ตอนที่ 907 เป้าหมาย

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 907 เป้าหมาย

ชายอ้วนกำลังครุ่นคิดว่าจะทานอันใดดี ด้านฟู่เสี่ยวกวนที่อยู่บนจายซิงถายก็กำลังคิดว่าบัดนี้ชายอ้วนกำลังทำอันใดอยู่กัน ?

ข่าวคราวที่ฝูงมดส่งมาคือที่จวนฟู่ที่โม่โจวนั้นบรรดาแม่รองของเขากำลังพาลูก ๆ เดินทางมายังเมืองกวนหยุน… แม่รองทั้งห้ามาเพื่อตามหาสามีของพวกนาง สามีที่มิน่าเชื่อถือผู้นี้พอได้ออกจากจวนก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยอยู่นานหลายปี เขาทำเช่นนี้ได้เยี่ยงไรกัน ?

ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกมิสบายใจมากยิ่งนัก หากบรรดาแม่รองมาถึง เขาจะสามารถตอบคำถามใดได้บ้างกัน ?

เพราะเขาก็มิทราบเช่นกันว่าชายอ้วนหายไปที่ใด !

“ชูหลาน ข้าคิดไปคิดมาก็เห็นว่ามิอาจเผชิญหน้ากับพวกนางในเรื่องนี้ได้ ข้าเป็นถึงจักรพรรดิแต่กลับมิทราบว่าบิดาของตนเองหายไปที่ใด เจ้าคิดว่าพวกนางจะเชื่อเยี่ยงนั้นหรือ ? แต่ปัญหาคือข้ามิทราบอย่างแท้จริง ! ”

ต่งชูหลานหัวเราะขึ้นมา “เช่นนั้นท่านจะจัดการเยี่ยงไร ? ”

“ข้าต้องออกไปข้างนอกเพื่อหลีกเลี่ยง คงต้องมอบให้พวกเจ้าคอยต้อนรับพวกนางแล้ว ให้พวกนางพักอยู่ที่วังหลวงสักพักเถิด คอยดูว่าชายอ้วนจะกลับมาหรือไม่”

“แล้วท่านจะไปที่ใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“วันนี้มีข่าวดีส่งมาจากอู่ต่อเรือเจียงเฉิงว่าเรือรบติดตั้งเครื่องจักรไอน้ำลำแรกที่ได้ทำการปรับปรุงถึง 2 ครา และในครานี้ได้ทดสอบออกทะเลซึ่งประสบผลสำเร็จ ดังนั้นข้าจำต้องไปดูสักหน่อย”

ฟู่เสี่ยวกวนจ้องมองดวงดาราสว่างไสวบนท้องนภา ต่งชูหลานมองตาของฟู่เสี่ยวกวน พบว่าดวงตาคู่นั้นพร่างพราวเป็นประกายระยิบระยับ

“ข้าต้องการเห็นเรือรบลำนั้นด้วยตาของตนเอง ข้าจะไปทดสอบการเดินเรือออกทะเลด้วยตนเองสักหน หากสมรรถนะไร้ปัญหาก็ให้เรือรบอีก 4 ลำที่เหลือเปลี่ยนมาติดตั้งเครื่องจักรไอน้ำได้ แต่คาดว่าปีนี้สายเกินไปที่จะออกทะเลแล้ว ปีหน้า ! ปีหน้าต้องสร้างท่าเรือเซี่ยเย๋ขึ้นมาให้ได้ ! ”

“ใช่สิ ! เมื่อมีเครื่องจักรไอน้ำแล้ว ข้าขอบอกกับเจ้าเลยว่าการคมนาคมทางบกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครายิ่งใหญ่”

ต่งชูหลานมิเข้าใจจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “ของสิ่งนั้นมีขนาดใหญ่มากเสียทีเดียว สามารถติดตั้งภายในรถม้าได้เยี่ยงนั้นหรือ ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนกระตุกยิ้ม จ้องมองไปยังใบหน้าของต่งชูหลานพร้อมกับเอ่ยอย่างมีเลศนัยว่า “สิ่งนั้นเรียกว่ารถไฟ ! หนึ่งหัวรถจักรสามารถขับเคลื่อนตู้รถได้หลายตู้ และสามารถบรรจุผู้คนได้หลายพันคน”

ดวงตาของต่งชูหลานเบิกกว้างแต่นางก็มิได้เอ่ยถามอันใดออกมาอีก นางลอบคิดว่าเหตุใดสมองของเขาถึงมีสิ่งของใหม่ ๆ มากมายถึงเพียงนี้ ?

ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากเพราะการพัฒนาเทคโนโลยีต่างหากที่สิ่งสำคัญ หากปัจจัยด้านเครื่องจักรไอน้ำเติบโตได้เต็มที่แล้ว ต่อจากนั้นมันจะพัฒนาไปสู่การย่อขนาดและนำไปใช้ในภาคอุตสาหกรรมได้อีกด้วย

ด้วยวิธีการนี้จะเป็นการปลดแอกแรงงานจำนวนมาก กำลังแรงงานเหล่านี้จะกระจายเข้าสู่เขตอื่น ๆ และกำลังด้านเศรษฐกิจของทั้งแคว้นก็จะเพิ่มสูงขึ้น ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งยิ่งใหญ่ด้านอารยธรรม

การปฏิวัติอุตสาหกรรมคราแรกคาดว่าจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการเมื่อแผนพัฒนาระยะห้าปีแรกสิ้นสุดลง จากนั้นแผนพัฒนาระยะห้าปีฉบับที่สองจะเน้นการออกแบบและดำเนินการเกี่ยวกับการปฏิวัติทางอุตสาหกรรมทั้งหมด จนกว่าการทดลองเทคโนโลยีเครื่องยนต์เผาไหม้ภายในจะเสร็จสมบูรณ์

ภาพพิมพ์เขียวขนาดใหญ่ภายในสมองของฟู่เสี่ยวกวนเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ… การเปลี่ยนแปลงคราใหญ่กำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว

แน่นอนว่าบัดนี้ยังมิมีผู้ใดตระหนักถึงจุดนี้

……

…..

ภายในห้องทรงพระอักษรวังหลวงแห่งราชวงศ์หยู หยูเวิ่นเต้าและจัวหลิวหวินกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการพิชิตราชวงศ์อู๋

“ข้อมูลนั้นน่าจะเป็นความจริง โดยเฉพาะในปีนี้ฟู่เสี่ยวกวนได้ทำการจำหน่ายตั๋วเงินไปแล้ว 160 ล้านตำลึง ! ”

สองมือของหยูเวิ่นเต้าไพล่หลังพลางเดินวกไปวนมาอยู่ภายในห้องทรงพระอักษร เขาเอ่ยต่อว่า “เขาเก่งกาจเรื่องการค้า ความเข้าใจในเรื่องเศรษฐกิจสามารถเอ่ยได้เลยว่ามิมีผู้ใดเทียบเคียงได้ เช่นนั้นเขาคงมิสร้างกรมการค้าขึ้นมาหรอก มันหมายความว่าเขามิได้ทำการจำหน่ายตั๋วเงินแบบสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะความมั่นอกมั่นใจของเขาได้มาจากสมบัติที่ควรจะเป็นของราชวงศ์หยูมาตั้งแต่ต้น ! ”

จัวหลิวหวินตั้งใจฟังพร้อมกับคิ้วที่ขมวดมุ่น ผ่านไปชั่วครู่จึงทูลว่า “ทูลฝ่าบาท สิ่งที่กระหม่อมกังวลคือฟู่เสี่ยวกวน เพราะกลอุบายของเขาซับซ้อนและกว้างไกลจนเกินไป จะมีหลุมพรางซ่อนอยู่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ? ”

