บทที่ 2777 เด็กรับใช้ ลูกศิษย์?
เมฆาล่องทิวทัศน์งามตา
มีขุนเขามวลบุปผาบานสะพรั่ง มีธารใสไหลเอื่อย เขาเขียวธารใส ดั่งแดนเซียนในโลกมนุษย์
แต่หลังจากจักรพรรดิเซียนยุคโบราณใช้อาคมเปิดไอหมอกทึมเทาที่ครอบคลุมอยู่เหนือหุบเขาออกไปแล้ว เผยโฉมหน้าดั้งเดิมของหุบเขาลูกนี้ออกมา เมื่อเทียบกับแดนรกร้างว่างเปล่าด้านนอกแล้วต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
และที่ริมลำธาร มีกระท่อมมุงต้นหญ้าเขียวขจีหลังหนึ่ง
บนหลังคากระท่อมมีดอกไม้ป่าแผ่ขยายผลิบาน มีความเป็นป่าไม้ยิ่งนัก
ยามนี้หกภพเผชิญกลียุค จิตใจคนไม่บริสุทธิ์ มีเทพเซียนต่อสู้กันอยู่ทุกวัน ก่อความพินาศให้หกภพภูมิ ทั่วสารทิศปกคลุมด้วยไอพิษทึมเทา บุปผาหญ้าเซียนยากจะมีชีวิตอยู่ได้
เพื่อทำให้ดูดี จักรพรรดิเซียนจึงใช้พลังเวทย์สร้างบุปผาเซียนออกมาจัดวางประดับประดา
เพียงแต่ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ของจริง เมื่อมองจากไกลยังพอไหว แต่ถ้าดูใกล้ๆ ก็เหมือนมองดอกไม้ปลอมนั่นแหละ
เหล่าเซียนไม่ได้พบเห็นทิวทัศน์ธรรมชาติดั้งเดิมเช่นนี้มานานแสนนานแล้ว จึงตะลึงงันกันไปหมดชั่วขณะ
แม้แต่ดวงตาของเชียนซื่อก็ส่องประกายเช่นกัน!
เพียงแต่ ยามที่คนผู้หนึ่งเยื้องย่างออกมาจากกระท่อม จู่ๆ เชียนซื่อก็เบิกตากว้าง สีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย
ผู้ที่ก้าวออกมาจากด้านในกระท่อมคือสตรีนางหนึ่ง เรือนผมสยายดุจธาราไหลริน ไม่รวบไม่เกล้า คลอเคลียหัวไหล่ อาภรณ์เขียวดุจต้นพลู ทิ้งตัวกรอมพื้น เครื่องหน้าวิจิตรลออ ยามที่นัยน์ตากลอกกลิ้งดุจมีคลื่นน้ำไหวระยับ หญ้าเขียวขจีข้างกายนางโยกไหวเบาๆ ตามการก้าวเดินของนาง คล้ายกำลังจุมพิตเท้าของนางอยู่ ทั้งตัวคนมีความงดงามพิสุทธิ์ดุจมิมีจริงประการหนึ่งอยู่
เทพาจรดเข็มรังสรรค์ ธรรมชาติสลักสร้าง
เทพเซียนทั้งหมดล้วนกลั้นหายใจอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้ มองดูดรุณีนางนี้ เซียนหญิงน้อยเนื้อต่ำใจในโฉมตน เซียนชายใจเต้นรัว ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจาไปชั่วขณะ
สายตาของสตรีนางนั้นร่อนลงบนร่างจักรพรรดิเซียน “กวนเสา ไม่ได้พบกันนานนะ”
กวนเสาคือนามเดิมของจักรพรรดิเซียน แววตาเขาวูบไหว ค่อยๆ คุกเข่าลง “พระองค์เจ้า ผู้อาวุโสเช่นพระองค์หายตัวไปหลายแสนปี ในที่สุดก็หวนคืนแล้ว! เป็นวาสนาของหกภพภูมิ! วาสนาของสรรพสิ่ง!”
