บทที่ 640 ก้าวเข้าสู่สุสานเทพกระบ

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

แน่นอนว่าหลิงตู้ฉิงต้องการเข้าไปในสุสานเทพกระบี่ เพราะเขาต้องการที่จะหาเบาะแสเพิ่มเติมว่าทาสกระบี่ของเขาถูกใครลอบทำร้าย

และอีกอย่างก็คือ ในเมื่อตอนนี้เขาพร้อมแล้วที่จะเปิดเผยตัวตน ดังนั้นมันจึงไม่มีความจำเป็นใด ๆ อีกที่เขาจะปล่อยให้ทาสกระบี่ที่ตายไปแล้วยังคงอยู่ในสภาวะอาฆาตอยู่แบบนี้

มู่หยุนชานเงียบไปสักพัก จากนั้นเขาก็พยักหน้าและพูดว่า “ข้าเกรงว่าหากไม่ใช่ท่านลุงแล้วมันคงไม่มีใครในโลกอีกที่จะสามารถเข้าไปในสุสานได้จนถึงสุดปลายทาง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ขอรบกวนท่านลุงช่วยสืบให้ทีว่าเป็นใครกันแน่ที่ทำร้ายพ่อของข้า”

อันที่จริงมู่หยุนชานเองก็อยากจะเข้าไปด้านในสุสานด้วยตัวเองเช่นกัน แต่เจตจำนงกระบี่ที่พ่อเขาทิ้งไว้ในสุสานนั้นมันไม่แยกแยะเลยว่าใครเป็นมิตรหรือศัตรู ไม่ว่าผู้ใดย่างกรายเข้าไป คนผู้นั้นจะต้องเผชิญกับเจตจำนงของเทพกระบี่ที่มีระดับการบ่มเพาะเท่ากับตัวเอง ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะเข้าไปเพราะถ้าพลาดขึ้นมาชะตากรรมของเขาก็คงจะจบสิ้นเหมือนคนอื่น ๆ ที่เคยเข้าไปแล้วเช่นกัน

ในความคิดของเขา คนที่เหมาะสมที่สุดที่จะเข้าไปในสุสานได้ถึงชั้นในสุดนั้นมีเพียงคนเดียวก็คือ หลิงตู้ฉิง ซึ่งรู้วิชากระบี่ของพ่อเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง

หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “เรื่องนั้นไม่มีปัญหา ว่าแต่เด็กสาวที่ข้าให้ฝึกเพลิงหนานหมิงและไอ้เจ้าเด็กหนุ่มนั่นที่ฝึกกระบี่ด้วยตัวเองไปไหนแล้ว?”

มู่หยุนชานยิ้มและตอบกลับว่า “พวกเขาสบายดีและก้าวหน้าไปได้ไวมากเลยท่านลุง ตอนนี้เด็กสาวคนนั้น มู่เฉียนหยู่ ได้พบกับเส้นทางการบ่มเพาะของนางในอนาคตแล้วส่วน มู่เฉียนซ่ง ไอ้หนูน้อยนั่นก็เข้าใจเต๋ากระบี่มากขึ้นไปอีกระดับ อันที่จริงทั้งหมดนี้ก็ต้องขอบคุณท่านลุงจริง ๆ ที่ชี้แนะพวกเขาเป็นอย่างดีในตอนนั้น ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่มีทางเป็นแบบทุกวันนี้ได้”

“เรียกพวกเขามาหาข้าที ข้ามีบางอย่างจะพูดกับพวกเขา” หลิงตู้ฉิงพูดขี้น

เมื่อได้ยินเช่นนี้ มู่หยุนชานก็สั่งให้คนของเขาไปตามมู่เฉียนซ่งและมู่เฉียนหยู่ มาหาหลิงตู้ฉิงทันที

เมื่อเห็นหลิงตู้ฉิง คู่พี่น้องตระกูลมู่ก็แสดงสีหน้าสงสัย

พวกเขารู้แล้วว่า หลิงตู้ฉิงนั้นมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับตระกูลของพวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่แน่ใจนักว่าหลิงตู้ฉิงมีฐานะอะไร ในตอนนี้เมื่อพวกเขาได้มาเจอหลิงตู้ฉิงอีกครั้งหนึ่ง พวกเขาจึงรู้สึกสงสัยว่าหลิงตู้ฉิงต้องการอะไรจากพวกเขาอีกกันแน่

หลิงตู้ฉิงมองไปที่คู่พี่น้องด้วยสีหน้าพึงพอใจ เขาพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เลว แต่ก็ยังไม่ถึงกับที่ข้าตั้งเป้าเอาไว้ สาวน้อยต่อจากนี้ข้าจะส่งเจ้าไปหาอาจารย์ที่เหมาะสมกับเจ้า ซึ่งเป็นเจ้าของวิชาเพลิงหนานหมิงที่เจ้ากำลังฝึกฝนอยู่ หากเจ้าได้ติดตามเขา อนาคตของเจ้าจะยิ่งสดใสมากกว่าเดิม”

