ตอนที่ 906 เขาต้องการทำสิ่งใดกันแน่ ?

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 906 เขาต้องการทำสิ่งใดกันแน่ ?

เพียงชั่วพริบตาเดียวก็มาถึงเดือนเก้าแล้ว ฤดูใบไม้ร่วงวนมาบรรจบอีกครา

ทุกสิ่งดูราบรื่นไร้เรื่องติดขัดใด ๆ

ภรรยาของฟู่เสี่ยวกวนทั้งสามได้ให้กำเนิดบุตรโดยปลอดภัย อีกทั้งบุตรชายที่สวี่ซินเหยียนให้กำเนิดก็แข็งแรงดี บัดนี้เขาจึงมีบุตรชายเพิ่มขึ้นมาอีก 2 คนและบุตรสาวอีก 2 คน

ฟู่เสี่ยวกวนเดินทางกลับเมืองกวนหยุนได้ 1 เดือนแล้ว เขาเรียกประชุมใหญ่ประจำราชสำนักอีกครา ในการประชุมครานี้เขาเอ่ยถึงเรื่องการปกครองของขุนนางที่จะแก้ไขแบบผิด ๆ มิได้ จากนั้นก็เอ่ยถึงเรื่องปัญหาของราษฎร

ส่วนในเวลาอื่นเขาก็ได้ใช้ชีวิตเยี่ยงหลงจู๊ที่คอยชี้นิ้วสั่งผู้อื่น ในแต่ละวันก็มักจะประทับอยู่ที่วังหลังเพื่อร่วมรื่นเริงกับจักรพรรดินีและสนมเอกทั้งหลาย หรือไม่ก็อุ้มลูก ๆ เดินไปเดินมา มิมีท่าทีเหมือนกับจักรพรรดิเอาเสียเลย

แน่นอนว่าเยาวชนทั้งหลายที่ตามมาจากว่อเฟิงเต้าถูกส่งกระจัดกระจายไปรับหน้าที่นายอำเภอตามคำสั่ง

หนึ่งในนั้นรวมถึงชืออีหมิง สีส่วง และฟางเหวินซิงที่เคยติดคุกมาก่อน

พวกเขานำวิถีการเมืองแบบใหม่เข้ามาในราชวงศ์อู๋และได้ระลึกถึงบทเรียนในอดีต พวกเขาน้อมปฏิบัติตามนโยบายของฟู่เสี่ยวกวนอย่างเคร่งครัด

ส่วนกงซุนเซ่อได้รับตำแหน่งชื่อหลางของกรมขุนนางโดยเข้ามาแทนที่ชื่อหลางคนเดิม…ต้วนชูเหวิน นับว่าโผทะยานได้รวดเร็วยิ่งนัก

คดีของต้วนชูเหวินเกี่ยวโยงไปถึงขุนนางจำนวนมาก เจ้าหน้าที่เหล่านั้นถูกจับกุมโดยกรมราชทัณฑ์ ส่งผลให้เรือนจำแน่นขนัดในทันใด

เมื่อเดือนเก้าเวียนว่ายมาบรรจบก็นับเป็นอีกหนึ่งปีของช่วงเทศกาลชิวเหวย

งานชิวเหวยในครานี้ฟู่เสี่ยวกวนตัดสินใจจัดขึ้นในวัดหานหลิง เนื่องจากเขาต้องการคัดเลือกผู้ที่โดนคัดออกจำนวนหนึ่งเพื่อเติมเต็มทหารองครักษ์หลวงซึ่งฝึกโดยหนิงซือเหยียน

เดิมทีแผนการที่เขาวางเอาไว้ คือต้องการองครักษ์หลวงจำนวน 10,000 นาย แต่เมื่อสองวันก่อนเขาได้กำชับหนิงซือเหยียนว่าจะรับสมัครทั้งสิ้น 13,000 นาย โดยจำนวน 3,000 นายที่เพิ่มมานี้จะถูกส่งตัวไปฝึกพิเศษ มิมีผู้ใดรู้ว่าการฝึกพิเศษคือการฝึกเยี่ยงไร แต่ดูเหมือนจะได้ยินเสียงกระซิบมาว่า เป็นเพราะฝ่าบาททรงมิพอพระทัยในการทำงานของฝ่ายตรวจการที่โจวถงถงดูแลอยู่ พระองค์จึงตั้งใจก่อตั้งระบบสายลับที่จงรักภักดีขึ้นมาใหม่

