ราชันเร้นลับ 827 : คนหนึ่งมาคนหนึ่งไป

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ 827 : คนหนึ่งมาคนหนึ่งไป
ไคลน์ซึ่งนอนอยู่บนเตียง แสร้งนอนไม่หลับจนกระทั่งรุ่งสางเนื่องจากเชื่อว่า ตามปรกติของคนส่วนใหญ่ในถนน หากถูกปลุกด้วยเสียงระเบิดจากใต้ดิน การนอนหลับสนิทอาจทำให้ตกเป็นผู้ต้องสงสัย

หลังจากลุกออกจากเตียง เดินไปที่ระเบียงและเปิดผ้าม่าน ขณะแสร้งทำเป็นมองหาที่มาของเสียงระเบิด พ่อบ้านวอลเตอร์เคาะประตูห้อง ส่งคนรับใช้สองคนพร้อมปืนลูกซองแฝดเข้ามาปกป้องนายจ้าง เตรียมพร้อมรับมือเหตุไม่คาดฝัน

จากนั้นไม่นาน ตำรวจมาถึงละแวกใกล้เคียง อาศัยคำบอกเล่าของชาวเมืองในบล็อก ระบุจุดเกิดเหตุเป็นท่อระบายน้ำ

หลังจากนั้น ไม่ว่าพวกมันจะพบอะไร ร้องขอความช่วยเหลือจาก ‘เหยี่ยวราตรี’ หรือไม่ มิสเตอร์ดอน·ดันเตสก็เป็นเพียงประชาชนธรรมดาที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว

หลังจากได้รับการยืนยันเบื้องต้นว่าเหตุการณ์สงบลงแล้ว ไคลน์สั่งให้พ่อบ้านและคนรับออกไป ทิ้งตัวลงบนเตียงอีกครั้ง

รอจนกระทั่งตื่นขึ้นอีกครั้ง ถนนเบิร์คลุนกลับสู่สภาวะปรกติ ผู้คนเดินผ่านไปมาประปราย รถม้าแล่นผ่านเป็นครั้งคราว ต้นเมเปิ้ลอินทิสตามท้องถนนยังคงทำให้สถานที่แห่งนี้ดูลุ่มลึกและเงียบสงบ

“ผลการสืบสวนออกมาหรือยัง” ไคลน์มองตัวเองในกระจก ถามขณะบุรุษรับใช้ริชาร์ดสันช่วยแต่งตัว

ริชาร์ดสันได้สอบถามไว้ล่วงหน้าแล้ว เมื่อได้ยินเจ้านายถาม จึงตอบได้ทันที

“ได้ยินว่าเป็นคนของแก๊งอันธพาลที่ลักลอบค้าขายในท่อระบายน้ำใกล้เคียง พวกมันทำพลาดจนเกิดระเบิด”

สมเหตุสมผลมาก… ไคลน์ไม่ถามต่อ ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าครึ่งเทพที่สามารถขโมยความคิดตน ถูกเหยี่ยวราตรีพบตัวหรือไม่

ประการแรก ชายหนุ่มพบว่าการที่อีกฝ่ายขโมยความคิดที่จะจุดระเบิดของตน หมายความว่าระเบิดห้าลูกสามารถสร้างความเสียหายรุนแรงแก่ครึ่งเทพตนดังกล่าวได้ – หากอีกฝ่ายแข็งแกร่งเพียงพอที่จะเป็นภัยคุกคามกับตน ป่านนี้คงเลือกสิงร่างเฮเซลในฐานะปรสิตไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องวุ่นวายชักนำความฝัน กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในอีกสองถึงสามสัปดาห์ข้างหน้า หรือกระทั่งสองถึงสามเดือน ไคลน์ไม่ต้องกังวลว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร

