บรรดาผู้คนที่อยู่ด้านนอกสุสานเทพกระบี่ต่างมองไปที่ทางเข้าสุสานด้วยสายตาสนใจ
หลายปีที่ผ่านมามันได้มีผู้คนมากมายเข้าไปด้านในสุสานของเทพกระบี่เช่นกัน แต่มันก็ไม่มีใครประสบความสำเร็จเลยสักคน
แต่ในตอนนี้พวกทายาทของเทพกระบี่กลับมาที่นี่ด้วยตนเอง ดังนั้นพวกเขาจึงสนใจเป็นอย่างมากว่าในรอบนี้มันจะมีอะไรพิเศษเกิดขึ้นหรือไม่
ทางด้านของจ้าวเหมิงลู่และคนอื่น ๆ ในตอนนี้ก็มองไปที่ทางเข้าสุสานอย่างไม่วางตาเช่นกัน แต่พวกเขาไม่ได้มองด้วยสายตาตื่นเต้นอยากรู้อยากเห็นอะไร พวกเขามองด้วยสายตาที่เป็นกังวลในความปลอดภัยของหลิงตู้ฉิง
แต่แล้วในระหว่างที่พวกเขารอไปได้สักพัก จู่ ๆ สุสานเทพกระบี่ก็มีความเคลื่อนไหว ทันใดนั้นก็มีปราณกระบี่อันรุนแรงพวยพุ่งออกมาจนสูงเสียดฟ้า ซึ่งเหตุการณ์นี้มันยิ่งทำให้พวกของจ้าวเหมิงลู่กังวลมากไปกันใหญ่
จากนั้นเมื่อผ่านไปสักพักจนปราณกระบี่ที่พวยพุ่งขึ้นได้จางหายไป แต่หลิงตู้ฉิงกลับยังไม่ออกมา สิ่งนี้มันยิ่งทำให้จ้าวเหมิงลู่และคนอื่น ๆ ยิ่งเป็นกังวลกันมากขึ้นกว่าเดิม
ในเวลาเดียวกันบรรดาผู้คนที่อยู่รอบ ๆ สุสานเทพกระบี่ก็มองมาที่กลุ่มของจ้าวเหมิงลู่พลางส่ายหัวถอนหายใจ และคิดในใจว่าชายหนุ่มที่เข้าไปน่าจะโดนบั่นคอกลายเป็นศพอยู่ในนั้นแล้วล่ะมั้ง?
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังคิดกันไปต่าง ๆ นานา หลิงตู้ฉิงก็ค่อย ๆ เดินออกมาจากสุสานและถือกระบี่อาญาสวรรค์อยู่ในมือ
เมื่อเห็นเช่นนี้ บรรดาผู้คนต่างก็ตกตะลึงทันที ชายผู้นี้สามารถผ่านด่านทดสอบทั้งหมดในสุสานได้งั้นเหรอ?
ไม่ใช่แค่เพียงผ่านด่านทดสอบได้สำเร็จเท่านั้น แต่ชายผู้นี้ยังได้รับกระบี่ของเทพกระบี่มาอีก?
กระบี่นี้มีอำนาจขนาดไหนกัน? แล้วในกระบี่มันมีเต๋ากระบี่ของเทพกระบี่สถิตอยู่ด้วยหรือเปล่า?
แค่พวกเขาคิดแค่นี้ความโลภก็เกาะกินใจพวกเขาทันที
ถึงแม้ว่าในตอนนี้จะมีเหล่าตัวตนระดับสูงของสำนักกระบี่เอกภพขวางหน้าอยู่ แต่พวกเขาก็ตกลงใจพร้อมยอมเสี่ยงตายเพื่อโอกาสที่อยู่ตรงหน้า!
ในตอนนี้บรรดาผู้คนสติหลุดกันไปเรียบร้อย พวกเขาไม่คำนึงถึงเรื่องอื่นใดอีกต่อไปแล้ว ในหัวของพวกเขาตอนนี้มีเพียงแค่ภาพของกระบี่อาญาสวรรค์ที่อยู่ในมือของหลิงตู้ฉิงเพียงเท่านั้น
ในชั่วพริบตา ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันผู้หนึ่งก็พุ่งตัวไปหาหลิงตู้ฉิง ซึ่งการกระทำนี้มันกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความโกลาหลทันที เพราะบรรดาผู้คนอื่น ๆ ที่เห็นเช่นนี้ต่างก็พุ่งไปหาหลิงตู้ฉิงเหมือนกันทั้งหมด!