พอจักรพรรดิเซียนคุกเข่าลง เหล่าเซียนที่อยู่ด้านหลังเขาย่อมคุกเข่าลงไปด้วยเช่นกัน
แววตากู้ซีจิ่วไหวระริกเล็กน้อย การงีบหลับครั้งนี้ของเธอยาวนานมากจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะผ่านมานับแสนปีแล้ว มิน่าเล่าโลกถึงเปลี่ยนไปมากมายขนาดนี้
เธอกวาดตามองเทพเซียนเหล่านั้นที่อยู่ด้านหลังกวนเสา ส่ายหน้านิดๆ เทพเซียนเหล่านี้ล้วนเป็นชนรุ่นหลังแล้ว เธอไม่รู้จักเลยสักคน
เชียนซื่อก็คุกเข่าอยู่ด้านหลังผู้คนเช่นกัน ถึงแม้เขาจะตัวเล็ก แต่รัศมีอำนาจกลับมากมายนัก คล้ายว่าเด็กน้อยอย่างเขาไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็เป็นตัวตนที่เปล่งประกายยิ่งทั้งสิ้น
ไม่มีผู้ใดไม่สังเกตเห็นเขา
เขานึกว่ากู้ซีจิ่วจะสังเกตเห็นเขา กลับคาดไม่ถึงว่าสายตาของนางไม่ได้กวาดผ่านมาทางนี้เลย
หลังจากนางพูดคุยกับจักรพรรดิเซียนไปเพียงสองสามประโยค ก็บอกว่ายังต้องการบำเพ็ญอย่างสงบอยู่ ให้จักรพรรดิเซียนพาผู้คนกลับไป
แต่จักรพรรดิเซียนกลับเชื้อเชิญเธอให้ไปยังภพเซียนด้วยความจริงใจ บอกว่าที่นี้ไม่เหมาะสมให้เธอใช้บำเพ็ญ ภพเซียนมีแหล่งวิญญาณอุดมสมบูรณ์ เขาสามารถสร้างตำหนักสักหลังขึ้นเพื่อให้เธอพำนักฟักฟื้นได้
กู้ซีจิ่วหลุบตาลงนิดๆ ไม่ตอบรับ
ยามนี้เรื่องราวมากมายยุ่งเหยิง ไม่ว่าเธอจะไปไหนล้วนมีความเป็นไปได้ที่จะชักนำการวิวาทมา ยังคงต้องกบดานอยู่ที่นี่ไปก่อน รอดูสถานการณ์แล้วค่อยว่ากันอีกที
จักรพรรดิเซียนก็ไม่ฝืนใจนาง “กวนเสาไม่กล้าฝืนใจพระองค์เจ้า แต่พระองค์เจ้าบำเพ็ญอยู่ที่นี่เพียงพระองค์เดียวถึงอย่างไรก็ไม่เหมาะสม ให้เราส่งเด็กรับใช้สองคนมาคอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายพระองค์เจ้าดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
กู้ซีจิ่วรังเกียจความวุ่นวาย จึงบอกปัดไป
พลันมีเสียงอ่อนใสสายหนึ่งดังขึ้น “จะเอาเด็กรับใช้มาทำไมเล่า? เชียนซื่อยินดีกราบพระองค์เจ้าเป็นอาจารย์ รับใช้อยู่ข้างกายนาง”
เชียนซื่อก้าวออกมาจากฝูงชน มองกู้ซีจิ่วด้วยนัยน์ตาเจิดจ้า “พระองค์เจ้า เชียนซื่อเป็นยอดอัจฉริยะของยุคนี้ แลเสาะแสวงหาคนที่เหมาะสมจะมาเป็นอาจารย์ของข้ามาโดยตลอด วันนี้ได้พบพานพระองค์เจ้าแล้ว นับเป็นวาสนา พระองค์จะรับข้าไว้หรือไม่?”