อีกทั้งยังได้ยินมาว่าสายลับเหล่านี้จะเรียนรู้วิธีฝึกฝนจากฝ่าบาทโดยตรง ส่วนสถานที่ในการฝึกฝนตั้งอยู่ที่ภูเขาลั่วเหมยซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยทะเล

……

……

“เขาต้องการทำสิ่งใดกันแน่ ? ”

เมื่อกลับมาถึงสำนักเต๋า ซูฉางเซิงและฟู่ต้ากวนก็ได้นั่งอยู่หน้ากระท่อมฟาง ฟู่ต้ากวนจ้องมองไปทางสวี่หยุนชิง จากนั้นก็เอ่ยถามขึ้นมา

สวี่หยุนชิงก็จ้องมองฟู่ต้ากวนเช่นกัน จากนั้นก็ถามกลับว่า “เหตุใดถึงคิดว่าโจวถงถงมีความภักดีอย่างสุดซึ้งกัน ? เจ้าก็รู้ดีว่าโจวถงถงเป็นหนึ่งในสมาชิกตระกูลโจวซึ่งมีประวัติมายาวนานนับพันปีในราชวงศ์อู๋ ! ในความคิดของชาวอู๋ เรื่องของตระกูลสำคัญกว่าสิ่งใด ! ”

ฟู่ต้ากวนยกมือขึ้นลูบศีรษะ เขามิเคยคิดมาก่อนว่าโจวถงถงจะก่อปัญหานี้ขึ้น แต่บัดนี้เขาก็ยังมิมั่นใจว่าโจวถงถงแปรพักตร์ไปจริงหรือไม่ ดังนั้นเขาจึงเอ่ยออกมาว่า “ในครานี้ข้าออกไปกับศิษย์พี่ใหญ่พบว่าโจวถงถงตรวจสอบการทุจริตในอู่หยวนโจวและได้รายงานต่อเสี่ยวกวนถึงปัญหาทั้งหมดแล้ว เขายังมีปัญหาตรงที่ใดอีกกัน ? ”

“อู๋ต้าหลาง ! ” แววตาของสวี่หยุนชิงสั่นสะท้าน “ข้าจะบอกเจ้าให้ว่า บัดนี้หยูเวิ่นเต้าทราบแล้วว่าภูเขาทองคำซ่อนอยู่ที่ใต้จายซิงถาย ! เจ้าจงบอกกับข้าทีว่านอกจากโจวถงถงแล้ว ผู้ใดจะกล้าเอ่ยออกไป ! ”

ฟู่ต้ากวนตกตะลึงขึ้นมาทันใด ดวงตาเล็ก ๆ ทั้งสองข้างเบิกกว้าง “หมายความว่า…รั่วซุ่ยก็ทราบแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“เจ้ายังจะกล้านึกถึงซั่งรั่วซุ่ยอยู่อีก ! คิดว่านางจะยอมเลิกรากับหยูไป๋ไป๋เพราะเจ้าเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“เอ่อ…พวกเจ้าใจเย็น ๆ กันก่อน” ซูฉางเซิงขัดจังหวะ จากนั้นก็เอ่ยออกมาว่า “เรื่องนี้มีความเป็นไปได้สูงยิ่งนักที่โจวถงถงจะเป็นผู้เผยแพร่ออกไป แต่มันคือการที่โจวถงถงกระทำโดยพลการหรือเป็นหมากของเสี่ยวกวนตัวหนึ่งเท่านั้นกัน พวกเรามิอาจตัดสินใจได้เพราะผู้ควบคุมการเดินหมากกระดานนี้คือจี้หยุนกุย… หยุนชิง เจ้าลองติดต่อจี้หยุนกุยดีหรือไม่ ? เพราะนอกจากเสี่ยวกวนแล้วมีเพียงเขาที่รู้อย่างชัดแจ้ง”

