ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 48 กำลังเสริมมาถึง

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

ทันทีที่พูดจบ ก็มีเสียงตอบรับที่สั่นสะเทือน สงครามเลือดกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว 

 

 

ประตูห้องถูกเปิดออก ชายหนุ่มเดินออกมาจากห้อง สั่งอย่างน่าเกรงขามว่า “หยุดเดี๋ยวนี้” 

 

 

ทุกคนหยุดชะงัก ต่างมองมาที่เขาพร้อมกัน ทันทีที่เห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจนแล้ว ก็มีเสียงสูดหายใจเข้าลึกๆ ต่อเนื่องกันเป็นระลอก 

 

 

คุณชายโบกมือ ทหารและกลุ่มคนที่มาพร้อมกับเขาที่กำลังจะก้าวออกไปต่างถอยกลับมายืนข้างหลังเขาด้วยความเคารพ 

 

 

“น้องชายที่รักของข้า เจ้าออกมาจนได้ ให้พี่หาเสียนาน” ในน้ำเสียงของคุณชายไม่มีความยินดีใดๆ ทั้งสิ้น กลับมีเพียงความเยาะเย้ยเล็กน้อย 

 

 

“ลำบากพี่ใหญ่ที่ต้องเป็นห่วง ไม่รู้เพราะเหตุใดพี่จึงระดมผู้คนมาเป็นจำนวนมากมายเยี่ยงนี้” ชายหนุ่มยืนตรง กล่าวถามด้วยท่าทางมีสง่าราศี ไม่รีบร้อน 

 

 

“แน่นอนว่ามาพาเจ้ากลับจวน ท่าน…” พูดถึงนี้ ก็หยุดชะงักไป “รู้ว่าเจ้าบาดเจ็บ ท่านพ่อเป็นห่วงมาก สั่งให้ข้ามารับเจ้ากลับจวน” 

 

 

“ใช่หรือ” ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อย “หากท่านพ่อรู้ว่าข้าบาดเจ็บจริงๆ จะส่งเจ้ามารับข้าหรือ พี่ใหญ่ที่ดีของข้า” 

 

 

โรงเตี๊ยมนี้ไม่ว่าข้างในหรือข้างนอกก็ถูกคนของตัวเองล้อมไว้หมดแล้ว ชายหนุ่มก็ถือว่าอยู่ในกำมือของตัวเองแล้ว แม้ว่าจะติดปีกก็บินหนีออกไปไม่ได้ คุณชายก็ไม่รีบร้อน กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าเป็นพี่ใหญ่ แน่นอนว่าต้องเป็นข้าที่มารับเจ้า หรือว่าน้องชายหวังให้ผู้อื่นมารับ” 

 

 

“หวังแน่นอน เพราะว่าปกติพี่ใหญ่เอาแต่กดขี่ข่มเหงข้า หากวันนี้ตามพี่กลับไป ไม่รู้ว่าข้าจะยังมีชีวิตอยู่รอดถึงพรุ่งนี้หรือไม่” ชายหนุ่มเปิดเผยตัวตนที่เสแสร้งของเขาออกมาอย่างไร้ความปรานี 

 

 

ชายหนุ่มหยุดชะงักไป ไม่นานก็ตามมาด้วยความโมโห “น้องเล็ก ความหวังดีของพี่ใหญ่นั้นถูกเจ้าทำลายไปหมดแล้ว ช่างเจ็บปวดใจยิ่งนัก แต่ว่า ใครให้เจ้าเป็นน้องชายละ เห็นแก่ที่เจ้าอายุน้อยไม่รู้เรื่อง ข้าจะไม่ว่าเจ้า อย่าพูดมาก รีบตามข้าไปเถิด” 

 

 

“หากข้าไม่ไปละ” ชายหนุ่มกล่าวถามอย่างเรียบๆ อีกครั้ง 

 

 

สายตาของคุณชายแสดงเจตนาอยากฆ่าคนออกมา กล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “ถ้าเยี่ยงนั้นก็ให้ทุกคนที่อยู่ในโรงเตี๊ยมนี้ตายเป็นเพื่อนเจ้าทั้งหมด” 

 

 

