ตอนที่ 497 หรือว่าควรจะ จูบตอบ?

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

‘เสี่ยวเฉวียนเฉวียน’ ผู้นี้ถึงกับเป็นฮ่องเต้จริงๆ! 

 

 

Median kingdom ประเทศเล็กๆแห่งหนึ่งในตะวันออกกลาง ขนาดของประเทศเล็กมาก ลึกลับซับซ้อน แต่ก็ร่ำรวยมหาศาล 

 

 

แม้ว่าจะแวดล้อมไปด้วยประเทศตะวันออกกลางที่แข็งแกร่งมากมาย แต่กลับไม่มีประเทศใดสามารถสั่นคลอนMedian Kingdomลงได้ 

 

 

‘เคอหลันจุน’ ชาวเน็ตคนหนึ่งเผยแพร่รูปขององค์กษัตริย์ เป็นรูปด้านข้างที่มีเพียงรูปเดียวแถมยังไม่ค่อยชัด 

 

 

รูปหน้าที่งดงาม จมูกโด่งเป็นสัน พอมาเปรียบเทียบกับรูปของจีเฉวียนก็มีความคล้ายคลึงกันถึง99% 

 

 

กษัตริย์ของประเทศ Median ผู้นี้ น้อยครั้งนักที่จะปรากฏพระองค์ ดำรงพระองค์เรียบง่าย ได้ยินว่าพระนามของพระองค์ก็มีคำว่า ‘เฉวียน’ อยู่ด้วย 

 

 

เพียงครู่เดียว ระบบอินเตอร์เน็ตถึงกับระเบิดเป็นครั้งที่สอง 

 

 

พวกคนที่ก่อนหน้านี้เคยวิพากษ์วิจารณ์กันว่าเยี่ยซิงหลันไปคว้าเอาคนปัญญาอ่อนมาเป็นแฟนต่างก็พากันปิดปากเงียบไปในทันที 

 

 

แต่ก็ยังมีบางคนไม่วายกระแนะกระแหนว่า ‘พื้นที่ของประเทศMedian เล็กเท่ากระสุนบนหน้าไม้ เป็นกษัตริย์แล้วจะอย่างไร?’ 

 

 

คนที่หาเรื่องเหล่านี้ย่อมถูกแฟนคลับของเยี่ยซิงหลันถล่มอย่างรวดเร็ว 

 

 

“พื้นที่จะมากจะน้อยก็เป็นประเทศประเทศหนึ่ง สำหรับลูกพี่หลันของพวกเรา มีแต่คนระดับฮ่องเต้เท่านั้นถึงจะคู่ควร!” 

 

 

“กษัตริย์เฉวียนยิ่งใหญ่ กษัตริย์เฉวียนหล่อมาก!” 

 

 

ภาพที่จีเฉวียนต่อยนักข่าวปากเสียคนนั้นกลายเป็นภาพสุดประทับใจของผู้คนมากมาย ภาพลักษณ์ที่ปกป้องคนรักของพระองค์ถูกแพร่กระจายไปทั่วอินเตอร์เน็ต 

 

 

ถึงแม้ว่าจะลงมือหนักไปเสียหน่อย แต่อย่างไรก็ไม่อาจปิดบังความหล่อเหลาของพระองค์ไปได้! 

 

 

“การหมั้นหมายครั้งนี้ พวกเรายอมรับแล้ว!” 

 

 

แฟนคลับต่างก็ช่วยกันอวยพรพร้อมกับรอยน้ำตา ดังนั้นเพียงไม่ถึงสองวันกระแสที่ว่าก็กลายเป็นกองหนุนฮ่องเต้เฉวียนขึ้นมา 

 

 

……………… 

 

 

 

 

 

ตู๋กูซิงหลันขดตัวอยู่บนโซฟา นั่งเล่นiPad อ่านเรื่องความเคลื่อนไหวต่างๆในอินเตอร์เน็ต พลางหันไปดูจีเฉวียนที่กินแอปเปิ้ลอยู่ข้างๆ 

 

 

หืม…..ตัวร้ายผู้นี้กลายเป็นกษัตริย์ของประเทศ Median ไปตั้งแต่เมื่อไหร่? 