————————————————————————————-
บทที่ 2778 เด็กรับใช้ ลูกศิษย์? 2
กู้ซีจิ่วตอบนิ่งๆ “เปิ่นจุนไม่อยากรับศิษย์แล้ว”
เชียนซื่อตะลึงงัน เขาหยิ่งยโสจนเคยชินแล้ว ยากนักที่จะถูกปฏิเสธออกมาตรงๆ จึงเอ่ยวาจาไม่ออกไปชั่วขณะ
สุดท้ายเขาก็ยังคงเป็นเด็กน้อยคนหนึ่ง หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ก็เอ่ยเตือนความจำของเธอ “พระองค์เจ้า หลายวันก่อนพระองค์ยังบอกว่าอยากรับเชียนซื่อเป็นศิษย์อยู่เลย…”
น้ำเสียงกู้ซีจิ่วแผ่วกระจ่าง “เปิ่นจุนกล่าวไปแล้ว โอกาสเช่นนั้นมีเพียงหนเดียว พลาดไปแล้วก็คือพลาดเลย”
ดวงหน้าเล็กๆ ของเชียนซื่อแดงก่ำ “ยามนั้นเชียนซื่อไม่ทราบฐานะของพระองค์เจ้า มีสิ่งที่เรียกันว่าผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด”
ในที่สุดสายตาของกู้ซีจิ่วก็ร่อนลงบนร่างของเขาแล้ว มุ่นคิ้วนิดๆ “เจ้าอยากกราบเปิ่นจุนเป็นอาจารย์เพราะฐานะสินะ?” น้ำเสียงมีความยะเยือกอยู่รางๆ
เชียนซื่อเผยอปากนิดๆ “ม...มิใช่…”
สีหน้าของกู้ซีจิ่วเย็นชาลง “อายุยังน้อยก็เลือกเกาะผู้มีศักดาบารมีเสียแล้ว ซ้ำยังโป้ปดมดเท็จอีก ต่อให้มีคุณสมบัติสูงส่งแล้วจะมีประโยชน์อะไร?!”
ดวงหน้าน้อยๆ ของเชียนซื่อแดงก่ำยิ่งขึ้น เขาอยากจะอธิบายอีก ทว่าไม่รู้ว่าควรพูดอะไร
ริมฝีปากเล็กเม้มแน่น คล้ายว่าเขาจะคับข้องหมองใจอยู่บ้าง มีหยาดน้ำตากลิ้งไปมาอยู่ในดวงตา
อันที่จริงตอนที่เขาได้พบกู้ซีจิ่ว ก็อยากกราบอีกฝ่ายเป็นอาจารย์ตามสัญชาตญาณแล้ว
เพียงแต่เขาหยิ่งผยองมาตั้งแต่เกิด คิดเพียงแต่จะให้ผู้อื่นอ้อนวอนขอตน และไม่ชินกับการอ้อนวอนขอผู้อื่น ยามนั้นที่ติดตามอยู่ด้านหลังกู้ซีจิ่วเอ่ยวาจาเหล่านั้น ก็เพราะอยากให้นางขอร้องเขาให้มากขึ้นอีกนิด กลับคาดไม่ถึงว่านางจะตัดใจไปเร็วยิ่ง
ครั้งนี้ที่เขาเลือกบ่ายหน้ามาหาอาจารย์ที่ภพเซียน ก็เพราะมีความคิดว่าวันหน้าถ้าได้พบกู้ซีจิ่วอีกจะทำให้นางได้เห็น เขาอยากให้เซียนผู้นี้สำนึกเสียใจที่ไม่ได้รับเขาไว้เป็นศิษย์…
ผลคือ นางไม่ได้เสียใจ แต่กลับเป็นเขาเองที่สำนึกเสียใจแล้ว!