นี่คือจะฆ่าปิดปากแล้ว เถ้าแก่และคนในโรงเตี๊ยมต่างเข้าใจความหมายของคำพูดของเขา ต่างตัวสั่นขึ้นมาพร้อมกัน สีหน้าเริ่มซีดขาว สายตามองออกไปข้างนอกบ่อยครั้ง เพื่อประเมินว่าตัวเองสามารถหนีออกไปได้หรือไม่ 

 

 

“นี่คือตัวตนที่แท้จริงของพี่ใหญ่ใช่หรือไม่ เกลียดข้าอยากกำจัดข้ามาโดยตลอด” 

 

 

“อย่าพูดมาก หากรู้ตัวก็ไปกับข้า ข้าจะปล่อยคนในโรงเตี๊ยมไป” 

 

 

“พี่ใหญ่หลอกเด็กสามขวบอยู่หรือ หากข้าไปกับพี่ เกรงว่าพวกเขาจะตายเร็วขึ้น” ชายหนุ่มเปิดโปงเขาอย่างไร้ความปรานี 

 

 

ใบหน้าเสแสร้งของคุณชายฝืนต่อไปไม่ไหวแล้ว “ถ้าเยี่ยงนั้น ก็ให้พวกเขาร่วมเดินทางไปที่ปรโลกเป็นเพื่อนเจ้าเถิด” 

 

 

ทันทีที่พูดจบ ก็มีหลายคนพุ่งออกมาจากด้านหลังของเขา พุ่งดาบแหลมคนในมือไปทางชายหนุ่ม 

 

 

ชายหนุ่มไม่ขยับ มีหลายคนกระโดดออกมาจากห้อง ขวางตรงหน้าเขาไว้ 

 

 

เห็นคนสวมชุดดำแล้วปิดตาไว้ คุณชายหรี่ตาลง ตอนที่ชายหนุ่มออกจากจวน คนที่พาออกมาด้วยนั้นถูกคนที่ตัวเองส่งตัวไปฆ่าทิ้งหมดแล้ว มีเพียงเขาผู้เดียวที่หนีรอดออกมา ส่วนผู้คนที่อยู่ตรงหน้านี้มาจากที่ใดกัน หรือว่าเขาส่งข่าวออกไปแล้ว ถ้าเยี่ยงนั้นไม่นานก็จะมีคนมา ใช้ความคิด แล้วรีบตะคอกทันทีว่า “ฆ่าให้หมด” 

 

 

ทันทีที่เขาพูดจบ คนข้างหลังกระโดดออกมาทั้งหมด ล้อมโจมตีคนชุดดำทันที 

 

 

ทหารที่นำหน้าก็ดึงมีดใหญ่ที่อยู่ตรงเอวออกมาทันที อยากจะเข้าร่วมการต่อสู้ด้วย อยากจะแสดงฝีมือต่อหน้าคุณชาย น่าเสียดายที่ชั้นสองนั้นมีพื้นที่แคบมาก ไม่มีที่ให้เขาแสดง ทำได้เพียงถือมีดใหญ่ไว้ แล้วเพ่งมองอย่างถมึงทึงอยู่ข้างๆ อยากหาโอกาสเข้าไป 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวได้กำชับหวงฝู่สือเมิ่ง หวงฝู่เย่าเย่ว์และหวงฝู่เฮ่าไว้แล้ว ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ให้พวกเขาหลบอยู่ในห้องห้ามออกมา เหตุฉะนั้นห้องที่ทั้งสามอยู่จึงปิดไว้แน่นตลอดเวลา 

 

 

คนที่คุณชายพามาถูกตีออกไป ชนกับประตูห้องพักของหวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เย่าเย่ว์พอดี 

 

 

ปัง ประตูถูกชนออก คนนั้นเข้ามาในห้อง 

 

 

ในขณะที่ทุกคนยังไม่รู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้น คนนั้นก็ถูกโยนออกมาจากข้างใน ตกลงไปที่ห้องโถงชั้นหนึ่ง ร้องออกเสียงออกมาเบาๆ แล้วตกลงมาบนพื้น ทันใดนั้นก็มีเลือดไหลออกมาจากปากและจมูกของเขาทันที 

 

 