 

 

นางขยายภาพที่ปรากฏอยู่ในอินเตอร์เน็ตขึ้นมา….ว่ากันตามจริง แม้แต่นางก็มองไม่ออกว่ากษัตริย์ของประเทศนั้น……กับจีเฉวียนมีอะไรต่างกันที่ตรงไหน 

 

 

แต่ว่าเขาเป็นร่างแบ่งภาคของอาจารย์….แล้วในโลกนี้ยังจะมีคนที่รูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกันได้อีกหรือ? 

 

 

หรือว่าในโลกนี้ท่านอาจารย์ก็ยังมีร่างแบ่งภาคคนอื่นอีก ที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้หรือเปล่า? 

 

 

ตู๋กูซิงหลันจับจ้องไปที่ภาพๆนั้น ตัดสินใจจะให้คนลองสืบค้นดู 

 

 

หากยากนักที่คืนนี้อาจารย์ไม่อยู่ เสินฟางก็รู้ความดีจึงไม่ได้ออกมารบกวน จีเฉวียนจึงขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆตู๋กูซิงหลันอีกหน่อย 

 

 

พอพระองค์ได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากเส้นผมของนาง ก็รู้สึกผ่อนคลายไปทั้งร่าง 

 

 

พลางขยับเข้าไปมองดูสิ่งของที่คล้ายกับโทรศัพท์มือถือขนาดใหญ่ในมือของนาง…. 

 

 

พอจีเฉวียนชะโงกพระเศียรเข้ามา ตู๋กูซิงหลันก็ปัดภาพของกษัตริย์Median องค์นั้นทิ้งไป 

 

 

นางหันหน้ากลับไปหาศีรษะของจีเฉวียน 

 

 

จมูกของคนทั้งสองกระทบกัน ใบหน้าของทั้งสองเกือบจะสัมผัสกันอยู่แล้ว 

 

 

ลมหายใจของกันและกันเป่าลงบนใบหน้า คนหนึ่งอบอุ่น คนหนึ่งเย็นฉ่ำ 

 

 

เวลาที่อยู่บ้าน ตู๋กูซิงหลันมักจะสวมใส่ชุดนอนอยู่เสมอ แม้จะเป็นชุดนอนแต่ก็ไม่อาจบดบังเรือนร่างที่งดงามของสาวน้อยไปได้ 

 

 

แขนขาของนางเรียวยาว ผิวพรรณทั้งขาวและละเอียดนุ่มนวล ราวกับมีประกายมุกกระจ่างอยู่ชั้นหนึ่ง ทำให้คนอดที่จะอยากใกล้ชิดเข้าไปอีกไม่ได้ 

 

 

จีเฉวียนทอดพระเนตรไปที่นาง พระองค์อดพระทัยไม่ไหวจนต้องจุมพิศนางเบาๆ ริมโอษฐ์เย็นๆประทับลงไปบนริมฝีปากแดงดุจกลีบกุหลาบ เติมเต็มความสุขที่มากล้นจนสามารถมองเห็นได้จากก้นบึ้งของดวงเนตร 

 

 

ชั่วขณะนั้น แม้แต่นามของบุตรที่จะเกิดมาในอนาคตพระองค์ก็ทรงคิดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว 

 

 

ตู๋กูซิงหลันใบหน้าแดงก่ำขึ้นมา ถึงแม้ว่าพวกนางจะตกลงปลงใจเป็นแฟนกันเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าพอโดนจูบๆกอดๆเช่นนี้นางก็อดที่จะเขินอายไม่ได้ 

 

 

ถึงแม้ว่าจะเล่นละครมาไม่น้อย แต่นางก็ยังไม่เคยมีความรักอย่างจริงจัง ไม่รู้ว่าสมควรจะมีปฏิกริยาทางร่างกายอย่างไรดี 

 

 

ใช่ว่าควรจะ จูบตอบกลับไปดีไหม? 

