เล่มที่ 27 เล่มที่ 27 ตอนที่ 782 สามีและภรรยาร่วมกันต่อสู้

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

ซูจิ่นซีเหลือบมองสัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกน้อยที่ต่อสู้กับสัตว์ร้ายนับร้อย ก่อนจะตัดสินใจว่าทางนั้นไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน นางจึงถือกระบี่เฟิ่งอวี่ด้วยท่วงท่าราวกับนกนางนวลน้อย และพุ่งเข้าไปหาเถี่ยปี้เหยียน

ต่อสู้เคียงข้างเยี่ยโยวเหยา

วรยุทธ์ของซูจิ่นซีอยู่ในระดับสูงมาก แม้ยังไม่ถึงขั้นสูงสุด ทว่าวรยุทธ์นางถึงขั้นเทพยุทธแล้ว ทั่วทั้งอาณาจักรเทียนเหอยากที่จะหาคู่ต่อสู้ ไม่ต้องพูดถึงการรับมือกับเถี่ยปี้เหยียน ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเยี่ยโยวเหยาที่มีฝีมือเป็นรองนาง

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าวรยุทธ์ของสองสามีภรรยาจะสูงส่งเพียงใด ก็ทำอันใดเถี่ยปี้เหยียนไม่ได้

ฉางปี้เหยียนถูกฟันด้วยกระบี่ยาวในมือของซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาหลายครั้ง ทว่าไม่ได้รับอันตรายแม้แต่น้อย เขาถูกเยี่ยโยวเหยาเตะจนล้มลงกับพื้นหลายครั้ง แต่ยังสามารถควบคุมอารมณ์บนใบหน้าและลมหายใจได้ จากนั้นจึงลุกขึ้นต่อสู้กับสองสามีภรรยาอีกครั้ง

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป คงไม่ส่งผลดีต่อซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยาเป็นแน่ มันค่อยๆ ดูดกลืนพละกำลังของพวกเขา สุดท้ายแล้ว หากพลังความแข็งแกร่งของพวกเขาลดลงเหลือน้อยที่สุด เถี่ยปี้เหยียนอาจใช้กระบวนท่าหรือเล่ห์เหลี่ยมอันใดที่ทำให้เยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซีรับมือได้ยากมากขึ้น

เมื่อครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ ซูจิ่นซีจึงถอยออกมาด้วยท่าทางเคร่งขรึม และเรียกสัตว์เทพกิเลน

ปล่อยให้สัตว์เทพกิเลนจัดการกับฉางปี้เหยียนในเวลานี้ ถือว่าเหมาะสมที่สุด

พลังของสัตว์เทพกิเลนนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก ทั้งมันยังมีเปลวเพลิงกิเลนที่ทรงพลัง

ต่อให้ไม่สามารถทำลายร่างเหล็กของฉางปี้เหยียน ทว่าอาจเผามันด้วยเปลวเพลิงกิเลนได้

เป็นจริงดังคาด สัตว์เทพกิเลนพ่นเปลวเพลิงกิเลนออกมาหลายครั้ง เถี่ยปี้เหยียนจึงอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงกิเลนที่โหมกระหน่ำ

ผู้คนที่เฝ้าดูการต่อสู้ต่างวิตกกังวลอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อพวกเขาเห็นเช่นนี้ จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เป็นจริงดั่งที่คาดไว้… พระชายามีวิธีจัดการ

เมื่อเห็นสิ่งนี้ จิ้งจอกน้อยที่กำลังจัดการกับสัตว์ร้ายจึงชื่นชมสัตว์เทพกิเลนในใจเงียบๆ

อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดคาดคิด ขณะที่ทุกคนแอบดีใจอย่างเงียบงัน ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดัง ‘ฟี้ด ฟี้ด… ’ อย่างหนักแน่น ซึ่งเป็นเสียงที่อยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงกิเลนสีฟ้าครามนั้น

เสียงนั้นค่อยๆ กลายเป็นคำราม ทุกคนต่างเงียบเสียง ดวงตาเบิกกว้างมองไปยังเปลวเพลิงเหมันต์สีน้ำเงินด้วยความประหลาดใจ

เปลวเพลิงพลิ้วไหวตามสายลม เหนือเปลวเพลิงที่พลิ้วไหวนั้นมีแขนสองข้างที่ยืดยาวคล้ายเสาสูงค่อยๆ โผล่ออกมา และใบหน้าที่ดุร้ายของฉางปี้เหยียนก็โผล่ออกมา… อย่างเชื่องช้า

โอ้พระเจ้า… เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?

