บทที่ 641 การดำรงอยู่ที่แปลกประหลาด

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

แค่เพียงก้าวแรกที่หลิงตู้ฉิงก้าวเข้าสู่พื้นที่ทดสอบด่านที่ 4 หลิงตู้ฉิงก็เผชิญหน้ากับกระบี่ที่ 4 ของวิชาดาราโลหิตประสานกระบี่ กระบี่ทะลวงยมโลกที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำลายวิญญาณทันที

หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ข้าเองก็รู้จักกระบี่ทะลวงยมโลกเช่นกัน แถมข้ายังมีรากฐานขอบเขตที่เหนือกว่าเจ้า!”

เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็ปลดปล่อยกระบี่ทะลวงยมโลกเข้าปะทะ ซึ่งแน่นอนว่ากระบี่ทะลวงยมโลกของร่างเงาเทพกระบี่นั้นแตกสลายไปอย่างง่ายดาย

เนื่องจากหลิงตู้ฉิงเป็นคนแรกตั้งแต่บรรพกาลที่สามารถบ่มเพาะได้จนมีรากฐานขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 15 ดังนั้นหากเป็นการต่อสู้ในระดับการบ่มเพาะเดียวกัน เขาคือผู้ที่ไร้เทียมทานอย่างแท้จริง

ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องง่ายมากที่เขาจะผ่านด่านที่ 4 ไปยังด่านที่ 5

ด่านที่ 5 ที่เขามาถึงก็คือด่านของกระบี่แห่งการทำลายล้าง

และก็เหมือนเดิม หลิงตู้ฉิงใช้ความเข้าใจเต๋ากระบี่และรากฐานขอบเขตการบ่มเพาะที่เหนือกว่าบดขยี้กระบวนท่าที่ร่างเงาของเทพกระบี่ปลดปล่อยออกมาอย่างง่ายดาย

จากนั้นมันก็เป็นเช่นเดิมไปเรื่อย ๆ จนในที่สุด หลิงตู้ฉิงก็บุกไปจนถึงด่านสุดท้ายก็คือด่านที่ 10 ของสุสานแห่งนี้

แค่เพียงก้าวแรกที่หลิงตู้ฉิงได้ก้าวเข้าไปเหยียบในด่านที่ 10 เจตจำนงของกระบี่อาญาสวรรค์ที่ปักอยู่บนพื้นก็ปะทุขึ้นเตรียมพร้อมที่จะโจมตีใครก็ตามที่บังอาจล่วงล้ำเข้ามาถึงด่านที่ 10

“สงบลงเดี๋ยวนี้!” หลิงตู้ฉิงตะโกนขึ้นทันทีพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายของเขาไปหากระบี่อาญาสวรรค์

เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคย กระบี่อาญาสวรรค์ก็สงบลงในทันที จากนั้นวิญญาณศาสตราของมันก็ปรากฏขึ้น

“นายท่าน!” เสียงของจิตสำนึกหนึ่งได้ดังเข้ามาในหัวของหลิงตู้ฉิง

หลิงตู้ฉิงมองไปที่วิญญาณศาตราของกระบี่อาญาสวรรค์ และมองไปที่เล่มกระบี่ด้วยสายตาตกตะลึงและพูดว่า “นี่เจ้ากับกระบี่อาญาสวรรค์รวมกันเป็นหนึ่งเดียวงั้นเหรอ?”

หลิงตู้ฉิงนึกไม่ถึงว่าจิตสำนึกของทาสกระบี่จะรวมเป็นหนึ่งเดียวกับกระบี่อาญาสวรรค์ จนกลายออกมาเป็นอาวุธที่มีความพิเศษไม่เหมือนใคร

เนื่องจากสิ่งที่สถิตอยู่ในกระบี่อาญาสวรรค์นี้คือจิตสำนึกของทาสกระบี่ ซึ่งมีพลังของมหาวิถีเต๋าแห่งความตายอัดแน่นอยู่ ซึ่งอาวุธชิ้นไหนที่มีพลังของมหาวิถีเต๋าเกื้อหนุนอยู่แบบนี้มันจะนับได้ว่าเป็นอาวุธเต๋า แต่ว่ากระบี่อาญาสวรรค์นั้นถูกสร้างมาจากวัสดุที่มีระดับแค่เพียงจักรพรรดิ ดังนั้นมันจึงไม่อาจกลายเป็นอาวุธเต๋าที่สมบูรณ์ได้ จนสุดท้ายแล้วในตอนนี้มันจึงกลายเป็นอาวุธที่แปลกประหลาดไม่เหมือนใคร

