ตอนที่ 902 ตั้งชื่อกระบี่

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “เสี่ยวไป๋ให้ข้าช่วยหลอมกระบี่ให้เขาสักเล่มน่ะ ข้ารับปากเขาแล้ว ดังนั้น……”

เย่เฉินมองมู่เฉียนซีด้วยท่าทีที่เฉื่อยชา นายท่านพูดว่าอะไรนะ

หรือว่า……หรือว่านายท่านก็เป็นนักหลอมอาวุธด้วย!

มู่เฉียนซีเอาวัสดุหลอมอาวุธที่ดีที่สุดออกมา ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งในการหลอมอาวุธของมู่เฉียนซีจะไม่ค่อยดีมากนัก แต่ก็สามารถหลอมกระบี่ที่ดีออกมาได้เล่มหนึ่ง

มิเช่นนั้นหากพลังของเสี่ยวไป๋ฟื้นฟูกลับมาถึงขั้นสูงสุด แต่กลับมีกระบี่ที่ไม่เข้าท่า มันก็จะดูไม่เหมาะสมกับคนอย่างเขา

มู่เฉียนซีทุ่มเทกายใจ ใจจดใจจ่อจนหลอมกระบี่เล่มหนึ่งออกมาได้ เป็นกระบี่ยาวที่สวยงามแต่สีสันไม่ฉูดฉาดจนเกินไป อีกทั้งยังมีความประณีตและดูแข็งแกร่งมากอีกด้วย

ระดับของกระบี่ยาวเล่มนี้ไม่ถึงขั้นปฐพี เป็นเพียงแค่อาวุธวิญญาณระดับเจ็ดเท่านั้น

นี่เป็นผลลัพธ์ที่นางพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว มู่เฉียนซีถือกระบี่เล่มนั้นเดินออกมาจากห้องหลอมอาวุธ และนางก็ได้เห็นกับกู้ไป๋อีที่ยืนอยู่ด้านนอก

“คุณหนูใหญ่หลอมเสร็จแล้วเหรอ?”

“ใช่” มุมปากของมูเฉียนซียกยิ้มขึ้นเล็กน้อย

“ให้เจ้า!” นางโยนกระบี่ที่อยู่ในมือให้กับกู้ไป๋อี

ตัวกระบี่เป็นสีเงินครามที่เย็นยะเยือก ซึ่งเข้ากับนิสัยใจคอของกู้ไป๋อีมาก ราวกับว่าตั้งใจจะหลอมออกมาเพื่อเขาก็มิปาน

กู้ไป๋อีกล่าว “อาวุธวิญาณระดับเจ็ด ดีกว่าที่ข้าจินตนาการเอาไว้มาก”

มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าคิดว่าข้าจะหลอมอาวุธวิญญาณระดับหนึ่งเหมือนตอนที่ข้าเพิ่งเรียนหลอมอาวุธแรก ๆ อย่างนั้นเหรอ ถึงแม้ส่วนมากข้าจะใจจดใจจ่ออยู่แต่กับการปรุงยา แต่เมื่อพลังความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น ฝีมือการหลอมอาวุธของข้าก็ไม่ได้แย่นะ!”

“อืม!” เขาพยักหน้าอย่างเชื่องช้า และมองมู่เฉียนซีด้วยแววตาที่เย็นชา

พรสวรรค์ที่หลากหลายของนางแข็งแกร่งจนทำให้ผู้คนต้องไม่พอใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นอัจฉริยะเช่นนี้

กู้ไปอีมองดูกระบี่ที่อยู่ในมือ และกล่าวถามว่า “คุณหนูใหญ่อยากจะเปลี่ยนกระบี่หรือไม่?”

ใบหน้าของมู่เฉียนซีเผยความประหลาดใจออกมา “ให้ข้าเปลี่ยนกระบี่อย่างนั้นเหรอ?”

“ข้าชื่นชอบกระบี่มังกรเพลิงมาก อีกอย่างกระบี่มังกรเพลิงก็แข็งแกร่งมากด้วย เหตุใดข้าถึงต้องเปลี่ยนมัน”

“กระบี่มังกรเพลิง!” กู้ไป๋อีพ่นคำห้าคำนี้ออกมาอย่างเชื่องช้า

“ไม่ว่าทักษะกระบี่จะแข็งแกร่งเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถข้ามขั้นได้สูงพอที่จะทำให้คุณหนูใหญ่ฆ่าศัตรูข้ามขั้นได้ ส่วนใหญ่ที่คุณหนูใหญ่สามารถฆ่าศัตรูได้ก็เป็นเพราะว่ากระบี่เล่มนี้” กู้ไป๋อีกล่าวด้วยความมั่นใจ

“เป็นเช่นนั้นแล้วยังไง?”

“ผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งพอ และสายตาดีก็จะดูออก กระบี่เล่มนี้อย่างน้อยก็ต้องเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพ คุณหนูใหญ่ผู้ที่พลังวิญญาณยังไม่ถึงขั้นมหาจักรพรรดิ ใช้กระบี่ที่เป็นมหาวัตถุศักดิ์เทพเช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่ามีคนต่อกี่คนคิดอยากจะแย่งมันไป”

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “ถ้าข้าบอกว่านี่คือกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณล่ะ เจ้าจะเชื่อหรือไม่?”

กู้ไป๋อีส่ายหน้าและกล่าวว่า “หากมันเป็นกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณ คุณหนูใหญ่ก็คงจะไม่ได้เป็นแค่ผู้บำเพ็ญภูตธาตุวารีเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุคู่ วารีและอัคคี”

ไม่มีผู้ใดนึกถึงว่ากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ในตำนานนั้นได้แตกกระจัดกระจายออกจากกัน ดังนั้นความจริงที่มู่เฉียนซีกล่าวออกไปย่อมไม่มีผู้ใดเชื่อ

“แต่ต่อให้มันจะไม่ใช่กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณที่เป็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ ผู้ที่มีจิตใจละโมบโลภมากก็มีไม่น้อย” กู้ไป๋อีกล่าว

เขาเงยหน้ามองมู่เฉียนซี “แต่จะว่าไป กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณก็เป็นกระบี่ที่เหมาะสมกับคุณหนูใหญ่มาก”

เขาจำได้ว่าสาวน้อยผู้นี้เคยบอกเอาไว้ว่านางอยากจะเป็นนักปรุงยาที่แข็งแกร่งที่สุด

ทว่า หากไม่มีพลังธาตุอัคคี ก็ยากที่จะไปถึงจุดนั้นได้

นางมีพลังธาตุวารีมาตั้งแต่กำเนิด ไม่มีทางที่จะกลายเป็นผู้บำเพ็ญภูตธาตุอัคคีได้แล้ว

เว้นเพียงแต่ว่านางจะได้รับมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์ที่มีพลังธาตุอัคคีที่แข็งแกร่งเท่านั้น นี่ถึงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าก็รู้ดีถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์ แต่มันไม่ได้หาเจอง่าย ๆ เช่นนั้นน่ะสิ”

ถึงแม้ว่านางจะได้รับโครงสร้างที่สมบูรณ์มาแล้ว แต่วิญญาณกระบี่ยังหาไม่เจอ ฝักกระบี่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา และสิ่งที่ยากยิ่งกว่านั้นก็เกรงว่าคงจะเป็นพิฆาตวิญญาณ

“ตำหนักตงจี๋ไม่เคยคิดที่จะล้มเลิกตามหากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เลย พวกเขาตามหามานานหลายปีแล้ว แต่กลับไม่เจอร่องรอยของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าก่อนหน้าไม่นานพวกเขาจะเจอแล้ว แต่มันก็ถูกพิสูจน์แล้วว่ามันเป็นของปลอม” กู้ไป๋อีกล่าวอย่างเย็นชา

“เป็นของปลอมอย่างนั้นเหรอ?” ของปลอมนั้นปลอมได้เหมือนจริงมาก นึกไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วจะถูกพิสูจน์เจอ

ไม่รู้ว่าการที่เฟิงอวิ๋นซิวได้กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ปลอมไปนั้น เขาจะถูกลงโทษหรือไม่!

“รอให้พลังของข้าฟื้นฟูกลับมาแล้ว ข้าจะส่งคนออกไปตามหา”

“ตามหา?”

“เพื่อเป็นการตอบแทนที่คุณหนูใหญ่ช่วยชีวิตของข้าไว้ เป็นเช่นไร?” กู้ไป๋อีกล่าวถาม

“ตอนนี้เจ้าก็ขายตัวเพื่อตอบแทนแล้วไม่ใช่เหรอ?” มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว

“นั่นเป็นวิธีตอบแทนที่คุณหนูใหญ่ขอ ข้าอยากจะตอบแทนด้วยวิธีของข้า” เขาตอบ

“เจ้านี่ให้ความสำคัญกับชีวิตน้อย ๆ ของเจ้ามากจริง ๆ ลงมือใหญ่โต นึกไม่ถึงว่าจะใช้ของล้ำค่าเช่นนั้นมาตอบแทนคนอื่นที่ช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้” มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว

“อืม!” กู้ไป๋อีไม่ได้กล่าวอะไรมาก

มู่เฉียนซีก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก คิดจะตามหามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ นางตามหาได้สะดวกกว่าผู้อื่นมาก ตราบใดที่โอกาสมาถึง นางก็จะรับรู้ได้

มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวไป๋ ไปฝึกกระบี่เป็นเพื่อนข้าหน่อย!”

“ได้!”

มู่เฉียนซีเก็บกระบี่มังกรเพลิงไว้ แต่เอากระบี่ยาวธรรมดา ๆ เล่มหนึ่งออกมา!

ส่วนกู้ไป๋อีตอนนี้ก็ได้เอากระบี่สีเงินครามเล่มนั้นออกมา มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เสี่ยวไป๋ เจ้ายังไม่ได้ตั้งชื่อให้กระบี่ของเจ้าเลยนะ!”

