ทุกคนในที่นั้นต่างพากันตกตะลึง!
ไม่เพียงเหล่าชาวยุทธไม้เลื้อยที่ตกตะลึงกับการต่อสู้ของหลิงหยุนในครั้งนี้แม้แต่สิบสำนักที่ยืนอยู่ข้างสำนักเขาหลงหู่ก่อนหน้านี้ ก็ถึงกับสั่นไปทั้งร่างเช่นกัน เวลานี้ไม่มีผู้ใดที่ไม่อยู่ในอาการตกตะลึง!
โซ่กังฉีขนาดใหญ่เท่าแขนและยาวกว่าสามร้อยเมตรทั้งสองเส้น กำลังพุ่งเข้าใส่ร่างของนักบวชฝ่ายชางจิงกงทั้งสิบสองคนอย่างต่อเนื่อง
การโจมตีด้วยโซ่กังฉีของหลิงหยุนนั้นรุนแรงกว่ากระบี่คู่มารสะบั้นเทวะของเย่ซิงเฉินมากนักในขณะที่แสงสว่างรอบตัวของนักบวชทั้งสิบสองคนค่อยๆอ่อนลง แต่โซ่กังฉีของหลิงหยุนกลับสว่างมากขึ้นเรื่อยๆ
ภาพการต่อสู้ของหลิงหยุนและสหายที่เหล่าชาวยุทธได้เห็นในเวลานี้ทำให้ทุกคนรู้สึกว่ากำลังดูเหล่าเซียนทำการรบอยู่บนสรวงสวรรค์!
ทางด้านแวมไพร์ทั้งสี่ที่ต่อสู้อยู่กับนักบวชฝ่ายชางจิงกงสี่คนนั้นแม้นักบวชทั้งสี่จะฝึกวิชาพลังหยางซึ่งมีผลต่อเหล่าแวมไพร์อย่างมาก แต่เป็นเพราะพวกเขายังฝึกไม่ถึงขั้นพลังเหนือธรรมชาติระดับห้าเสียด้วยซ้ำ จึงทำได้เพียงแค่ต้านทานเหล่าแวมไพร์ที่แข็งแกร่งทั้งสี่ได้เท่านั้น แต่ก็น่าจะต้านทานได้อีกไม่นานนัก..
แวมไพร์ทั้งสี่ของหลิงหยุนที่กำลังต่อสู้กับนักบวชทั้งสี่คนนั้นหลิงหยุนได้ช่วยหยดเลือดให้จนร่างกายและปีกของพวกมันกลายเป็นสีม่วงแล้ว จึงสามารถต้านทานพลังหยางของเหล่านักบวชได้อย่างสบาย นักบวชเหล่านี้จึงไม่ถือว่าได้เปรียบเหล่าแวมไพร์บริวารของหลิงหยุน พวกเขาไม่สามารถเอาชนะได้ ทำได้เพียงแค่ตั้งรับและต้านทานเท่านั้น
“สวรรค์!จะตำหนิหลิงหยุนว่าผยองก็คงจะไม่ถูกนัก ในเมื่อเขาแกร่งกล้า และเก่งกาจถึงเพียงนี้!” “ข้าไม่เคยพบเจอการต่อสู้ที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้มาก่อนเลย!”
“นั่นสิ!ฝ่ายใดจะแพ้ ฝ่ายใดจะชนะกันแน่”
เหล่าชาวยุทธต่างพากันวิพาษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานาและได้แสดงอาการตกตะลึงและตกใจเมื่อเห็นไพ่ต่างๆในมือของหลิงหยุน!
ความจริงแล้วก็มีชาวยุทธบางคนต้องการอาศัยจังหวะที่ฝ่ายของหลิงหยุนกับนักบวชเขาหลงหู่กำลังต่อสู้กัน หนีออกไปจากหุบเขาแห่งนี้ แต่เป็นเพราะการต่อสู้ที่ดุเดือดและน่าตกตะลึง ได้ดึงดูดพวกเขาไว้จนไม่มีใครอยากจะจากไปในตอนนี้
ในขณะเดียวกันสิบสำนักที่ยืนอยู่ฝ่ายที่เป็นศัตรูกับหลิงหยุนเมื่อครู่ ต่างก็หันไปมองหน้ากัน และกำลังปรึกษากันว่าจะหนีไป หรือว่าจะอยู่ต่อ หากอยู่ต่อจะเข้าไปช่วยนักบวชฝ่ายชางจิงกงหรือไม่
แต่แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดโง่จนเกินไป! เพราะถึงหลิงหยุนจะเผชิญหน้ากับกระบี่เหินพลังหยางขนาดยักษ์นั้นและพยายามที่หยุดการรวมตัวของมันทุกวิถีทางด้วยการนำไพ่ในมือออกมาใช้มากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันก็ต้องรับมือกับนักบวชขั้นพลังเหนือธรรมชาติระดับหกถึงสี่คน แต่ฝ่ายของหลิงหยุนก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะพ่ายแพ้เลยแม้แต่น้อย
แม้ว่าเวลานี้จะยังไม่อาจคาดเดาได้ว่าฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะแต่หากหลิงหยุนเป็นฝ่ายชนะขึ้นมา แน่นอนว่าเขาย่อมต้องจัดการกับยอดฝีมือจากสิบสำนักและตระกูลที่เหลือ..