ทหารที่นำหน้าเห็นสถานการณ์แบบนี้ ก็รู้สึกว่าโอกาสของตัวเองมาถึงแล้ว ถือมีดใหญ่แล้วตรงเข้าทันที “จารชนใจกล้า พวกเจ้าออกมารับความตายเสียเถอะ” 

 

 

เพิ่งจะเดินได้สองก้าว ข้างๆ ก็มีหนึ่งขายื่นออกมา 

 

 

ในสายตาของทหารที่นำหน้านั่นมีเพียงแสงสว่างจากการสร้างผลงาน จึงเอาแต่มุ่งหน้าไปอย่างเดียว ไม่ได้สังเกต จึงสะดุดขา มีดใหญ่ลอยออกไป ส่วนคนล้มลงบนพื้น กำลังจะด่าว่า มีดใหญ่ที่บินออกไปนั้นลอยกลับมาอีกครั้ง ตกลงมาบนพื้นที่ห่างจากด้านหน้าของเขาไม่ถึงหนึ่งนิ้วเหมือนมีตา 

 

 

คำด่าที่ทหารจะเอ่ยออกมานั้นตกใจจนถูกกลืนลงไปทันที ดวงตามองขึ้นบน แล้วสลบไปทันที 

 

 

คุณชายมองเขาอย่างรังเกียจ แล้วไม่สนใจอีก 

 

 

ส่วนเถ้าแก่นั้นหลบเข้าไปในมุมนานแล้ว มองดูเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความกลัวจนใจเต้นรัว ในใจนั่นก็เสียใจเป็นอย่างมาก ที่เห็นแก่ค่าที่พักของคนกลุ่มนี้ ให้พวกเขาพัก ตอนนี้อย่าว่าแต่รักษาโรงเตี๊ยมไว้เลย แม้แต่ชีวิตก็ยากที่จะรักษาไว้ได้ 

 

 

ตกลงมาติดต่อกันหลายคน แขกที่เงยหน้ามองขึ้นไปดูจากห้องโถงชั้นหนึ่งต่างก็ตกใจกันทุกคน รีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องพักของตัวเองด้วยสีหน้าขาวซีด ภาวนาตัวสั่นขอให้ตัวเองไม่เสียชีวิตที่นี่ 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวยืนอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ มองดูการต่อสู้ที่วุ่นวายตรงหน้า ด้วยสีหน้าเรียบเฉย 

 

 

ชายหนุ่มมองดูพวกเขาด้วยความแปลกใจ กลัวถูกจับได้ จึงรีบเก็บสายตาอย่างรวดเร็ว 

 

 

มีเสียงม้าวิ่งที่สั่นสะเทือนดังมาแต่ไกล รู้สึกเหมือนใกล้ถึงหน้าโรงเตี๊ยมแล้ว 

 

 

สีหน้าของคุณชายเปลี่ยนทันที ไม่ลังเลอีกต่อไป ดึงอาวุธออกมา แล้วโจมตีไปทางชายหนุ่มด้วยเจตนาฆ่าอย่างรุนแรง 

 

 

ชายหนุ่มเดินถอยหลังหนึ่งก้าว 

 

 

คุณชายตาม ในขณะที่เห็นว่าดาบแหลมคมกำลังจะแทงเข้าไปตรงอกของชายหนุ่มแล้ว มีเสียง เคร้ง ดังออกมา มีมีดดาบสั้นขวางดาบแหลมคมของเขาไว้ เกิดเสียงดาบปะทะกันดังขึ้นมา 

 

 

คุณชายเงยหน้าขึ้น เมิ่งเชี่ยนโยวมองตาของเขา ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ไม่ง่ายเลยที่พวกข้าช่วยชีวิตเขาไว้ จะให้เจ้าฆ่าง่ายๆ เช่นนี้ไม่ได้” 

 

 

คุณชายหรี่ตาลง มองดูใบหน้าที่มีรอยยิ้มของเมิ่งเชี่ยนโยน แล้วฟังเสียงม้าวิ่งที่ยิ่งอยู่ยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เหมือนเร่งเอาชีวิต จึงดึงดาบแหลมคมกลับมา แล้วกัดฟันสั่งว่า “ถอย” 