“ท่านลุง ยังมีอาจารย์คนไหนที่ยอดเยี่ยมเหนือกว่าท่านอีกงั้นเหรอ?” มู่หยุนชานหัวเราะ

หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ข้าไม่มีเวลาจะสอนพวกเขาหรอก! ส่วนอาจารย์ของนางที่เจ้าจะต้องส่งนางไปหาก็คือเจ้าของตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนที่อยู่ในอาณาเขตเทียนหยวน ซึ่งเป็นผู้คิดค้นวิชาเพลิงหนานหมิงตัวจริง ดังนั้นการให้นางติดตามเขาจะมีแต่ผลดีต่อนางในอนาคต ส่วนเจ้าหนูนี่ จงส่งเขาให้ไปช่วยงานลูกของข้าที่อาณาเขตนภา!”

“การเป็นผู้ฝึกฝนกระบี่ที่ดีจะต้องหล่อหลอมขึ้นมาจากการต่อสู้เป็นตาย ด้วยสถานการณ์ของอาณาเขตนภาในตอนนี้ มันคงจะอีกไม่นานที่จะเกิดสงครามใหญ่ขึ้น ดังนั้นมันจึงเป็นสถานที่ที่เหมาะมากในการส่งเขาไปฝึกฝน”

มู่หยุนชานรีบพูดขึ้นทันที “ท่านลุงต้องการให้ข้าส่งคนไปช่วยลูกของท่านเพิ่มเติมด้วยไหม?”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “เรื่องนั้นก็แล้วแต่เจ้า”

จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็พูดกับมู่หยุนชานด้วยโทรจิตว่า “ลูกชายของข้านั้นคือผู้ทีมีสายเลือดเป็นผู้นำของเหล่ามวลมนุษย์ หากเจ้าช่วยเขาสร้างอำนาจในตอนนี้ พวกของเจ้าทั้งหมดจะได้รับประโยชน์มากมายในอนาคต แต่ถ้าหากเจ้าจะส่งคนของเจ้าไป จงอย่าส่งไปจนหมด ที่อาณาเขตสุสานกระบี่แห่งนี้ยังต้องการพวกเจ้าช่วยดูแลอยู่เช่นกัน”

“ถ้าเช่นนั้นข้าจะส่งไปแต่บรรดาศิษย์เพื่อให้พวกเขาไปฝึกฝน!” มู่หยุนชานตอบกลับ

อันที่จริงมู่หยุนชานไม่รู้ว่าสายเลือดผู้นำของมวลมนุษย์นั้นสำคัญยังไง แต่เมื่อหลิงตู้ฉิงเอ่ยว่าเขาจะได้ประโยชน์มหาศาล ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะส่งคนของเขาไป

หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “เอาล่ะที่ข้าจะพูดก็มีเพียงเท่านี้ หลังจากนี้เจ้าก็จงจัดการตามที่ข้าบอกด้วยตัวเองไปก็แล้วกัน”

มู่หยุนชานพยักหน้า จากนั้นเขาคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดขึ้นว่า “ท่านลุง ท่านช่วยชี้แนะให้คนของข้าสักกลุ่มหนึ่งได้ไหม?”

ในมุมมองของมู่หยุนชาน หากคนของเขาได้รับการชี้แนะจากหลิงตู้ฉิงสักครั้งมันก็คงจะทำให้เหล่าผู้คนที่เป็นเสาหลักของสำนักเขาแข็งแกร่งขึ้นไปอีกระดับ

“หากจะให้ข้าชี้แนะพวกเจ้าทุกคนข้าคงไม่มีเวลา แต่ข้าสามารถบรรยายเต๋าให้กับคนทั้งสำนักของเจ้าฟังได้” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ “เอาเป็นว่าหลังจากที่ข้าออกมาจากสุสานของพ่อเจ้าเมื่อไหร่ ข้าจะเปิดบรรยายเต๋าในสำนักของเจ้าให้ก็แล้วกัน”

“ขอบคุณมากท่านลุง!” มู่หยุนชานเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจ

การที่หลิงตู้ฉิงจะบรรยายเต๋าให้กับคนทั้งสำนักของเขาได้ฟังนั้นเป็นเรื่องที่เกินความคาดหมายของเขามาก ในตอนแรกเขาแค่หวังว่าจะให้หลิงตู้ฉิงชี้แนะคนของเขาแค่เพียงบางคนเท่านั้น แต่ในตอนนี้มันกลับกลายเป็นว่าคนในสำนักเขาทุกคนจะได้รับประโยชน์กันหมด

ทางด้านของคู่พี่น้องตระกูลมู่นั้นไม่มีโอกาสพูดเลยสักประโยค

เนื่องจากหลิงตู้ฉิงและบรรพบุรุษของพวกเขามีท่าทีสนิทสนมกันขนาดนี้ พวกเขาจะกล้าพูดแทรกอะไรออกไปได้ยังไง?