นั่นเพราะยอดฝีมือทั้งสิบสำนักและตระกูลต่างๆนี้ล้วนแล้วแต่เคยส่งคนไปถล่มตระกูลหลิงเมื่อสิบแปดปีก่อนด้วยทั้งสิ้น พวกเขาจึงนับเป็นศัตรูของหลิงหยุน และหลิงหยุนก็ได้ประกาศแล้วว่าเขามาเพื่อสะสางความแค้นในอดีต และศัตรูของเขาจะไม่มีทางรอดออกไปจากหุบเขาแห่งนี้ได้แม้แต่คนเดียว
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงหลงเหลือทางเลือกอยู่เพียงแค่สองทางเท่านั้นคือ จะหนีไป หรือจะช่วยนักบวชสำนักเขาหลงหู่ต่อสู้กับหลิงหยุน!
“ไปช่วยพวกเขากันดีกว่า!”
หลังจากที่ปรึกษากันอยู่ครู่หนึ่งยอดฝีมือจากสองตระกูลก็ตัดสินใจที่จะไปช่วยนักบวชจากเขาหลงหู่ต่อสู้กับหลิงหยุน!
และแน่นอนว่าพวกเขาก็คือคนจากตระกูลหลิวและตระกูลหวังนั่นเอง!
เวลานี้การต่อสู้ระหว่างหลิงหยุนกับนักบวชฝ่ายชางจิงกงนั้นกำลังเป็นไปอย่างดุเดือดยังไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบหรือเสียเปรียบ แต่หากฝ่ายใดมียอดฝีมือเข้าไปช่วยในตอนนี้ ก็จะพลิกกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบทันที!
ทันทีที่ทั้งสองคนกระโดดเข้าไปในสนามต่อสู้แต่ยังไม่ทันจะได้ลงมือใดๆ โซ่กังฉีของหลิงหยุนก็เปลี่ยนเป้าจากนักบวชทั้งสิบสองคนชั่วคราว และหันมาจู่โจมยอดฝีมือทั้งสองคนทันที! ปัง!ปัง!
โซ่กังฉีทั้งสองเส้นราวกับงูขนาดยักษ์ที่พุ่งเข้ารัดร่างของสองยอดฝีมือไว้อย่างรวดเร็วและหนึ่งในนั้นก็คือผู้นำตระกูลหลิวซึ่งอยู่ในขั้นพลังเหนือธรรมชาติระดับสี่ และเป็นปู่ของหลิวซุ่ยเฟิงนั่นเอง
ชัวะ!
จากนั้นกระบี่คู่มารสะบั้นเทวะของเย่ซิงเฉินก็พุ่งมาจากที่ใดไม่ทราบตรงเข้าตัดลำคอของยอดฝีมือทั้งสองคนขาด และสิ้นใจตายในทันที!
ด้วยความร่วมมือระหว่างหลิงหยุนกับเย่ซิงเฉินยอดฝีมือทั้งสองคนก็ถูกสังหารตายในพริบตา!
“พวกเจ้าฟังให้ดี!นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างข้ากับนักบวชฝ่ายชางจิงกงเท่านั้น ผู้ใดกล้ายื่นมือเข้ามาช่วย ข้าจะสังหารมันผู้นั้นทิ้งทันที!”
หลิงหยุนใช้มังกรคำรามประกาศกึกก้องไปทั่วทั้งหุบเขาหลงเฟิง“หากพวกเจ้าไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยว ข้าจะสังหารเฉพาะผู้ที่เคยบุกเข้าไปถล่มตระกูลหลิงในอดีตเท่านั้น แต่หากผู้ใดกล้ายื่นมือเข้ามาช่วย ข้าจะถล่มสำนักของมันให้ราบเป็นหน้ากองเลยทีเดียว!”
