ราชันเร้นลับ 826 : ความคิดที่ลืมเลือน

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ 826 : ความคิดที่ลืมเลือน Ink Stone_Fantasy

คืนวันจันทร์ บ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน

ไคลน์ประกอบพิธีกรรมอัญเชิญตัวเอง เตรียมสืบความลับที่ซ่อนอยู่ในท่อระบายน้ำ

เมื่อตอบสนองบนมิติเหนือสายหมอก ชายหนุ่มลังเลว่าจะพกไพ่เย้ยเทพหรือไพ่จักรพรรดิมืดดี คล้ายกับการเลือกเสื้อผ้าก่อนออกจากบ้าน

หลังจากพิจารณาว่ากรุงเบ็คลันด์คือเขตอิทธิพลของโบสถ์วายุสลาตัน ไคลน์ซึ่งกลัวกฎการดึงดูดในเส้นทางใกล้เคียง ตัดสินใจเลือกที่จะสวมไพ่จักรพรรดิมืด ร่างกายปรากฏมงกุฎบนศีรษะ ชุดเกราะสีดำ ด้านหลังมีเสื้อคลุม

นอกจากไพ่เย้ยเทพใบนี้ มันยังถือยุบพองหิวโหย นกหวีดทองแดงของอะซิก เหรียญทองเซนอล สมบัติวิเศษ ‘นิ้วขาด’ รวมถึงลังระเบิดทั่วไปที่แคทลียาส่งมาพร้อมสมบัติวิเศษเส้นทางนักจารกรรมเมื่อสามชั่วโมงก่อน

แน่นอน ไคลน์มิได้นำวัตถุระเบิดมาทั้งลัง เพราะหนักเกินกว่าร่างวิญญาณจะรับไหว หยิบใส่ร่างกาย ‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอลมาเพียงห้าอัน

สำหรับปืนลูกโม่ลางมรณะ มันเก็บไว้ในห้อง แสดงเจตนาชัดเจนว่าไม่ต้องการสู้ – เป้าหมายไม่ซับซ้อน หากพบปัญหาจะรีบหนีออกมาทันที พยายามหลีกเลี่ยงอันตราย การพกพาอาวุธที่ทรงพลังจะทำให้กล้ามากขึ้น สำรวจลึกเข้าไปอย่างบ้าบิ่นมากขึ้น และนั่นจะจบลงด้วยการรนหาอันตราย

ที่นี่คือเบ็คลันด์ หากเป็นไปได้ก็อย่าเคลื่อนไหวมากนัก… และสิ่งที่ซ่อนอยู่ในท่อระบายน้ำ เราคงมองไม่เห็น บอกได้แค่ว่าอันตรายหรือไม่… ไคลน์มองนาฬิกาแขวนในห้อง ยืนยันว่ายังมีเวลาอีกอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงครึ่งก่อนที่เฮเซลจะลงมือตามปรกติ

ชายหนุ่มหายตัวไปกะทันหัน ผ่านกระจกระเบียง กระโดดไปที่ถนน เข้าไปในท่อระบายน้ำ

ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่สกปรกและชื้น ไคลน์หยิบเหรียญทองโลเอ็นออกมา ปลดปล่อยวิญญาณอาฆาต ‘เซนอล’ ที่สวมเสื้อคลุมสีแดงเข้มและหมวกสามมุมทรงโบราณ

จากนั้น ชายหนุ่มส่งแหนบที่ดูเหมือนกับถูกฝนจากกระดูกนิ้วสองนิ้วให้หุ่นเชิด

แค่ถือเพียงครู่เดียวก็ทำให้ไคลน์นึกอยากขโมยฝาท่อระบายน้ำทันที

เซนอลถือ ‘นิ้วขาด’ เดินไปข้างหน้า ไคลน์ที่ดูคล้ายกับ ‘จักรพรรดิมืด’ เข้าสู่สภาวะหายตัว แอบตามอยู่ด้านหลัง ทิ้งระยะห่างอย่างน้อยห้าสิบเมตรกับหุ่นเชิด

ด้วยสภาพแวดล้อมดังกล่าว ‘โรคอยากขโมยของ’ ไม่ส่งผลกระทบต่อร่างต้นอีกต่อไป และเซนอลซึ่งอยู่ในสถานะคนตาย ก็คงไม่เกิดความรู้สึกอยากขโมยอะไร

ไม่มีความคิดอะไรเลยด้วยซ้ำ!