“บังอาจ!” มุ่หยุนชานตะโกนขึ้นด้วยความเดือดดาล
กระบี่นั่นมันคือกระบี่อาญาสวรรค์ของพ่อเขา แต่คนเหล่านี้กลับบังอาจที่จะพยายามขโมยมันไปต่อหน้าต่อตาเขาเนี่ยนะ!?
เมื่อเห็นเช่นนี้บรรดาผู้คนของสำนักกระบี่เอกภพคนอื่น ๆ ก็พยายามที่จะหยุดยั้งคลื่นมนุษย์ที่ถาโถมไปหาหลิงตู้ฉิงเช่นกัน
แต่น่าเสียดายที่กว่าพวกเขาจะทันลงมือทุกอย่างมันก็สายไปแล้ว
ที่มันสายเกินไปก็เพราะบรรดาผู้คนของสำนักกระบี่เอกภพเองก็อยู่ในอาการตกตะลึงเช่นกันที่เมื่อครู่พวกเขาเห็นว่า หลิงตู้ฉิงออกมาจากสุสานพร้อมกับกระบี่อาญาสวรรค์ในมือ ดังนั้นกว่าที่พวกเขาจะได้สติ บรรดาผู้คนอื่น ๆ ที่อยู่รอบสุสานก็ลงมือพุ่งไปหาหลิงตู้ฉิงกันก่อนแล้ว
ในบรรดาผู้คนที่พุ่งตัวเข้าไปหาหลิงตู้ฉิง มันมีแม้กระทั่งบางคนที่เป็นผู้เชี่ยวขอบเขตจักรพรรดิรวมอยู่ด้วย
ทางด้านของหลิงตู้ฉิงที่เพิ่งเดินออกมาจากสุสานยังไม่ถึงสิบก้าว เขาก็เห็นว่ามีผู้คนนับพันพุ่งมาหาเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโลภ
หลิงตู้ฉิงหัวเราะชอบใจเบา ๆ จากนั้นเขาโยนกระบี่อาญาสวรรค์ออกไปด้านหน้า ซึ่งภาพที่เห็นถัดมาก็คือร่างของผู้คนนับพันที่พุ่งเข้ามาใกล้หลิงตู้ฉิงในระยะ 100 เมตรต่างแข็งค้างและร่วงหล่นลงไปบนพื้นในสภาพไร้วิญญาณ
หลิงตู้ฉิงไม่จำเป็นต้องใช้พลังของตัวเองเลยแม้แต่น้อยในการสังหารคนเหล่านี้ อันที่จริงแค่เพียงพลังของกระบี่อาญาสวรรค์มันก็มากเกินพอที่จะสังหารคนทั้งหมดในอาณาเขตสุสานด้วยซ้ำ
ตอนนี้กระบี่อาญาสวรรค์นั้นเทียบได้กับอาวุธเต๋าที่ไม่สมบูรณ์ พลังอำนาจของมันในตอนนี้นั้นอยู่เหนือกว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิซะอีก
ส่วนเมื่อครู่สาเหตุการตายของเหล่าผู้คนนั้นก็คือกระบี่อาญาสวรรค์นั้นได้ปลดปล่อย กระบี่ที่ 4 ของวิชาดาราโลหิตประสานกระบี่ กระบี่ทะลวงยมโลก ทำลายวิญญาณเหล่าผู้คนที่ต้องการจะพุ่งเข้ามาหาหลิงตู้ฉิง จนวิญญาณของพวกเขาทั้งหมดทุกคนถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี
ทางด้านของผู้คนสำนักกระบี่เอกภพเมื่อได้เห็นภาพเช่นนี้ พวกเขาก็หยุดลงและตกอยู่ในอาการตกตะลึง
จากรูปการณ์แล้วพวกเขาคิดว่า หลิงตู้ฉิงคงไม่จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจากพวกเขาแล้วจริงไหม?
หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นกับมู่หยุนชาน “หยุนชาน ตอนนี้เจ้าจงพาคนของเจ้าไปนำโครงกระดูกของพ่อเจ้าออกมาก่อนเถอะ ส่วนเรื่องอื่น ๆ เดี๋ยวเราไว้ค่อยคุยกันทีหลัง”
“คะ ครับท่านลุง!” มู่หยุนชานที่อยู่ในอาการตกตะลึงก็รีบขานรับทันทีเมื่อได้ยินคำสั่ง
จากนั้นเขาก็หันกลับไปสั่งคนของเขา “ทุกคนตามข้าไปเอาโครงกระดูกพ่อของข้าออกมา!”
บรรดาผู้คนของสำนักกระบี่เอกภพได้สติทันทีเมื่อได้ยินคำสั่ง พวกเขาก็รีบตามมู่หยุนชานเข้าไปด้านในสุสานเพื่อนำกระดูกบรรพบุรุษที่พวกเขาเคารพออกมาทันที
การนำโครงกระดูกออกมานั้นใช้เวลาเพียงครู่เดียวเท่านั้น มู่หยุนชานเป็นผู้อุ้มโครงกระดูกของเทพกระบี่ออกมาด้วยตนเอง จากนั้นเขาก็บินกลับไปที่สำนักกระบี่เอกภพเพื่อทำการจัดพิธีฝังร่างพ่อของเขาให้สมเกียรติต่อไป
ส่วนทางด้านของหลิงตู้ฉิง เมื่อเขาเห็นว่าธุระของที่นี่เสร็จแล้วเขาก็พาคนของเขากลับไปที่สำนักกระบี่เอกภพเช่นกัน
หลังจากที่หลิงตู้ฉิงและคนของสำนักกระบี่เอกภพจากไป บรรดาผู้คนอื่น ๆ ที่เหลือรอดเพราะอยู่นอกระยะการสังหารของกระบี่อาญาสวรรค์ก็เริ่มบ้าคลั่งกันอีกรอบ
พวกเขาต่างพากันกระโดดเข้าไปหากองศพนับพันที่นอนกองกันอยู่บนพื้นเพื่อหวังปล้นสมบัติที่อยู่บนร่างของศพ
จากนั้นไม่นานพื้นที่รอบบริเวณสุสานเทพกระบี่ก็เกิดการต่อสู้นองเลือดกันขนานใหญ่
หลิงตู้ฉิงจากไปโดยไม่สนใจความวุ่นวายที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย
หลังจากนั้นหลายวันผ่านไป มู่หยุนชานก็ได้เข้ามาหาหลิงตู้ฉิง
“ท่านลุง ท่านพ่อของข้านั้นได้หายไปตลอดกาลแล้วจริง ๆ” มู่หยุนชานพูดขึ้นด้วยสีหน้าเศร้า
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “ข้าเกรงว่ามันคงจะยากที่พ่อของเจ้าจะได้กลับมาเกิดใหม่อีกรอบอย่างสมบูรณ์ แต่ว่าเจ้าก็ไม่ต้องเสียใจไปส่วนหนึ่งของจิตสำนึกของเขายังคงอยู่ในกระบี่อาญาสวรรค์ ซึ่งเจ้าสามารถมองว่ากระบี่อาญาสวรรค์เป็นพ่อของเจ้าก็ได้”
“กระบี่อาญาสวรรค์ในตอนนี้ถูกเกื้อหนุนด้วยมหาวิถีแห่งความตายและเศษเสี้ยวจิตสำนึกพ่อของเจ้า แต่มหาวิถีแห่งความตายที่เกื้อหนุนกระบี่อยู่นั้นมันไม่สมบูรณ์ เนื่องจากตัวกระบี่อาญาสวรรค์นั้นไม่มีคุณสมบัติพอที่จะค้ำจุนมันได้ทั้งหมด แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้มันก็ยังมีอำนาจพอที่จะปกป้องพวกเจ้า ต่อให้พวกเจ้าเผชิญกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิ พวกเจ้าก็จะไม่มีปัญหาอะไร”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็ยื่นกระบี่อาญาสวรรค์ให้กับมู่หยุนชาน