“หึ!เดี๋ยวเจ้าก็รู้ว่าคืนนี้ผู้ใดกันแน่ที่จะต้องกลายเป็นศพ”
  หลิงหยุนร้องตะโกนเย้ยหยันกลับไปเพราะยิ่งอีกฝ่ายเก่งกาจมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งปลุกไฟนักสู้ในตัวของหลิงหยุนให้ลุกโชนมากขึ้นเท่านั้น!
  หลิงหยุนไม่รีบร้อนมากนักเพราะเขารู้ดีว่าการจะทำลายกระบี่เหินพลังหยางของเหล่านักบวชนั้น จุดสำคัญไม่ได้อยู่ที่การทำลายกระบี่ยักษ์ แต่เป็นการทำลายนักบวชทั้งสิบสองคนต่างหาก!
  หากสามารถสังหารหนึ่งในสิบสองนักบวชได้กระบี่เหินพลังหยางนี้ก็จะไม่อาจรวมตัวกันอยู่ได้ และจะอันตธานหายไปทันที
  ท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดมิดลำแสงสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นแสงจากเปลวไฟที่กำลังลุกโชน เพราะไป๋เซียนเอ๋อกำลังต่อสู้อยู่กับนักบวชเลี่ยหยาง  เช่นเดียวกับเย่ซิงเฉินที่กำลังต่อสู้อยู่กับนักบวชเลี่ยเหลยนางได้ปลดปล่อยพายุหมุนดวงดาว และดาวเคราะห์เล็กๆเข้าใส่ร่างของนักบวชเลี่ยเหลย
  “หวังชงเซียวนักบวชเลี่ยหู่มอบให้เป็นหน้าที่ของเจ้า!”
  หลิงหยุนร้องตะโกนบอกหวังชงเซียวส่วนตัวเขาก็ถือกระบี่โลหิตแดนใต้พุ่งเข้าใส่นักบวชเลี่ยหลงทันที
  “นักบวชเฒ่า..คิดจะสังหารข้างั้นรึ”
  ก่อนหน้านี้หลิงหยุนเพิ่งจะถูกนักบวชเลี่ยหลงและนักบวชเลี่ยหู่ร่วมมือกันจะสังหารตนให้ได้ แต่เวลานี้นักบวชขั้นพลังเหนือธรรมชาติระดับหกทั้งสามคน ต่างก็กำลังต่อสู้เอาเป็นเอาตายอยู่กับยอดฝีมือของฝ่ายหลิงหยุน
  เมื่อครั้งที่อยู่บนยอดเขาหลงเหมินนั้นหลิงหยุนได้เคยประมือกับนักบวชจากเขาหลงหู่มาหลายคน จึงพอที่จะเข้าใจจุดอ่อน จุดแข็ง เพลงกระบี่ และยันต์ของสำนักเขาหลงหู่บ้างแล้ว
  “เดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง!”
  นักบวชเลี่ยหลงเห็นหลิงหยุนบินลงมาจากท้องฟ้าและพุ่งเข้าหาตนเช่นนั้นเขาก็ร้องตะโกนตอบกลับไปอย่างไร้ท่าทีหวาดกลัว จากนั้นจึงหยิบโอสถหลงหู่กลืนเข้าไปในปากหนึ่งเม็ดทันที!
  หลังจากที่ได้เห็นการต่อสู้ระหว่างหลิงหยุนกับหลวงจีนจื้อเหนิงและได้ประมือกับหลิงหยุนด้วยตัวเองไปแล้วนั้น ทำให้นักบวชเลี่ยหู่รู้ว่าพลังของตนในขั้นพลังเหนือธรรมชาติระดับหกนั้น ย่อมไม่อาจเอาชนะหลิงหยุนได้เป็นแน่ จึงได้ตัดสินใจกลืนโอสถหลงหู่เข้าไปก่อน
  บูม!
  ร่างของนักบวชหลงหู่เปล่งแสงประกายเจิดจ้าขึ้นมาทันทีและขั้นของเขาก็พัฒนาขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก!
  ในเวลานั้นเองร่างของหลิงหยุนก็ได้พุ่งไปอยู่ตรงหน้าของนักบวชหลงหู่แล้ว และได้ฟันกระบี่ในมือเข้าใส่ร่างของเขาทันที!
