อาจารย์บางคนทำเพื่อเลื่อนตำแหน่ง อาจารย์บางคนทำเพื่อชื่อเสียง อาจารย์บางคนทำเพื่อเงิน และอาจารย์บางคนทำเพื่อการดำรงชีวิต

อย่างไรก็ตาม คนอย่างอาจารย์หยางที่ใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตพยายามบ่มเพาะแชมป์เอ็นทรานซ์ออกมาหนึ่งคน สมควรได้รับความเคารพจากทุกคน!

เฉินโม่มองอาจารย์หยางและกล่าวว่า “อาจารย์หยาง ถ้าพูดถึงเรื่องนี้ อาจารย์ถึงจะเป็นผู้มีพระคุณของผมต่างหาก ถ้าตอนนั้นอาจารย์ไม่อบรมสั่งสอนผม จะมีผมทุกวันนี้ได้อย่างไร?”

“ดังนั้น ผมควรจะเป็นคนคำนับอาจารย์ถึงจะถูก!”

ขณะที่พูด เฉินโม่ก็โค้งคำนับอาจารย์หยาง ถือเป็นการคำนับกลับ

“อย่า! เฉินโม่ พวกเราอย่าคำนับกันอีกเลย วันนี้เป็นวันที่หูหยางหยู่มาอำลาทุกคน ดังนั้นอาจารย์จึงไม่สามารถใช้เวลามากเกินไปได้ อีกสักครู่อาจารย์จะไปทักทายนักเรียนที่อยู่ห้องข้าง ๆ แล้วอาจารย์ก็จะกลับ ถ้าอาจารย์อยู่ที่นี่ หนุ่มสาวอย่างพวกคุณจะไม่สนุก” อาจารย์หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“มันไม่เป็นเช่นนั้นหรอก อาจารย์หยางอยู่สนุกกับพวกเราเถอะ!” พวกนักเรียนกล่าวโน้มน้าว

ไม่ว่าพวกเขาจะพูดยังไง แต่อาจารย์หยางก็ปฏิเสธที่จะอยู่ต่อ ดังนั้นพวกเขาจึงให้หูหยางหยู่พาอาจารย์หยางไปที่ห้องข้าง ๆ หลังจากอาจารย์หยางทักทายนักเรียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จากไปทันที

ถึงแม้ว่าอาจารย์หยางจะจากไปแล้ว แต่คำพูดของอาจารย์หยางยังคงก้องอยู่ในหู

ผู้หญิงที่จำได้ว่าเฉินโม่เป็นแชมป์งานแลกเปลี่ยนวิทยาศาสตร์ชีวภาพ กระซิบกับเฉินโม่ด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “เฉินโม่ สิ่งที่อาจารย์หยางพูดเป็นความจริงเหรอ?”

เมื่ออาจารย์หยางพูดออกมาแล้ว เฉินโม่ก็ไม่ได้คิดที่จะปิดบังทุกคน เขาพยักหน้าและกล่าวเบา ๆ ว่า “เป็นเรื่องจริง”

“ถ้าเช่นนั้น คุณเป็นแชมป์เอ็นทรานซ์ทเพียงคนเดียวที่ได้คะแนนเต็มทุกวิชาในประวัติศาสตร์ของหัวเซี่ย!” ผู้หญิงคนนั้นตื่นเต้นจนแทบจะกรีดร้องออกมา

“ใช่!” เฉินโม่พยักหน้าอีกครั้ง

นักเรียนเกือบทุกคนมองเฉินโม่ ราวกับกำลังมองตัวประหลาด

ถานชิวเซิงคว้าคอเสื้อของเฉินโม่ แล้วเบิกตากว้าง ราวกับเฉินโม่เป็นศัตรูตัวฉกาจที่ฆ่าพ่อของเขา

“เฉินโม่ เฉินโม่ นายแน่มาก! เรื่องใหญ่ขนาดนี้ แต่นายกลับปิดบังพวกเรา ถ้าวันนี้ไม่ใช่เป็นเพราะอาจารย์หยางเปิดเผย นายคิดจะปิดบังพวกเราไปนานแค่ไหน!” ถานชิวเซิงเอ่ยถาม

เฉินโม่กล่าวด้วยสีหน้าไร้เดียงสา “เรื่องนี้จะโทษฉันได้อย่างไร? นายไม่เคยถามฉัน! และมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ฉันจำเป็นต้องประกาศให้คนทั้งโลกรู้ด้วยเหรอ?”

ถานชิวเซิงมองจางจื่อเจี้ยนด้วยความลำพองใจ และกล่าวเยาะเย้ยว่า “ฟังสิ ฟังสิ นักเรียนที่เป็นแชมป์เอ็นทรานซ์ด้วยคะแนนเต็มทุกวิชาในประวัติศาสตร์ของหัวเซี่ย กลับบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่! แต่คนบางคนสอบเข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัยหมากงได้ ก็คุยโวโอ้อวดไปทั่ว เพราะกลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้! เพียงแค่เปรียบเทียบช่องว่างระหว่างคน ก็เปิดเผยออกมาแล้ว!”

นักเรียนทุกคนแสดงสีหน้าแตกต่างกัน บางคนแอบปิดปากหัวเราะ ทุกคนรู้ว่าคนที่ถานชิวเซิงเอ่ยถึงคือใคร

แต่สิ่งที่ถานชิวเซิงพูดก็ถูก เมื่อสักครู่จางจื่อเจี้ยนคุยโวโอ้อวดตลอด แล้วยังโจมตีเฉินโม่อีกด้วย

นึกไม่ถึงว่าเฉินโม่จะเก่งขนาดนี้! สิ่งที่น่ายกย่องก็คือ เฉินโม่ไม่ได้ถือสาจางจื่อเจี้ยน บางทีนี่ถึงจะเป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง ไม่เห็นตัวละครเล็ก ๆ อย่างจางจื่อเจี้ยนอยู่ในสายตา และเพิกเฉยโดยตรง

สีหน้าของจางจื่อเจี้ยนแย่มาก เขาไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าเพลย์บอยในตอนนั้น จะเปลี่ยนไปและเก่งขนาดนี้!

เพิ่มพูนเกียรติยศต่าง ๆ แม้แต่อาจารย์ก็ยังถือว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณ

จางจื่อเจี้ยนรู้สึกว่าสถานะนักศึกษาของมหาวิทยาลัยหมากงที่ตนเองภูมิใจมาตลอด กลายเป็นปัญหาที่แก้ไขยากแล้ว

เมื่อผู้ชายที่อยู่ข้างจางจื่อเจี้ยน เห็นจางจื่อเจี้ยนตกอยู่ในสถานการณ์อึดอัด จึงยิ้มทันทีและกล่าวว่า “นึกไม่ถึงว่าเฉินโม่จะเก่งขนาดนี้ ขอโทษด้วยที่เสียมารยาท! แต่วันนี้เป็นงานเลี้ยงอำลาของหูหยางหยู่ ดังนั้นพวกเราอย่าพูดถึงสิ่งที่ไร้ประโยชน์เหล่านั้นอีกเลย เพื่อให้โอกาสหูหยางหยู่ได้พูดมากขึ้น!”