ตอนนี้พวกเขาทั้งคู่จึงรู้แค่เพียงว่าในอนาคตเส้นทางการบ่มเพาะของพวกเขาจะไม่ได้หยุดอยู่ที่สำนักกระบี่เอกภพแห่งนี้

หลังจากพูดคุยจนเสร็จเรียบร้อย หลิงตู้ฉิงก็พาครอบครัวของเขาตรงไปที่สุสานเทพกระบี่พร้อมกับเหล่าตัวตนระดับสูงของสำนักกระบี่เอกภพ

ด้วยการปรากฏตัวของบรรดาตัวตนระดับสูงของสำนักกระบี่เอกภพที่ด้านหน้าทางเข้าสุสาน บรรดาผู้คนที่อยู่รอบ ๆ จึงให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก

ปัจจุบันนี้คนทั่วไปได้รู้กันจนหมดแล้วว่าบรรดาผู้คนของสำนักกระบี่เอกภพก็คือทายาทของเทพกระบี่ตัวจริง และเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็มีข่าวลือว่าสำนักกระบี่เอกภพได้สังหารอสูรระดับสูงตายไปตนหนึ่งและในวันนี้พวกเขาก็มาที่สุสานอีก

การกระทำเช่นนี้ของสำนักกระบี่เอกภพมันทำให้ผู้คนต่างสงสัยว่าต้องการทำอะไรกันแน่?

หลิงตู้ฉิงพูดกับทุกคนว่า “รอข้าที่ด้านนอกนี้อย่าได้ก้าวตามข้าเข้าไปด้านในเด็ดขาด สภาวะของภายในสุสานตอนนี้มันยังคงเป็นอันตรายต่อทุกคนเป็นอย่างยิ่ง”

“สามี ท่านเองก็ต้องระวังตัวนะ!” จ้าวเหมิงลู่พูดขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล

หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “ไม่ต้องเป็นห่วง อีกเดี๋ยวเดียวข้าก็ออกมาแล้ว”

เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็เดินหายเข้าไปด้านในสุสานทันที

บรรดาผู้คนที่อยู่รอบ ๆ สุสานเทพกระบี่ที่ไม่รู้จักหลิงตู้ฉิง เมื่อเห็นภาพเช่นนี้พวกเขาก็เข้าใจไปว่าหลิงตู้ฉิงเป็นคนของสำนักกระบี่เอกภพ เนื่องจากว่าพวกเขามาด้วยกัน

พวกเขาต่างรู้สึกสงสัยว่าสำนักกระบี่เอกภพต้องการจะทำอะไรถึงได้ส่งคนเข้าไปในเวลานี้ทั้ง ๆ ที่พวกเขาไม่ได้ส่งใครเข้าไปด้านในมานานมาก ๆ แล้ว

หรือว่าในเวลานี้สำนักกระบี่เอกภพจะมีวิธีการบางอย่างที่สามารถผ่านการทดสอบของสุสานเทพกระบี่ได้?

ในเวลาเดียวกับที่ผู้คนอื่น ๆ กำลังสงสัย หลิงตู้ฉิงก็ได้เดินเข้ามาถึงพื้นที่การทดสอบแรกแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าเขาได้เจอกับคู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับเดียวกับเขา ขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 7

หลิงตู้ฉิงไม่ได้สนใจที่ปัดป้องการโจมตีที่ถูกส่งมาหาร่างของเขาด้วยซ้ำ เขาเพียงแค่ใช้เร้นคมกระบี่ตอบโต้ออกไปก็สามารถที่จะจัดการกับด่านแรกได้อย่างง่ายดาย

และด้วยความรวดเร็ว หลิงตู้ฉิงก็ผ่านด่านการทดสอบที่ 2 และ 3 ไปอย่างง่าย ๆ ด้วยการใช้เร้นคมกระบี่เหมือนเดิม

แต่แล้วเมื่อเขามาถึงด่านการทดสอบที่ 4 เขาก็ต้องเปลี่ยนแผนใหม่ เนื่องจากเขารู้ดีว่าเร้นคมกระบี่นั้นไม่สามารถใช้ต่อกรกับด่านที่ 4 แห่งนี้ได้เหมือนด่านอื่น ๆ!