GGS:บทที่ 1024 สนุก?

“เอ้า ไอ้เราก็อุตส่าห์ตั้งชื่อบอกใบ้ไว้แล้วนะนั่น ก็ถ้าเอาคำว่าเทียนกับซินมาเขียนใหม่มันก็จะอ่านว่าซือหยานิ นี่ผมนึกว่าเจ้จะรู้ตั้งแต่วันแรกที่ได้รับเลยนะ” ซูจิ้งพูดพลางหัวเราะออกมาดังลั่นจนทะลุโทรศัพท์มายังอีกฝั่งยังได้ยิน
“รู้กะผีน่าสิ ใครจะไปคิดว่านายที่มีเรื่องวุ่นวายมากมายอย่างโรงพยาบาล ภัตตาคาร ระบบอัจฉริยะ ระบบประสาทเทียมกับเรื่องอื่นๆอีกเยอะแยะจะมามีเวลามาสนใจผลิตสุดยอดน้ำหอมนี่ได้กัน
แถมนายยังส่งไปทั่วเลยไม่ใช่รึไง ไหนจะเรื่องส่งแบบนิรนามนั่นอีก อย่าบอกนะว่าที่ทำไปแค่จะแกล้งพวกเราน่ะ ห้ะ” หวังซือหยาได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มเมื่อรู้ว่าซูจิ้งที่ยุ่งวุ่นวายขนาดนั้นยังมีเวลามาก่อกวนพวกเธอเล่นได้แบบนี้อีก

“ก็ผมกลัวว่าถ้าผมเอาน้ำหอมที่ลองทำไปให้ใช้กันแล้วจะอวยผมเกินไปนี่นา ดีไม่ดีถ้าเกิดกลิ่นออกมาไม่ถูกใจก็กลัวจะเสียหน้า ผมก็เลยคิดว่าส่งไปให้ใช้กันแบบนิรนามนี่แหล่ะดีสุดละ เอานะอย่างน้อยผลก็ออกมาดีกว่าที่คิดไว้ล่ะนะ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ต้องมาทำเป็นคนไม่มีฝีมือเลยนะ ฉันไม่สนหรอกนะว่านายไปเรียนวิธีการทำน้ำหอมมาจากไหนแต่อยากรู้ว่าตอนนี้นายอยู่บ้านรึเปล่า ถ้าอยู่ล่ะก็ฉันจะไปหานายตอนนี้” หวังซือหยาพูดออกมา
“ไม่อ่ะผมว่าผมไปที่นั่นเองดีกว่า แล้วก็เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับด้วยล่ะ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ก็ได้ รีบมาเลยนะ” หวังซือหยาพูดด้วยท่าทีไม่อยากจะรอแล้วด้วยซำ

หลังจากวางสายไป หวังซือหยา หยินหนิงหนิง และโจวเสวี่ยต่างก็มองน่ากันและรู้สึกว่าอยากจะทำอะไรสนุกๆขึ้นมา
เชิงชิเหยาที่เห็นก็พอจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลงพลางรู้สึกว่าเป็นอีกครั้งที่เธอนั้นคิดเองเออเองอีกแล้ว
เมื่อวานนี้ตอนที่เธอได้รับน้ำหอมมานั้นเธอคิดว่าซูจิ้งให้น้ำหอมเธอคนเดียว กลายเป็นว่าซูจิ้งนั้นส่งน้ำหอมไปให้ผู้หญิงอีกหลายคนทั่วไปหมด
แต่นี่มันก็ตรงกับที่เขาบอกมาจริงๆว่านี่เป็นของทดลองทำให้เธอเองก็ไม่รู้จะไปโทษใครได้เหมือนกัน
ในตอนนั้นเองโทรศัพท์ของหวังซือหยาก็ได้ดังขึ้น และเป็นดงจุนที่โทรเข้ามา หวังซือหยาได้รีบรับสาย
เมื่อเธอรับสาย ดงจุนได้รีบพูดออกมาว่า “ตอนนี้กำลังควานหาคนที่ทำน้ำหอมเทียนซินนั้นอยู่อีกไม่นานคิดว่าน่าจะเจอตัวแล้ว ต่อให้ไม่เจอแต่อย่างน้อยในตอนนี้เราได้วางคนเพื่อคอยจับตาดูไว้แล้ว หากว่าคนที่ทำน้ำหอมนั่นเคลื่อนไหวขึ้นมาพวกเราจะรู้ในทันที น้ำหอมระดับนั้นหากปล่อยให้หลุดมือไปล่ะก็ต้องเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของพวกเราอย่างแน่นอน”