ประการที่สอง หากพยายามสอบสวนเพิ่มเติม กดดันให้ครึ่งเทพตนนั้นจนตรอก ไคลน์เชื่อว่าฝ่ายที่เดือดร้อนจะเป็นตน เพราะเมื่ออีกฝ่ายไม่สนใจสิ่งรอบข้าง หายนะร้ายแรงจะเกิดขึ้นเป็นวงกว้าง ต่อให้อีกฝ่ายไม่ทราบตัวจริงของไคลน์ แต่ครึ่งเทพตนดังกล่าวก็จะอาละวาดจนทุกคนในละแวกนี้เดือดร้อน

นอกจากสองเหตุผลข้างต้น ไคลน์ยังกังวลอีกเรื่องหนึ่ง นั่นคือ หากถนนเบิร์คลุนที่แสน ‘ธรรมดา’ เกิดความผิดปกติอย่างต่อเนื่อง ย่อมต้องกระตุ้นความจากหน่วยพิเศษของทางการ และเมื่อเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นหลังจากดอน·ดันเตสย้ายเข้ามา แม้ว่าไคลน์จะยืนกรานปฏิเสธ แต่ก็คงไม่มีทางลดความน่าสงสัยลง เมื่อเวลาผ่านไป มันไม่มีทางเลือกนอกจากล้มเลิกแผนการ พิจารณาไปใช้วิธีอื่นในการขโมย

เราไม่ควรลงไปที่ท่อระบายน้ำในระยะนี้ เพราะอาจมีกับดักของหน่วยพิเศษรออยู่… สิ่งเดียวที่ต้องทำก็คือ อา… คงต้องคอยจับตาดูเฮเซล ตรวจหาความผิดปรกติเกี่ยวกับเธอ ถ้าพบสัญญาณอันตราย เราจะกลายเป็น ‘จอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืด’ ทันที นำใบประกาศเล็กๆ ไปปิดไว้หน้าประตูทางเข้าวิหารนักบุญแซมมวล… ไคลน์เดินลงไปชั้นล่างอย่างใจเย็นและรับประทานอาหารเช้า จากนั้นก็กลับห้องนอนใหญ่ สั่งให้บุรุษรับใช้ริชาร์ดสันเฝ้าประตู หยิบนกกระเรียนกระดาษที่กำลังจะขาดออกจากกระเป๋าสตางค์

ชายหนุ่มตั้งใจจะใช้มันเป็นครั้งสุดท้าย ส่งข้อมูลตัวเลือกที่ ‘พลเรือเอกดวงดาว’ เสนอไปยัง ‘อสรพิษแห่งชะตา’ และดูว่าวิล·อัสตินจะยอมรับเงื่อนไขหรือไม่

จริงอยู่ มันสามารถแวะไปหาอีกฝ่ายถึงบ้านโดยตรง แต่เนื่องจากยังไม่มีคำเชิญจากนายแพทย์อลัน หากปราศจากเหตุผลที่ดีพอ การไปเยี่ยมบ้านอีกฝ่ายไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก อาจทำให้ถูกสงสัย เพราะตนคงบอกไปไม่ได้ว่า ขอโทษทีนะคุณหมอ ผมไม่ได้มาหาคุณ แต่มาหาทารกในครรภ์ภรรยาคุณ

บรรจงคลี่นกกระเรียนกระดาษออกอย่างระมัดระวัง ไคลน์เหลือบมองดินสอที่เขียนทิ้งไว้คราวก่อน และเชื่อโดยสัญชาตญาณว่า หากใช้ยางลบถู กระดาษแผ่นนี้จะขาดอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มมิได้ลำบากใจ เพียงหยิบปากกาหมึกซึมและเขียนทับลงบนกระดาษไปเลย

“อีกฝ่ายยื่นข้อเสนอมาแล้ว”

หมึกมีสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำ เมื่อเทียบกับรอยดินสอ สีของปากกาเข้มกว่าไม่รู้กี่เท่า ดังนั้นแม้ว่าตัวหนังสือจะซ้อนกัน แต่ก็ไม่ส่งผลต่อการแปลความหมาย

โลกนี้มีทางออกมากกว่าปัญหาเสมอ… ไคลน์พยักหน้าพึงพอใจ พับกระดาษที่คลี่ออก กลับสู่รูปร่างนกกระเรียนกระดาษตามรอยเดิม

