไว้ได้กลายเป็นม้าพยศ มันพลุ่งพล่านเข้าไปในศีรษะเพื่อลงมือสร้างหายนะ
ปัง ! ปัง !
ในเวลาเดียวกัน อาวุธเซียนทั้งสองปะทะเข้ากับแผ่นหลังของเจี้ยนเฉิน มันถูกป้องกันไว้โดยเกราะทองไหม แต่ทว่าพลังงานอันรุนแรงยังคงกระหน่ำใส่แผ่นหลังเจี้ยนเฉินอยู่เนื่อง ๆ
“บัดซบ พลังงานนั้นคืออะไรกัน ? ” ใบหน้าของหัวหน้าตระกูลฮัวเอียงบิดเบี้ยว จู่ ๆ มันก็กรีดร้องออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัว เศษเสี้ยวพลังงานโกลาหลจากกระบี่สังหารมังกรชอนไชเข้าไปในสมองของมันและในตอนนี้มันได้สร้างหายนะให้กับเส้นประสาทของมัน
เศษเสี้ยวพลังงานบรรพกาลมันมีไม่มาก แต่มันทรงพลังมากแถมยังเต็มไปด้วยออร่าการทำลายล้างและมันจ้องแต่ทำลายสมองซึ่งเป็นส่วนที่อ่อนแอที่สุดของมนุษย์ มันขัดขวางหัวหน้าตระกูลในการควบคุมพลังงานเซียนในร่างกายแถมยังค่อน ๆ ระบายพลังงานออกจากร่างกายอีกด้วย หัวหน้าตระกูลทำได้เพียงดูมันอย่างไร้หนทางขณะที่เศษเสี้ยวพลังงานบรรพกาลได้ทำลายสมองของเขา
เศษเสี้ยวพลังงานบรรพกาลยังคงทำลายเส้นประสาทในสมองของมันไปเรื่อย ๆ ความเจ็บปวดที่เกินธรรมดาก็ตามมา ทำให้กล้ามเนื้อของหัวหน้าตระกูลชักกระตุกอย่างต่อเนื่อง
“บัดซบ พลังงานวิญญาณต้นกำเนิดจงออกมา” จู่ ๆ สีหน้าของหัวหน้าตระกูลฮัวได้เปลี่ยนเป็นนัยสำคัญ หลังจากลังเลเล็กน้อย เขาขบฟันและวิญญาณต้นกำเนิดก็โผล่ออกมาในทันที เขาหนีออกมาจากร่างจริง
เมื่อเห็นหัวหน้าตระกูลฮัวต้องถึงกับถอดวิญญาณต้นกำเนิดออกมา เซียนผู้คุมกฎที่ยังไม่ได้ต่อสู้ต่างประหลาดใจในทันที เซียนผู้คุมกฎคนอื่น ๆ จากตระกูลฮัวปรากฏกายก่อนจะคุ้มครองวิญญาณต้นกำเนิดอย่างรวดเร็ว
“สมบัติป้องกันของหยางยู่เทียนทรงพลังเกินไป เราไม่สามารถทำลายผ่านมันไปได้เลย” ในตอนนั้นเอง เซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 6 พูดออกมา
“ไปเถอะข้าจัดการกับเขาเอง ข้าต้องการดูขีดจำกัดสมบัติป้องกันของเขาหน่อย ว่ามันสามารถปกป้องกันการระเบิดพลังจากเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 8 ได้หรือไม่ ? ” ชายชราเสื้อคลุมสีแดงเพลิงตอบและเดินไปข้างหน้า เขาขยับกายพลิ้วไหวปรากฏตัวตรงหน้าเจี้ยนเฉินพลางกางมือออก ลูกบอลเพลิงสีน้ำเงินจู่ ๆ ก็ลุกโชกขึ้นระหว่างมือก่อนจะส่งไปยังหน้าอกของเจี้ยนเฉินด้วยความเร็วดุจสายฟ้า เขาแสยะยิ้มว่า “หยางยู่เทียน จำชื่อของข้าไว้ ข้าคือฮีเรสจากตระกูลเทพเจ้าแห่งไฟ ข้าจะดับชีวิตของอัจฉริยะที่ไม่เคยมีมาก่อนในเดี๋ยวนี้”
เกราะไหมบรรพกาลของเจี้ยนเฉินได้ส่องแสงแพรวพราวออกมา เพื่อเข้าต่อต้านเปลวเพลิงสีน้ำเงินไหม้ที่อยู่ระหว่างมือของชายชรา อย่างไรก็ตาม ไม่ถึงสองอึดใจแสงที่ส่องออกมาจากเกราะไหมบรรพกาลได้ถูกปราบปราม จึงทำให้ฮีเรสโจมตีลงบนร่างกายของเจี้ยนเฉิน
