บทที่ 1810 รีดไถอาณาจักรแห่งความฝัน

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

บทที่ 1810 รีดไถอาณาจักรแห่งความฝัน

แปลโดย iPAT

 

ฟางหยวนเป็นผู้ชมกระทั่งฉากที่สามจบลง อาณาจักรแห่งความฝันหายไป การสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันของฟางหยวนประสบความสำเร็จ

 

“อาณาจักรแห่งความฝันนี้ยากในช่วงเริ่มต้นแต่ง่ายในช่วงท้าย ข้าต้องรวบรวมประสบการณ์ด้วยการผ่านความล้มเหลวมากมายในสองฉากแรก กระทั่งท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันก็ยังไร้ประโยชน์

 

“แต่ในฉากสุดท้ายข้ากลับผ่านมันมาได้โดยตรง”

 

นี่เป็นประสบการณ์ที่สะดวกสบายสำหรับฟางหยวน ในฐานะผู้ชม เขาสามารถเฝ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นและผ่านมันมาได้อย่างง่ายดาย

 

“ช่วงเวลาในอาณาจักรแห่งความฝันไม่สามารถระบุแต่มันต้องเป็นยุคแรกกำเนิดที่ผ่านมานานมากแล้ว”

 

“วังสวรรค์…”

 

สายตาของฟางหยวนกลายเป็นซับซ้อนเล็กน้อย

 

แม้เขาจะเป็นศัตรูของวังสวรรค์แต่เขาก็ต้องยอมรับความยิ่งใหญ่ของมัน

 

หลังจากชั่วครู่สายตาของฟางหยวนก็กลายเป็นเย็นเยียบ “ต่อให้มันยิ่งใหญ่เพียงใด ตราบเท่าที่มันกีดขวางเส้นทางของข้า ข้าก็จะทำลายมันด้วยพลังทั้งหมด!”

 

ด้วยการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันนี้ ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งพลังปราณของฟางหยวนก้าวเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ทันที

 

“ไม่แปลกใจเลยที่เว่ยอวีซูได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากผู้อมตะหญิงเผ่ามนุษย์หมึก เหตุผลสำคัญประการหนึ่งก็คือพรสวรรค์บนเส้นทางแห่งพลังปราณของเขา”

 

ความตระหนักรู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฟางหยวนในการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของมันหรือวังสวรรค์แต่เป็นจิตวิญญาณของตัวเขาเอง

 

จิตวิญญาณเดียวดาย!

 

หลังจากรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของฟางหยวนก้าวเข้าสู่ระดับจิตวิญญาณเดียวดาย การสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันง่ายขึ้นมาก

 

อาการบาดเจ็บที่เขาได้รับจากความล้มเลวในการสำรวจลดลงอย่างมาก

 

ฟางหยวนได้รับแรงบันดาลใจมากมาย “บางทีหากข้าใช้กายาแห่งความฝันสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน อาการบาดเจ็บอาจเบากว่านี้”

 

เช่นเดียวกับการบ่มเพาะจิตวิญญาณในหุบเขาเหล่าโป หากฟางหยวนไม่นำดวงวิญญาณออกมาจากร่าง พลังอำนาจของหุบเขาเหล่าโปที่ส่งผลกระทบต่อเขาจะน้อยลงเป็นอย่างมาก

 

ในทำนองเดียวกันหากเขาให้ร่างแยกกายาแห่งความฝันเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝัน ดวงวิญญาณของเขาน่าจะได้รับการปกป้องโดยร่างกายาแห่งความฝัน

 

ร่างกายปกติไม่สามารถปิดกั้นพลังอำนาจของอาณาจักรแห่งความฝัน แต่ร่างกายาแห่งความฝันแตกต่างออกไป

 

น่าเสียดายที่ฟางหยวนไม่รู้วิธีเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันด้วยร่างกายาแห่งความฝัน

 

หากเขาส่งกายาแห่งความฝันเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันโดยตรง มันจะเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระอยู่ภายในโดยไม่สามารถสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน

 

“ต่อไป สำรวจอาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางแห่งหิมะและน้ำแข็ง”

 

ฟางหยวนเก็บอาณาจักรแห่งความฝันมากมายไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

 

อาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางแห่งพลังปราณที่ใหญ่ที่สุดหายไปแล้ว ตอนนี้อาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางแห่งหิมะและน้ำแข็งกลายเป็นอาณาจักรแห่งความฝันที่ใหญ่ที่สุด

 

นอกจากอาณาจักรแห่งความฝันนี้ยังมีอาณาจักรแห่งความฝันอื่นๆเช่นอาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางแห่งดาบ อาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางแห่งไม้ และอาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางสายอื่นๆ

 

“เดิมที่ข้ารู้สึกว่าอาณาจักรแห่งความฝันเหล่านี้เพียงพอแล้ว แต่หลังจากได้รับจิตวิญญาณเดียวดาย ดูเหมือนมันยังไม่เพียงพอ”

