ตอนที่ 1385 พื้นฐานข้อตกลง

Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ

ตอนที่ 1385 พื้นฐานข้อตกลง โดย Ink Stone_Fantasy

ครั้งนี้กลายเป็นโรแลนด์ที่ตกตะลึงไป

การนิ่งเงียบไปเป็นเวลานานของอีกฝ่ายทำให้เขาคิดว่าการสอบถามครั้งนี้คงจะไม่ได้อะไรกลับมาแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าพอไนท์แมร์เอ่ยปาก เธอจะอธิบายเรื่องแผ่นดินลอยฟ้าออกมาจนหมด แถมยังอธิบายอย่างละเอียดด้วย ความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างมากนี้ทำให้เขาตั้งตัวไม่ติด

“ทำหน้าอย่างนั้นหมายความว่ายังไง?” วัลคีรีย์ถลึงตาใส่เขา “ข้าไม่ได้ทรยศต่อเผ่าพันธุ์ซักหน่อย ข้าแค่เห็นด้วยกับความคิดของทรานฟอร์มเมอร์เท่านั้น สงครามแห่งโชคชะตาไม่สามารถทำให้เผ่าพันธุ์อยู่รอดสืบต่อไปได้ ถ้าปล่อยให้สงครามดำเนินต่อไป พวกเราก็มีแต่จะกลายเป็นหมากของพระเจ้าเท่านั้น ดังนั้น…การหยุดมันจึงเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด”

เอ่อ นั่นมันความคิดของเขาไม่ใช่เหรอ โรแลนด์เกาหัว เมื่อพันปีก่อนทรานฟอร์มเมอร์ยังไม่สามารถเชื่อมต่อกับโลกแห่งความฝันได้อย่างสมบูรณ์ แล้วมันจะไปรู้เรื่องละเอียดขนาดนี้ได้ยังไง แต่ต่อให้เป็นคนโง่แค่ไหน เขาก็รู้ว่าในเวลาแบบนี้สิ่งที่เขาควรทำก็คือไหลไปตามคำพูดของอีกฝ่าย

“ถูกต้อง ในที่สุดเจ้าก็เข้าใจในเรื่องนี้ซักที” เขาทำสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ แล้วก็พยายามทำท่าให้ดูสบายมากที่สุด จากนั้นจึงยื่นมือออกไป “ถึงแม้ตอนนี้พระเจ้าจะสังเกตเห็นพวกเราแล้ว แต่ข้าเชื่อว่าทุกอย่างมันยังไม่สายเกินไป…”

แต่วัลคีรีย์กลับไม่ได้จับมือเขาตอบ

“ก่อนหน้านั้น ข้ามีคำถามอยากจะถามเจ้าข้อหนึ่ง”

“อะไร?”

“ถ้าสุดท้ายทั้งหมดมันเป็นเหมือนอย่างที่เทวทูตพูดจริงๆ อย่างนั้นเจ้าคิดจะจัดการเรื่องระหว่างมนุษย์กับเผ่าพันธุ์ข้ายังไง?”

สีหน้าของไนท์แมร์คร่ำเคร่งอย่างมาก โรแลนด์รู้ว่าคำถามนี้จะตัดสินทุกสิ่ง เธอถามประเด็นสำคัญแบบนี้ออกมา นั่นแสดงให้เห็นว่าเธอนั้นเริ่มคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือและเส้นทางในอนาคตที่แท้จริงของเผ่าพันธุ์ เขาแอบสังหรณ์ใจว่าถ้าเขาตอบคำถามไม่ถูกใจอีกฝ่าย เธออาจจะฝืนที่จะออกไปจากโลกแห่งความฝัน ถึงแม้เธอจะต้องตายก็ตาม

“บอกตามตรง ข้ายังไม่ได้คิดเหมือนกัน” หลังนิ่งเงียบไปครู่ โรแลนด์จึงค่อยๆ ตอบออกมา

วัลคีรีย์ขมวดคิ้วพร้อมถามเสียงเยือกเย็นขึ้นมา “ก็แสดงว่าตั้งแต่แรกเจ้าก็แค่พูดๆ มาเท่านั้น แต่ภายในใจไม่ได้คิดที่จะเชื่อว่าข้าจะร่วมมือกับเจ้าใช่ไหมล่ะ?”

