ซูจิ่นซีเหลือบมองสัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกน้อยที่ต่อสู้กับสัตว์ร้ายนับร้อย ก่อนจะตัดสินใจว่าทางนั้นไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน นางจึงถือกระบี่เฟิ่งอวี่ด้วยท่วงท่าราวกับนกนางนวลน้อย และพุ่งเข้าไปหาเถี่ยปี้เหยียน
ต่อสู้เคียงข้างเยี่ยโยวเหยา
วรยุทธ์ของซูจิ่นซีอยู่ในระดับสูงมาก แม้ยังไม่ถึงขั้นสูงสุด ทว่าวรยุทธ์นางถึงขั้นเทพยุทธแล้ว ทั่วทั้งอาณาจักรเทียนเหอยากที่จะหาคู่ต่อสู้ ไม่ต้องพูดถึงการรับมือกับเถี่ยปี้เหยียน ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเยี่ยโยวเหยาที่มีฝีมือเป็นรองนาง
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าวรยุทธ์ของสองสามีภรรยาจะสูงส่งเพียงใด ก็ทำอันใดเถี่ยปี้เหยียนไม่ได้
ฉางปี้เหยียนถูกฟันด้วยกระบี่ยาวในมือของซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาหลายครั้ง ทว่าไม่ได้รับอันตรายแม้แต่น้อย เขาถูกเยี่ยโยวเหยาเตะจนล้มลงกับพื้นหลายครั้ง แต่ยังสามารถควบคุมอารมณ์บนใบหน้าและลมหายใจได้ จากนั้นจึงลุกขึ้นต่อสู้กับสองสามีภรรยาอีกครั้ง
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป คงไม่ส่งผลดีต่อซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยาเป็นแน่ มันค่อยๆ ดูดกลืนพละกำลังของพวกเขา สุดท้ายแล้ว หากพลังความแข็งแกร่งของพวกเขาลดลงเหลือน้อยที่สุด เถี่ยปี้เหยียนอาจใช้กระบวนท่าหรือเล่ห์เหลี่ยมอันใดที่ทำให้เยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซีรับมือได้ยากมากขึ้น
เมื่อครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ ซูจิ่นซีจึงถอยออกมาด้วยท่าทางเคร่งขรึม และเรียกสัตว์เทพกิเลน
ปล่อยให้สัตว์เทพกิเลนจัดการกับฉางปี้เหยียนในเวลานี้ ถือว่าเหมาะสมที่สุด
พลังของสัตว์เทพกิเลนนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก ทั้งมันยังมีเปลวเพลิงกิเลนที่ทรงพลัง
ต่อให้ไม่สามารถทำลายร่างเหล็กของฉางปี้เหยียน ทว่าอาจเผามันด้วยเปลวเพลิงกิเลนได้
เป็นจริงดังคาด สัตว์เทพกิเลนพ่นเปลวเพลิงกิเลนออกมาหลายครั้ง เถี่ยปี้เหยียนจึงอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงกิเลนที่โหมกระหน่ำ
ผู้คนที่เฝ้าดูการต่อสู้ต่างวิตกกังวลอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อพวกเขาเห็นเช่นนี้ จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เป็นจริงดั่งที่คาดไว้… พระชายามีวิธีจัดการ
เมื่อเห็นสิ่งนี้ จิ้งจอกน้อยที่กำลังจัดการกับสัตว์ร้ายจึงชื่นชมสัตว์เทพกิเลนในใจเงียบๆ
อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดคาดคิด ขณะที่ทุกคนแอบดีใจอย่างเงียบงัน ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดัง ‘ฟี้ด ฟี้ด… ’ อย่างหนักแน่น ซึ่งเป็นเสียงที่อยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงกิเลนสีฟ้าครามนั้น
เสียงนั้นค่อยๆ กลายเป็นคำราม ทุกคนต่างเงียบเสียง ดวงตาเบิกกว้างมองไปยังเปลวเพลิงเหมันต์สีน้ำเงินด้วยความประหลาดใจ
เปลวเพลิงพลิ้วไหวตามสายลม เหนือเปลวเพลิงที่พลิ้วไหวนั้นมีแขนสองข้างที่ยืดยาวคล้ายเสาสูงค่อยๆ โผล่ออกมา และใบหน้าที่ดุร้ายของฉางปี้เหยียนก็โผล่ออกมา… อย่างเชื่องช้า
โอ้พระเจ้า… เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?
