ตอนที่ 903 ไม่เชื่อก็ตามใจ

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ในเวลานี้ ทั่วทั้งเมืองเหยียนถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควัน สถานการณ์ที่แปลกประหลาดเช่นนี้ทำให้ผู้คนทั่วทั่งเมืองเหยียนต่างก็ตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง

เย่เฉินกับท่านเจ้าเมืองเหยียนส่งคนออกไปสำรวจตรวจการถึงสาเหตุในทันที สุดท้ายก็พบว่าสาเหตุทั้งหมดเกิดขึ้นจากแหล่งน้ำ

“ปัญหามาจากแหล่งน้ำ!”

“แหล่งน้ำมีพิษ!”

“บัดซบ! ใครกันที่วางยาพิษในแหล่งน้ำของพวกเรา”

“เป็นพิษใดนั้น พวกเราไม่สามารถตรวจสอบได้!”

“ต้องเป็นตระกูลเย่เป็นแน่ เจ้าเด็กตระกูลเย่ผู้นั้นเล่นพิษได้เก่งกาจมาก ต้องเป็นตระกูลเย่ของพวกเขาเป็นแน่ที่ต้องการจะควบคุมเมืองเหยียน ก็เลยกระทำเรื่องชั่วช้าเช่นนี้ขึ้นมา”

พวกเขาชี้ไปที่ตระกูลเย่เพื่อเรียกร้องให้ท่านเจ้าเมืองมอบความยุติธรรมให้แก่พวกเขา

เย่เฉินได้ตรวจสอบแหล่งน้ำแล้ว มีพิษจริง ๆ!

ทว่า เขาพยายามนึกถึงพิษทั้งหมด แต่ก็ไม่มีพิษใดที่เหมือนกับพิษนี้เลย

เขาไม่รู้ แต่เขามั่นใจมากว่ามีคนคนหนึ่งที่รู้ ครั้นแล้วเขาก็ไปที่เรือนของมู่เฉียนซีทันที

“เงาจันทราหนาวเหน็บ!” จันทราอันเย็นยะเยือกตกลงมา กระบวนท่ากระบี่นี้ของมู่เฉียนซีดูเหมือนว่าจะสำเร็จในขั้นพื้นฐานแล้ว

มู่เฉียนซีก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้กู้ไป๋อีประหลาดใจเป็นอย่างมาก

เย่เฉินกล่าว “นายท่าน นี่ข้ามารบกวนการฝึกฝนของนายท่านหรือไม่!”

มู่เฉียนซีวางกระบี่ลง และกล่าวว่า “กำลังจะพักอยู่พอดี เจ้ามีเรื่องอะไรเหรอ?”

ความสามารถในการจัดการเรื่องต่าง ๆ ของเย่เฉินนั้นยอดเยี่ยมมาก หัวสมองเต็มไปด้วยอุบายความคิดที่ไม่ดีราวกับว่าไม่ต้องการให้นางช่วยออกความเห็น มีเพียงเรื่องที่เขาไม่สามารถแก้ไขได้เท่านั้น เขาถึงจะมารบกวนนาง

“เกิดเรื่องขึ้นในเมืองเหยียนแล้ว แหล่งน้ำถูกวางพิษ และพิษนั้นข้าก็ตรวจสอบไม่รู้ว่าเป็นพิษชนิดใด ข้าก็เลยอยากจะให้นายท่านดูสักหน่อย” เย่เฉินกล่าว

“นึกไม่ถึง ว่าแม้แต่เจ้าก็ตรวจสอบไม่เจอว่าเป็นพิษใด น่าสนใจซะแล้วสิ ขอข้าดูหน่อย!”

ทันทีที่มู่เฉียนซีเห็นน้ำในถ้วยนี้ที่อยู่ตรงหน้านางก็ดม จากนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้น

นางเอาปลายนิ้วจุ่มน้ำในถ้วยเตรียมที่จะชิม แต่น้ำเสียงอันเย็นยะเยือกก็ดังขึ้น “คุณหนูใหญ่!”

มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่เป็นไร!”

ชิมเข้าไปเพียงเล็กน้อย มู่เฉียนซีก็ขมวดคิ้วขึ้นและกล่าวว่า “เย่เฉิน ไปห้องปรุงยากัน!”