“มิได้ ! บัดนี้มิมีผู้ใดรู้จักจี้หยุนกุย และเขาอยู่ในสถานที่ที่อันตราย จะต้องมิให้เกิดข้อผิดพลาดแม้แต่น้อย”

“เช่นนั้นจะทำเยี่ยงไรกันดี ? ” ฟู่ต้ากวนเอ่ยถามอีกครา

สวี่หยุนชิงจ้องเขาตาเขม็ง “เจ้าจงไปหาซั่งรั่วซุ่ยของเจ้า ! ”

“แล้ว…เจ้าเล่า ? ”

“ข้าหรือ ? ข้าคิดว่าจะไปแคว้นฝานสักหน่อย”

“ไปทำอันใดที่แคว้นฝานกัน ? ”

สวี่หยุนชิงหัวเราะออกมา “ฝานเทียนหนิงเคยส่งคนมาซื้อหุ้นเอาไว้ ถึงเวลาต้องขายออกแล้ว”

“เจ้าแค่ส่งจดหมายไปให้ฝานเทียนหนิงก็ได้แล้วมิใช่หรือ ? อีกอย่าง…คาดว่าเสี่ยวกวนน่าจะบอกกับฝานเทียนหนิงเรียบร้อยแล้ว เจ้าเดินทางไปจะมีประโยชน์อันใดกัน”

สวี่หยุนชิงมิได้ตอบคำถามนี้ของฟู่ต้ากวน นางจำต้องเดินทางไปยังแคว้นฝานเนื่องจากก่อนหน้านี้ที่สำนักเต๋าอันเงียบเหงาได้มีนักบวชรูปหนึ่งเดินทางมา ซึ่งนั่นก็คือหัวหน้านิกายฝูนั่นเอง

หัวหน้านิกายฝูผู้นี้มีความสามารถด้านการเทศนา เขาเอ่ยว่าแท้ที่จริงมิใช่ฝานเทียนหนิงที่นำเงินมาซื้อหุ้น ทว่ามีนายทุนหนุนอยู่เบื้องหลัง

และนายทุนผู้นี้เป็นนักบวชในวัดลันทาของเขาเอง

เดิมทีนักบวชมิได้มีความเกี่ยวข้องกับชีวิตของสวี่หยุนชิงแต่อย่างใด ทว่านักบวชรูปนี้สามารถทำให้หัวหน้านิกายฝูเดินทางมาหานางด้วยตนเองได้เช่นนี้ ดังนั้นเขาย่อมมิธรรมดาเป็นแน่

เขาคือนายทุนผู้อยู่เบื้องหลัง โดยเงินที่ฝานเทียนหนิงใช้ซื้อหุ้นเกลือของตระกูลเฉินและเหล็กของตระกูลโจวรวมไปถึงเรือของตระกูลหลู่ซึ่งเป็นจำนวนมากถึง 30 ล้านตำลึง !

เงินจำนวน 30 ล้านตำลึงเชียว !

เงินเหล่านี้มาจากนักบวชรูปหนึ่ง สวี่หยุนชิงครุ่นคิดอยู่หลายวันเลยทีเดียว กว่าจะนึกขึ้นมาได้ว่าอาจเป็นคนผู้นั้น

“ข้าขอแนะนำให้เจ้าจับตาดูเสี่ยวกวนให้ดี เหตุใดถึงต้องไปคิดเรื่องใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในวัยแก่ชราพวกนั้นด้วย คิดไปแล้วได้อะไรขึ้นมา? ต่อให้คนเราจะมีความสุขในวัยแก่ชราขนาดไหน แต่จะมีได้สักกี่ปีกันเชียว? ถ้าหากโจวถงถงก่อกบฏขึ้นมาจริงๆ แล้วใช้กลยุทธ์รวมพวกพ้องเข้ามาบุกโจมตี เจ้ารู้หรือไม่ว่าเสี่ยวกวนจะต้องเผชิญหน้ากับอันตรายที่น่ากลัวเพียงใด ! ”