เลี้ยวเข้าสู่ทางแยกในคราวก่อน ผ่านประตูลับที่ซ่อนอยู่ ‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอลปรากฏตัวในถ้ำกึ่งธรรมชาติและกึ่งฝีมือมนุษย์ด้วยแหนบสีขาวอ่อน

แตกต่างจากครั้งที่แล้ว ตำแหน่งของเครื่องใช้เช่นพลั่วห่อด้วยผ้าใบกันน้ำมีการเปลี่ยนแปลง ทางลับฝั่งเฉียงขวาลึกกว่าเดิมเล็กน้อย

เห็นได้ชัดว่าเฮเซลกำลังเน้นทางไหน

ถัดจากนั้น ร่างต้นไคลน์ที่ยังไม่ได้เข้าไปในทางแยก ยืนพิงผนังท่อระบายน้ำ หันหน้าออกจากตำแหน่งเป้าหมาย จัดการบังคับหุ่นเชิดให้ลอยเข้าไปในทางลับด้านขวา

เพียงพริบตา ‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอลลอยมาจนสุดทาง

ในวินาทีถัดมา ไคลน์พลันรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนเล็กๆ จากแหนบสีขาวในมือหุ่นเชิด ราวกับกำลังถูกดึงดูดโดยบางสิ่งที่อยู่ไม่ห่างออกไป

สิ่งลึกลับดังกล่าวสงบนิ่งและลุ่มลึกราวกับทะเลสาบ เป็นเรื่องยากที่จะคาดเดา

ยังมีชีวิตอยู่… ใกล้เคียงกับวิญญาณ… หลังจากระบุได้อย่างคลุมเครือ ไคลน์บังคับเซนอลใช้ท่า ‘กระโดดกระจก’ ย้อนกลับมายังถ้ำกึ่งธรรมชาติกึ่งฝีมือมนุษย์ กลับมายังจุดที่มีพลั่ว ไม่ต้องการสำรวจลึกเข้าไปอีก

จากนั้น เซนอลสวมที่แจ็คเก็ตสีแดงเข้มปรากฏกายอีกครั้ง นำระเบิดห้าอันในร่างกายไปวางยังตำแหน่งต่างๆ

‘วิญญาณอาฆาต’ ทุกตนล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านระเบิดมาก่อน!

จัดการทั้งหมดเสร็จ ร่างของเซนอลหายไปและมาโผล่บนผิวเหรียญทองในมือไคลน์

ไคลน์ยัดเหรียญทองเข้าไปในร่างต้น ยกมือขวาขึ้นเตรียมดีดนิ้ว จุดชนวนระเบิดทั้งห้าทันที!

ความคิดชายหนุ่มไม่ซับซ้อน ทำลายความพยายามและร่องรอยของเฮเซลด้วยระเบิดในระดับพอเหมาะ กระตุ้นให้เหยี่ยวราตรีส่งคนมาตรวจสอบอันตราย

ด้วยวิธีดังกล่าว ไม่ว่าจะมีสิ่งใดซ่อนอยู่ในส่วนลึกของทางลับ มันจะไม่สร้างอันตรายแก่ตน!

ในกรุงเบ็คลันด์ การรู้วิธี ‘แจ้งตำรวจ’ อย่างชาญฉลาด จะมีประสิทธิภาพสูงกว่าการโจมตีส่งเดช โดยเฉพาะกับไคลน์ที่ยังมิอาจยืนยันว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับครึ่งเทพหรือไม่!

เราช่างเป็นพลเมืองดี! ไคลน์หัวเราะกับตัวเอง เตรียมดีดนิ้วจุดชนวนระเบิด

ทันใดนั้น ศีรษะชายหนุ่มโยกเอนเล็กน้อย ลดแขนลงราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ไคลน์ที่ไม่ประมาท ยุติการอัญเชิญทันที ส่งตัวเองกลับไปยังมิติเหนือหมอกสีเทา กลับสู่ร่างต้นบนโลกแห่งความจริง

ขณะกำลังยุ่งอยู่กับการนำ ‘ยุบพองหิวโหย’ ‘เหรียญทองเซนอล’ และสิ่งอื่น ๆ ออกมาจากมิติลึกลับเหนือสายหมอก ชายหนุ่มขมวดคิ้ว

หลังจากครุ่นคิดอย่างจริงจังเกี่ยวกับกระบวนการทั้งหมดในคืนนี้ ไคลน์ต้องตะลึงเมื่อพบว่าตนสูญเสียเศษเสี้ยว ‘ความทรงจำ’ ไปบางส่วน

มันจำไม่ได้ว่าตัวเองจุดชนวนระเบิดไปแล้วหรือยัง!