ร่างของฉางปี้เหยียนที่โดนเปลวเพลิงกิเลนแผดเผา ไม่เพียงสูงขึ้นเท่านั้น ทว่ายังแข็งแรงยิ่งกว่าก่อนหน้านี้มาก อย่างไรก็ตาม ร่างของมันดูเป็นโลหะมากกว่าครั้งก่อน และร่างของมันยังเปล่งประกายแสงสีทองออกมา

เกิดอันใดขึ้น?

สัตว์เทพกิเลนตกตะลึงเล็กน้อย ทว่าลมหายใจและแววตาของมันแสดงถึงการยั่วยุราวกับมนุษย์ ขณะที่มันกำลังจะพ่นเปลวเพลิงกิเลนเพื่อจัดการกับฉางปี้เหยียนอีกครั้ง ทันใดนั้น เสียงตื่นตระหนกและเย็นชาเล็กน้อยของซูจิ่นซีก็ดังมาจากด้านหลัง

“สัตว์เทพกิเลน ถอยกลับมา! ”

สัตว์เทพกิเลนหยุดชะงัก และเหลือบมองเจ้านายของมันที่อยู่ข้างหลัง

เวลานี้ ซูจิ่นซีไม่กล้าประมาทศัตรู นางจับกระบี่เฟิ่งอวี่ในมือแน่น ดวงตาของนางเย็นชาไม่น้อยไปกว่าเยี่ยโยวเหยา

นางค่อยๆ เดินไปหาฉางปี้เหยียนที่มีรูปร่างสูงใหญ่ทีละก้าว

“โฮก… โฮก… ”

ฉางปี้เหยียนราวกับถูกยั่วยุทำให้เดือดดาลสุดขีด แขนยาวทั้งสองดึงต้นไม้หนาทึบที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมา และโยนไปทางซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยา

ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาร่วมมือกันต่อสู้ แม้พวกเขาจะมีขนาดตัวเล็กกว่าเมื่อเทียบกับฉางปี้เหยียน แต่กลับต่อสู้อย่างไม่มีท่าทีหวาดกลัว

พวกเขาหลบหลีกการโจมตีของเหล่าต้นไม้หนาทึบไปทางซ้ายและทางขวาอย่างต่อเนื่อง

สุดท้าย… ฉางปี้เหยียนหาได้เป็นฝ่ายได้เปรียบแต่อย่างใด ตรงกันข้าม ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาที่ร่างกายเปี่ยมไปด้วยไอสังหารกลับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

ฉางปี้เหยียนเดือดดาลสุดขีด มันใช้ทั้งแขนและเท้าวิ่งเข้าไปหาซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาอย่างบ้าคลั่ง

ทันใดนั้น ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาก็เหาะขึ้นกลางอากาศ พลางวาดกระบี่เฟิ่งอวี่และกระบี่เสวียนหยวนในกระบวนท่าที่งดงาม และฟันไปที่ร่างของฉางปี้เหยียนพร้อมกัน

ฉางปี้เหยียนที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ เขาแน่ใจว่าทุกครั้งที่กระบี่ฟันลงมาจะไม่สามารถทำร้ายตนเองเหมือนก่อนหน้านี้ ดังนั้น เขาจึงคว้ากระบี่เฟิ่งอวี่และกระบี่เสวียนหยวนด้วยมือเปล่า

อย่างไรก็ตาม เขาคิดไม่ถึงว่าเมื่อมือสัมผัสกับกระบี่เฟิ่งอวี่ของซูจิ่นซี ฝ่ามือกลับรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดอย่างกะทันหัน

เขาต้องการถอย หลบหลีก และปล่อยมือ ทว่าสายเกินไปเสียแล้ว

เลือดสีแดงสดพุ่งออกมาพร้อมกับแสงกระบี่อันเจิดจ้า กลายเป็นลำแสงที่งดงามและน่าทึ่งบนท้องฟ้า

ใช่ กระบี่เฟิ่งอวี่ตัดมือของฉางปี้เหยียนได้สำเร็จ ทั้งยังตัดมือซ้ายออกเป็นสองส่วน

ก่อนหน้านี้ กระบี่เฟิ่งอวี่และกระบี่เสวียนหยวนไม่อาจทำร้ายฉางปี้เหยียนได้ ทว่าตอนที่สัตว์เทพกิเลนจัดการกับฉางปี้เหยียน ซูจิ่นซีตั้งสมาธิเข้าสู่ระบบถอนพิษอย่างรวดเร็วและพบขวดยาพิษที่ไม่ได้ใช้มานาน