  ตูม!
  นักบวชเลี่ยหู่ยกกำปั้นของตนขึ้นชกเข้าใส่กระบี่ของหลิงหยุนทันทีเช่นกันพลังปราณจากกระบี่และหมัดปะทะกันเสียงดังปังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบริเวณ ท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดมิด แสงวูบวาบไสวลุกโชนไปทั่วทั้งหุบเขาหลงเฟิง ทำให้เกิดเป็นความสว่างราวกับเวลากลางวันก็ไม่ปาน!
  หลังจากที่ได้กลืนโอสถหลงหู่เข้าไปแล้วขุมพลังของนักบวชเลี่ยหู่ก็ได้พุ่งขึ้นอยู่ในขั้นพลังเหนือธรรมชาติระดับเจ็ดทันที ทั้งพละกำลัง และความแข็งแกร่งของร่างกาย จึงเพิ่มขึ้นเหนือกว่าหลวงจีนจื้อเหนิงอีก
  หลิงหยุนมั่นใจว่าจะสามารถรับมือได้ไม่ยากเขาจึงไม่รีบร้อนนัก และยังคงฟาดฟันกระบี่ในมือเข้าใส่ร่างของนักบวชเลี่ยหู่อย่างต่อเนื่อง..
  และในระหว่างนั้นเองหลิงหยุนก็ได้ใช้พลังจิตของตนเองควบคุมตราหยกจักรพรรดิให้ขยายใหญ่ขึ้น แล้วลอยไปอยู่กลางอากาศเหนือศรีษะของนักบวชทั้งสิบสองคนทันที!
  “ฮ่าๆๆข้าคิดไว้แล้วว่าเจ้าจะต้องใช้วิธีนี้!”
  นักบวชเลี่ยหลงหัวเราะและร้องตะโกนออกมาอย่างภูมิใจที่รู้ทันเขาใช้พลังจิตของตนเองควบคุมกระบี่เหินให้ขยายใหญ่ยาวถึงหกเมตร แล้วพุ่งออกไปขวางตราหยกจักรพรรดิของหลิงหยุนไว้ทันที
  หลังจากที่ได้กลืนโอสถเขาหลงหู่ชั้นเลิศเข้าไปพลังจิตของนักบวชเต๋าก็แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน และเวลานี้ทั้งหลิงหยุนและนักบวชเลี่ยหลงก็มีความแข็งแกร่งไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย
  ในเวลาเดียวกันนั้นเองนักบวชทั้งสิบสองคนต่างก็ไม่มีผู้ใดสนใจการต่อสู้ที่เกิดขึ้นรอบตัว ทุกคนต่างก็มุ่งมั่นอยู่กับการผสานพลังกัน แสงสีเงินยังคงสว่างไสวโชติช่วง และเมื่อใดก็ตามที่แสงสีเงินเหล่านี้รวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ ทั้งจิตหยั่งรู้ และพลังจิตของพวกเขาก็จะหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวที่แข็งแกร่งอย่างที่สุดทันที
  “ซิงเฉิน..ใช้กระบี่คู่มารสะบั้นเทวะของเจ้าจัดการสังหารนักบวชเฒ่าพวกนั้นซะ!”
  หลิงหยุนหลบไปทางซ้ายเบี่ยงไปทางขวา แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ก็ไม่สามารถฝ่าด่านของนักบวชเลี่ยหลงเข้าไปได้เสียที จึงได้แต่ร้องตะโกนสั่งเย่ซิงเฉิน
  สำหรับเย่ซิงเฉินแล้วเวลานี้อาจไม่สามารถพูดได้ว่านางเหนือกว่านักบวชเลี่ยเหลยนัก เพราะนางยังไม่ได้ใช้อาวุธที่มีอยู่ แต่เมื่อได้ยินเสียงร้องตะโกนสั่งของหลิงหยุน นางก็ไม่ลังเลที่จะใช้กระบี่คู่ของตนเองทันที
  กระบี่คู่มารสะบั้นเทวะของเย่ซิงเฉินนั้นมีรูปลักษณ์ไม่ต่างจากดวงจันทร์และดวงอาทิตย์!
