ตอนที่ 2,007 : มรดกของปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์!
ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจไม่น้อย หลังได้ฟังหลิวอวิ๋นกล่าวเล่าว่าในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้ กลับมีสิ่งที่เรียกว่าศาสตราหมื่นอาคมเซียนดำรงอยู่!
หลังจากทั้งหมดแล้ว ในลัทธิบูชาไฟแห่งนี้ลำพังแค่ศาสตราพันอาคมเซียน ก็มีมูลค่าสูงถึง 10,000,000 คะแนนสะสม! แล้วถ้าหากเป็นศาสตราหมื่นอาคมเซียนเล่า…มันจะมีมูลค่ากี่คะแนนสะสมกัน!?
แต่ทว่าหลังได้ฟังวาจาของหลิวอวิ๋นจนจบ ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกเสมือนมีอัสนีฟาดผ่าเปรี้ยงลงมาก้องหู
“ศาสตราหมื่นอาคมเซียนทั้ง 10 ก็คือยอดศาสตราเซียน 10 อันดับแรกในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่!?”
คราวนี้ต้วนหลิงเทียนตะลึงงันไปแล้วจริงๆ
เพราะเขาไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ…
ว่าศาสตราหมื่นอาคมเซียนทั้ง 10 นั่น ที่แท้จะเป็นยอดศาสตราเซียน 10 อันดับแรกในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่!!
ในบรรดายอดศาสตราเซียนทั้ง 10 นั้น ไม่ต้องกล่าวถึง 9 ยอดศาสตราชิ้นอื่นๆ ทว่าตราผนึกมารที่เขาถือครองอยู่นานในอดีต ก็คือ 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนที่ว่า!!
ด้วยเหตุนี้ทำให้เขารู้สึกถึงพลังอำนาจของตราผนึกมารดี!
นอกเหนือจากความสามารถพิเศษอย่างสะกดกข่มหมู่มารทั่วหล้าแล้ว ในแง่ของการเพิ่มพลังมันยังด้อยกว่าศาสตราเซียนทั่วๆไปเสียอีก!
พอตอนนี้มาได้ยินคำอธิบายของหลิวอวิ๋น จึงทำให้เขาทราบได้ทันทีว่าที่แท้นี่คือพลังพิเศษเฉพาะของศาสตราหมื่นอาคมเซียนที่ว่า!
ศาสตราหมื่นอาคมเซียนนั้นแตกต่างจากศาสตราพันอาคมเซียน ร้อยอาคมเซียน และกระทั่งสิบอาคมเซียน!
อย่างหลังนั้นจะมอบพลังอำนาจให้ผู้ใช้ตามอาคมเซียนที่สลักไว้ ยิ่งมากก็จะยิ่งมีพลังจู่โจมอันเข้มแข็งน่ากลัว
ส่วนอย่างแรกไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การเสริมสร้างพลังของผู้ใช้
สำหรับเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนไม่อาจรู้น้อยไปกว่าใครอีกแล้ว เพราะเขาเองก็ใช้ตราผนึกมารมาเนิ่นนาน ทำให้รู้ว่ามันไม่ใช่ยอดศาสตราที่มุ่งเน้นในด้านเสริมพลังให้แก่ผู้ใช้!!
‘ไม่คิดมาก่อนเลยจริงๆ…ว่ายอดศาสตราเซียน 10 อันดับแรกในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ ที่แท้จะเป็นศาสตราหมื่นอาคมเซียนในตำนาน! ไม่เพียงเท่านั้นยังมีเพียงปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์เท่านั้นที่มีพลังสามารถสูงพอจะสลักจารึกอาคมนับหมื่นลงศาสตรา…เพื่อสร้างศาสตราเซียนหมื่นอาคม’
พอคิดถึงเรื่องนี้ใจต้วนหลิงเทียนเต็มไปด้วยมวลอารมณ์ก้อนหนึ่ง
ขณะเดียวกันเขายังตระหนักได้ว่าปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์คนนั้น คือสุดยอดอัจฉริยะอย่างแท้จริง
ต้องทราบด้วยว่าศาสตราหมื่นอาคมเซียนที่เป็นผลงานของมัน กลับดำรงอยู่ข้ามผ่านกาลเวลานับหมื่นๆปี สืบทอดต่อๆกันมาจนถึงทุกวันนี้!