ร่างของฉางปี้เหยียนที่โดนเปลวเพลิงกิเลนแผดเผา ไม่เพียงสูงขึ้นเท่านั้น ทว่ายังแข็งแรงยิ่งกว่าก่อนหน้านี้มาก อย่างไรก็ตาม ร่างของมันดูเป็นโลหะมากกว่าครั้งก่อน และร่างของมันยังเปล่งประกายแสงสีทองออกมา
เกิดอันใดขึ้น?
สัตว์เทพกิเลนตกตะลึงเล็กน้อย ทว่าลมหายใจและแววตาของมันแสดงถึงการยั่วยุราวกับมนุษย์ ขณะที่มันกำลังจะพ่นเปลวเพลิงกิเลนเพื่อจัดการกับฉางปี้เหยียนอีกครั้ง ทันใดนั้น เสียงตื่นตระหนกและเย็นชาเล็กน้อยของซูจิ่นซีก็ดังมาจากด้านหลัง
“สัตว์เทพกิเลน ถอยกลับมา! ”
สัตว์เทพกิเลนหยุดชะงัก และเหลือบมองเจ้านายของมันที่อยู่ข้างหลัง
เวลานี้ ซูจิ่นซีไม่กล้าประมาทศัตรู นางจับกระบี่เฟิ่งอวี่ในมือแน่น ดวงตาของนางเย็นชาไม่น้อยไปกว่าเยี่ยโยวเหยา
นางค่อยๆ เดินไปหาฉางปี้เหยียนที่มีรูปร่างสูงใหญ่ทีละก้าว
“โฮก… โฮก… ”
ฉางปี้เหยียนราวกับถูกยั่วยุทำให้เดือดดาลสุดขีด แขนยาวทั้งสองดึงต้นไม้หนาทึบที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมา และโยนไปทางซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยา
ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาร่วมมือกันต่อสู้ แม้พวกเขาจะมีขนาดตัวเล็กกว่าเมื่อเทียบกับฉางปี้เหยียน แต่กลับต่อสู้อย่างไม่มีท่าทีหวาดกลัว
พวกเขาหลบหลีกการโจมตีของเหล่าต้นไม้หนาทึบไปทางซ้ายและทางขวาอย่างต่อเนื่อง
สุดท้าย… ฉางปี้เหยียนหาได้เป็นฝ่ายได้เปรียบแต่อย่างใด ตรงกันข้าม ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาที่ร่างกายเปี่ยมไปด้วยไอสังหารกลับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
ฉางปี้เหยียนเดือดดาลสุดขีด มันใช้ทั้งแขนและเท้าวิ่งเข้าไปหาซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาอย่างบ้าคลั่ง
ทันใดนั้น ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาก็เหาะขึ้นกลางอากาศ พลางวาดกระบี่เฟิ่งอวี่และกระบี่เสวียนหยวนในกระบวนท่าที่งดงาม และฟันไปที่ร่างของฉางปี้เหยียนพร้อมกัน
ฉางปี้เหยียนที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ เขาแน่ใจว่าทุกครั้งที่กระบี่ฟันลงมาจะไม่สามารถทำร้ายตนเองเหมือนก่อนหน้านี้ ดังนั้น เขาจึงคว้ากระบี่เฟิ่งอวี่และกระบี่เสวียนหยวนด้วยมือเปล่า
อย่างไรก็ตาม เขาคิดไม่ถึงว่าเมื่อมือสัมผัสกับกระบี่เฟิ่งอวี่ของซูจิ่นซี ฝ่ามือกลับรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดอย่างกะทันหัน
เขาต้องการถอย หลบหลีก และปล่อยมือ ทว่าสายเกินไปเสียแล้ว
เลือดสีแดงสดพุ่งออกมาพร้อมกับแสงกระบี่อันเจิดจ้า กลายเป็นลำแสงที่งดงามและน่าทึ่งบนท้องฟ้า
ใช่ กระบี่เฟิ่งอวี่ตัดมือของฉางปี้เหยียนได้สำเร็จ ทั้งยังตัดมือซ้ายออกเป็นสองส่วน
ก่อนหน้านี้ กระบี่เฟิ่งอวี่และกระบี่เสวียนหยวนไม่อาจทำร้ายฉางปี้เหยียนได้ ทว่าตอนที่สัตว์เทพกิเลนจัดการกับฉางปี้เหยียน ซูจิ่นซีตั้งสมาธิเข้าสู่ระบบถอนพิษอย่างรวดเร็วและพบขวดยาพิษที่ไม่ได้ใช้มานาน