 

ฟางหยวนเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน

 

หลังจากจ่อชิวหยูได้รับงานวิจัยบนเส้นทางแห่งความฝัน เขาสามารถแยกแยะประเภทของอาณาจักรแห่งความฝันได้อย่างคร่าวๆ นี่เป็นเหตุผลที่ฟางหยวนสามารถรวบรวมอาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางสายต่างๆที่เขาต้องการ

 

อย่างไรก็ตามเขายังไม่ได้รับอาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางมนุษย์ นอกจากนี้อาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางแห่งพลังปราณหรือเส้นทางแห่งหิมะและน้ำแข็งก็มีไม่มากนัก

 

แต่ไม่ว่าจะเป็นอาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางสายใด พวกมันล้วนมีประโยชน์สำหรับฟางหยวน ตราบเท่าที่เขาไม่เคยสำรวจพวกมันมาก่อนในชีวิตก่อนหน้า

 

ขณะที่ฟางหยวนประสบความสำเร็จในการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนก็ประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะ

 

“ท่านฟางหยวน เราหลอมรวมวิญญาณอมตะดวงนี้เรียบร้อยแล้ว” ผมที่หกส่งมอบวิญญาณอมตะให้กับฟางหยวน

 

นี่คือวิญญาณอมตะสมอกาลเวลาระดับหก

 

แม้ฟางหยวนจะให้ความสำคัญกับการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งโชค แต่วิญญาณอมตะสมอกาลเวลาก็อยู่ในรายการวิญญาณอมตะที่เขาต้องการเช่นกัน

 

วิญญาณอมตะดวงนี้สามารถทอดสมอไว้ในสายธารแห่งกาลเวลา

 

ด้วยการใช้วิญญาณอมตะสมอกาลเวลาร่วมกับวิญญาณกาลเวลา ฟางหยวนจะสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะที่สามารถกำหนดช่วงเวลาที่เขาต้องการย้อนกลับไปกำเนิดใหม่

 

“อย่างไรก็ตามหากวิญญาณชะตากรรมไม่ได้รับบาดเจ็บหรือถูกทำลาย ประสิทธิภาพและโอกาสประสบความสำเร็จของการกำเนิดใหม่ด้วยวิธีการนี้จะลดลงอย่างมาก มิฉะนั้นข้าต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะกำเนิดใหม่สำเร็จซึ่งไม่สามารถระบุช่วงเวลาของการกำเนิดใหม่เท่านั้น”

 

การใช้วิญญาณกาลเวลาเพื่อกำเนิดใหม่เป็นการใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของโลกใบนี้ สิ่งนี้จะเปลี่ยนแปลงอดีตและส่งผลกระทบต่อสมดุลของโลก ดังนั้นเจตจำนงสวรรค์จะไม่ยอมให้มัน เกิดขึ้นโดยง่าย

 

“ดูเหมือนวิญญาณชะตากรรมต้องถูกทำลายอย่างสมบูรณ์เท่านั้น ด้วยวิธีนี้วิญญาณอมตะสมอกาลเวลาจึงจะสามารถใช้งานร่วมกับท่าไม้ตายอมตะกำเนิดใหม่สำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

 

ร่างแยกมนุษย์มังกรของฟางหยวนก้าวข้ามภัยพิบัติมากมายและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

เพื่อยกระดับการบ่มเพาะของร่างแยกมนุษย์มังกรให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ฟางหยวนต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเร่งเวลาในมิติช่องว่างของร่างแยกมนุษย์มังกรจนถึงขีดสุด

 

ฟางหยวนสามารถอนุมานภัยพิบัติแต่ละครั้ง พวกมันไม่ใช่ภัยคุกคามแต่เหมือนงานแสดงดอกไม้ไฟที่ช่วยเพิ่มร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ให้กับร่างแยกมนุษย์มังกรของฟางหยวน

 

ปัจจุบันฟางหยวนไม่เพียงสามารถยกระดับการบ่มเพาะของผู้ใช้วิญญาณแต่เขายังสามารถยกระดับการบ่มเพาะของผู้อมตะได้อีกด้วย

 

แต่วิธีนี้มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง

 

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาระดับแปดต้องใช้พลังงานอมตะระดับแปดจำนวนมาก

 

อย่างไรก็ตามมันสามารถสร้างร่างแยกมนุษย์มังกรระดับเจ็ดเท่านั้น

 

การลงทุนต่อไปไม่คุ้มค่ากับผลตอบแทน

 

หากไม่ใช่เพื่อคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดวังมังกร ฟางหยวนจะไม่เต็มใจที่จะยกระดับการบ่มเพาะของร่างแยกมนุษย์มังกร

 

หอคอยดวงประทีปของภาคใต้ถูกสร้างขึ้นทุกหนทุกแห่ง กองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้เริ่มประท้วงและขอให้ฟางหยวนปล่อยเชลยบางส่วนเพื่อแสดงความจริงใจ