แววตาจักรพรรดิเซียนวูบไหว เอ่ยขอความเมตตาให้เชียนซื่ออย่างที่พบเห็นได้ยาก “พระองค์เจ้า เด็กคนนี้ไม่ธรรมดา เขาถือกำเนิดขึ้นมาจากการรวมตัวของไอวิญญาณฟ้าดิน ไร้บุพการี ถือกำเนิดด้วยพลังวิญญาณที่สูงล้ำ เป็นต้นกล้าที่ดี หากว่าสามารถได้รับการชุบเลี้ยงบ่มเพาะจากพระองค์เจ้า อนาคตเขาจะกลายเป็นอาวุธสำคัญ ตอนนี้หกภพภูมิยุ่งเหยิงมากเรื่อง แต่ละภพวุ่นวายนัก สรรพสิ่งล้มตาย หกภพภูมิก็ต้องการคนที่กล้าหาญเปี่ยมคุณธรรมมาระงับการวิวาท ศิษย์ของพระองค์เจ้าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด…เขาอายุยังน้อย ซ้ำยังถูกแต่ละภพแย่งชิงกันไปมา ถึงแม้จะมีภัยคุกคามชีวิต แต่ก็ได้รับความเลวร้ายมาไม่น้อยเลย เขาพบเห็นเรื่องชั่วร้ายมากมายเกินไป ยากจะเลี้ยงไม่ให้ความคิดจิตใจไม่ได้รับผลกระทบได้ ถึงได้ทำให้นิสัยของเขาเดียวดายยากจะรับมือได้อยู่บ้าง…แต่นิสัยโดยพื้นฐานของเขายังคงดีอยู่ หากว่าได้รับการชี้นำจากอาจารย์ที่ดี...”
เขาเอ่ยวาจายังไม่จบก็ถูกกู้ซีจิ่วตัดบทอย่างเฉยชาแล้ว “กวนเสา เจ้ายุ่งมากไปหน่อยแล้ว เปิ่นจุนย่อมมีความคิดเป็นของตน เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดอีกแล้ว”
จักรพรรดิเซียนชะงักไปแวบหนึ่ง ในที่สุดก็ละวางหัวข้อนี้แล้ว
เขากล่าวอย่างจริงใจว่า “พ่ะย่ะค่ะ เป็นกวนเสาล้ำเส้นไปแล้ว เช่นนั้นเรื่องรับศิษย์วันหน้าค่อยหารือกันเถิด เพียงแต่ ถึงอย่างไรพระองค์เจ้าก็เป็นมหาเทพสูงสุด ซ้ำยังเพิ่งตื่นบรรทมได้ไม่เท่าไหร่ เกรงว่าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ของโลกใบนี้ กระหม่อมจะส่งเด็กรับใช้ที่เฉลียวฉลาดคล่องแคล่ว รอบรู้สถานการณ์มาอยู่ข้างกายพระองค์เจ้า ประการแรกคือเมื่อพระองค์เจ้ามีข้อสงสัย ก็ถามจากพวกเขาได้ตลอดเวลา ประการที่สองคือเรื่องราวจิปาถะยิบย่อยพวกนั้นก็มอบให้เป็นหน้าที่ของพวกเขา หากพระองค์เจ้ามีเวลาว่าง ก็สามารถชี้แนะพวกเขาสักสองประโยคได้ ก็เป็นวาสนาใหญ่หลวงของพวกเขาแล้ว ไม่ทราบว่าเช่นนี้เป็นอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”
เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ กู้ซีจิ่วได้คิดดูเล็กน้อย ก็ตอบตกลงเช่นกัน
ดวงตาจักรพรรดิเซียนส่องประกายนิดๆ แล้วคัดเลือกคนที่ฉลาดเฉลียวคล่องแคล่วอย่างยิ่งสองคนออกมาจากเซียนรับใช้ที่ติดตามมาด้วย
เชียนซื่อก้าวออกมา “เชียนซื่อยินดีรั้งอยู่เป็นเด็กรับใช้!”
จักรพรรดิเซียนตะลึง เหล่าเซียนก็ทึ่มทื่อไปเช่นกัน คล้ายว่าผู้ใดก็คาดไม่ถึงว่าเด็กน้อยที่ยโสโอหังมากขนาดนี้จะยอมรับความอยุติธรรมลดตัวลงเป็นข้ารับใช้
จักรพรรดิเซียนอดไม่ได้ที่จะมองไปทางกู้ซีจิ่ว กู้ซีจิ่วมองเชียนซื่ออย่างเฉยเมย “ต่อให้เจ้ารั้งอยู่ เปิ่นจุนก็ไม่คิดจะรับเจ้าเป็นศิษย์ อย่าได้เสียแรงเปล่าเลย”