 

 

หลังจากผู้คนที่เขาพามาใช้แรงในการโจมตีอย่างมาก เพื่อให้คนชุดดำล่าถอยไป กลับมาอยู่ข้างๆ เขา กลุ่มคนที่มาพร้อมกับเขาต่างกระโดดจากชั้นสองลงไป ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือว่าตั้งใจ ตอนที่คนสุดท้ายจากไปนั้น ได้เดินผ่านร่างทหารที่สลบอยู่พอดี แสงดาบสะท้อน คอของทหารมีรอยเลือดขึ้นมาทันที ไม่นานแขนขากระตุก คนก็ไม่มีลมหายใจอีกต่อไป 

 

 

ทันทีที่ถึงพื้น ก็ไม่ล่าช้าแม้แต่น้อย ตรงออกไปข้างนอกโรงเตี๊ยมทันที กวาดสายตาไปทางเหล่าทหารมากมายที่ยกคบเพลิงไว้ข้างนอก แล้วก็หายไปจากความมืดอย่างรวดเร็ว 

 

 

เถ้าแก่ที่ตกใจจนแขนขาอ่อนแรง ล้มนั่งลงบนพื้นแล้วโล่งอกที่รอดชีวิตจากเรื่องร้ายไปได้ จับศรีษะที่ยังอยู่บนคอ ก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นโชคดีมาก ที่ผ่านเรื่องนี้มาได้ สมองที่ไม่ค่อยฉลาดของตัวเองก็รักษาไว้ได้แล้ว แต่ทันทีที่ได้ยินเสียงม้าวิ่งที่มาถึงหน้าโรงเตี๊ยมแล้ว สีหน้าก็ขาวซีดขึ้นมาอีกครั้งทันที รีบคลานไปอีกมุมหนึ่งที่ไกลมากกว่านี้ คิดไว้ว่าหลังจากเรื่องนี้ผ่านไปแล้ว หากตัวเองยังมีชีวิตอยู่ ชีวิตที่เหลือจะไม่เปิดโรงเตี๊ยมอีกเป็นอันขาด 

 

 

ถึงหน้าประตูโรงเตี๊ยม เสียงม้าวิ่งหยุดลง มีคนสิบกว่าคนกระโดดลงมาจากหลังม้า คนที่นำหน้าคือผู้บังคับบัญชาที่เมิ่งเชี่ยนโยวและหลินหันเยียนไปพบมาเมื่อวาน เดินเข้ามาในโรงเตี๊ยมพร้อมกัน เงยหน้าขึ้น เห็นชายหนุ่มยืนอยู่ข้างๆ ราวบันได ก็ดีใจเป็นอย่างมาก รีบกล่าวว่า “องค์…” 

 

 

“ท่านน้า พวกท่านมาพอดี หากช้ากว่านี้ ข้าก็ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว” ยังไม่ทันกล่าวจบ ชายหนุ่มรีบพูดขัดจังหวะเขาทันที 

 

 

พอผู้บังคับบัญชาได้ยิน ก็ถูกเบี่ยงเบนความสนใจทันที รีบขึ้นมาถึงชั้นบน ทั้งสองก้าวขายาวมาอยู่ข้างๆ เขา ตรวจทั้งข้างหน้าข้างหลัง ข้างบนข้างล่างของร่างกายเขาอย่างละเอียด ไม่เห็นรอยบาดแผลภายนอก จึงโล่งอก กล่าวถามว่า “คนติดตามของเจ้าล่ะ เหตุใดจึงไม่มีผู้ใดเลย” 

 

 

สีหน้าของชายหนุ่มเคร่งขรึมลง “พวกเขาเสียชีวิตหมดแล้ว ส่วนข้านั้นเป็นเพราะคนใจดีกลุ่มนี้ช่วยข้าไว้ จึงรอดชีวิตมาได้” 

 

 

“เพราะเหตุใดทำไม…” ชายหนุ่มกล่าวถามอย่าร้อนใจ พูดออกมาได้ครึ่งประโยค ก็คิดขึ้นได้ว่าหวงฝู่อี้เซวียนและทุกคนยังอยู่ที่นี่ จึงกลืนคำพูดที่เหลือลงไป 