 

ฟางหยวนปล่อยอี้หยาง

 

ตระกูลอี้ตกตะลึงหลังจากได้รับอี้หยาง

 

เนื่องจากฟางหยวนปล่อยเพียงร่างกายของหยาง ดวงวิญญาณและมิติช่องว่างของเขาขาดหายไป

 

แต่ร่างกายก็เหมือนซากศพ มันไร้ประโยชน์:

 

ฝ่ายธรรมะของภาคใต้โกรธมากแต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำสิ่งใด

 

ฟางหยวนปลอบโยนพวกเขา “ร่างกายเป็นเพียงก้าวแรก มันเป็นการแสดงความจริงใจของข้า ตอนนี้ถึงคราวที่พวกเขาจะแสดงความจริงใจบ้างแล้ว”

 

กองกำลังฝ่ายธรรมะของฝ่ายใต้รู้สึกถึงอนาคตอันมืดมน หากพวกเขายอมจำนน ฟางหยวนจะรีดไถพวกเขามากเพียงใด

 

ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มต่อต้าน

 

ทัศนคติของฟางหยวนเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวและไม่แยแส เขาคุกคามโดยตรง “หากพวกเจ้าต้องการให้ข้าปล่อยเชลย ข้าก็จะปล่อยพวกเขาให้ศัตรูของพวกเจ้า นอกจากนั้นข้าจะทำให้ผู้อมตะของพวกเจ้าสูญเสียใบหน้าด้วยวิธีที่ไม่สามารถบรรยายและทำให้แน่ใจว่าเขาหรือนางจะไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมาได้อีกในอนาคต”

 

ฟางหยวนเคยทำสิ่งนี้ในชีวิตก่อนหน้า คราวนี้เขาคุ้นเคยกับมันมาก

 

นี่ทำให้กองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ต้องยอมจำนนในที่สุด

 

พวกเขาไม่สามารถทำสิ่งใด โดยเฉพาะตระกูลปาและตระกูลเซียที่น่าสมเพชที่สุด หลังจากทั้งหมดผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของพวกเขาถูกจับโดยฟางหยวน

 

กองกำลังอื่นสูญเสียคนสำคัญของพวกเขาเช่นกัน หากพวกเขาไม่ช่วยคนเหล่านั้น พวกเขาจะสูญเสียการสนับสนุนและความไว้วางใจจากสมาชิกของพวกเขาเอง

 

หลังจากนั้นฟางหยวนก็เริ่มรีดไถอาณาจักรแห่งความฝันเป็นเพื่อแลกเปลี่ยนกับเชลย

 

กองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ไม่เต็มใจเพราะอาณาจักรแห่งความฝันคืออนาคตของพวกเขา

 

แต่ฟางหยวนรับประกันว่า “ข้าไม่ได้ขอทั้งหมด ข้าจะทิ้งอาณาจักรแห่งความฝันส่วนใหญ่ไว้ให้พวกเจ้า”

 

เพื่อแสดงความจริงใจมากขึ้น เขายินดีปล่อยร่างกายของเชลยเพื่อแลกเปลี่ยนกับอาณาจักรแห่งความฝันในแต่ละครั้ง

 

กองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้รู้สึกหมดสิ้นหนทางและต้องยอมรับข้อเสนอในที่สุด

 

จ่อชิวหยูรู้สึกหนาวเย็นอยู่ภายใน เขารู้ว่านี่คือการตอบโต้ของฟางหยวนและเป็นคำเตือนของเขา

 

หลังจากกรรโชกทรัพย์กองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ มันก็ถึงขั้นตอนต่อไป

 

ฟางหยวนไม่กลืนคำพูดของตนเอง เขาปล่อยร่างกายของเชลยทุกครั้งที่ได้รับอาณาจักรแห่งความฝัน อาณาจักรแห่งความฝันเหล่านี้มีขนาดใหญ่กว่าอาณาจักรแห่งความฝันที่เขาลอบทำธุรกรรมกับจือชิวหยู นอกจากนี้ฟางหยวนยังเลือกเส้นทางของอาณาจักรแห่งควาฝันที่เขาต้องการอย่างพิถีพิถัน

 

เทพธิดาจื่อเว่ยกังวลมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้ นางพยายามทุกวิถีทางเพื่อทำลายธุรกรรมเหล่านี้แต่ไม่สำเร็จ

 

“ถึงเวลาสำหรับการต่อสู้ครั้งที่สอง” ฟางหยวนคำนวนเวลาก่อนจะนำเรือรบหมื่นปีเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลาอีกครั้ง

 

เขาเริ่มการต่อสู้ครั้งที่สองในสายธารแห่งกาลเวลา แต่เขาไม่รู้ว่าครั้งนี้ผู้อมตะที่ยิ่งใหญ่บนเส้นทางแห่งกาลเวลากู้หลิวรู่กำลังรอเขาอยู่