  จากนั้นกระบี่คู่มารสะบั้นเทวะก็พุ่งออกจากร่างของเย่ซิงเฉิน ตรงเข้าใส่นักบวชทั้งสิบสองคนอย่างรวดเร็ว!   หลิงหยุนเป็นผู้ที่มีความสามารถในการตอบโต้คู่ต่อสู้ได้อย่างชาญฉลาดในขณะที่เย่ซิงเฉินก็ตอบสนองต่อคำสั่งของหลิงหยุนได้อย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ทันทีที่กระบี่คู่ของเย่ซิงเฉินพุ่งออกไปด้วยความรวดเร็วนั้น เหล่านักบวชฝ่ายชางจิงกงจึงไม่มีผู้ใดสามารถหลบเลี่ยงได้ทัน!
  ปัง!ปัง!
  เสียงกระบี่คู่มารสะบั้นเทวะปะทะเข้ากับกลุ่มแสงสว่างสีขาวสองกลุ่มที่ปกคลุมร่างของเหล่านักบวชดังปัง!แม้จะไม่สามารถทำให้เกราะคุ้มกันนี้แตกสลายได้ แต่อย่างน้อยก็ทำให้มันอ่อนกำลังลง
  ได้ผล!
  ปัง!ปัง!
  ในเมื่อได้ลงมือแล้วเย่ซิงเฉินก็ไม่ปราณีเช่นกัน นางจัดการพุ่งกระบี่คู่ของตนเข้าใส่แสงสีขาวที่เป็นเกราะป้องกันของเหล่านักบวชที่เหลือต่อทันที!   นักบวชเลี่ยหลงเห็นเช่นนั้นก็ถึงกับตกใจไม่น้อยเพราะเวลานี้กระบี่เหินของเขาก็กำลังต้านทานตราหยกจักรพรรดิของหลิงหยุนอยู่ ในขณะที่กระบี่เหินของนักบวชเลี่ยหยางก็กำลังปะทะอยู่กับกระบี่เหินของหลิงหยุน ส่วนนักบวชเลี่ยหู่ก็ประมืออยู่กับหวังชงเซียว เรียกได้ว่ากระบี่เหินก็สู้กับกระบี่เหิน ส่วนคนก็สู้กับคน..
  แม้นักบวชเลี่ยหู่จะอยู่ในขั้นพลังเหนือธรรมชาติระดับหกแต่หวังชงเซียวนั้นได้เรียนเพลงหมัดปีศาจเถียนกังมาจากหลิงหยุน ทำให้นักบวชเลี่ยหู่ยากที่จะรับมือหวังชงเซียวได้นานนัก!
  ทางด้านพอลเจสเตอร์ และแวมไพร์อื่นๆรวมทั้งสี่ตนนั้น ก็กำลังต่อสู้กับนักบวชสี่คนที่เหลือ นักบวชเหล่านี้ล้วนฝึกวิชาพลังหยางบริสุทธิ์ซึ่งมีผลต่อเหล่าแวมไพร์ไม่น้อย
  เวลานี้บนท้องนภาก็มีการต่อสู้กันอย่างดุเดือดบนผืนดินก็มีการประมือกันอย่างรุนแรง แต่ยังไม่มีทีท่าว่าฝ่ายใดจะได้เปรียบหรือว่าเสียเปรียบ!
  “จางจวิ้นอี้ช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ ฝ่ายเทียนชี่ฝูของเจ้าไม่คิดที่จะช่วยเลยหรืออย่างไร เจ้าจะทนดูคนของชางจิงกงถูกสังหารตายต่อหน้าต่อตาได้เชียวรึ?”
  นักบวชเลี่ยหู่เห็นสถานการณ์เริ่มคับขันมากขึ้นจึงได้ร้องตะโกนบอกจางจวิ้นอี้ซึ่งเป็นนักบวชฝ่ายเทียนชี่ฝูให้เข้ามาช่วยเหลือ
  จางจวิ้นอี้เป็นหัวหน้านักบวชฝ่ายเทียนชี่ฝูทั้งเขาและนักบวชที่เหลืออีกสามคนล้วนอยู่ในขั้นเหนือพลังธรรมชาติระดับสี่ขึ้นไปทั้งสิ้น!