“ข้าเองก็กังวลเช่นกัน ดังนั้นจึงมิได้แสดงท่าทีอันใดมาช้านานแล้ว” หยูเวิ่นเต้าเงยหน้าและสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะเอ่ยอย่างเชื่องช้าว่า “แต่นั่นคือภูเขาทองคำลูกหนึ่งของแคว้นศัตรูที่ร่ำรวยอยู่แล้ว ! ”

“นี่ก็มาถึงเดือนเก้าแล้ว วันนี้ข้าได้เอ่ยถามฉางฮวน รายได้ของกรมคลังในปีนี้มิได้ดีไปกว่าปีที่แล้วเลย ข้าเองก็ทราบว่าความเจริญรุ่งเรืองของแคว้นอยู่ที่การศึกษา เมื่อมองไปทั่วทั้งแคว้นก็พบว่าในปัจจุบันมีเพียงว่อเฟิงเต้าที่ครอบคลุมการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส่วนอีกสิบสามมณฑลที่เหลือมิมีเงินมากพอในการสร้างสำนักศึกษาขึ้นมาใหม่”

“ความมั่นคงของราชอาณาจักรจำเป็นต้องมีกองทัพที่แข็งแกร่งมาคอยปกปัก เจ้าเองก็ทราบดีว่ากองทัพสวรรค์ฆาต 300,000 นายนี้ ข้าได้สร้างขึ้นด้วยการแคะเงินออกมาจากซอกนิ้วมือ”

“กองทัพบกที่ฟู่เสี่ยวกวนมี บัดนี้เขากำลังฝึกฝนกองทัพที่สี่ หมายความว่าเขามีทหารดาบเทวะจำนวน 400,000 นาย อีกทั้งยังมีกองทัพเรือ 100,000 นายและกองนาวิกโยธินอีก 50,000 นาย หากมองในด้านกำลังทหาร เขาเหนือกว่าราชวงศ์หยูมากโข”

“ทันทีที่เขาจากไป ผลผลิตของข้าวก็ถดถอยลงอีกครา ข้าคิดว่าเป็นเขาที่วางอุบายในเมล็ดข้าวจึงเอ่ยได้ว่า มีเพียงเมล็ดพันธุ์ข้าวของเขาเท่านั้นที่จะให้ผลผลิต 700 ชั่งต่อ 1 หมู่”

“ธัญพืชคือรากฐานของแคว้นทุกคนล้วนทราบกันดี ถ้าหากพวกเรามิสามารถบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ข้าวเยี่ยงนั้นออกมาได้เล่า ? ”

หยูเวิ่นเต้าถอนหายใจยาวออกมา “ข้าได้ส่งจดหมายไปหาเขาแล้ว โดยหวังว่าจะสามารถซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวกลับมาได้บ้าง โชคดีที่มิเกิดเหตุการณ์นี้กับมันเทศ ถือเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมากยิ่งนัก”

จัวหลิวหวินอยู่ในทุกเหตุการณ์มาช้านาน เขาย่อมทราบถึงความลำบากของราชวงศ์หยูในตอนนี้ดี เอ่ยไปเอ่ยมาก็เพราะขาดแคลนเงิน !

ตั้งแต่ฟู่เสี่ยวกวนกลับไปยังราชวงศ์อู๋ ผู้ค้าขายจำนวนมหาศาลของราชวงศ์หยูก็หายไป

แม้จะมีสามตระกูลใหญ่จากราชวงศ์อู๋เข้ามา หากลองคำนวณจำนวนคนในตระกูลที่อพยพเข้ามา ก็จะพบว่ามีมากกว่าจำนวนที่หายไป แต่พวกเขาก็จำกัดอยู่ที่สามอุตสาหกรรมเท่านั้น

แต่จำนวนคนของราชวงศ์หยูที่ขาดหายไปนั้น ล้วนเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างเช่น ห้าตระกูลผู้นำการค้า !

