บทที่ 2779 เด็กรับใช้ ลูกศิษย์? 3
ใบหน้าน้อยๆ ของเชียนซื่อยังคงแดงอยู่ แต่น้ำเสียงกลับคมชัด “เชียนซื่อทราบดี”
“เปิ่นจุนต้องการเพียงเด็กรับใช้”
“เชียนซื่อเป็นเด็กรับใช้ได้ พวกเขาสองคนล้วนเฉลียวฉลาดคล่องแคล่วไม่เท่าเชียนซื่อ แถมเชียนซื่อยังท่องไปทั่วหล้าแล้ว ความรู้ความเข้าใจก็มากมายกว่าพวกเขาสองคนนัก” มือเล็กๆ ของเขาชี้ไปที่เด็กรับใช้ที่จักรพรรดิเซียนคัดเลือกออกมาสองคนนั้น
เด็กรับใช้สองคนนั้นไม่กล้ายั่วยุเขา และไม่กล้าโต้แย้ง ใบหน้าน้อยๆ ก็แดงก่ำเช่นกัน
ท้ายที่สุดแล้ว หลังจากจักรพรรดิเซียนจากไป ได้ทิ้งเด็กรับใช้สองคนไว้ข้างกายกู้ซีจิ่ว หนึ่งชายหนึ่งหญิง เด็กชายคือเชียนซื่อ
ส่วนนามของเด็กหญิงก็เข้าคู่กับเชียนซื่อยิ่งนัก…อูเชียนเหยียน
….
เมื่อใช้วิชาย้อนทวนบรรพกาลมาถึงตรงนี้ ตี้เฮ่าก็ค่อนข้างอ่อนล้ายิ่งนักแล้ว
เขาชักมือกลับมาแล้วเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก นอนซุกอ้อมอกของกู้ซีจิ่ว หยุดพักแล้วค่อยๆ ใคร่ครวญดู
คาดไม่ถึงว่าฟั่นเชียนซื่อจะยังมีคดีความเช่นนี้กับท่านแม่อยู่ด้วย เด็กหญิงที่ชื่ออูเชียนเหยียนคนนั้น ไม่รู้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับอูอู๋เหยียนที่อยู่ข้างกายฟั่นเชียนซื่อหรือไม่?
ฟั่นเชียนซื่อหมกหมุ่นกับการกราบอาจารย์ยิ่งนัก ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วได้กราบสำเร็จหรือไม่?
ตี้เฮ่าลูบคางเล็กๆ ครุ่นคิดอยู่เงียบๆ เขารู้สึกว่าน่าจะกราบได้สำเร็จ ถึงอย่างไรฟั่นเชียนซื่อในยามนั้นก็เป็นยอดอัจฉริยะ เด็กเช่นนี้หากว่ากราบคนชั่วช้าเป็นอาจารย์ ยากจะเลี่ยงไม่ให้เป็นหายนะในภายภาคหน้าได้ เป็นภัยต่อหกภพภูมิ
กู้ซีจิ่วมีฐานะเป็นเทพผู้สร้างโลก ย่อมไม่นึกเคืองขุ่นกับเด็กน้อยคนหนึ่งอย่างจริงจัง จากสองข้อในข้างต้นแล้ว สุดท้ายนางน่าจะรับเขาไว้แล้วสั่งสอนด้วยตนเอง
ที่ยามนี้เป็นเช่นนี้ คงคิดจะดัดนิสัยของเด็กคนนี้แน่นอน และถือโอกาสสังเกตไปด้วยว่าสุดท้ายแล้วเขาเป็นวัตถุดิบที่สามารถหล่อหลอมได้หรือไม่…
ถึงแม้ตอนนี้ตี้เฮ่าจะตัวเล็ก แต่อายุกลับไม่เด็กแล้ว เป็นขิงแก่ที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน มองแวบเดียวก็เข้าใจเจตนาของเทพผู้สร้างโลกองค์ก่อนแล้ว
เขาหวนนึกถึงอุปนิสัยและรูปลักษณ์ของเทพผู้สร้างโลกองค์ก่อนเล็กน้อย ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่แตกต่างกับท่านแม่ในยามนี้เลย เพียงแต่บนร่างเทพผู้สร้างโลกมีลักษณะพิเศษของผู้เป็นเทพอยู่เท่านั้น ดูสูงส่งทรงอำนาจกว่าอยู่บ้างอย่างเห็นได้ชัด
ตี้เฮ่ามองท่านแม่ที่อยู่ข้างกายตน อดไม่ได้ที่จะซุกตัวเขาหาอ้อมอกของนาง เขายังคงชอบท่านแม่ในตอนนี้มากกว่า…
ท่านแม่ในชาติก่อนตระกรองกอดทั้งโลกเอาไว้ ภาระที่แบกไว้บนบ่าก็มากมาย รัศมีแห่งเทพแทบจะเปี่ยมด้วยความการุณย์ ไม่ใช่มนุษย์ที่มีเลือดมีเนื้อคนหนึ่งแล้ว
ตี้เฮ่าอยากรู้เรื่องราวในช่วงหลังของเทพผู้สร้างโลกยิ่งนัก
ดังนั้นหลังจากเขาปรับลมหายใจอยู่หนึ่งชั่วยาม ลำแสงจากนิ้วมือก็เข้าครอบคลุมกู้ซีจิ่วอีกครั้ง…
….