ถึงจุดนี้ ชายหนุ่มเชื่อว่าการคลี่ออกอีกครั้งแม้เพียงเล็กน้อย จะทำให้กระดาษเกิดฉีกขาด

เมืองเงินพิสุทธิ์ บ้านตระกูลเบเกอร์

นับตั้งแต่สิ้นสุดชุมนุมทาโรต์ เดอร์ริคตัวแข็งราวกับรูปปั้นหิน นั่งลงข้างเตียง ไม่ขยับเขยื้อนร่างกาย

ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ มัน ‘ตื่น’ จากภวังค์ด้วยเสียงจากถนนด้านนอก อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกฝันร้ายยังคงหลอกหลอนจิตใจ เดินไปทางหน้าต่างด้วยฝีเท้าหนักแน่น

‘พระองค์อาจจะตายไปแล้ว’ และ ‘พระองค์อาจไม่กลับมาอีก’ ความคิดในทำนองเดียวกันดังกังวานในใจของเดอร์ริค ความสิ้นหวังและเจ็บปวดที่มิอาจยับยั้งกำลังก่อตัว

แม้กระทั่งในตอนที่มันลงมือฆ่าพ่อแม่ตัวเอง เดอร์ริคสงสัยมาตลอดว่าพระองค์จะกลับมาหรือไม่ จะดูแลพลเมืองแห่งความมืดที่ท่านทอดทิ้งไปหรือไม่ แม้ว่าในภายหลังจะหันมาพึ่งพามิสเตอร์ฟูล หวังเปลี่ยนตัวเองให้เป็น ‘สุริยัน’ ตัวจริง ช่วยชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ให้พ้นจากคำสาปแห่งโชคชะตา แต่การศึกษาสมัยเด็กและสิ่งแวดล้อมรอบข้าง ได้สร้างผลกระทบทางจิตใจอย่างใหญ่หลวง เดอร์ริคอดไม่ได้ที่จะตั้งตารอการกลับมาของพระผู้สร้าง รอว่าเมื่อไร การเสียสละและคำสารภาพของชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ จะได้รับการตอบสนอง

แต่ในปัจจุบัน ความหวังเกือบทั้งหมดพังทลายลง เหลือเพียงแสงสุดท้ายอันริบหรี่ที่อาจถูกความมืดครอบกัดกินได้ทุกเมื่อ

หากเมืองเงินพิสุทธิ์ดำเนินต่อไปเช่นนี้เรื่อยๆ จุดจบคือการอย่างสมบูรณ์ในความมืด ไม่มีใครจดจำพวกเราที่เคยต่อสู้ดิ้นรน… เดอร์ริคมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นชาวเมืองจำนวนมากกำลังรวมตัว สวดวิงวอนถึงพระผู้สร้างทุกสรรพสิ่งกันตามปรกติ

นี่ไม่ใช่พิธีกรรมที่จัดโดย ‘หกสภาอาวุโส’ แต่เป็นประเพณีที่เกิดขึ้นในเมืองเงินพิสุทธิ์นานกว่าสองถึงสามพันปี สวดวิงวอนขอหลากหลายสิ่ง เช่นเรื่องดีๆ ในชีวิต ความมั่นคงทางอารมณ์ ชีวิตใหม่ สุขภาพที่ดีของครอบครัว

อสนีบาตผ่าผ่านท้องฟ้า เพิ่มความสว่างให้กับถนน เดอร์ริคยืนอยู่ในความมืดภายในบ้าน จ้องมองออกไปข้างนอก ไม่ขยับไปไหนเป็นเวลานาน แต่มือกำแน่นโดยไม่รู้ตัว

รอจนกระทั่งชาวเมืองแยกย้าย ในที่สุดมันก็ถอยสายตาด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว

เอื้อมมือไปสัมผัส ‘เทพสายฟ้าคำราม’ ดวงตาของเดอร์ริคทวีความหนักแน่น เตรียมทำตามคำแนะนำของ ‘แฮงแมน’ มองหาเพื่อนมาช่วยทำงาน