คนเกือบครึ่งหนึ่งของห้าตระกูลผู้นำการค้าได้ย้ายไปยังราชวงศ์อู๋แล้ว พวกเขานำเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดติดตัวไปด้วย แม้กระทั่งผ้าไหม เครื่องลายครามและอื่น ๆ ของราชวงศ์หยู บัดนี้มิใช่ข้อได้เปรียบในตลาดของราชวงศ์อู๋อีกต่อไปแล้ว

ราชวงศ์อู๋ที่เฟื่องฟูขึ้นทุกวันกับราชวงศ์หยูที่ต้องดิ้นรนในทุกย่างก้าว… ยิ่งยืดเวลาออกไปนานเท่าใด ช่องว่างก็ยิ่งกว้างขึ้นมากเท่านั้น

กองทัพเรือของฟู่เสี่ยวกวนอยู่ในระหว่างก่อตั้ง ขอเพียงแค่เขามีเวลาอีกเล็กน้อย เกรงว่ากองทัพเรือของเขาจะสามารถแล่นมาถึงแม่น้ำแยงซีจนทะลุไปถึงแม่น้ำฉินหวายก็เป็นได้

ราชวงศ์หยูมิมีกองทัพเรือ หากเกิดสงครามเยี่ยงนั้นขึ้นมา จะต่อสู้ได้เยี่ยงไร ?

“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่า… กุญแจสำคัญของแผนการนี้ขึ้นอยู่กับว่า ท้ายที่สุดแล้วโจวถงถงจะภักดีหรือคิดคด ! หากโจวถงถงต้องการหักหลังฟู่เสี่ยวกวนอย่างแท้จริง เขาต้องบีบบังคับฝูงมดเอาไว้ในมือให้ได้ อย่าให้ฟู่เสี่ยวกวนได้รับข่าวสารที่สำคัญที่สุดไป จำเป็นต้องตัดสินในจุดนี้ให้เด็ดขาดและกระหม่อมคิดว่า พวกเราสามารถเจรจากับคนของตระกูลโจวได้พ่ะย่ะค่ะ”

“เจรจาอันใดกัน ? ”

“ส่งครอบครัวของโจวถงถงมายังจินหลิง หากแผนการนี้เสร็จสิ้นตามกำหนด ครอบครัวของเขาก็จะปลอดภัย มิเช่นนั้น…” ประกายสังหารพาดผ่านในแววตาของจัวหลิวหวิน เขามิได้เอ่ยอันใดต่ออีก

หยูเวิ่นเต้าเงียบไปชั่วขณะ จากนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วย

สำหรับฟู่เสี่ยวกวนแล้ว จิตใจของจัวหลิวหวินค่อนข้างสับสน

ที่ตนสามารถมีวันนี้ได้ ทั้งหมดก็เป็นเพราะฟู่เสี่ยวกวนแนะนำให้หยูเวิ่นเต้า

เขาเคารพฟู่เสี่ยวกวนเป็นอย่างมาก ทั้งยังรู้สึกขอบคุณฟู่เสี่ยวกวนอย่างสุดซึ้ง ทว่าการเติบโตของราชวงศ์อู๋ในปัจจุบันนี้เร็วจนเกินไป หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคาดว่ายามที่แผนพัฒนาระยะห้าปีแรกดำเนินการจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว ราชวงศ์หยูจะต้องเผชิญกับหายนะแห่งการทำลายล้างราชอาณาจักร

เพื่อราชวงศ์หยู ฟู่เสี่ยวกวน… ข้าต้องขออภัยด้วย !

…..

“ความก้าวหน้าของอารยธรรมมักมาพร้อมกับสงคราม” ฟู่เสี่ยวกวนนั่งอยู่ข้างกายของต่งชูหลาน เขาเงยหน้าขึ้นมองดวงดาราบนท้องนภา “เป้าหมายของข้ามิใช่ราชวงศ์หยูแต่เป็นมหาสมุทรแห่งดวงดาราผืนนั้น ! ”

“ทว่าผืนปฐพีเบื้องหลังต้องมั่นคงและวิธีการดีที่สุดในการทำให้มั่งคงก็คือรวมเป็นหนึ่ง ! ”