“ใจเย็นๆนะ…. ตอนนี้ฉันเจอคนผลิตแล้วล่ะ” หวังซือหยาพูดออกมาด้วยรอยยั้ม
“เยี่ยม แล้วได้คุยเรื่องสัญญาการซื้อขายไว้บ้างรึยังน่ะ จะให้ดีล่ะก็จับเซ็นสัญญาร่วมหุ้นกันไปเลย” ดงจุนรีบพูดออกมาอย่างรวดเร็ว
“ไม่ต้องกังวลน่า เรื่องนี้เดี๋ยวฉันจัดการเอง” หวังซือหยาพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ให้กังวลได้ยังไง อย่างๆน้อยเราก็ควรจะคุยเรื่องสัญญา….”
“คนผลิตน้ำหอมเทียนซินนั่นก็คืออาจิ้งน่า” หวังซือหยาพูดออกมาตัดบทในทันทีเพราะเธอไม่อยากฟังคำบ่นของดงจุนอีกต่อไป

“ห้ะ อาจิ้งอ่ะนะ” ดงจุนที่ได้ยินก็ทำได้เพียงเงียบนิ่งไป
“ได้ยินถูกแล้วน่า เป็นอาจิ้งของพวกเรานั่นแหล่ะ” หวังซือหยาพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ใช่ว่าเขายุ่งอยู่เหรอ แล้วทำไมอยู่ๆถึงได้มาทำน้ำหอมได้ล่ะ แถมยังเป็นสุดยอดน้ำหอมเสียอีก ยิ่งไปกว่านั้นทำไมเขาถึงส่งมาแบบนิรนามกัน อย่าบอกว่าเขาแค่อยากจะแกล้งพวกเราเล่น” ดงจุนที่ได้ยินก็ทำตัวไม่ถูกเช่นเดียวกัน
นั่นก็เพราะไม่ว่าจะมองทางไหนแล้วก็ดูเหมือนว่าซูจิ้งตั้งใจจะแกล้งพวกเธอ แต่นี่ก็ไม่ได้ทำให้พวกเธอโกรธลงได้เพราะว่านี่ก็เท่ากับว่าพวกเธอแถบจะได้รับสิทธิ์ในการขายสุดยอดน้ำหอมเทียนซินนี้ไปโดยปริยายแล้ว

ไม่นานซูจิ้งก็ได้มาถึง เขานำสูตรลับมาพร้อมกับตัวอย่างน้ำหอมที่เขาทำให้ หวังซือหยา โจวเสวี่ย หยินหนิงหนิง และเชิงชิเหยา
ทั้งสี่เมื่อได้ทดลองดมน้ำหอมดูก็รู้สึกติดใจในตวามหอมขึ้นมาในทันที พวกเธอทุกคนได้แสดงความตื่นเต้นออกมาอย่างเห็นได้ชัด
นั่นก็เพราะว่าทุกกลิ่นที่ซูจิ้งทำมานั้นล้วนแล้วแต่เป็นสุดยอดน้ำหอม ถึงแม้จะมีกลิ่นแตกต่างกันแต่ทุกขวดล้วนเป็นสุดยอดด้วยตัวมันเอง
แต่ที่ทำให้พวกเธอนั้นไม่เข้าใจก็คือทำไมซูจิ้งสามารถทำให้น้ำหอมให้เหมาะสมกับพวกเธอได้ขนาดนี้
พวกเธอเองต่างก็เคยสัมผัสน้ำหอมมามากมายหลากหลายไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อเล็กๆหรือยี่ห้อดังๆอย่างแชนแนล เอสเต่ลอว์เดอร์ หรือยี่ห้ออื่นๆ
แต่เมื่อเทียบกันแล้ว พวกเธอชอบน้ำหอมที่ซูจิ้งเลือกให้ที่สุดแล้ว แม้แต่น้ำหอมกลิ่นอื่นที่ซูจิ้งนำมาให้นั้นจะหอมนุ่มลึกไม่แพ้กันแต่ก็ไม่สู้ของที่เขาส่งมาให้แบบนิรนามก่อนหน้านี้อยู่ดี