มันไม่ใช่ทั้งอาวุธระดับจักรพรรดิ อาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์มันก็ไม่ใช่ ยิ่งอาวุธเต๋ายิ่งไม่ต้องพูดถึง

ส่วนอำนาจของมันนั้นเหนือว่าอาวุธระดับจักรพรรดิ แม้แต่อาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์มันก็แข็งแกร่งกว่าแต่มันกลับไม่อาจใช้พลังแห่งมหาวิถีเต๋าได้อย่างสมบูรณ์เหมือนอาวุธเต๋าปกติ

หรือจะให้มองอีกมุมหนึ่งก็อาจพูดได้ว่า กระบี่อาญาสวรรค์เล่มนี้ก็คือทาสกระบี่

แน่นอนว่ามันเป็นแค่เพียงเศษเสี้ยวของจิตสำนึกที่เหลืออยู่ของทาสกระบี่ ซึ่งทาสกระบี่ตัวจริงแน่นอนว่าได้ตายไปแล้ว หรือถ้าหากจะบอกว่ามันเป็นครึ่งอาวุธครึ่งทาสกระบี่ก็คงไม่ผิด

“นี่มันเป็นหนทางเดียวที่บ่าวจะสามารถดำรงอยู่ได้ชั่วนิรันดร์” วิญญาณศาสตราของกระบี่อาญาสวรรค์พูดขึ้น “และยิ่งไปกว่านั้นหากบ่าวไม่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวเข้ากับกระบี่อาญาสวรรค์ กระบี่อาญาสวรรค์ก็จะเป็นได้แค่อาวุธระดับจักรพรรดิขั้นสูงสุด แต่เมื่อบ่าวหลอมรวมกับมันแล้ว มันจะกลายเป็นอาวุธที่เหนือกว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “อันที่จริงในเมื่อเจ้ารวมตัวกับกระบี่อาญาสวรรค์แบบนี้มันก็มีวิธีที่จะทำให้เจ้ากลายเป็นอาวุธเต๋าเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่เจ้าจะต้องมีผู้สร้างเต๋าที่มีเวลาคอยขัดเกลาเต๋าให้กับเจ้า”

“ที่แท้ข้าก็ยังมีความหวังที่จะกลายเป็นอาวุธเต๋างั้นเหรอ?” วิญญาณศาสตราของกระบี่อาญาสวรรค์พูดขึ้น “แต่ในเมื่อนายท่านกลับมาแล้ว เอาเป็นว่าให้ข้าติดตามนายท่านต่อเหมือนอย่างในอดีตดีไหม?”

หลิงต็ฉิงส่ายหัว “ไม่จำเป็น เจ้าได้ทำมาเพื่อข้ามากพอแล้ว ต่อไปเจ้าควรจะได้ทำเพื่อตัวเองและเหล่าทายาทของเจ้าบ้าง นับจากนี้เจ้าก็จงไปทำหน้าที่ปกป้องเหล่าทายาทของเจ้าเถอะ”

ในตอนนี้หลิงตู้ฉิงทำได้แค่เพียงมองว่าวิญญาณศาสตราของกระบี่อาญาสวรรค์ คือทาสกระบี่ของเขา

ส่วนตงฟางจุนนั้นต่อให้เขาจะเป็นทาสกระบี่กลับชาติมาเกิดใหม่จริง ๆ เขาก็ไม่มีวันจะกลายเป็นทาสกระบี่ของหลิงตู้ฉิงเหมือนเดิมได้ เนื่องจากส่วนหนึ่งของจิตสำนึกทาสกระบี่ได้หายมาอยู่ในกระบี่อาญาสวรรค์แทน มันไม่ได้ตามไปเกิดพร้อมกับตงฟางจุน

ส่วนหน้าที่ของกระบี่อาญาสวรรค์นับจากวันนี้ มันไม่จำเป็นที่จะต้องสู้กับเหล่าศัตรูทั้งหลายอีกต่อไป การดำรงอยู่ของมันนับจากนี้มีเพียงเพื่อปกป้องบรรดาคนตระกูลมู่เท่านั้น

กระบี่อาญาสวรรค์พยักหน้า “อันที่จริงการปกป้องตระกูลมู่ของบ่าว เป็นสิ่งที่บ่าวต้องการอยู่ในใจเช่นกัน”

หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “อืม ข้ารู้อยู่แล้ว!”