เทพผู้สร้างโลกหวนคืน สำหรับหกภพภูมิแล้ว เป็นเรื่องน่าตื่นตะลึงไม่น้อยเลย
ถึงอย่างไรเทพผู้สร้างโลกก็สรรค์สร้างสรรพสิ่งในโลกขึ้น ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์เซียนสัตว์ปีศาจล้วนถือกำเนิดขึ้นมาจากการรังสรรค์ของนาง นางนับว่าเป็นเทพบรรพบุรุษ เป็นเทพของทั้งหกภพภูมิ
แน่นอน สภาพของหกภพภูมิก่อนที่นางจะหลับใหลไป มนุษย์เซียนสัตว์ปีศาจทั้งหมดบนโลกในนี้ ตามพื้นฐานแล้วล้วนอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติดี
แต่ช่วงที่นางหลับใหลไป โลกาไร้กฏเกณฑ์ และไม่มีผู้ควบคุมดูแล ถึงเริ่มเกิดความวุ่นวายปั่นป่วนยาวนานมาหลายหมื่นปี
และไอพิฆาตจากสงครามก็ค่อยๆ ก่อกำเนิดภูตผีและมารขึ้นมา
โลกใบนี้จึงไม่สงบสุขอีกต่อไป!
แดนนรก แดนสัตว์ ภพปีศาจ ภพมาร…ล้วนได้ทราบเรื่องนี้แล้ว ประมุขหรือราชันแห่งเผ่าพันธุ์เหล่านี้ ต้องโอบอุ้มเจตนาของตนไว้ ต่างหมายจะมาถวายความเคารพนาง ไม่มีผู้ใดทราบว่าหลังจากเทพผู้สร้างโลกหวนคืนมาแล้ว สุดท้ายจะเลือกโปรดปรานฝ่ายใดกันแน่ ยิ่งไม่ทราบด้วยว่าที่แท้แล้วนางมีความสามารถเช่นใดกันแน่? ดังนั้นจึงหาข้ออ้างสารพัดเพื่อมาถวายความเคารพ
แต่ล้วนถูกเขตแดนของเธอสกัดขวางไว้ด้านนอกหุบเขา เข้าไปไม่ได้เลย
ถึงแม้ความร้ายกาจของพลังยุทธ์เธอจะถดถอยลง แต่เขตแดนนี้เธอใช้พลังต้นกำเนิดแห่งเทพควบรวมขึ้นมา ผู้ที่ไม่เข้าใจวรยุทธ์ของเธออย่างแท้จริงไม่สามารถทำลายเขตแดนนี้ได้
และในโลกนี้ ผู้ที่รู้จักเธออย่างถ่องแท้ก็มีเพียงจักรพรรดิเซียนคนเดียว
เนื่องจากในปีนั้นจักรพรรดิเซียนที่ถูกสร้างขึ้นจากน้ำมือนางได้มีข้อผิดพลาด โง่เขลาจนนางต้องอบรมสั่งสอนวรยุทธ์ให้สารพัด
….