“เปล่า ไอคิดน่ะมันคิด เพียงแต่เรื่องนี้มันซับซ้อนมากเกินไป” เขายิ้มแห้งๆ คำตอบนี้ไม่ถือเป็นคำตอบที่ดี แต่เขากลับไม่อยากจะประดิษฐ์คำพูดที่ดูดีออกไปเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ อีกฝ่ายไม่ใช่คนโง่ อีกทั้งการสร้างความหวังก็ไม่ใช่สิ่งที่ตนเองถนัดด้วย แทนที่จะแสร้งทำเป็นฉลาด สู้พูดสิ่งที่ในใจคิดออกมาตรงๆ ดีกว่า “สงครามระหว่างมนุษย์กับปีศาจดำเนินมาเป็นเวลานานนับพันปี ความแค้นนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะสลายหายไปในเวลาสั้นๆ ได้ ถ้าอยากจะทำให้โลกแห่งความจริงกลายเป็นเหมือนโลกแห่งความฝันนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย วิธีที่ข้าคิดออกในตอนนี้ก็ก็คือแยกทั้งสองเผ่าพันธุ์ออกจากกัน ให้พวกเจ้าออกไปจากโลกของมนุษย์ตลอดกาล”

“ไปที่ไหน?”

“เรื่องนี้เอาไว้ค่อยคิด แต่ว่าโลกข้างนอกกว้างใหญ่ขนาดนั้น ข้าว่ายังไงก็ต้องมีที่ให้พวกเจ้าอยู่แหละ”

ทั้งสองจ้องตากันอยู่นาน จนกระทั่งในตอนที่ควันในถ้วยกาแฟจางหายไป วัลคีรีย์จึงได้พูดทำลายความเงียบขึ้นมา “ถ้าเจ้าตอบออกมาแบบไม่ทันคิด แถมยังตอบแบบเป็นห่วงเป็นใยทุกๆ อย่าง แบบนั้นมันอาจจะเป็นกับดักได้ แต่ตอนนี้ข้ากลับรู้สึกว่าเจ้าเหมือนจะทำแบบนั้นจริงๆ”

“เอ่อ…การที่ยังไม่ได้คิด ถือเป็นคำตอบที่ดีงั้นเหรอ?”

“จะคิดแบบนั้นก็ได้” ไนท์แมร์ถอนหายใจออกมา “ข้ายอมรับว่านี่เป็นเหมือนสะพานไม้บนหุบเหว ไม่ว่าจะไปข้างหน้าหรือลงไปด้านล่างก็ล้วนแต่ไม่อาจคาดเดาได้ แต่ถึงแม้จะมีความหวังเพียงน้อยนิด ข้าก็ต้องลองดู เพราะว่าในเผ่าพันธุ์มีเพียงข้าเท่านั้นที่ทำเรื่องนี้ได้”

โรแลนด์สังเกตเห็นว่าในตอนที่เธอพูดคำพูดนี้ออกมา สองมือของเธอกำแน่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

เห็นได้ชัดว่าภายในใจของเธอไม่ได้หนักแน่นเหมือนอย่างคำพูดของเธอ

แต่เขาเองก็รู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่จะตัดสินใจได้ง่ายๆ สำหรับใครหลายคน การตกลงไปด้านล่างหุบเหวต่างหากถึงจะเป็นเรื่องปกติ ในตอนที่มองไม่เห็นความต่างของจุดจบ การยอมที่จะก้าวต่อไปข้างหน้ากลับกลายเป็นการหลุดพ้นอย่างหนึ่ง

“เจ้าเองก็อย่าได้ใจเกินไป” วัลคีรีย์กวาดตามองดู “พระเจ้าที่เป็นคนวางแผนสงครามแห่งโชคชะตาขึ้นมาไม่มีทางนั่งมองเจ้าอยู่เฉยๆ แน่ ถ้าทั้งโลกถูกมันสร้างขึ้นมา ข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะมีโอกาสเอาชนะมันได้ เผลอๆ สุดท้ายพวกเราทั้งสองเผ่าพันธุ์อาจจะถูกทำลายจนไม่เหลือซากเลยก็ได้”

“ข้าเองก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน” โรแลนด์ตอบอย่างสบายใจ ข้ายื่นมือไปหาอีกฝ่ายอีกครั้ง “ดังนั้นพวกเราจึงลงเรือลำเดียวกันแล้ว”

ครั้งนี้ ไนท์แมร์ค่อยๆ ยื่นมือขวามาจับมือเขาไว้

“อย่างนั้นก็รีบจัดการเรื่องพระผู้สร้างกันเถอะ” เมื่อเห็นข้อตกลงประสบผลสำเร็จ โรแลนด์จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาสั่งกาแฟของคาบสมุทรคาร์การ์ดให้เธอใหม่ จากนั้นจึงรีบพูดขึ้นมาว่า “มีวิธีไหนที่จะติดต่อเฮคซอดไหม? บอกให้มันเอาแผ่นดินลอยฟ้าถอยกลับไป หรือไม่ก็ให้ความร่วมมือกับพวกข้า ปล่อยให้กองทัพที่หนึ่งเข้าไปยังบอทธ่อมเลสแลนด์ก็ไม่เลวเหมือนกัน”

“สายไปแล้ว” วัลคีรีย์ส่ายหัว

“อะไรนะ?”