ภายหลังผู้คนถึงกับขนานนามให้มันเป็นยอดศาสตราเซียน กระทั่งยังติด 10 อันดับแรกของศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่อีกด้วย!
และรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ ก็คือทำเนียบอาวุธที่ดีที่สุดในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!
จนถึงตอนนี้พวกมันยังไม่มีศาสตราเซียนใดๆเบียดตำแหน่งได้! ทั้ง 10 ชิ้นล้วนขึ้นหิ้งไปแล้ว!!
แต่แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนรู้ดี ว่าขอเพียงเขาเปิดเผยเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ หรือกระบี่นิลสวรรค์ออกมา กระทั่งศาสตราอื่นๆที่อยู่ในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ…ทั้งหมดล้วนทรงพลังอำนาจมากพอจะเขี่ย 10 ยอดศาสตราเซียนให้ตกหิ้ง!
อย่างไรก็ตามสิ่งของเหล่านี้ไม่ใช่ศาสตราเซียน แต่มันคือยอดสมบัติสวรรค์! พวกมันยังไม่ใช่อะไรที่สมควรจะมาปรากฏอยู่ในระนาบโลกียะแห่งนี้ด้วยซ้ำ!
พวกมันมาจากระนาบเทวโลก!
เช่นนั้นยอดศาสตราเซียนใดๆจึงไม่อาจเทียบเทียมพวกมันได้เลย
สำหรับดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้ ศาสตราหมื่นอาคมเซียนทั้ง 10 หรือ 10 ยอดศาสตราเซียนที่ปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์ผู้นั้นหลงเหลือไว้ พวกมันจะเป็น ‘ยอดศาสตราเซียน 10 อันดับแรกในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่’ ไปตลอดกาล ยากที่จะมีสิ่งใดเทียบเทียมได้ จากนี้และตลอดไป…
“ปรมาจารย์เซียนจารึกระดับสวรรค์และปากกาจารึกระดับสวรรค์ตอนนี้เป็นอะไรที่ดำรงอยู่แต่ในตำนานเล่าขานเท่านั้น…ส่วนปากกาจารึกระดับเทียมสวรรค์ที่เจ้าถาม หากเป็นปรมาจารย์เซียนหลอมระดับเทียมสวรรค์ก็สามารถหลอมสร้างขึ้นมาได้ไม่ยาก…”
หลิวอวิ๋นกล่าวสืบต่อ “แต่ทว่าวัตถุดิบที่ต้องใช้ในการหลอมสร้างปากกาจารึกระดับเทียมสวรรค์นั้น เป็นอะไรที่มีค่าอย่างยิ่ง! คนทั่วไปคิดเสาะแสวงหาวัตถุดิบแต่ละอย่าง ยังนับว่าเป็นอะไรที่ต้องใช้เวลาเนิ่นนานทั้งยากเย็นนัก…”
“แต่แน่นอนว่าสำหรับพวกเราลัทธิบูชาไฟหรืออีก 2 ลัทธิอันเป็น 3 มหายักษ์ใหญ่ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้ คิดเสาะหาวัตถุดิบหลอมสร้างปากกาจารึกระดับเทียมสวรรค์ย่อมไม่เหลือบ่ากว่าแรง”
“ทำให้หากปรมาจารย์จารึกเซียนระดับเทียมสวรรค์คนใดที่อยากได้ปากกาจารึกระดับเทียมสวรรค์…หากไม่เข้าร่วม 3 ลัทธิ ก็มีแต่ทำสัญญาแลกเปลี่ยนเท่านั้น”
กล่าวถึงจุดนี้หลิวอวิ๋นก็หยุดเล็กน้อย คอยกล่าวต่อออกมา “โดยมากแล้วพวกมันต้องสัญญาว่าจะสร้างศาสตราพันอาคมเซียนให้ 2-3 ชิ้นจึงจะได้รับวัตถุดิบกลับไป และนี่ยังเป็นหนทางได้รับศาสตราพันอาคมเซียนของลัทธิบูชาไฟเราอีกด้วย”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า เรื่องแบบนี้เขาเข้าใจได้ไม่ยาก
ปรมาจารย์จารึกเซียนระดับเทียมสวรรค์ หากคิดเสาะแสวงหาวัตถุดิบหลอมสร้างปากกาจารึกเซียนระดับเทียมสวรรค์ก็จำต้องพึ่งพา 3 ลัทธิ! ส่วน 3 ลัทธิหากอยากได้ศาสตราพันอาคมเซียนก็จำต้องพึ่งพาปรมาจารย์จารึกเซียนระดับเทียมสวรรค์เหล่านี้เช่นกัน!!