————————————————————————————-
บทที่ 2780 กราบอาจารย์
ถึงแม้เทพผู้สร้างโลกจะตื่นจากนิทราแล้ว แต่ก็ไม่มีการกระทำสิ่งใดเป็นพิเศษ ราวกับจะปักหลักอยู่ที่นี่แล้ว ทุกวันล้วนพักผ่อนอยู่ภายในเขตแดน ไม่พบปะผู้ใดอีกเลย
คนของแต่ละภพล้วนไม่ทราบว่าที่แท้แล้วนางคิดอะไรอยู่กันแน่ จึงไม่กล้าบุ่มบ่ามผลีผลามไปชั่วขณะ
ได้แต่พยายามสืบหารวบรวมข้อมูลของเทพผู้สร้างโลกอย่างสุดชีวิต เตรียมพร้อมสำหรับกรณีฉุกเฉิน
จนปัญญาที่ช่วงเวลาการหลับใหลของเทพผู้สร้างโลกยาวนานเกินไป ตำนานของนางได้เลือนหายไปกับสายธารแห่งกาลเวลาแล้ว
บนโลกใบนี้มีเพียงจักรพรรดิเซียนเท่านั้นที่พอจะเข้าใจตัวนางอยู่บ้าง แต่ปากของจักรพรรดิเซียนปิดสนิทยิ่งกว่าฝาหอยเสียอีก ไม่ยอมแพร่งพรายต่อภายนอกเลยสักนิด เพียงกวดขันลูกน้องอย่างเข้มงวด ไม่ให้ออกไปก่อเรื่องวิวาทอีก
คนของภพภูมิอื่นเห็นจักรพรรดิเซียนเป็นเช่นนี้ หัวใจก็ตุ้มๆ ต่อมๆ รู้สึกว่าบุคคลที่แม้แต่จักรพรรดิเซียนก็ยังเคารพยำเกรงถึงเพียงนี้ ซ้ำยังเป็นเทพบรรพกาลเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่บนโลกใบนี้ด้วย เกรงว่าฝีมือคงยิ่งใหญ่เทียมฟ้า แค่ยกมือส่งๆ ก็อาจเปลี่ยนยุคแปลงสมัยได้แล้ว…
เนื่องจากตอนที่กู้ซีจิ่วที่พึ่งตื่นขึ้นมาก็ได้สอดมือเข้าแทรกแซงสงครามอยู่หลายหน คนที่รอดชีวิตมาได้เหล่านั้นจึงเริ่มป่าวประกาศความสามารถของเธอออกไป
ผู้ชนะประกาศออกไป ด้วยต้องการใช้เหตุนี้มากำราบคน
ผู้แพ้ก็ประกาศออกไปเช่นกัน เลี่ยงไม่ให้ถูกเบื้องบนติเตียนเนื่องจากความพ่ายแพ้ในครานั้น ย่อมต้องเอ่ยยกย่องชมเชยความสามารถของเทพผู้สร้างโลกขึ้นเรื่อยๆ
ในระยะเวลาสั้นๆ เพียงสองเดือน ถึงแม้ว่าเทพผู้สร้างโลกจะไม่ได้กระทำสิ่งใดเลย ชื่อเสียงนี้ก็เริ่มขจรไปไกลแล้ว
ทุกคนล้วนทราบว่าเทพผู้สร้างโลกไม่ชอบสงคราม ก่อนที่จะได้ทราบถึงตื้นลึกหนาบางของนาง ผู้ใดก็ไม่คิดจะกระตุกหนวดเสือ เมื่อเป็นเช่นนี้ ความสงบสุขจึงมาเยือนหกภพภูมิอย่างที่พบเห็นได้ยากนัก
ภายในเขตแดน กู้ซีจิ่วออกจากสมาธิแล้ว เดินออกมาจากกระท่อมที่ปลีกวิเวกบำเพ็ญ
ด้านนอกมวลดอกไม้ในหุบเขาเบ่งบาน เชียนซื่อกับอูเชียนเหยียนกำลังยุ่งง่วนอยู่กับการปลูกสมุนไพร