เพียงไม่นาน มันกลับมากระอักกระอ่วนและเขินอายอีกครั้ง เพราะไม่ทราบว่าจะเข้าหาเพื่อนก่อนยังไง รวมถึงวิธีการทักทายผู้อื่นและชวนคุย

สิ่งนี้ฝืนธรรมชาติของเด็กหนุ่มมาก

ครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน เดอร์ริคตัดสินใจไปที่ลานฝึกซ้อม ผูกมิตรกับคนรู้จักเก่าๆ ด้วยการต่อสู้ เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งจุดรวมตัวของชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ จึงมักได้พบผู้คนที่คุ้นเคย

ตกดึกอีกครั้ง ไคลน์มองเห็นทุ่งกว้างอันมืดมิดและรกร้างในความฝัน รวมถึงยอดหอคอยแหลมอันลึกลับและดำมืด

เดินผ่านด่านแล้วด่านเล่า ชายหนุ่มมาถึงจุดที่มีไพ่ทาโรต์กระจัดกระจาย รถเข็นเด็กสีดำกำลังรออยู่

วิล·อัสตินที่ร่างกายห่อด้วยไหมเงินถามเสียงใส

“มีอะไรมาต่อรอง”

เป็นฝ่ายถามเข้ามาเอง… สงวนกิริยาของลำดับ 1 หน่อยไหม? แต่แบบนี้ก็เหมาะกับเด็กแล้ว… สวมบทบาทได้ไม่เลว… ไคลน์หัวเราะในลำคอและเปิดปากพูด

“สองตัวเลือก… เลือกได้แค่หนึ่ง… อย่างแรกคือสิทธิ์ในการดูไพ่กงล้อโชคชะตาหนึ่งครั้ง อย่างที่สอง วิธีฟื้นฟูพลังชั่วคราวขณะอยู่ในสภาพอ่อนแอ”

วิล·อัสตินเงียบงันสักพัก หัวเราะเล็กๆ ก่อนจะกล่าว

“เป็นแบร์นาแดตนี่เอง… ลางสังหรณ์ของข้าถูกต้อง ครั้งนี้ข้าจะได้รับสิ่งดีๆ”

จากนั้น ทารกถามอย่างมีวาทศิลป์

“เจ้าคิดว่าข้าจะเลือกข้อไหน?”

จิตใต้สำนึกไคลน์คิดทันทีว่า เรามีโอกาสหยั่งเชิงแล้ว! ชายหนุ่มหัวเราะและตอบ

“ข้อสอง”

วิล·อัสตินพ่นลมหายใจ

“ข้าดูเหมือนสัตว์ในตำนานที่ขาดแคลนข้อมูลทำนองนี้นักหรือ? ข้าเคยเริ่มต้นใหม่นับครั้งไม่ถ้วน คิดว่าจะไม่เตรียมความพร้อมไว้เลยรึไง! ”

สมเหตุสมผล… ไคลน์และกล่าวต่อ

“หมายความว่า คุณต้องการดูไพ่กงล้อโชคชะตา หรือไม่ก็ให้พวกเขาเปลี่ยนข้อเสนอ?”

วิล·อัสตินดูดนิ้วขณะตอบ

“ข้าเลือกข้อสอง”

“…” ท่าทีดังกล่าวทำให้ใบหน้าไคลน์แข็งทื่อไปชั่วขณะ

วิล·อัสตินยิ้ม

“การเรียนรู้วิธีอื่นๆ เพิ่มเติมถือเป็นการสะสมไพ่ตาย เจ้าไม่คิดว่าเป็นสิ่งที่ควรทำหรือ?”

นี่ก็จริง… เขาพูดถูก… ไคลน์ตอบอย่างจนปัญญา

“ตกลง จะเริ่มแลกเปลี่ยนตอนไหน?”