“ท่านอาจารย์เสี่ยวไป๋ วันนี้ข้าขอลาหยุด ไม่อนุญาตก็ต้องอนุญาต!” กล่าวจบนางก็เดินจากไป

เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของมู่เฉียนซี ใบหน้าของกู้ไป๋อีก็เย็นชาขึ้น

โชคดีที่ไม่ได้รับสาวน้อยผู้นี้เป็นศิษย์ มีศิษย์ที่ไหนที่กล้าเสียมารยาทเช่นนี้กับอาจารย์กันเล่า

แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่นางมุ่งมั่นอย่างใจจดใจจ่อก็คือการปรุงยา สำหรับการปรุงยา นางมีความมุ่งมั่นและใจจดใจจ่อยิ่งกว่าเรื่องอื่นใด

หากนางมีความมุ่งมั่นและใจจดใจจ่อกับการฝึกกระบี่ให้ได้เช่นนี้ ทักษะกระบี่ของนางก็คงจะก้าวหน้าไปมากกว่านี้แน่นอน

“ชิงมู่!” เมื่อมาถึงห้องปรุงยา มู่เฉียนซีก็ได้เชิญชิงมู่ออกมา

น้ำที่มีพิษนั้นถูกเทลงในหม้อเทพ จากนั้นก็ได้ใส่สมุนไพรหลายชนิดลงไป ไม่นานนักสมุนไพรก็ได้หลอมรวมกันและกลายเป็นของเหลวสีดำชนิดหนึ่ง

“ค่อก ค่อก ค่อก!” กลิ่นฉุนแสบจมูกโชยออกมา

มู่เฉียนซีกล่าว “โดยเบื้องต้น รู้แล้วว่าเป็นพิษชนิดใด”

มู่เฉียนซีเปิดประตูให้อากาศถ่ายเท จึงทำให้กลิ่นฉุนที่แสบจมูกนั้นกระจัดกระจายไป

เย่เฉินกล่าวถามว่า “นายท่าน ตกลงแล้วมันเป็นพิษชนิดใดกันแน่?”

มู่เฉียนซีกล่าว “พิษชนิดนี้ไม่ได้ใช้สมุนไพรวิญญาณปรุงออกมา แต่มาจากตัวสัตว์วิญญาณชนิดหนึ่ง เจ้าก็เลยตรวจสอบไม่เจออย่างไรล่ะ ไม่ได้ผ่านการทดลอง ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”

“สัตว์วิญญาณ!” เย่เฉินตกตะลึงขึ้น

“เมืองเหลยสามารถควบคุมนกที่กินซากศพเหล่านั้นได้ เช่นนั้นก็ไม่แปลกที่พวกเขาจะสามารถควบคุมสัตว์พิษดำที่มีพิษรุนแรงเช่นนี้ได้ ดูเหมือนว่าพวกเขาสงบไปอยู่นานแต่ก็ยังไม่ยอมตัดใจ!” แสงสว่างวาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี

เย่เฉินกล่าว “ไอ้คนพวกนั้น รนหาที่ตายชัด ๆ!”

“เจ้าเตรียมตัวให้พร้อม ถึงเวลาที่ต้องลงมือกับเมืองเหลยแล้ว ส่วนข้าจะเริ่มปรุงยาแก้พิษ!”

“ขอรับ!”

เย่เฉินกับมู่เฉียนซีแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเอง ครั้นแล้วยาแก้พิษก็ปรุงออกมาได้ก่อนฟ้ามืด

ตอนนี้ผู้ที่โดนพิษจำนวนมากได้รวมตัวกันที่หน้าประตูจวนท่านเจ้าเมือง อีกทั้งยังมีคนในครอบครัวของพวกเขาด้วย หน้าจวนท่านเจ้าเมืองเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย!

“ท่านเจ้าเมือง ท่านต้องเรียกร้องความยุติธรรมกลับมาให้พวกเรา มันต้องเป็นฝีมือของเจ้าเย่เฉินหน้าเนื้อใจเสือนั่นแน่ ๆ”

“ท่านเจ้าเมือง……”

“ท่านเจ้าเมือง เย่เฉินได้กระทำเรื่องที่ขาดสามัญสำนึกเช่นนี้แล้ว ท่านยังเฉยอยู่อีกเหรอ?”

“……”

ผู้ที่ก่อความไม่สงบก็เริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

ในตอนนี้เองร่างชุดสีชมพูร่างหนึ่งพรวดออกมาและกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “พวกเจ้าพูดจาเหลวไหล พูดจาเหลวไหลทั้งสิ้น ท่านพี่เย่จะทำเรื่องเช่นนั้นได้ยังไง?”

เย่เฉินถือยาแก้พิษมาถึงจวนเจ้าเมืองกับมู่เฉียนซีก็ได้เห็นเหยียนฉั่วฉีพรวดออกมาปกป้องตนเองโดยที่ไม่คำนึงถึงสิ่งใด ใบหน้าของเขาก็เผยรอยยิ้มออกมา

เย่เฉินกล่าว “ทุกท่านหยุดโวยวายได้แล้ว นายท่านของข้าปรุงยาแก้พิษชนิดน้ำออกมาได้แล้ว อีกไม่นานพวกท่านก็จะได้แก้พิษกันแล้ว”

“เฉียนซีช่างเก่งกาจยิ่งนัก!” ทันทีที่เย่เฉินกล่าวจบ หญิงสาวผู้เป็นที่รักของตนก็ตกอยู่ในอ้อมกอดของผู้อื่น

โชคดีที่นายท่านเป็นผู้หญิง หากเป็นผู้ชายแล้วล่ะก็ มีหวังเขาทนไม่ได้จนต้องลงมือไปแล้วเป็นแน่!