เชียนซื่อเฉลียวฉลาดยิ่งนัก กู้ซีจิ่วถ่ายทอดความรู้ในการเพาะพันธุ์สมุนไพรให้เขาเพียงส่วนหนึ่ง เขาก็จับทางได้อย่างรวดเร็วแล้ว พืชสมุนไพรอันเปราะบางเหล่านั้นได้รับการดูแลจากเขาอย่างดียิ่ง เติบโตขึ้นอย่างแข็งแรง
เมื่อเห็นกู้ซีจิ่วเดินออกมา เด็กน้อยทั้งสองก็ก้าวเข้ามาค้อมเอวทำความเคารพพร้อมกัน “พระองค์เจ้า”
กู้ซีจิ่วพยักหน้านิดๆ มองเข้าไปในแปลงสมุนไพรทั้งสองแปลงแวบหนึ่ง จากนั้นก็มองเชียนซื่อแวบหนึ่ง เชียนซื่อเองก็เงยหน้ามองเธอแวบหนึ่งเช่นกัน สองตาส่องประกายแวววาว ราวกันรอให้เอ่ยชมสักประโยคอยู่
กู้ซีจิ่วไม่ได้พูดอะไร หันไปมองดูอูเชียนเหยียน “เปิ่นจุนเคยพูดไปแล้ว คนที่ดูแลสมุนไพรได้ไม่ดีจะต้องถูกลงโทษ…”
อูเชียนเหยียนคุกเข่าลงบนพื้น “เชียนเหยียนน้อมรับโทษ”
“ขอลงโทษเจ้าด้วยการหาบน้ำไปรดสมุนไพรทั้งหุบเขา เป็นระยะเวลาหนึ่งเดือนก็แล้วกัน หากว่าเดือนหน้ายังไม่อาจดูแลสมุนไพรให้ดีได้อีก เปิ่นจุนจะลงโทษเจ้าด้วยทัณฑ์พันเข็มทิ่มแทง”
ดวงหน้าน้อยๆ ของอูเชียนเหยียนซีดเผือด ก้มหัวต่ำลง “เพค่ะ”
สมุนไพรทั่วทั้งหุบเขาหากว่าต้องรดน้ำทุกวัน ต้องใช้น้ำอย่างน้อยๆ พันถัง ธารน้อยสายนั้นก็อยู่ห่างไกลจากแปลงสมุนไพรนัก ถ้าอูเชียนเหยียนต้องการปฏิบัติหน้าที่ให้ลุล่วง ก็ต้องทำตั้งแต่เช้าจรดค่ำ แม้แต่เวลาพักผ่อนก็ไม่มีเลย
บทลงโทษนี้ช่างหนักหนาโดยแท้ ยากนักที่จะทำให้ลุล่วงได้
แต่ว่าทัณฑ์พันเข็มทิ่มแทงนั้นเจ็บปวดอย่างยิ่ง ไม่ต่างจากการแล่เนื้อเถือหนังอย่างช้าๆ เลย
เชียนเหยียนและเชียนซื่อต่างเคยเห็นกู้ซีจิ่วใช้บทลงทัณฑ์นี้แล้ว เคี่ยวกรำคนผู้นั้นจนอยู่มิสู้ตาย ร้องโหยหวนสะเทือนหู แทบจะล่อหมาป่ามาแล้ว…
“เปิ่นจุนจะออกไปข้างนอกสักหน่อย อีกหนึ่งเดือนให้หลังจะกลับมาตรวจสอบผล” เมื่อกู้ซีจิ่วสั่งการจบ เรือนกายพลันเปล่งแสงวาบ หายไปทันที
ใบหน้าน้อยๆ ของเชียนซื่อครึ้มอยู่บ้าง เม้มปากนิดๆ ไม่เปล่งเสียงเลย
อูเชียนเหยียนกุลีกุจอก้าวเข้าไปข้างกายเขา “เชียนซื่อ เจ้า…เจ้าช่วยข้าหน่อยได้ไหม? ข้าพยายามดูแลสมุนไพรพวกนี้อย่างสุดชีวิตแล้ว แต่จะทำอย่างไรก็ดูแลได้ไม่ดีเลย…”