เสียงไอในลำคอ สีหน้าของเจี้ยนเฉินจู่ ๆ ดูเหมือนจะซีดลง ความแข็งแกร่งของฮีเรสคือชั้นสวรรค์ที่ 8 ขั้นสูงสุด ห่างไกลเกินกว่าความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินมาก ไม่เพียงแต่การโจมตีเดียวทำลายผ่านม่านพลังแสงของเกราะไหมบรรพกาลได้ ซ้ำยังสร้างการบาดเจ็บให้ร่างบรรพกาลของเจี้ยนเฉินอีกด้วย
“ร่างกายทรงพลังอะไรอย่างนี้ สามารถทนต่อการโจมตีของข้าเพียงแค่บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น ! ” ความแปลกใจปรากฏในนัยน์ตาของฮีเรส หลังจากนั้นไม่ช้า ฮีเรสพลันกำมือแล้วช่องว่างมิติรอบตัวของเจี้ยนเฉินถูกแช่แข็งในฉันพลับ หลังจากนั้นเขาก็ใช้มือดึงกระชากเจี้ยนเฉินที่แต่เดิมถูกโจมตีกำลังกระเด็นไปข้างหลัง ถูกดึงมุ่งเข้าหาฮีเรสด้วยความเร็วสูงมาก
พลังงานบรรพกาลในร่างกายของเจี้ยนเฉินพลุ่งพล่านอย่างรุนแรงพยายามดิ้นรนจากมิติแช่แข็ง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างความแข็งแกร่ง เจี้ยนเฉินไม่สามารถหลบหนีได้แม้จะพยายามทุกวิถีทางเพื่อสลัดหลุดมิติรอบตัวเขาก็ตาม เขาทำได้เพียงมองดูอย่างไร้หนทางเท่านั้นในขณะที่มุ่งเข้าหาฮีเรสอย่างรวดเร็ว
พุ ! เจี้ยนเฉินถมเลือดออกจากปากคำหนึ่งขณะที่ถูกส่งกระเด็นออกไปในไกล ๆ ราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ อำนาจของเกราะไหมบรรพกาลไม่ได้ทำงานในครั้งนี้ ทำให้ไร้ซึ่งการป้องกัน เขาจึงถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงเต็มกำลังจากเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 8 ขั้นสูงสุด เขาจึงได้รับบาดเจ็บสาหัสและแม้แต่ร่างบรรพกาลก็ถูกทำลาย
เจี้ยนเฉินกระเด็นไปด้านหลังหลายกิโลเมตรก่อนที่จะหยุดลงในที่สุด เขาลอยเคว้งคว้างอยู่ในอากาศด้วยใบหน้าซีดเผือดพลางจ้องมองไปยังฮีเรสเต็มไปด้วยจิตสังหาร ภายในร่างกายของเขา รอยแผลที่บาดเจ็บสาหัสจากฮีเรสในตอนนี้กำลังรักษาตัวด้วยอัตราเร็วสูงมาก
ความแตกต่างในความแข็งแกร่งระหว่างชั้นสวรรค์ที่ 8 กับชั้นสวรรค์ที่ 5 แตกต่างกันมากเกินไป มันไม่อาจอธิบายช่องว่างขนาดใหญ่นี้ได้ กระบี่สังหารมังกรทำให้เจี้ยนเฉินสามารถต่อสู้กับเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 5 ได้ แถมยังทำได้แม้แต่ฆ่าพวกมันด้วย แต่ในตอนนี้การต่อกรกับชั้นสวรรค์ที่ 8 นั้น เขาไม่มีพลังแม้แต่จะตอบโต้ด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นว่าเจี้ยนเฉินทนต่อพลังโจมตีเก้าในสิบส่วนของมันได้โดยไม่ตาย แถมยังเหลือพลังเพื่อบินในอากาศอีก ฮีเรสไม่สามารถใจเย็นอีก มันแสดงออกอย่างไม่เชื่อพลางโห่ร้องออกมาด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ร่างกายนี้คืออะไร ? มันมีพลังนับอนันต์ ทรงพลังมากยิ่งกว่าสัตว์อสูรยุคโบราณเสียอีก ! “