  หลังจากที่ได้ยินคำพูดของนักบวชเลี่ยหลงจางจวิ้นอี้จึงมีสีหน้าลังเลเล็กน้อย แววตาของเขาบ่งบอกว่ากำลังชั่งใจอยู่ว่าจะเข้าไปช่วยอีกฝ่ายดีหรือไม่
  แม้ว่าฝ่ายชางจิงกงกับฝ่ายเทียนชี่ฝูจะขัดแย้งและต่อสู้กันมานานตลอดหลายปีหากการต่อสู้ครั้งนี้จะทำให้ยอดฝีมือฝ่ายชางจิงกงต้องพ่ายแพ้ และตายไปสักสองสามคน นักบวชฝ่ายเทียนชี่ฝูจะรู้สึกดีใจและมีความสุขกมากเสียด้วยซ้ำ แต่หากชางจิงกงถูกทำลายจนสิ้นซาก ย่อมหมายถึงความพ่ายแพ้ และสูญเสียครั้งใหญ่ของสำนักเขาหลงหู่เลยทีเดียว!
  “ยังจะมัวลังเลอะไรอยู่อีกเล่าเจ้าลองคิดใคร่ครวญให้ดี หากปล่อยให้หลิงหยุนเป็นฝ่ายชนะ เจ้าคิดว่ามารชั่วช้าอย่างหลิงหยุนจะยอมรามือจากเทียนชี่ฝูอย่างนั้นรึ?”
  เมื่อเห็นนักบวชจางจวิ้นอี้ยังคงมีท่าทีลังเลใจนักบวชเลี่ยหู่ก็ร้องตะโกนออกไปอย่างเดือดดาล!
  ทันทีที่จางจวิ้นอี้ได้ยินเช่นนั้นเขาก็หันไปสั่งนักบวชที่เหลืออีกสามคน “ลงมือ!”
  หลังจากที่ได้ยินคำสั่งของนักบวชจางจวิ้นอี้นักบวชที่เหลือทั้งสามคนต่างก็ชักกระบี่ออกมาทันที!
  นักบวชฝ่ายเทียนชี่ฝูทั้งสี่คนต่างก็ถือกระบี่พุ่งเข้าสกัดกั้นกระบี่คู่มารสะดบั้นเทวะของเย่ซิงเฉินทันที!   หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงได้แต่ร้องตะโกนออกมาด้วยความโมโห“นักบวชเทียนชี่ฝูทั้งหลาย ครั้งนี้พวกเจ้าตัดสินใจผิดพลาดยิ่งนัก!”
  “เซียนเอ๋อไปจัดการกับพวกมันทั้งสี่คน!”
  เวลานี้ไป๋เซียนเอ๋อกำลังใช้วิชาจิ้งจอกระเริงไฟต่อสู้อยู่กับนักบวชเลี่ยหยางที่ฝ่ามือทั้งสองข้างของนางจึงมีเปลวเพลิงสีแดงกำลังลุกโชติช่วงอยู่ ลูกไฟขนาดสองเมตรลูกแล้วลูกเล่าถูกซัดเข้าใส่นักบวชเลี่ยหยางไม่หยุด ในขณะที่นักบวชเลี่ยหยางก็ใช้วิชาพลังหยางซึ่งเป็นสิ่งที่เหล่าปีศาจต่างหวาดกต่อสู้กับไป๋เซียนเอ๋อ แต่เนื่องจากทั้งคู่ต่างก็มีขั้นพลังที่ใกล้เคียงกัน นักบวชเลี่ยหยางจึงยังไม่สามารถจัดการกับไป๋เซียนเอ๋อได้
  แต่ทันทีที่ได้ยินคำสั่งของหลิงหยุนไป๋เซียนเอ๋อก็ร้องตะโกนตอบกลับไปทันที “ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้พี่หลิงหยุน!”
  ระหว่างที่พูดนั้นหางสีขาวทั้งสี่หางก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของไป๋เซียนเอ๋อ หางทั้งสี่นั้นไม่เพียงมีลูกไฟปรากฏขึ้น แต่มันยังค่อยๆใหญ่ขึ้นเรื่อยๆอีกด้วย!
  และนี่คือจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางที่ทรงพลัง!