ระหว่างที่เหล่าศัตรูของหลิงหยุนกำลังครุ่นคิดอยู่นั้นโซ่กังฉีของหลิงหยุนก็ย้อนกลับไปจู่โจมนักบวชทั้งสิบสองคนต่อทันที และเมื่อเห็นว่าแสงสว่างเริ่มอ่อนกำลังลงมากแล้ว โซ่กังฉีของหลิงหยุนก็เปลี่ยนเป้าไปจู่โจมนักบวชฝ่ายเทียนชี่ฝูทั้งสี่แทนทันที
โซ่กังฉีนั้นเคลื่อนไหวรวดเร็วกระฉับกระเฉงเสมือนเป็นมือของหลิงหยุนและตรงเข้ารัดร่างของนักบวชทั้งสี่ไว้อย่างรวดเร็ว เย่ซิงเฉินรู้หน้าที่เป็นอย่างดี กระบี่คู่มารสะบั้นเทวะพุ่งตรงเข้าตัดศรีษะของนักบวชทั้งสี่เหมือนที่เคยทำก่อนหน้านี้ทันที
“ผู้ใดเข้าไปช่วยล้วนต้องตายทั้งสิ้น!”
หนึ่งในชาวยุทธไม้เลื้อยที่เห็นเหตุการณ์ร้องอุทานออกมาเสียงดัง.. “นั่นสิแค่พริบตาเดียวยอดฝีมือจากตระกูลหลิวกับตระกูลหวังก็ถูกสังหารตาย แล้วนี่นักบวชฝ่ายเทียนชี่ฝูก็ถูกฆ่าตายอีกสี่คน!”
ปัง!ปัง!
หลังจากสังหารนักบวชทั้งสี่ตายแล้วโซ่กังฉีของหลิงหยุนก็กลับไปจู่โจมกับนักบวชทั้งสิบสองคนต่อทันที!
เวลานี้หลิงหยุนควบคุมทั้งกระบี่เหินเงาธนูกระบี่กังฉี ตราหยกจักรพรรดิ กระแสวนหยิน–หยาง และโซ่กังฉี อีกทั้งยังต้องประมือกับนักบวชเลี่ยหลงด้วย เรียกได้ว่าทำทั้งหมดหกอย่างในเวลาเดียวกัน!
และเพียงแค่นี้ก็นับว่าถึงขีดสุดของหลิงหยุนแล้วเขาไม่สามารถทำได้มากกว่านี้เพราะคู่ต่อสู้แข็งแกร่งยิ่งนัก แต่เพียงแค่นี้ก็ทำให้เหล่าชาวยุทธหวาดผวาอย่างมากแล้ว!
โซ่กังฉีทั้งสองของหลิงหยุนนั้นไม่ต่างจากมังกรแข็งแกร่งที่เหาะเหินไปมา ในขณะที่กระบี่คู่มารสะบั้นเทวะของเย่ซิงเฉิน ก็ราวกับดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ที่บินฉวัดเฉวียนกลับไปกลับมา
เวลานี้กระบี่เหินพลังหยางขนาดใหญ่ที่กำลังพยายามจะรวมเข้าด้วยกันนั้น แสงสว่างที่เคยเจิดจ้าของมันนั้นก็ค่อยๆหม่นหมองลงอย่างมาก นั่นเพราะทุกครั้งที่โซ่กังฉีของหลิงหยุนฟาดเข้าใส่ร่างของนักบวชทั้งสิบสองคนนั้น หาใช่เพียงแค่การจู่โจมด้วยพละกำลังเท่านั้น แต่การสัมผัสแต่ละครั้งของโซ่กังฉี มันได้ดูดเอาพลังหยางบริสุทธิ์ของเหล่านักบวชเข้าไปด้วย
ยิ่งฟาดเข้าใส่มากมายหลายครั้งเท่าไหร่ก็ยิ่งดูดซับเอาพลังหยางเข้าไปได้มากเท่านั้น และยิ่งดูดซับพลังหยางเข้าไปได้มาก โซ่กังฉีก็จะยิ่งขยายใหญ่และยาวขึ้นมากด้วยเช่นกัน
ที่หลิงหยุนไม่ยอมดูดซับเอาพลังพุทธะของหลวงจีนจื้อเหนิงเข้าไปนั้นเป็นเพราะเขาไม่ต้องการให้พลังพุทธะเข้าไปอยู่ในร่างกายของตน แต่นักบวชฝ่ายชางจิงกงล้วนมีพลังหยางบริสุทธิ์อยู่ในร่าง หากหลิงหยุนทิ้งโอกาสไม่ดูดซับเข้าไป ก็คงจะไม่ใช่หลิงหยุนเป็นแน่!
แสงสว่างจากร่างของนักบวชทั้งสิบสองคนค่อยๆหม่นลงในขณะที่โซ่กังฉีของหลิงหยุนกลับสว่างไสวขึ้นกว่าเดิมมากขึ้นเรื่อยๆ!