กล่าวได้ว่าเป็นการแลกเปลี่ยนอย่างเท่าเทียม ต่างฝ่ายต่างได้รับผลประโยชน์
“ดังนั้นปากกาจารึกระดับเทียมสวรรค์ ก็ไม่ใช่อะไรที่ทุกคนจะมีไว้ในครอบครองได้ง่ายๆ…ลำพังคุณค่าของวัตถุดิบหลอมสร้างปากกาจารึกระดับเทียมสวรรค์อย่างเดียว ก็มหาศาลจนปากกาจารึกระดับ 9 ดาวไม่ใช่อะไรที่จะยกไปเทียบได้เลย”
หลิวอวิ๋นกล่าวออกมารวดเดียวจบ ทำให้ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ถึงคุณค่าของปากกาจารึกระดับเทียมสวรรค์
สำหรับปากกาจารึกระดับสวรรค์นั้น ตอนนี้เป็นสิ่งของที่ดำรงอยู่แต่ในตำนานไปแล้ว หากใครคิดครอบครองก็คงต้องพึ่งโชควาสนาถ่ายเดียว
“ศิษย์พี่หลิวอวิ๋น…ที่ท่านกล่าวว่าปรมาจารย์จารึกเซียนท่านนั้นตลอดชั่วชีวิตเพียงสร้างศาสตราหมื่นอาคมเซียนไว้แค่ 10 ชิ้นนั้นหมายความว่าอย่างไร? ปรมาจารย์ผู้นั้นตกตายเสียก่อนสร้างผลงานเพิ่มหรือ?”
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนพลันนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ จึงรีบถามออกไปทันที
“มิผิด”
หลิวอวิ๋นพยักหน้า “อายุขัยของปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์ท่านนั้น กล่าวไปยังสั้นกว่าผู้ฝึกตนทั่วไปนัก เพราะยามสลักจารึกอาคมเซียนนับหมื่นเพื่อสร้างศาสตราหมื่นอาคมเซียน จำต้องใช้แรงกายและแรงใจอย่างใหญ่หลวง สุดที่คนธรรมดาทั่วไปจะคาดคิดได้…! กระทั่งการสลักอาคมสร้างศาสตราหมื่นอาคมเซียนสักชิ้นยังเสมือนการบั่นทอนอายุขัยของตัวเองไปส่วนหนึ่ง!!”
“สุดท้ายหลังจากที่สร้างศาสตราหมื่นอาคมเซียนได้ 10 ชิ้น อายุขัยของท่านปรมาจารย์ก็หลงเหลือมิมากพอให้บ่มเพาะพลังจนบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน! ทำให้ตัวท่านมิอาจมีชีวิตอมตะไร้วันแก่เฒ่า…”
“ยังมีบันทึกข่าวลือในยุคสมัยนั้นกล่าวไว้ว่า ท่านปรมาจารย์ผู้นี้เดิมทีก็เป็นถึงอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีครามด้วยซ้ำ อนิจจาในยุคนั้นดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ายังมิได้มี 2 ภูมิภาคเช่นนี้ พลังวิญญาณฟ้าดินในบรรยากาศน้อยนิดเกินไป กอปรกับการที่ท่านดันทุ่มเททั้งชีวิตให้กับเต๋าแห่งการจารึกอาคม สุดท้ายท่านจึงมิอาจบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน…”
“หากท่านปรมาจารย์สามารถทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน ‘เปลี่ยนสู่สวรรค์’ ได้ล่ะก็ ตัวท่านก็จะมีอายุขัยยาวนานตราบชั่วฟ้าดินสลาย…และป่านนี้ใต้หล้าคงมีศาสตราหมื่นอาคมเซียนมากมายแล้ว…”
วาจาท้ายประโยคหลิวอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยมวลอารมณ์