พิษนี้เป็นพิษชนิดน้ำ ก่อนหน้านี้ ซูจิ่นซีเคยใช้ตอนอยู่ที่ดินแดนต้องห้ามสกุลจงและหอโอสถสกุลซู
หลังจากนั้นก็ไม่เคยใช้อีกเลย
ตอนนั้น พิษชนิดนี้สามารถทำให้ประตูเหล็กดำหลอมเหลวเป็นน้ำ อย่างไรก็ตาม ไม่รู้ว่ามันจะใช้ได้ผลกับฉางปี้เหยียนหรือไม่ เพราะแม้แต่กระบี่เสวียนหยวนยังทำอันใดมันไม่ได้
คราแรก ซูจิ่นซีเพียงต้องการลองดูเท่านั้น หากวิธีนี้ใช้ไม่ได้ผล นางยังมีกลเม็ดและวิธีการจัดการอื่นๆ ที่จะใช้กับฉางปี้เหยียน
อย่างไรก็ตาม นางไม่คิดว่าพิษนี้จะใช้ได้ผลจริงๆ
ฉางปี้เหยียนคำรามด้วยความเจ็บปวดและเปล่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าสังเวช เขามองไปที่กระบี่เฟิ่งอวี่ในมือของซูจิ่นซีด้วยความหวาดกลัว และก้าวถอยหลังอย่างต่อเนื่อง
ในเมื่อซูจิ่นซีมีวิธีจัดการกับฉางปี้เหยียนแล้ว เยี่ยโยวเหยาก็ไม่จำเป็นต้องเสียแรงโดยไม่จำเป็น เขาจึงหยุดการเคลื่อนไหวทันที
ซูจิ่นซีจับมือของเยี่ยโยวเหยา ร่างทั้งสองพลิกขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนจะร่อนลงบนพื้นอย่างมั่นคง
ทั้งสองหันกลับมามองร่างของฉางปี้เหยียนด้วยสายตาเย็นชา หลังจากถอยไปสองสามก้าว เขาจึงค่อยๆ กลับคืนสู่ร่างของราชาเฮยซาหู่
ราชาเฮยซาหู่ประคองมือที่เต็มไปด้วยเลือดจนมองเห็นกระดูก เขาคำรามและนอนกลิ้งบนพื้นอย่างน่าสังเวช
“โอ๊ย… สตรีชั่วร้าย เจ้าใส่สิ่งใดบนดาบของเจ้ากันแน่ ข้าเจ็บ… ข้าเจ็บ… ข้าเจ็บจะตายอยู่แล้ว… ”
แม้ความทรงจำจะสั้น แต่เขายังกล้าพูดจาดูถูกซูจิ่นซีอย่างบ้าคลั่ง
ดวงตาเคร่งขรึมของเยี่ยโยวเหยาปรากฏความเย็นชาราวกับน้ำค้างแข็ง และซัดอาวุธที่ซ่อนอยู่ออกไปโดยไม่ลังเล
อาวุธที่เยี่ยโยวเหยาซ่อนไว้เป็นอาวุธลับประจำตัว ทว่าเขาไม่ค่อยได้ใช้
ราชาเฮยซาหู่ทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดของกระดูกที่หัก ความเจ็บปวดนั้นรุนแรงถึงขนาดที่ไม่มีเรี่ยวแรงหลบเลี่ยง เขาจึงถูกอาวุธลับของเยี่ยโยวเหยาทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ
ท่ามกลางป่าทึบที่เพิ่งผ่านการต่อสู้นองเลือด จู่ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดราวกับหมูถูกเชือด
สัตว์ร้ายนับร้อยที่กำลังต่อสู้กับจิ้งจอกน้อยเห็นหัวหน้าของพวกมันพ่ายแพ้ เดิมทีพลังการต่อสู้ของพวกมันก็ลดลงไปครึ่งหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงคำรามนี้ พวกมันจึงตกใจ
สัตว์ร้ายหลายตัวถูกโจมตีและกลับคืนสู่ร่างมนุษย์ พวกมันตะเกียกตะกายวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต
เหลือตัวที่กล้าหาญบางส่วน พวกมันปีนขึ้นไปข้างกายของราชาเฮยซาหู่ พยายามนำร่างของราชาเฮยซาหู่ออกไป
ทว่าราชาเฮยซาหู่ไม่ต้องการจากไปเช่นนี้ เขามองไปที่ซูจิ่นซีด้วยสีหน้าดุดัน
“เจ้า… กระบี่ของเจ้ามีสิ่งใดเคลือบไว้? เจ้า… เจ้ามอบยาแก้พิษมาเดี๋ยวนี้”