หลังจากกวาดตามองไปรอบๆ และยืนยันว่าถนนยังคงเงียบสงบ ไคลน์เริ่มเชื่อว่าตนยังไม่ได้ดีดนิ้ว

นี่คือพลังของนักชิงฝัน? ทรงพลังกว่าของโมเบธมาก… หากไม่ใช่เพราะมิติสายหมอกและความเคยชินในการทบทวนตัวเอง บางที เราคงฉุกคิดไม่ได้ว่าตัวเองสูญเสียความคิดไปบางส่วน… บางที อีกฝ่ายอาจปล่อยให้เราดีดนิ้ว แต่ลืมใช้พลังควบคุมไฟ ส่งผลให้ระเบิดไม่ถูกจุด… ไคลน์ครุ่นคิดเคร่งเครียด เตรียมลงมืออีกครั้ง

ชายหนุ่มยังคงทำเหมือนเดิมเพื่อไม่ให้ถูกแกะรอย ใช้เทคนิคการอัญเชิญตัวเองและตอบสนองเอง

หลังจากยัดไพ่ ‘จักรพรรดิมืด’ ใส่ร่างกาย ไคลน์ออกจากบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุนจากอีกด้านหนึ่ง จงใจอ้อมถนนสองเส้นก่อนจะลงท่อระบายน้ำ

ปัจจุบัน ชายหนุ่มมิได้อยู่ใกล้กับทางแยกในท่อนระบายน้ำ อาศัยการควบคุมไฟด้วยระยะทางที่เพิ่งขึ้น จับสัมผัสถึงวัตถุระเบิดทั้งห้าอัน ยกมือขวาขึ้น

หลังจากยกแขนขึ้นลง ไคลน์รีบตัดการเชื่อมต่อ กลับไปยังมิติเหนือสายหมอกสีเทา หลีกเลี่ยงการถูกโจมตีจากตัวตนนิรนาม

โดยไม่รีบร้อนกลับสู่โลกความจริง ชายหนุ่มนั่งบนเก้าอี้ ‘เดอะฟูล’ และนึกทบทวนเหตุการณ์

เราลืมจุดชนวนระเบิดอีกแล้ว… ถ้าไม่บังคับตัวเองให้นึกทบทวน คงมองข้ามโดยสิ้นเชิง… น่าทึ่งมาก… บุคคลที่แนะนำให้เฮเซลขุดท่อระบายน้ำน่าจะเป็นครึ่งเทพ… ทำไมถึงไม่เข้าสิงร่างเฮเซลในฐานะ ‘ปรสิต’ โดยตรง? คงเพราะเหตุผลบางประการ บุคคลดังกล่าวถูกผนึกที่ใดสักแห่งในท่อระบายน้ำ แสดงพลังได้เพียงเล็กน้อย ไม่มากไปกว่าการโน้มน้าวเฮเซลในความฝัน? ตัวตนดังกล่าวทำให้ ‘นิ้วขาด’ เกิดปฏิกิริยาผิดปกติ เนื่องด้วยกฎการดึงดูดของพลังพิเศษ? อีกฝ่ายมิอาจควบคุมการดึงดูด? ไคลน์เคาะขอบโต๊ะที่มีร่องรอยโบราณพลางครุ่นคิด

หลังจากคาดเดาเบื้องต้น ชายหนุ่มพบว่าแผนการของตนคงยากจะลงมือให้สำเร็จ

เพราะทันทีที่เข้าสู่ระยะดีดนิ้วจุดชนวนระเบิด ความคิดจะถูกขโมยทันที แม้ว่าฉันจะจำได้ในภายหลัง แต่ก็เปล่าประโยชน์

เมื่อพิจารณาว่าเฮเซลคงได้รับอิทธิพลจากความฝันภายในบ้านตัวเอง ไคลน์เกิดความสงสัย ขอบเขตความสามารถของบุคคลดังกล่าวอาจขยายออกไปเกินกว่าปากทางเข้าท่อระบายน้ำ หากอีกฝ่ายพบว่าจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืดเกี่ยวข้องกับดอน·ดันเตส แม้ว่าตัวจริงจะหลับอยู่ในห้องนอน ความคิดและความทรงจำที่เกี่ยวข้องก็อาจสูญหาย

ทว่า ทางนั้นไม่สามารถทะลุผ่ามิติสายหมอกและล็อกเป้าเราได้… หึหึ คิดการทำแค่นี้จะห้ามมิให้เรา ‘แจ้งตำรวจ’ ได้หรือ? ไคลน์ใช้ความคิดสักพัก กวักมือเรียกคนทำกระดาษด้วยความระมัดระวัง ใช้พลังเพียงเล็กน้อยในพื้นที่ลึกลับเหนือหมอกสีเทา ด้วยความช่วยเหลือของพิธีกรรมอย่างต่อเนื่อง การสำแดงของทูตสวรรค์ ถูกบังคับให้แทรกแซง

จัดการเสร็จ ชายหนุ่มยัดไพ่ ‘จักรพรรดิมืด’ ใส่ร่างกาย อาศัย ‘ประตูอัญเชิญ’ ส่งร่างเข้าไปในห้องนอน