 

 

“ในเมื่อครอบครัวเจ้ามารับเจ้าแล้ว พวกข้าก็วางใจแล้ว ลากันตรงนี้เลย อย่าได้พบกันอีก” หวงฝู่อี้เซวียนกล่าว น้ำเสียงเรียบ แฝงความไม่พอใจอยู่เล็กน้อย 

 

 

ชายหนุ่มตกใจ เงยหน้ามองไปทางเขา 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนมองเขาด้วยความไม่พอใจ 

 

 

ชายหนุ่มก็ยิ่งไม่เข้าใจ อ้าปาก อยากจะกล่าวถาม 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนก็จูงมือเมิ่งเชี่ยนโยว แล้วสั่งหลินหันเยียนว่า “กลับไปพักผ่อนในห้อง พรุ่งนี้เช้าตรู่ยังต้องออกเดินทาง” 

 

 

หลินหันเยียนตอบรับ กำลังจะหันหลังกลับเข้าไปในห้องพักของตัวเอง 

 

 

“ช้าก่อน…” ชายหนุ่มเรียกพวกเขาไว้ 

 

 

หลินหันเยียนหยุดเดิน แล้วเรียกหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวเบาๆ  

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนหันหลังกลับ ขมวดคิ้ว 

 

 

ชายหนุ่มยื่นมือไปทางผู้บังคับบัญชา “ท่านน้า เอามาหรือไม่” 

 

 

ผู้บังคับบัญชานำกระเป๋าจากด้านหลังลงมา หยิบผ้าไหมที่ม้วนไว้ยื่นให้ชายหนุ่ม 

 

 

ชายหนุ่มรับมา แล้วยื่นไปตรงข้างหน้าหวงฝู่อี้เซวียน “นี่คือสาส์น ถือไว้ พรุ่งนี้พวกเจ้าจะได้ออกชายแดนไปอย่างไม่มีอุปสรรคใดๆ” 

 

 

มองเขาเล็กน้อย หวงฝู่อี้เซวียนยื่นมือ รับมา ไม่ได้เปิดดู “ขอบคุณ” ต่อจากนั้น ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “บุญคุณของเราหายกัน ตั้งแต่วันนี้ อย่าได้พบกันอีก” 

 

 

พูดจบ ก็จูงมือเมิ่งเชี่ยนโยวกลับห้องพักไป 

 

 

ชายหนุ่มกัดริมฝีปาก มองดูประตูห้องพักของหวงฝู่อี้เซวียนเป็นเวลานาน แล้วก็ดูห้องพักของหวงฝู่สือเมิ่ง ถอนหายใจออกมาแรงๆ ครั้งหนึ่ง แล้วชี้ไปที่ศพของทหารที่นำหน้าที่อยู่บนพื้นแล้วสั่งว่า “ลากเขาไปข้างนอก ตัดหัว แขวนไว้บนประตูเมืองให้คนดูสามวัน” 

 

 

ผู้บังคับบัญชารับคำสั่ง 

 

 

“แล้วก็ เจ้าของโรงเตี๊ยมนี้ได้ช่วยข้าไว้ ให้ทองคำหนึ่งร้อยชั่ง” ชายหนุ่มสั่งต่อ 

 

 

ผู้บังคับบัญชามองเถ้าแก่ที่มึนงงอยู่ตรงมุม ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็รับคำสั่งไว้ 

 

 

“เถ้าแก่” ชายหนุ่มเอ่ยไปทางเถ้าแก่ด้วยน้ำเสียงอบอุ่น 

 

 

“มา มาแล้วขอรับ…” เถ้าแก่รู้สึกตัวขึ้นมา ทั้งคลานและกลิ้งมาข้างหน้าชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว 

 

 

หันหลัง ชี้ไปที่ห้องพักที่ดีที่สุดสี่ห้องที่พวกเขาหกคนและตัวเองเคยพักอยู่ กล่าวว่า “ต่อไปนี้ ให้ท่านเก็บสี่ห้องนี้ไว้ อย่าให้ผู้ใดเข้าพักอีก ส่วนค่าห้อง ข้าจะให้คนส่งมาจ่ายทุกเดือน”