เมื่อทั้งหมดได้เห็นสูตรการทำน้ำหอมพร้อมทั้งส่วนประกอบทั้งหมดแล้ว ด้วยการที่ส่วนประกอบเป็นสารสกัดจากพืชถึงแม้พวกมันจะดีที่เป็นสารสกัดจากธรรมชาติก็จริง
แต่ด้วยปริมาณเท่านี้พวกเธอหลายๆคนต่างก็คิดว่าไม่สามารถผลิตน้ำหอมนี้ได้เป็นจำนวนมากเพื่อจะทำขายได้อย่างแน่นอน
มีเพียงหวังซือหยาเท่านั้นที่คิดต่างออกไป เธอรู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลอย่างประหลาดที่สารสกัดเหล่านี้เมื่อผสมแล้วทำให้กลายเป็นสุดยอดน้ำหอมไปได้
ด้วยน้ำหอมระดับสุดยอดแบบนี้นั่นการวางจำหน่ายต้องทำออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่หรูหราเท่านั้น
และเธอบอกได้เลยว่าราคาของน้ำหอมนี้จะต้องตั้งไว้ไม่ต่ำไปกว่าน้ำหอมดังๆอย่างชาเนล เอสเตลอร์เดอร์ และยี่ห้อชั้นนำอื่นๆอย่างแน่นอน ต่อให้ทำได้ในปริมาณที่น้อย แต่บอกได้เลยว่ากำไรมากกว่าเห็นๆ

เมื่อคิดได้ดังนั้น หวังซือหยาได้รีบเรียกประชุมเหล่าบุคลากรแผนกน้ำหอมของบริษัทในทันทีเพื่อจะทำการผลิตและวางจำหน่ายให้เร็วที่สุด
ในขณะเดียวกัน เธอ ก็ได้ติดต่อไปยังมู่หรงเซียนเอ๋อและนาหลันเฟยเพื่อให้ช่วยเธอในการประชาสัมพันธ์
“หวังซือยาอยากจะให้เราเตรียมตัวในการประชาสัมพันธ์น้ำหอมเทียนซินให้เร็วที่สุด” ผู้จัดการของมู่หรงเซียนเอ๋อพูดออกมาหลังจากกำลังคุยกับหวังซือหยาผ่านโทรศัพท์ด้วยท่าทีประหลาดใจ
“เดี๋ยวก่อนน” มู่หลงเซียนเอ๋อที่ได้ยินรีบห้ามผู้จัดการของเธอก่อนที่จะตบปากรับคำอะไรไป เธอได้รีบพูดออกมาว่า “บอกพี่ซือหยาว่าฉันจะช่วยเธอแลกกับน้ำหอมนั่นมาให้ฉันสักขวดสองขวดให้หน่อย”

หลังจากที่ผู้จัดการของเธอไปรับน้ำหอมมาด้วยตัวเองแล้ว เมื่อเธอกลับมาเธอก็บอกกับมู่หรงเซียนเอ๋อว่าน้ำหอมนี่ถูกทำขึ้นโดยซูจิ้ง นี่ทำให้มู่หรงเซียนเอ๋อประหลาดใจจนเบิกตาโต
“ไม่ใช่ว่าซูจิ้งนั่นยุ่งอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมเขายังหาเวลาไปเรียนรู้การทำสุดยอดน้ำหอมนี่ได้กันนะ” ผู้จัดการสาวที่ได้ยินเรื่องนี้มากับหูก็ยังมีท่าทีมหัศจรรย์ใจกับชายคนนี้

“คนเทพๆแบบนั้นเอาบรรทัดฐานของพวกเราไปวัดไม่ได้หรอกน่า ก็ดีนะอย่างน้อยๆพวกเราก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไปหาสุดยอดน้ำหอมนี่จากไหนแล้ว” มู่หรงเซียนเอ๋อพูดออกมาด้วยท่าทีดีใจสุดๆ
“ถ้าเขาเป็นคนผลิตเองล่ะก็การใช้ชื่อเทียนซินนี่ไม่เหมาะเลยนะ พวกเขาควรเรียกน้ำหอมนี้ว่าน้ำหอมแห่งเทพจะดีกว่า
พอมาคิดถึงว่าที่เขาตั้งชื่อเทียนซินนี่เป็นเพียงแค่การเล่นคำมาจากคำว่าซือหยาแล้วได้คำที่ให้ความหมายดีขนาดนี้ หมอนี่แม้แต่การกลั่นแกล้งคนนี่ก็ยังเทพเลยจริงๆ” ผู้จัดการสาวของมู่หรงเซียนเอ๋อเมื่อพูดจบก็ได้หัวเราะออกมาเล็กน้อยพลางสายหัวอย่างหมดคำจะพูด