พิษนี้เป็นพิษชนิดน้ำ ก่อนหน้านี้ ซูจิ่นซีเคยใช้ตอนอยู่ที่ดินแดนต้องห้ามสกุลจงและหอโอสถสกุลซู

หลังจากนั้นก็ไม่เคยใช้อีกเลย

ตอนนั้น พิษชนิดนี้สามารถทำให้ประตูเหล็กดำหลอมเหลวเป็นน้ำ อย่างไรก็ตาม ไม่รู้ว่ามันจะใช้ได้ผลกับฉางปี้เหยียนหรือไม่ เพราะแม้แต่กระบี่เสวียนหยวนยังทำอันใดมันไม่ได้

คราแรก ซูจิ่นซีเพียงต้องการลองดูเท่านั้น หากวิธีนี้ใช้ไม่ได้ผล นางยังมีกลเม็ดและวิธีการจัดการอื่นๆ ที่จะใช้กับฉางปี้เหยียน

อย่างไรก็ตาม นางไม่คิดว่าพิษนี้จะใช้ได้ผลจริงๆ

ฉางปี้เหยียนคำรามด้วยความเจ็บปวดและเปล่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าสังเวช เขามองไปที่กระบี่เฟิ่งอวี่ในมือของซูจิ่นซีด้วยความหวาดกลัว และก้าวถอยหลังอย่างต่อเนื่อง

ในเมื่อซูจิ่นซีมีวิธีจัดการกับฉางปี้เหยียนแล้ว เยี่ยโยวเหยาก็ไม่จำเป็นต้องเสียแรงโดยไม่จำเป็น เขาจึงหยุดการเคลื่อนไหวทันที

ซูจิ่นซีจับมือของเยี่ยโยวเหยา ร่างทั้งสองพลิกขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนจะร่อนลงบนพื้นอย่างมั่นคง

ทั้งสองหันกลับมามองร่างของฉางปี้เหยียนด้วยสายตาเย็นชา หลังจากถอยไปสองสามก้าว เขาจึงค่อยๆ กลับคืนสู่ร่างของราชาเฮยซาหู่

ราชาเฮยซาหู่ประคองมือที่เต็มไปด้วยเลือดจนมองเห็นกระดูก เขาคำรามและนอนกลิ้งบนพื้นอย่างน่าสังเวช

“โอ๊ย… สตรีชั่วร้าย เจ้าใส่สิ่งใดบนดาบของเจ้ากันแน่ ข้าเจ็บ… ข้าเจ็บ… ข้าเจ็บจะตายอยู่แล้ว… ”

แม้ความทรงจำจะสั้น แต่เขายังกล้าพูดจาดูถูกซูจิ่นซีอย่างบ้าคลั่ง

ดวงตาเคร่งขรึมของเยี่ยโยวเหยาปรากฏความเย็นชาราวกับน้ำค้างแข็ง และซัดอาวุธที่ซ่อนอยู่ออกไปโดยไม่ลังเล

อาวุธที่เยี่ยโยวเหยาซ่อนไว้เป็นอาวุธลับประจำตัว ทว่าเขาไม่ค่อยได้ใช้

ราชาเฮยซาหู่ทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดของกระดูกที่หัก ความเจ็บปวดนั้นรุนแรงถึงขนาดที่ไม่มีเรี่ยวแรงหลบเลี่ยง เขาจึงถูกอาวุธลับของเยี่ยโยวเหยาทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ

ท่ามกลางป่าทึบที่เพิ่งผ่านการต่อสู้นองเลือด จู่ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดราวกับหมูถูกเชือด

สัตว์ร้ายนับร้อยที่กำลังต่อสู้กับจิ้งจอกน้อยเห็นหัวหน้าของพวกมันพ่ายแพ้ เดิมทีพลังการต่อสู้ของพวกมันก็ลดลงไปครึ่งหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงคำรามนี้ พวกมันจึงตกใจ

สัตว์ร้ายหลายตัวถูกโจมตีและกลับคืนสู่ร่างมนุษย์ พวกมันตะเกียกตะกายวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต

เหลือตัวที่กล้าหาญบางส่วน พวกมันปีนขึ้นไปข้างกายของราชาเฮยซาหู่ พยายามนำร่างของราชาเฮยซาหู่ออกไป

ทว่าราชาเฮยซาหู่ไม่ต้องการจากไปเช่นนี้ เขามองไปที่ซูจิ่นซีด้วยสีหน้าดุดัน

“เจ้า… กระบี่ของเจ้ามีสิ่งใดเคลือบไว้? เจ้า… เจ้ามอบยาแก้พิษมาเดี๋ยวนี้”