สวี่หยุนชิงลุกขึ้นยืน จ้องฟู่ต้ากวนเขม็ง จากนั้นก็เอ่ยต่อว่า “มิใช่ว่าเจ้ารอให้เขาเลี้ยงดูยามแก่เฒ่าหรอกหรือ ? อย่าให้คนผมขาวส่งคนผมดำ… หากเป็นเยี่ยงนั้นแม้เจ้าจะร้องไห้จนน้ำตาไหลเป็นสายเลือดก็คงสายเกินไปแล้ว!”

“ข้าไปแล้ว พวกเจ้าเชิญตามสบาย ! ”

ร่างของสวี่หยุนชิงหายลับไปจากสายตา เหลือทิ้งไว้เพียงฟู่ต้ากวนและซูฉางเซิงที่บัดนี้ได้แต่มองหน้ากันไปมา

“ข้าว่าแปลกยิ่งนัก ศิษย์พี่ใหญ่ เพราะจากที่นางเอ่ยมานั้นคือตัวนางเป็นห่วงความปลอดภัยของเสี่ยวกวนมากกว่าผู้ใด แต่นางกลับเดินทางไปยังแคว้นฝานเพื่อเรื่องมิเป็นเรื่อง… ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านว่ามีเงื่อนงำใดซ่อนอยู่หรือไม่ ? ”

ซูฉางเซิงแบมือออก “ข้าจะรู้ได้เยี่ยงไรเล่า แต่ที่หยุนชิงเอ่ยมาก็มีเหตุผล เพราะพวกเรามิอาจพนันได้ว่าโจวถงถงจะทรยศหรือไม่ หากเขาทรยศขึ้นมา เจ้าก็รู้ว่าฝูงมดเหล่านั้นอยู่ในกำมือของเขา หากเขาต้องการให้ฟู่เสี่ยวกวนกลายเป็นคนหูหนวกตาบอด เยี่ยงไรเขาก็ย่อมสามารถทำได้”

“อืม…ข้าเข้าใจแล้ว ! มองดูแล้วเหตุผลที่เสี่ยวกวนต้องการสร้างกลุ่มสายลับขึ้นมาใหม่คงเพราะสงสัยในตัวโจวถงถง ศิษย์น้อง…เพื่อให้พวกเราทั้งสองมีคนเลี้ยงดูยามชราและขุดหลุมฝังให้ พวกเราเดินทางไปยังราชวงศ์อู๋ดีหรือไม่ ! ”

ฟู่ต้ากวนรู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ แต่เขามิอาจจับต้นชนปลายได้เลยสักนิด

โจวถงถง เจ้าทำให้ข้าลำบากแล้ว ตัวข้ามิได้เดินทางไปวังหลวงเมืองจินหลิงเพื่อลอบดูรั่วซุ่ยเนิ่นนานแล้ว เฮ้อ…

“ศิษย์พี่ใหญ่ เหตุใดพวกเราถึงมิสังหารโจวถงถงทิ้งเสียเลยล่ะ จะได้มิต้องเกิดเรื่องมิคาดฝันขึ้น”

“มิได้หรอก เนื่องจากพวกเรามิรู้ว่าโจวถงถงกำลังทำตามแผนของเสี่ยวกวนอยู่หรือไม่ ดังนั้นการสังหารโจวถงถงมิใช่เรื่องยาก แต่หากไปทำลายแผนการของเสี่ยวกวนเข้า เจ้าคิดว่าสวี่หยุนชิงจะกลับมาจัดการเจ้าหรือไม่ ? ”

ชายอ้วนรู้สึกแย่ขึ้นมาทันใด เรื่องนี้… “เฮ้อ…ศิษย์พี่ใหญ่ คืนนี้ทานอันใดกันดี ? ”