ในขณะเดียวกัน นาหลันเฟยก็ได้รับคำขอจากหวังซือหยาในทำนองเดียวกัน เมื่อนาหลันเฟยรู้ว่าน้ำหอมเทียนซินนี้เป็นซูจิ้งที่ผลิตขึ้นมาเอง เธอก็ได้พูดออกมาคำๆหนึ่งว่า
“ชายคนนี้ทำได้เทพทุกอย่างจริงๆ” นาหลันเฟยกล่าวออกมาราวกับเป็นความรู้สึกก้นบึ้งของหัวใจ
“ฉันขอบอกเธอตรงๆเลยนะว่า ฉันว่าซูจิ้งนั้นทรงพลังยิ่งกว่ามนุษย์แมงมุมที่เธอเคารพรักนั่นเสียอีก ไม่ใช่ว่ามนุษย์แมงมุมคนนั้นไม่ดีหรอกนะ แต่เมื่อเทียบกับซูจิ้งแล้ว เขานั้นไม่เพียงดีแต่เรียกได้ว่าเทพไปซะทุกเรื่อง นอกจากนั้นหากพูดในเรื่องการต่อสู้แล้ว เขาเองก็ทรงพลังไม่แพ้ใครเลย” ผู้จัดการสาวได้พูดออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจเช่นเดียวกัน

“ก็จริงนะ แต่ไม่ว่าเขาจะทรงพลังขนาดไหนก็ตาม เขานั้นไม่สามารถแทนที่มนุษย์แมงมุมของฉันได้อยู่ดี” นาหลันเฟยที่ตอนแรกได้ยินคำพูดจากผู้จัดการของเธอนั้นก็อยากจะพูดอะไรออกมาแต่ก็ทำได้เพียงเม้มปากไว้
ดั่งคำที่ว่าหญิงสาวนั้นมักหมายตาวีรบุรุษ นาหลันเฟยนั้นเคยถูกช่วยชีวิตไว้โดยมนุษย์แมงมุม แน่นอนว่าใจของเธอนั้นย่อมเทไปที่มนุษย์แมงมุมมากกว่าอยู่แล้ว จะให้เรียกว่าเป็นคนรักในฝันเลยก็ว่าได้
ด้วยเรื่องแบบนี้นั้นเป็นความรู้สึกส่วนตัวที่ฝังใจเธอไปแล้ว ต่อให้ใครหน้าไหนก็ตามไม่สามารถเปลี่ยนใจเธอได้อย่างแน่นอน
แต่อีกหนึ่งเหตุผลที่เธอไม่อยากจะเถียงกับผู้จัดการของเธอนั่นก็คือเธอกำลังคิดหาทางจะได้น้ำหอมนี้มาใช้ก่อนใครนั่นเอง

ไม่นานนักช่าวเรื่องที่ว่าใครเป็นผู้ผลิตสุดยอดน้ำหอมแพร่กระจายออกไป ฉือชิง ตงเจีย และคนอื่นๆไม่นานก็รู้เรื่องนี้
เมื่อตงเจียและคนอื่นๆนั้นรู้ว่าเป็นซูจิ้งเป็นคนส่งน้ำหอมมาให้ฉือชิงเอง
นี่ทำให้ต่อให้พวกเธออยากได้สุดยอดน้ำหอมนี้มาจนต้องเวียนกันใช้ในช่วงไม่กี่วันมานี้ ก็ต้องตัดใจทำได้เพียงส่งคืนน้ำหอมคืนฉือชิงไปทั้งที่ใจนั้นไม่อยากเลยแม้แต่น้อย