“แล้วท่านผู้อาวุโสไม่ได้ทิ้งมรดกตกทอดไว้หรือ?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถาม
“จากที่ตำนานเล่าขานกันมา…ก่อนที่ท่านปรมาจารย์จะตกตาย ท่านได้ทิ้งมรดกเกี่ยวกับเคล็ดการจารึกและองค์ความรู้ชั่วชีวิตของท่านเอาไว้แล้ว…อนิจจาจวบจนป่านนี้ ในใต้หล้ายังมิมีผู้มีวาสนาคนใดได้ครอบครองมรดกของท่าน”
หลิวอวิ๋นกล่าวตอบ “หลังจากที่ปรมาจารย์ท่านนั้นตกตาย ทันทีที่ลัทธิบูชาไฟของพวกเรารวมถึงอีก 2 ลัทธิได้รับทราบเรื่องราวของท่าน แต่ละลัทธิก็ได้ทุ่มเทกำลังคนออกไปเสาะแสวงหามรดกของท่านปรมาจารย์ทั่วหล้า…แต่สุดท้ายการค้นหาที่ว่าก็ทำได้แค่คว้าน้ำเหลว…”
“ถ้างั้นหมายความว่า…จนถึงวันนี้มรดกตกทอดของท่านผู้อาวุโส ก็ยังหลงเหลืออยู่ในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋างั้นเหรอ!?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามอีกครั้ง
“ใช่”
หลิวอวิ๋นพยักหน้า “ในยุคของท่าน ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเรายังไม่ถูกแบ่งออกเป็น 2 ดังนั้นดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าในตอนนั้นก็คือภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าในตอนนี้”
‘หากข้ามีวาสนาได้พบเจอมรดกตกทอดของท่านผู้อาวุโสล่ะก็…คงยอดไปเลย’
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะวาดหวัง
แต่แน่นอนเขารู้ดีว่าเขาทำได้แค่หวังเท่านั้น
นั่นเพราะเรื่องราวมันก็ผ่านมาหลายปีดีดักแล้ว อีกทั้ง 3 ลัทธิก็ได้ทุ่มกำลังคนและทรัพยากรมากมายเพื่อพลิกแผ่นดินหา อนิจจาจวบจนวันนี้ยังไม่พบเจอมรดกของปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์ท่านนั้น ไหนเลยเขาจะพบเจอได้…
หลังออกจากวังศาสตราเซียนแล้ว หลิวอวิ๋นก็พาต้วนหลิงเทียนกับหลิวมู่ไปชมดูวังอื่นๆ
ในขณะเดียวกันทุกที่ๆหลิวอวิ๋นพาต้วนหลิงเทียนกับหลิวมู่ไป ก็ล้วนมีผู้คนมากมายให้ความสนใจนัก…กล่าวให้ชัดทั้งหมดให้ความสนใจกับต้วนหลิงเทียน!
“นั่นน่ะเหรอ ต้วนหลิงเทียน?”
“เจ้านั่น…มันฆ่าศิษย์ที่แท้จริงอย่างหยางเหวินได้? แถมมันยังได้รับคะแนนสะสมมาเป็นล้าน!?”
“น่าเสียดายยิ่งที่วันนี้ข้ามาช้าไม่ได้อยู่ในช่วงเกิดเรื่อง จึงพลาดการประลองดีๆในวิหารเป็นตายไป…”
“เจ้าจะเสียดายอะไร เจ้าว่าเจ้าควรขอบคุณสวรรค์ที่บันดาลให้เจ้าออกมาช้ามากกว่า…เห็นว่าคนที่ติดตามไปวิหารเป็นตายเพื่อชมดูการประลองเป็นตายกว่า 9 ส่วนล้วนลงเดิมพันข้างหยางเหวินกันทั้งสิ้น! เรียกว่าถึงขั้นสิ้นเนื้อประดาตัวก็ยังมี!!”