“ยาแก้พิษชนิดน้ำคือสิ่งใดกัน นักปรุงยาในเมืองนี้หลายคนไม่มีผู้ใดช่วยได้เลย เจ้าเป็นแค่เด็กคนนึงจะทำอะไรได้”

“นั่นน่ะสิ เจ้าอาจจะเอายาพิษที่ร้ายแรงกว่าเดิมมาให้พวกข้ากิน แล้วให้พวกข้าทั้งหมดตายก็ได้!”

“……”

เย่เฉินเอายาขวดหนึ่งออกมาและกล่าวว่า “นี่เป็นยาแก้พิษจริง ๆ”

ผู้เฒ่าหลายสิบคนเดินออกมาจากจวนเจ้าเมืองและดูยาขวดนั้น จากนั้นก็กล่าวขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “เหลวไหล เหลวไหลจริง ๆ ยาระดับต่ำเช่นนี้จะได้ผลได้ยังไง”

“ในสถานการณ์เช่นนี้ แม้แต่เม็ดยาวิญญาณของพวกข้าก็ยังไม่ได้ผล ส่วนนี่เป็นเพียงแค่ยาที่เอาสมุนไพรวิญญาณง่าย ๆ มาผสมเข้าด้วยกัน มันจะแก้พิษได้ยังไง คนหนุ่มสาว ชีวิตสำคัญดุจดั่งฟ้า พวกเจ้าจะมาพูดจาเหลวไหลไม่ได้”

ผู้เฒ่าเหล่านี้เป็นนักปรุงยาที่ถูกท่านเจ้าเมืองเรียกตัวมาเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับการรับมือ พวกเขาเป็นนักปรุงยาที่เก่งกาจที่สุดในเมืองเหยียนแล้ว

มู่เฉียนซีกล่าว “พวกท่านปรุงยาแก้พิษไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่ายาของข้าจะไม่ได้ผล”

พวกเขากล่าวด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่พวกเจ้าจะมาเล่นอะไรก็ได้ รีบกลับไปเถอะ ผู้ป่วยเหล่านี้เชื่อในตัวพวกข้า ไม่ใด้เชื่อในตัวพวกเจ้า!”

ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยหรือคนในครอบครัวพวกเขาต่างก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ท่านปรมาจารย์หลี่ พวกเราเชื่อพวกท่าน ได้โปรดพวกท่านช่วยพวกเราด้วย!”

“ได้โปรดพวกท่านรีบหาวิธีปรุงยาแก้พิษช่วยพวกเราด้วย!”

“……”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “พวกเจ้าขอร้องพวกเขาไปก็ไร้ประโยชน์ พิษที่พวกเจ้าโดน ภายในสามวันพวกเจ้าจะเน่าเปื่อยและต้องตาย พวกเจ้าดูที่ร่างกายของพวกเจ้าสิว่ามีแผลเน่าเปื่อยแล้วใช่หรือไม่”

“หากพวกเจ้าเชื่อผู้เฒ่าเหล่านี้ เกรงว่าแม้แต่อาการของโรคก็ตรวจไม่ได้ ผลสุดท้ายพวกเขาก็ยังไม่รู้เหมือนเดิม เช่นนี้พวกเจ้ายังจะเชื่อพวกเขาอยู่อีกเหรอ?”

คำพูดนี้ของมู่เฉียนซีทำให้พวกเขามีสติขึ้น

สีหน้าของผู้เฒ่าเหล่านี้เขียวคล้ำด้วยความโกรธ จากนั้นก็ซีดเผือดด้วยความตกใจ พิษนี้ทำให้เน่าเปื่อยและต้องตาย พวกเขาไม่รู้จริง ๆ

พวกเขากล่าว “สาวน้อยผู้นี้ต้องเดามั่วซั่วเป็นแน่!”

“พวกเจ้าอย่าได้หลงเชื่อสาวน้อยผู้นี้เด็ดขาด”

“……”

มู่เฉียนซีกล่าว “พวกเจ้าไม่เชื่อก็ตามใจ รอให้ทรมานตายก็แล้วกัน อันที่จริงแล้ว ข้าก็เป็นแค่คนที่ผ่านทางมาในเมืองเหยียนก็เท่านั้น พวกเจ้าจะเป็นหรือจะตาย มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้า เย่เฉิน พวกเราไปเถอะ!”