“ก่อนหน้านี้ที่ข้าอยากให้เฮคซอดเข้ามาในโลกแห่งความฝัน หนึ่งก็เพราะอยากจะได้ข่าวคราวของโลกภายนอกจากมัน สองก็เพื่อเพิ่มโอกาสที่จะกล่อมมัน แต่คิดไม่ถึงว่าสถานการณ์มันจะเลวร้ายกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ มันเชื่อคำแนะนำของอุรูคแล้ว พระผู้สร้างก็น่าจะเป็นมันนี่แหละที่ขอมา สถานการณ์ดำเนินมาถึงตอนนี้แล้ว มันไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว”

“เจ้าหมายความว่า..”

“เจ้าคิดหรือว่าอาศัยแค่สกายลอร์ดเพียงตัวเดียวจะสามารถควบคุมไพ่ตายของเผ่าพันธุ์ได้? ทันทีที่พระผู้สร้างมาถึงทางตะวันตก การที่จะทำให้มันกลับไปนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย อย่าว่าแต่เฮคซอดเลย ต่อให้เป็นข้าก็ไม่มีทางทำให้จักรพรรดิกับราชาทั้งหมดเชื่อได้แน่” วัลคีรีย์พูดตรงๆ “ยิ่งไปกว่านั้นการที่สกายลอร์ดขอเอาพระผู้สร้างมาใช้ มันจะต้องได้รับความกดดันอย่างมากแน่ ตอนนี้โอกาสที่จะดึงมันมาเป็นพวกนั้นเรียกได้ว่าเหลือน้อยเต็มที พูดอีกอย่างคือคนที่ตกลงจะร่วมมือกับเจ้านั้นมีแต่ข้าเพียงคนเดียวเท่านั้น อย่างน้อยตอนนี้ก็เป็นแบบนี้”

“ตอนนี้?” โรแลนด์จับความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว “เจ้ามีวิธีอื่นที่จะกล่อมเฮคซอดได้เหรอ?”

วัลคีรีย์ไม่ได้ปฏิเสธ “ข้ารู้จักมันดี ถ้าจะให้มันก้าวออกมาแบกรับความเสี่ยงทั้งหมด ด้วยการต่อต้านคำสั่งของจักรพรรดทั้งๆ ที่หนทางข้างหน้ายังไม่ชัดเจนนั้นไม่มีทางเป็นไปได้เลย แต่ถ้าเตือนมันหลีกเลี่ยงอันตรายนั้นกลับไม่ใช่เรื่องยาก ปกติแล้วมันมักจะเป็นคนที่ห่วงเรื่องความปลอดภัยของตัวเองมากที่สุด…”

มุมปากของโรแลนด์กระตุกขึ้นมา คำพูดนี้ถ้าจะแปลให้ฟังดูดีก็คือระมัดระวัง แต่จะแปลให้แย่ก็คือขี้ขลาดนั้นแหละ

“ข้าจะเขียนจดหมายบอกให้มันออกห่างจากพระผู้สร้าง นี่คือเรื่องเดียวที่ข้าสามารถทำได้ ขอเพียงเจ้าเอาจดหมายไปส่งถึงมันได้ มันก็เป็นไปได้สูงที่เฮคซอดจะทำตาม แต่สงครามที่กำลังจะระเบิดขึ้นนั้นไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ นอกจากเอาชนะพระผู้สร้างได้แล้ว เจ้าไม่มีทางเลือกอื่นให้เดินอีก” วัลคีรีย์พูดช้าๆ ชัดๆ “มีแต่ต้องถล่มให้มันร่วงตกลงมา เฮคซอดถึงจะรู้ว่าสงครามแห่งโชคชะคานั้นไม่ใช่เส้นทางที่ถูกต้อง โอกาสที่ข้าจะพูดกล่อมมันก็จะเพิ่มขึ้น”

“ดังนั้นมันจำเป็นต้องมีชีวิตอยู่ จนกว่าสงครามแห่งโชคชะตา…จะจบสิ้นลง และนั่นก็คือพื้นฐานของการร่วมมือกันของพวกเรา” เธอเบือนสายตาหนี ทำให้โรแลนด์ไม่สามารถสังเกตดูสีหน้าเธอได้ “ถ้าเจ้าทำไม่ได้ อย่างนั้นก็คิดซะว่าข้าไม่เคยพูดอะไร”

………………………………………………………….