และนี่คือช่วงเวลาที่หลิงหยุนจะฉกฉวยเอาผลประโยชน์จากศัตรู!
……
“เลี่ยหมิงเลี่ยเฟิง รีบใช้ยันต์คุ้มกันร่างกาย และกลืนโอสถเขาหลงหู่กับโอสถหยางพิสุทธิ์เข้าไปเร็วเข้า! แล้วรีบหลอมรวมกระบี่เหินพลังหยางให้สำเร็จโดยเร็ว!”
นักบวชเลี่ยหลงเห็นคนของเทียนชี่ฝูทั้งสี่ถูกหลิงหยุนสังหารตายและเห็นโซ่กังฉีและกระบี่คู่มารสะบั้นเทวะทำงานประสานกันได้เป็นอย่างดี จึงรีบร้องตะโกนบอกพี่น้องร่วมสำนักทันที!
หลังจากที่นักบวชทั้งสิบสองคนใช้ยันต์ปกป้องร่างกายไว้การจู่โจมของหลิงหยุนและเย่ซิงเฉินก็ไร้ผลทันที
ยิ่งแทบไม่ต้องพูดถึงอานุภาพของโอสถเขาหลงหู่หลังจากกลืนเข้าไปประเดี๋ยวเดียว นักบวชเหล่านั้นก็เข้าสู่ขั้นพลังเหนือธรรมชาติระดับหกในทันที!
ส่วนโอสถหยางพิสุทธิ์นั้นเมื่อกลืนเข้าไปแล้ว ก็ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพลังหยางของพวกเขาทันที และนั่นมีผลทำให้สามารถการหลอมรวมกระบี่เหินพลังหยางสำเร็จได้!
หลังจากนั้นนักบวชเลี่ยหลงก็ร้องคำรามใส่หลิงหยุน “เจ้ามารชั่ว แกสังหารพี่น้องสำนักเขาหลงหู่ของข้าไปมากมาย วันนี้ข้าจะคนในครอบครัวของเจ้าบ้าง!”
นักบวชเขาหลงหู่ร้องตะโกนออกไปด้วยความเคียดแค้นพร้อมกับหันไปมองเฉิงเม่ยเฟิง และคนอื่นๆด้วยแววตาข่มขู่
หลิงหยุนได้ฟังถึงกับจ้องมองนักบวชเลี่ยหลงด้วยสายตาเย็นชาพร้อมกับตอบไปว่า“เจ้าคิดจะสังหารคนของข้า คงต้องใช้ความพยายามให้มากหน่อย และคอยดูว่าข้าจะปกป้องพวกเขาได้อย่างไร”
“และหากเจ้ากล้าทำเช่นนั้นจริงๆรับรองได้ว่าข้าจะสังหารนักบวชเขาหลงหู่ในหุบเขาแห่งนี้ให้หมด และจะจัดการถล่มชางจิงกงถอนรากถอนโคนให้สิ้น ไม่ให้มีชื่อชางจิงกงหลงเหลืออยู่ในยุทธภพอีกเลย!”
เมื่อเห็นแววตาที่เย็นยะเยือกของหลิงหยุนนักบวชเลี่ยหลงก็ถึงกับใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก และรีบล้มเลิกความตั้งใจนั้นทันที!
เพราะหากกระบี่พลังหยางหลอมรวมได้สำเร็จก็นับว่าโชคดี!แต่หากไม่สำเร็จ.. ไม่ว่าใครในที่นี้ก็คงยากที่จะสังหารหลิงหยุน เย่ซิงเฉิน หรือแม้แต่ไป๋เซียนเอ๋อได้!
เมื่อคิดได้เช่นนี้..นักบวชเลี่ยหลงจึงต้องหยุดความคิดที่จะจัดการคนของหลิงหยุนไว้เสียก่อน หากกระบี่เหินพลังหยางยังหลอมรวมไม่สำเร็จ
หลิงหยุนต้องเพิ่มความรุนแรงในการจู่โจมฝ่ายตรงข้ามให้มากขึ้นเพราะหลังจากที่นักบวชทั้งสิบสองคนได้ใช้ยันต์ และกลืนโอสถทั้งสองชนิดเข้าไปแล้ว ไม่เพียงร่างกายของพวกเขาจะแข็งแกร่งดั่งศิลา แต่ความเร็วในการหลอมรวมกระบี่เหินพลังหยางก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก!
โดยเฉพาะโอสถหยางพิสุทธิ์ที่หลังจากนักบวชทั้งสิบสองคนกลืนเข้าแสงสีขาวภายนอกก็กลับสว่างไสวเจิดจ้ากว่าเดิมถึงสามเท่า
��