  หางทั้งสี่ที่ปรากฏเป็นเปลงเพลิงร้อนแรงนั้นภายในเวลาเพียงแค่พริบตาเดียว ก็ได้กลายเป็นลูกไฟขนาดใหญ่กว่าหนึ่งเมตรพุ่งเข้าใส่ร่างของนักบวชเทียนชี่ฝูทั้งสี่คนทันที!
  “เยี่ยมมากเซียนเอ๋อ!”
  หลังจากร้องตะโกนออกไปเช่นนั้นหลิงหยุนก็คร้านที่จะใส่ใจนักบวชเลี่ยหลงอีก เขาใช้พลังจิตอันแข็งแกร่งซึ่งเกิดจากการเผาหยดเสินหยวน จัดการปลดปล่อยพลังวนหยิน–หยางเข้าล้อมร่างของนักบวชเลี่ยหลงไว้เช่นนั้น ทำให้เขาไม่สามารถออกมาได้ชั่วคราว!
  จากนั้นจึงปลดปล่อยพลังปราณออกมาเป็นโซ่หยิน–หยางยาวกว่าสามร้อยเมตรทันที!
  โซ่หยิน–หยางทั้งสองเส้นนี้เกิดขึ้นจากการรวมตัวของพลังหยินและหยางจำนวนมากจึงปรากฏเป็นแสงสีขาวและสีดำเส้นยาวใหญ่อย่างน่าพิศวง
  ก่อนหน้านี้หลิงหยุนได้กลืนเปลวไฟห้าธาตุเข้าไปเวลานี้ภายในร่างกายของเขาจึงมีเปลวไฟห้าธาตุไหลเวียนอยู่ ความร้อนของเปลวไฟห้าธาตุได้กลั่นพลังหยิน และหยางในร่างของหลิงหยุนให้บริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น แม้ว่าเปลวไฟห้าธาตุนี้จะยังไม่ได้หลอมรวมเป็นเปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยาง แต่ก็ได้ทำให้พลังหยินและหยางในร่างกายของเขาเปลี่ยนเป็นเกล็ดพลังที่แข็งแกร่งแล้ว
  ด้วยเหตุนี้โซ่หยิน–หยางที่หลิงหยุนปลดปล่อยออกมาในครั้งนี้ จึงได้เปลี่ยนเป็นโซ่กังฉีที่ประกอบไปด้วยเกล็ดพลังหยินและหยางที่แข็งแกร่งเรียบร้อยแล้ว!
  และนี่ก็คือไพ่ในมืออีกหนึ่งอย่างของหลิงหยุน!
  หลิงหยุนจัดการฟาดโซ่กังฉียาวใหญ่ทั้งสองเส้นเข้าใส่ร่างของนักบวชทั้งสิบสองคนทันที!
  มีหรือที่ผู้ใดจะสามารถต้านทานโซ่กังฉีที่แข็งแกร่งของหลิงหยุนได้อีกทั้งแสงสีขาวที่ปกคลุมร่างของนักบวชทั้งสิบสองคนก็ได้อ่อนกำลังลงมากแล้ว!
  ท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดมิดเวลานี้กระบี่เหินเล่มใหญ่เริ่มสั่นอย่างรุนแรงจนเกิดเป็นเสียงดังครืนๆอีกครั้ง!
  ในเวลาเดียวกันนั้นลูกไฟจากหางทั้งสี่ของไป๋เซียนเอ๋อก็ได้ตรงเข้าใส่ร่างของนักบวชฝ่ายเทียนชี่ฝู ในขณะที่กระบี่คู่มารสะบั้นของเย่ซิงเฉินก็ยังทำงานไม่หยุด ประกอบกับโซ่กังฉีอันทรงพลังของหลิงหยุนที่เพิ่งจู่โจมเข้าไป ทำให้เวลานี้แสงสีขาวยิ่งอ่อนกำลังลงกว่าเดิมมาก!
  “นั่นมัน…”
  เหล่ายอดฝีมือที่อยู่ภายในหุบเขาหลงเฟิงต่างก็พากันร้องอุทานออกมาด้วยความตกตะลึงในระหว่างที่จ้องมองการต่อสู้ของหลิงหยุน..