ตอนแรกที่พวกเธอนั้นรู้เรื่องนี้ก็แอบดีใจอยู่หน่อยๆเพราะคิดว่าจะขอใช้ แต่พวกเธอเองก็อายเกินกว่าที่จะขอได้เช่นเดียวกัน
หลังจากที่ฉือชิงได้น้ำหอมนี้คืนกลับไปแล้ว จากตอนแรกที่สายตาของเธอมองสุดยอดน้ำหอมนี้ด้วยความอคติกลับแปลเปลี่ยนเป็นสายตาที่หยาดเยิ้มในทันใด
ด้วยสายตาแบบนี้ทั้งตงเจียและคนอื่นๆรู้ได้ในทันทีว่าเป็นสายตาแห่งความรักอย่างแท้จริง หากว่าพวกเธอฝืนดึงดันไม่ยอมคืนน้ำหอมนี้ล่ะก็ รับรองได้เลยว่าร้านแตกกว่าตอนที่พวกเธอตะลุมบอนแย่งน้ำหอมนี้กันเมื่อวันก่อนอย่างแน่นอน
เมื่อคิดได้ดังนั้นทั้งตงเจียและพนักงานคนอื่นๆหลังจากคืนน้ำหอมให้ฉือชิงแล้วต่างก็แยกย้ายกันไปทำสิ่งต่างๆ บ้างเล่นเกม บ้างออกกำลังกายยืดเส้นสาย บ้างทำเป็นจัดเตรียมของ เพื่อไม่ให้คิดมากเรื่องที่อยากได้น้ำหอมนี้
เมื่อฉือชิงได้เห็นแววตาอันเศร้าสร้อยของพี่น้องเธอก็ไม่รู้จะทำยังไงดีเช่นเดียวกัน เรื่องนี้เธอทำได้เพียงแค่โทษซูจิ้งเท่านั้น ใครจะไปคิดว่าหมอนั่นจะคิดแกล้งคนจนต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา

ณ บริษัทน้ำหอมแห่งหนึ่ง หญิงสาวคนหนึ่งที่มีท่าทีมั่นหน้าได้นั่งลงอยู่ที่โต๊ะของตัวเอง
ใบหน้าของเธอในตอนนี้ไม่ได้แสดงความสวยงามออกมาแต่อย่างใด เบื้องหน้าของเธอในตอนนี้มีกลุ่มคนหนุ่มสาวที่ยืนอยู่ด้วยท่าทีอึดอัดใจ
“นี่หมายความว่าตั้งแต่ต้น เป็นซูจิ้งคนนี้ที่ผลิตน้ำหอมขึ้นมาแล้วแจกจ่ายไปทั่ว ส่วนชื่อน้ำหอมเทียนซินนี้ก็มาจากการเล่นคำอย่างประณีตบรรจงจากคำว่าซือหยา หรือก็คือน้ำหอมนี้เป็นของซือหยามาตั้งแต่ต้นสินะ” สาวมั่นได้พูดออกมาด้วยท่าทีสงบนิ่งแต่สีหน้ากลับขุ่นมัว
เหล่าชายหนุ่มและหญิงสาวที่ได้ยินก็อยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมาแต่ก็พูดอะไรไม่ออก ในใจของพวกเขานั้นนึกสาปแช่งซูจิ้งอยู่ในใจว่าหากมีที่ๆจะขายอยู่แล้วจะส่งมาให้หัวหน้าของเขาวุ่นวายทำบ้าอะไร
พวกเขาเองต้องวุ่นวายในช่วงวันสองวันนี้เพราะเรื่องนี้ ขนาดได้คำตอบออกมาแล้วสุดท้ายหัวหน้าของพวกเขาก็ยังต้องขุ่นเคือง หมอนั่นไม่เคยคิดเลยรึไงว่าใครจะต้องมานั่งขัดหม้อก้นดำหลังจากก่อเรื่องเอาไว้

“ก็ดี ในเมื่อหมอนั่นคิดจะดวลกับฉันล่ะก็…. เทียนอัน จืฮ่าว งานเลี้ยงคืนนี้ช่วยเชิญซูจิ้งมาให้หน่อย ฉันเชื่อว่าหมอนั่นจะต้องอยากมางานเลี้ยงในคืนนี้อย่างแน่นอนหากว่าได้รับคำเชิญของฉันไป” ผู้จัดการสาวมั่นพูดในขณะที่ขบฟันของเธอไปมา
ถึงแม้น้ำเสียงของผู้จัดการสาวมั่นคนนี้จะไม่ได้ดังมากแต่กลุ่มคนหนุ่มสาวนี้กับได้ยินอย่างชัดเจน ก่อนหน้านี้พวกเขาเองก็กลัวผลลัพท์ที่ได้หลังจากรายงานเหมือนกัน
พวกเขาคิดว่าหัวหน้าของพวกเขาจะโกรธจนโทษพวกเขาอย่างสาดเสียเทเสีย แต่เมื่อเรื่องนี้กลายเป็นว่าหัวหน้าของพวกเขาหมายหัวซูจิ้งไว้โดยตรง นี่ทำให้พวกเขานั้นรู้สึกสบายใจขึ้นมาในทันที