……
เหล่าศิษย์ชั้นยอดของดินแดนศักดิสิทธิ์ที่ให้ความสนใจต้วนหลิงเทียนนั้น ล้วนเป็นศิษย์ขั้นยอดที่พึ่งมาถึงจัตุรัสกลางและได้ทราบเรื่องราวในภายหลังทั้งสิ้น ไม่ได้อยู่ในจัตุรัสกลางจนเห็นขบวนผู้คน จึงอดดูการประลองไปโดยปริยาย
“เดี๋ยวนะ ที่อยู่กับต้วนหลิงเทียนนั่นมิใช่ศิษย์พี่หลิวอวิ๋นหรือไง?!”
“ไฉนแลดูศิษย์พี่หลิวอวิ๋นจะยิ้มแย้มอัธยาศัยดีกับต้วนหลิงเทียนนั่นนักเล่า…”
“เจ้ายังไม่ให้ปฏิบัติกับต้วนหลิงเทียนด้วยดีได้ยังไง พลังฝีมือที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกวันนี้ กระทั่งศิษย์พี่หลิวอวิ๋นยังเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ!!”
“ถูกแล้ว ที่ข้าได้ยินมาเห็นว่าเพลงกระบี่ที่ต้วนหลิงเทียนใช้ไล่ต้อนหยางเหวิน กระทั่งเพลงกระบี่สุดท้ายที่ใช้ปลิดชีพหยางเหวินนั้น กระทั่งศิษย์พี่หลิวอวิ๋นและอาวุโสเพลิงทองแดงทั้ง 3 ในวิหารเป็นตายที่บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนแล้ว…ยังมิอาจแลเห็นได้แม้แต่เงา!”
“ใช่! กระทั่งหยางเหวินนั่นขนาดใช้โอสถต้องห้ามจนพลังเซียนต้นกำเนิดเทียบได้กับเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนแล้วแท้ๆ…แต่สุดท้ายยังตกตายด้วยน้ำมือต้วนหลิงเทียน!”
“สัดใส่ข้าวที่ใช้การไม่ได้นัก! โอสถต้องห้ามระดับนั้นในวังโอสถขายกันอยู่เม็ดละเป็นแสนคะแนนสะสม…หยางเหวินช่างทำเสียของยิ่ง! เอามาให้ข้าพเจ้าขายยังมีประโยชน์กว่า!!”
…
ในขณะที่เหล่าศิษย์ชั้นยอดจดจำหลิวอวิ๋นได้ พวกมันก็ทราบได้ไม่ยากว่าไฉนหลิวอวิ๋นถึงปฏิบัติกับต้วนหลิงเทียนด้วยดี
ภายใต้การนำทางของหลิวอวิ๋น ต้วนหลิงเทียนกับหลิวมู่ก็ถูกพาไปชมวังต่างๆในจัตุรัสกลางจนครบ ต่างได้รับทราบว่าแต่ละวังมีไว้ทำอะไร
และในขณะเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนเดิมชมวังต่างๆ และดูข้าวของแปลกตาที่ไม่เคยพบเห็นนั้น
ข่าวเรื่องที่เขาฆ่าศิษย์ที่แท้จริงอย่างหยางเหวิน ก็ได้แพร่ออกไปทั่วดินแดนศักดิ์สิทธิ์!
อีกทั้งใช้เวลาไม่นานข่าวสารก็แพร่มาถึงพื้นที่เหมืองทั้งหลายที่อยู่ภายใต้การดูแลของแท่นบูชาจตุรลักษณ์ จึงทำให้ข่าวเรื่องนี้แพร่กระจายไปถึงแท่นบูชาจตุรลักษณ์ด้วยเช่นกัน!
และเมื่อข่าวของเขาแพร่มาถึงแท่นบูชาเต่าทมิฬ ก็เรียกว่าแท่นบูชาเต่าทมิฬครื้นเครงกันใหญ่!!
“มารดาข้าช่วย! ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนไปดินแดนสักดิ์สิทธิ์ไม่ทันถึง 10 วัน ก็เชือดศิษย์ที่แท้จริงทิ้งแล้ว!?”
“ให้ตายเถอะ! ศิษย์ที่แท้จริง! นั่นมันศิษย์ที่แท้จริงเชียวนะ! ทุกคนล้วนเป็นชนชั้นยอดฝีมือที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาเหล่าศิษย์ลัทธิบูชาไฟ แทบทั้งหมดบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์! แต่ตัวตนระดับนั้น…กลับตกตายภายใต้น้ำมือของศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนจริงๆ?!”