 

 

นางจดจ้องไปที่จีเฉวียน ริมฝีปากยังไม่ทันได้ประกบลงไป ด้านนอกก็เกิดเสียงฟ้าผ่าติดๆกันหลายครั้ง 

 

 

สายฟ้าพาดลงมาผ่านท้องฟ้ายามค่ำ เสียงดังสนั่นจนทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน 

 

 

หุบเขาปีศาจมีพวกวิญญาณเร่ร่อนอยู่มากมาย ตอนนี้พวกวิญญาณเหล่านั้นพากันตื่นตระหนก พุ่งเข้ามาในสวนกุหลาบของตู๋กูซิงหลันอย่างเร่งร้อนราวกับจะวอนขอที่หลบภัย 

 

 

ตู๋กูซิงหลันลุกขึ้นจากโซฟา เดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่ตรงหน้า 

 

 

ด้านนอกเกิดพายุฝนกระหน่ำรุนแรง ดอกกุหลาบในสวนของนางถูกลมและฝนพัดกระหน่ำจนส่ายเอนไปมาทุกทาง เจ้าติ๊งต๊องเองก็โกยปีกเผ่นเข้ามาข้างในด้วยเช่นกัน 

 

 

“พี่สาวตัวน้อย…..น่ากลัวมากเลยกะต๊ากๆ ….นี่มีเทพองค์ไหนกำลังรับทัณฑ์สวรรค์อยู่หรือไง?” ติ๊งต๊องใช้ปีกปัดละอองน้ำฝนบนร่าง สายฟ้าฟาดเมื่อครู่ผ่าลงมาที่ข้างตัวมัน ขนตรงก้นของมันถึงกับไหม้เกรียมไปด้วย 

 

 

สายฟ้าเช่นนี้…..ย่อมไม่ใช้สายฟ้าปกติทั่วไป! 

 

 

ตู๋กูซิงหลันขมวดคิ้ว สายฟ้าที่ด้านนอกหน้าต่าง ผ่าลงมาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย ตอนแรกก็เหมือนจะผ่าลงมาอย่างกระจัดกระจาย แต่ว่าตอนนี้ทั้งหมดกลับพุ่งลงไปที่เรือนพักของอาจารย์ 

 

 

“อาจารย์….” ตู๋กูซิงหลันรีบไปที่ประตูในทันที พลางยื่นมือไปคว้าเสื้อคลุมตัวหนึ่งและฉวยดาบยักษ์ของพี่ใหญ่ขึ้นมา พุ่งไปทางเรือนพักของซื่อมั่วอย่างรีบร้อน 

 

 

หลายวันมานี้ซื่อมั่วอยู่ที่บ้านพักของนางมาโดยตลอด แต่ว่าคืนนี้อยู่ๆก็หายตัวไป…..ตอนแรกตู๋กูซิงหลันก็ยังเข้าใจว่าเขาเบื่อแล้ว 

 

 

คิดไม่ถึงว่า…เป็นเพราะมีสาเหตุอื่น 

 

 

จีเฉวียนเองก็รีบตามออกมา แต่พอมาถึงด้านนอกก็ไม่เห็นแม้แต่เงาหลังของตู๋กูซิงหลันเสียแล้ว 

 

 

พระองค์ถูกสายฝนกระหน่ำลงมาอยู่เพียงผู้เดียว เงาร่างที่ทอดยาวดูเงียบเหงาและวังเวง 

 

 

เสินฟางยืนอยู่บนยอดหลังคาของเรือนพัก ในมือของเขาถือดอกกุหลาบดอกหนึ่งเอาไว้ ลูบสร้อยหินบนข้อมือ พลางเอ่ยว่า ‘ที่สมควรจะมาย่อมต้องมา….’ 