วิล·อัสตินโบกแขนสั้นๆ ของมัน

“แน่นอนว่าในตอนที่ข้าเกิด แลกเปลี่ยนด้วยลวดจากสายสะดือ! ก็ประมาณต้นเดือนกรกฎาคม อาจก่อนหน้านั้นเล็กน้อย”

กล่าวจบ มันผ่อนคลายแขนขา หัวเราะในลำคอเล็กๆ

“แต่ถ้าพวกเขาอยากจะบอกข้อมูลล่วงหน้า ข้าก็ไม่รังเกียจ”

“พวกเขา…?” ไคลน์ถามตามจิตใต้สำนึก ไม่เข้าใจว่าทำไม ‘อสรพิษปรอท’ ถึงทราบว่าเป็นพวกเขา แทนที่จะเป็น ‘ราชินีเงื่อนงำ’ แบร์นาแดตคนเดียว

วิล·อัสตินดูดนิ้ว ตอบคลุมเครือ

“แบร์นาแดตผ่านขั้นตอนที่ใช้เลือดสัตว์ในตำนานหนึ่งหยดไปแล้ว… ในกรณีนี้ หล่อนน่าจะเตรียมให้ลูกน้องสักคน”

งั้นหรือ… คนที่ต้องใช้คือ ‘เฮอร์มิท’ ? ไคลน์ถามครุ่นคิด

“เลือดของสัตว์ในตำนานมีหน้าที่อะไร? วัตถุดิบหลักโอสถ?”

มันนึกถึงความจริงที่ หยดเลือดของ ‘สุริยันเจิดจรัส’ สามารถใช้เป็นวัตถุดิบหลักโอสถ ‘ผู้เจิดจรัส’ ได้

“ผิดแล้ว เจ้าไม่คิดบ้างหรือ การดื่มเลือดของสัตว์ในตำนานเส้นทางโชคชะตาเท่ากับการฆ่าตัวตาย…” วิล·อัสตินเย้ยหยัน “ข้าได้ยินมาว่า ลำดับ 5 ของเส้นทางผู้ส่องความลับ หากต้องการเลื่อนเป็นลำดับ 4 จะต้องตรวจสอบเลือดของสัตว์ในตำนานอย่างละเอียด ซึมซับความรู้อันซับซ้อนและมหาศาลที่ซ่อนอยู่ สิ่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรม และเนื่องจากเลือดของสัตว์ในตำนานแต่ละตัวแตกต่างกัน เมื่อเลื่อนลำดับสำเร็จ แต่ละคนจะเชี่ยวชาญ ‘ความรู้’ ของโลกศาสตร์เร้นลับในแง่มุมต่างกัน”

ยังมีวิธีนี้ด้วยสินะ… แต่ละลำดับ แต่ละเส้นทาง ล้วนมีพิธีกรรมที่แตกต่างกันตามแบบฉบับตัวเอง… ไคลน์กล่าวกับอีกฝ่าย

“ขอบคุณสำหรับคำตอบ”

วิล·อัสตินโบกมือ

“อย่าพยายามรบกวนข้า การปล่อยให้ข้าได้คลอดเงียบๆ ถือเป็นการตอบแทนที่ดีที่สุด!”

โดยไม่รอการตอบสนองจากไคลน์ มันเพิ่มอีกหนึ่งประโยค

“แต่การบอกวิธีช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งชั่วคราวไม่นับ!”

กล่าวจบ รถเข็นเด็กสีดำขยับถอยหลัง หายเข้าไปในเงามืด

ไคลน์เห็นหอคอยโดยรอบพังทลาย ถอนหายใจอย่างเงียบงัน เตรียมออกจากความฝันและนอนหลับ

ทันใดนั้น ชายหนุ่มพลันประหลาดใจ เนื่องจากพบว่ามีใครบางคนบุกรุกเข้ามาในความฝัน

คนหนึ่งมา คนหนึ่งไป… คึกคักกว่าตอนกลางวันซะอีก! ไคลน์เปลี่ยนให้ความฝันตรงตามความคิด มองไปรอบ ๆ ขณะทำท่าสับสน