“นายท่าน ทำไมบ่าวรู้สึกว่านายท่านค่อนข้างที่จะเปลี่ยนไป?” กระบี่อาญาสวรรค์ถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงง

หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “มันเป็นเพราะว่าข้าในตอนนี้ได้หลุดพ้นจากพันธนาการของชีวิตที่แล้วเรียบร้อย ข้าอยู่ในจุดที่เหนือล้ำกว่าที่เคยเป็นมาก่อนในชีวิตที่แล้ว ดังนั้นข้าจึงไม่ใช่คนเดิมเหมือนอย่างที่เคยเป็น เอาล่ะตอนนี้ในเมื่อข้าได้เจอเจ้าแล้วให้ข้าได้ถามคำถามที่คาใจข้าอยู่สักหน่อย ใครเป็นคนลอบโจมตีเจ้า?”

กระบี่อาญาสวรรค์ส่ายหัว “ข้าทำได้แค่เพียงเดาตัวตนของพวกมันจากเคล็ดวิชาที่พวกมันใช้ในการโจมตีข้าเท่านั้น ข้าไม่รู้เช่นกันว่าแท้จริงแล้วพวกมันเป็นใคร พวกมันมีกันทั้งหมด 5 คน ซึ่งทุกคนล้วนอยู่ในขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดทั้งหมด เท่าที่ข้าสัมผัสได้ในพวกมันบางคนคือเผ่าอสูร เผ่าปีศาจ เผ่ามนุษย์”

“เผ่าอสูร เป็นเผ่าอสรพิษ เผ่าปีศาจ คือเผ่าปีศาจนิทราสังหาร ส่วนมนุษย์ คือองค์กรมือสังหาร ตำหนักดับเซียน ที่ข้ารู้ว่าเป็นพวกตำหนักดับเซียนก็เพราะข้าสามารถสัมผัสได้ว่าในร่างของมันนั้นเต็มไปด้วยเจตจำนงแห่งการสังหารที่บริสุทธิ์เหมือนกับว่าตัวตนของพวกมันเกิดขึ้นมาเพื่อสังหารแค่เพียงอย่างเดียว ซึ่งคล้ายกับของนายท่านในอดีตเป็นอย่างมาก ส่วนคนอื่น ๆ ที่เหลือนั้นข้าไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพวกมันเป็นใครเผ่าอะไร”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ไม่เป็นไร เดี๋ยวที่เหลือข้าจะค่อย ๆ สืบหาเองว่าพวกมันเป็นใคร”

เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็เดินไปที่โครงกระดูกของทาสกระบี่และเริ่มสำรวจหาร่องรอยการถูกโจมตี

หลังจากเวลาผ่านไปสักพัก หลิงตู้ฉิงก็พูดขึ้นว่า “เจ้าเดาถูก เผ่ามนุษย์นั้นเป็นพวกตำหนักดับเซียนจริง ๆ ส่วนที่เหลือข้าสัมผัสได้ถึงพลังของธาตุโลหะอันรุนแรง…ไม่เป็นไรมันมีคนไม่มากนักที่เชี่ยวชาญพลังธาตุโลหะได้ถึงระดับนี้ ข้าคิดว่าข้าคงหาตัวได้ไม่ยาก ไม่มีใครที่ทำร้ายคนของข้าแล้วจะรอดไปได้ง่าย ๆ แน่นอน”

กระบี่อาญาสวรรค์หัวเราะ “ถ้างั้นบ่าวขอฝากนายท่านให้ช่วยแก้แค้นให้บ่าวด้วย!”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “เอาล่ะตอนนี้เจ้าตามข้าออกไปข้างนอกก่อน ไม่เช่นนั้นสุสานแห่งนี้มันจะยังเต็มไปด้วยเจตจำนงแห่งกระบี่ ซึ่งมันจะทำให้ลูกหลานของเจ้าไม่สามารถนำโครงกระดูกของเจ้าออกไปได้”

กระบี่อาญาสวรรค์พยักหน้า “รับทราบนายท่าน!”

เมื่อพูดจบ วิญญาณศาสตราของกระบี่อาญาสวรรค์ก็หายกลับเข้าไปในกระบี่ดังเดิม

ทางด้านหลิงตู้ฉิงก็มองไปที่โครงกระดูกของทาสกระบี่พลางถอนหายใจ จากนั้นเขาดึงกระบี่อาญาสวรรค์ที่ปักติดอยู่กับพื้นมาถือไว้และเดินออกไปด้านนอกทันที