แผนปัจจุบันของไคลน์คือ ไปยังถนนเส้นอื่น สุ่มหาบ้านสักหลัง ยืมกระดาษและปากกา เขียนลงไปว่า ‘สุดทางแยกที่หกจากซ้ายมือในท่อระบายน้ำบนถนนเบิร์คลุน ภายในช่องลับมีครึ่งเทพเส้นทางนักจารกรรมซ่อนตัวอยู่’ หรือสิ่งที่คล้ายคลึงกัน จากนั้น ในร่าง ‘จักรพรรดิมืด’ นำกระดาษไปแปะที่หน้าประตูวิหารนักบุญแซมมวล ป่าวประกาศอย่างโจ่งแจ้ง!

แน่นอน มันจะเคาะประตูอย่างสุภาพ แจ้งให้นักบวชในโบสถ์ทราบ หลีกเลี่ยงการถูกคนธรรมดาพบเห็น

ในบางครั้ง วิธีดั้งเดิมที่สุดจะมีประสิทธิภาพสูงสุด! ขณะไคลน์เตรียมออกจากบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุนจากอีกฝั่งหนึ่งของคฤหาสน์ ทันใดนั้น มันรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนคล้ายแผ่นดินไหว เสียงดังกังวานทุ้มต่ำดังมาจากจุดห่างไกล

ระเบิด? ระเบิดถูกจุดชนวน? ใครเป็นคนทำ? ไคลน์ชะงักด้วยความประหลาดใจ

นี่มิใช่ฝีมือของมันแน่นอน เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะหน่วงเวลานานขนาดนี้ นอกจากนั้นยังไม่มีใครอยู่ภายในท่อระบายน้ำ หรือต่อให้มี ความคิดที่จะจุดชนวนก็จะถูกขโมย

เว้นเสียแต่ว่า คนที่จุดชนวนจะเป็นครึ่งเทพที่บังเอิญผ่านมา… แต่จะบังเอิญขนาดนั้นได้ยังไง… ‘’

อีกหนึ่งความเป็นไปได้ก็คือ ครึ่งเทพเส้นทาง ‘นักจารกรรม’ เป็นคนทำเอง… อีกฝ่ายขโมยความคิดเราเรื่อยๆ เพื่อยื้อเวลาไม่ให้เราจุดชนวน จากนั้นค่อยจุดระเบิดทำลายหลักฐานหลังจากหลบหนีสำเร็จแล้ว?

สมเหตุสมผล… บุคคลดังกล่าวย่อมไม่ประมาท เชื่อว่าเราอาจจะฟื้นคืนความทรงจำและโร่ ‘แจ้งตำรวจ’ วิธีนี้ไม่มีทางยับยั้งได้ด้วยพลังปัจจุบัน ทางที่ดีจึงควรทำตัวเหมือนตุ๊กแก เอาตัวรอดโดยการตัดหาง

ทว่า ถ้าฝ่ายนั้นสามารถหลบหนี แล้วทำไมถึงยังแนะนำให้เฮเซลขุดทางลับ? หรือการฝืนหลบหนีจะสร้างภาระกับร่างกาย? ไคลน์นึกถึงความเป็นไปได้หลายอย่าง แต่ก็มิอาจยืนยัน และมั่นใจว่าเสียงระเบิดจะต้องดึงดูดความสนใจ จึงรีบตัดการเชื่อมต่อกลับไปยังมิติหมอกพร้อมกับ ‘ยุบพองหิวโหย’ และวัตถุอื่นๆ

กลับถึงโลกความเป็นจริง ชายหนุ่มยกเลิกพิธีธรรม เก็บกวาดแท่นบูชา จัดการลบร่องรอย ทิ้งตัวนอนลงบนเตียง

บ้านเลขที่ 39 ถนนเบิร์คลุน บ้านของส.ส. มัคท์

เฮเซลซึ่งยังไม่นอน ตกใจกับแรงสั่นสะเทือนและเสียงคำรามจากพื้นดิน รีบเดินไปยังระเบียง เปิดผ้าม่าน จ้องไปยังฝาท่อระบายน้ำ แต่ก็ไม่พบความผิดปกติ

หลังจากเฝ้าสังเกตระยะหนึ่ง เธอตัดสินใจยกเลิกแผนในคืนนี้อย่างไม่ประมาท เข้านอนอย่างสบายใจ

ทันใดนั้น หญิงสาวก็ได้ยินเสียง ‘จี๊ดๆ’ จึงรีบหันไปมองที่มุมระเบียง

ณ จุดดังกล่าว เฮเซลได้พบกับหนูสีเทาตัวหนึ่งซึ่งมีขนสกปรกมอมแมม

………………………………………………