“คุณหนูใหญ่คิดว่ามันควรชื่อว่าอะไรดีล่ะ?”

มู่เฉียนซีคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวออกมาว่า “ชื่อกระบี่เสี่ยวไป๋เถอะ!”

“ค่อก ค่อก ค่อก!” อู๋ตี้กับเสี่ยวหงแทบกระอัก

นายท่าน นี่เป็นกระบี่ที่นายท่านอุตส่าห์ทุ่มเทกายใจหลอมมันออกมาเชียวนะ ตั้งชื่อดี ๆ ให้มันสักหน่อยไม่ได้หรือไง

มุมปากของกู้ไป๋อีกระตุกเล็กน้อย มู่เฉียนซีกล่าว “หากเจ้าไม่อยากได้ชื่อที่ธรรมดา และจำง่ายเช่นนี้ เจ้าก็คิดชื่อเองสิ!”

ถึงแม้ว่าใบหน้าของกู้ไป๋อีจะไร้ซึ่งอารมณ์และความรู้สึก แต่มู่เฉียนซีก็มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าเขารังเกียจชื่อนี้มาก

กู้ไปอีกล่าว “เฉียนหาน!”

“โอ้!” หานที่แปลว่าเย็นยะเยือก ช่างเข้ากับนิสัยใจคอของเขายิ่งนัก

กู้ไป๋อีกล่าว “ข้าจะสอนเพลงกระบี่ให้กับคุณหนูใหญ่ชุดหนึ่ง ชื่อว่าห้ากระบวนท่าเงาหนาวเหน็บ”

มู่เฉียนซีกล่าว “เงาจันทราหนาวเหน็บที่เจ้าเอาชนะข้าได้ ก็เป็นหนึ่งในกระบวนท่านั้นใช่หรือไม่?”

“ใช่ เป็นกระบวนท่าแรก เงาจันทราหนาวเหน็บ!” ทันทีที่เขากล่าวจบ บนท้องฟ้าก็ดูเหมือนว่าจะมีจันทราสีเงินปรากฏขึ้น!

แสงอันเย็นยะเยือกของจันทรานี้ตกลงมาสู่พื้นดิน!

ตูม!

เสียงดังสนั่นขึ้น มันตกลงมากระแทกบนพื้นจนเกิดหลุมขนาดใหญ่!

นี่เป็นพลังการโจมตีพลังหนึ่ง ตอนนี้กู้ไป๋อีมีพลังแค่ขั้นจักรพรรดิระดับหนึ่ง หากพลังของเขาถึงขั้นมหาจักรพรรดิ ขั้นมหาจักรพรรดิระดับสูงสุด เช่นนั้นการโจมตีนี้สามารถแข็งแกร่งถึงขั้นพังทลายได้

มู่เฉียนซีกล่าวถาม “ข้าจะไม่แพ้ให้เจ้า”

ครั้งแรกที่ใช้เงาจันทราหนาวเหน็บ การโจมตีนี้ราวกับว่าเป็นลมที่เย็นยะเยือกพัดผ่านไปก็มิปาน

แต่เมื่อพลังชีวิตผสานเข้ากับกลิ่นอายของกระบี่แล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ง่ายเหมือนที่จินตนาการเอาไว้ นางเป็นมือใหม่ในการฝึกฝนยุทธ์ แต่ก็ต้องถูกบีบให้ยอมแล้ว

กู้ไป๋อีกล่าว “ดูท่า ข้าคงต้องสอนคุณหนูใหญ่ไปทีละขั้นตอนเสียแล้ว”

ถึงแม้ว่าพลังวิญญาณของมู่เฉียนซีจะถึงขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับสาม แต่กลับไม่มีประสบการณ์ในการใช้พลังชีวิตมากนัก กู้ไป๋อีจึงทำได้เพียงแค่สอนด้วยตนเอง

เป็นเพราะการฝึกร่ายเพลงกระบี่ของผู้วิปริตสองคนนี้ เย่เฉินจึงรู้สึกว่าจวนตระกูลเย่ของพวกเขาคงต้องทำการซ่อมแซมใหม่แล้ว

นายท่านแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น ยังคงฝึกฝนอย่างสุดชีวิต ส่วนตัวเขานั้นเริ่มช้ามาก แล้วจะเกียจคร้านในการฝึกฝนได้อย่างไรกันเล่า

ตระกูลเย่อาศัยอยู่ในเมืองเหยียนอย่างมั่นคง การฝึกบำเพ็ญของเย่เฉินก็ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว แต่บัดนี้เมืองเหยียนกลับวุ่นวาย ทั่วทั้งเมืองดูเหมือนว่าจะประสบกับโรคระบาดอย่างร้ายแรง คนจำนวนมากเกิดอาการไข้สั่น ทรมานเป็นอย่างยิ่ง ผู้ที่มีพลังงอ่อนแออาการก็ยิ่งหนักหนาสาหัส