 

 

 

 

 

………………………………….. 

 

 

 

 

 

เรือนของซื่อมั่วอยู่ในหมู่แมกไม้ทึบ เหนือแมกไม้ที่ขึ้นอย่างแน่นขนัด มีสายฟ้าฟาดลงมาอย่างต่อเนื่องโดยไม่ขาดตอน จนเกิดเป็นหลุมยุบลงไปบนพื้นโดยรอบ 

 

 

ต้นไม้ใหญ่ติดไฟขึ้นมา แม้จะมีพายุฝนก็ยังไม่ยอมดับลง 

 

 

ตอนที่ตู๋กูซิงหลันควงดาบยักษ์เข้าไปใน ทั่วทั้งเรือนใกล้จะกลายเป็นทะเลเพลิงอยู่รอมร่อแล้ว 

 

 

ในมือของนางกำแผ่นยันต์เอาไว้ เสาะหาตำแหน่งของซื่อมั่วท่ามกลางหมู่ควันไฟ 

 

 

พอไปถึงปากประตู ก็เห็นสัตว์อสูรหินที่ปากประตูถูกทำลายกลายเป็นเศษก้อนกรวดกองอยู่บนพื้นไปแล้ว 

 

 

เขตอาคมที่กางอยู่นอกเรือนมีเปลวไฟพวยพุ่งเผาผลาญ แต่ว่ายังคงได้ยินเสียงพิณโบราณดังออกมาจากด้านใน 

 

 

เสียงพิณกรีดบาดอย่างสะท้านสะเทือน แสดงพลังสังหารที่เข้มข้นออกมา 

 

 

ด้วยเสียงพิณเช่นนี้ หากเป็นคนธรรมดาทั่วไปได้ยิน คงต้องเลือดออกเจ็ดทวารจนตายไปแล้ว 

 

 

เขตอาคมของซื่อมั่ว เปิดรับตู๋กูซิงหลันอยู่เสมอ นางจึงเข้าไปด้านในได้อย่างสะดวกราบรื่น 

 

 

ดาบยักษ์ในมือสั่นสะท้าน ส่งเสียงคำรามออกมา 

 

 

นางกวาดดวงตาดอกท้อทั้งสองออกไป มองหาทิศทางที่เสียงพิณดังออกมา 

 

 

เสียงพิณดังมาจากฟากตะวันออกของเรือน …… พอนางไปถึงก็เห็นอาจารย์นั่งดีดพิณอยู่ในสวน คนสวมชุดสีม่วงแบบตะวันตกทั้งร่าง ทรงผมเสยไปด้านหลังเส้นผมเปล่งประกายออกมา เขานั่งอยู่บนพื้น ปลายนิ้วดีดลงไปบนพิณอย่างรวดเร็วสร้างท่วงทำนองออกมา รอบกายมีแต่กลิ่นอายฆ่าฟัน 

 

 

และที่รอบกายของเขา มีร่างเงาของผู้คนอยู่นับสิบคน 

 

 

ร่างกายของคนเหล่านั้นเปล่งประกายแสง ในมือถือหอกสามง่าม แต่ละคนคล้ายดังเป็นเทพเซียนที่ลงมาจากสวรรค์ ทั้งหมดลงมืออย่างรวดเร็วและโหดเ**้ยม 

 

 

คนเหล่านั้น…..คิดจะฆ่าเขา! 

 

 

ตู๋กูซิงหลันสัมผัสได้ถึงขุมพลังที่บริสุทธิ์และแข็งแกร่งจนทำให้คนต้องสั่นสะท้านจากร่างของพวกเขา 

 

 

นางกุมดาบยักษ์เอาไว้แน่น พอดวงตาเหลือบเห็น เงาร่างคนผู้หนึ่งพุ่งหอกสามง่ามไปที่ทรวงอกของซื่อมั่ว นางก็ควงดาบยักษ์โฉบเข้าไปในทันที 

 

 

………………………………